Share

บทที่ 165

Author: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าไปบอกเขาว่าช่วงนี้ท่านพ่ออารมณ์ไม่ดี ข้ายังไม่กล้าไปคุยให้ รอให้ท่านพ่ออารมณ์เย็นลงแล้วข้าค่อยลองดูอีกครั้ง!”

ตอนที่ท่านพ่อรับปากว่าจะช่วยแก้แค้น เขาบอกนางว่าสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้

ที่หรงจือจือไม่กลับไปขอความช่วยเหลือจากมหาราชครูหรงทันทีไม่ใช่เพราะกลัวท่านพ่อไม่พอใจแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะอยากให้ฉีจื่อเสียนอยู่ว่างสักสองสามวัน ตงหลิงจะได้ทำประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น

ชุนเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปแล้ว หากฮูหยินซื่อจื่อไม่ยอมตอบตกลง บ่าวกลับไปแล้วคงถูกคุณชายสี่ตำหนิว่าไร้ความสามารถและทุบตี!”

หรงจือจือมองเขาปราดหนึ่ง “ตั้งแต่ที่ตงหลิงกลับมา ชีวิตเจ้าไม่ได้ดีขึ้นหรือ?”

ชุนเซิงมีสีหน้าเศร้ารันทด “เพิ่งกลับมาแค่สองวัน เขาก็ใช้ความสามารถในการประจบสอพลอมาทำให้คุณชายสี่ไม่สบอารมณ์ต่อบ่าว บ่าวถูกตบหน้าไปสองครั้งแล้ว ศีรษะมีรอยนูนปูดที่ถูกคุณชายสี่ทุบตี”

ตอนนี้เขารู้สึกโชคดี โชคดีที่เจ้านายในใจเขาคือฮูหยินซื่อจื่อที่คอยช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด ไม่ใช่คุณชายสี่

มิเช่นนั้นตอนนี้จะขมขื่นเพียงใดก็ไม่รู้

หลังจากบ่นจบ ชุนเซิงก็พูดต่อ “ยังมีอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 166

    ครานี้ไม่ต้องให้หรงจือจือพูด อวี้หมัวมัวพูดขึ้นว่า “นี่เจ้าเลอะเลือนหรืออย่างไร คุณชายสี่ได้ลิ้มรสความหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่นพนัน เช่นนี้วันหน้าจึงจะอยากไปอีก”“หากพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก วันหน้ายังจะอยากเล่นพนันอีกหรือ? มีแต่จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีโชคและไม่ไปบ่อนอีก”เจาซีเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ “ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง!”หากเป็นเมื่อก่อน ชุนเซิงฟังเรื่องพวกนี้แล้วและรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะเดินทางผิด ไม่แน่ว่าภายในใจจะรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย คุณชายสี่ให้เขาปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย ส่วนพวกตัวเองสองคนกลับไปเที่ยวเล่นหากฮูหยินทราบเข้า เขาคงไม่รอดชีวิต อีกฝ่ายไม่เคยคิดถึงความเป็นความตายของเขาด้วยซ้ำอย่าว่าแต่ช่วงสองวันนี้เลย คุณชายสี่มักจะดุด่าทุบตีเขาเป็นประจำ นี่ทำให้ชุนเซิงรู้สึกว่าคุณชายสี่เจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!ชุนเซิงพูดว่า “เช่นนั้นบ่าวขอตัวกลับไปรายงานก่อน หากมีข้อมูลอะไรอีกจะมารายงานให้ท่านทราบ”หรงจือจือพยักหน้า บอกให้เจาซีไปหยิบโอสถรักษาบาดแผลมามอบให้ชุนเซิง “โอสถนี้จะช่วยบรรเทาบาดแผลที่ศีรษะของเจ้า บนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 167

    อวี้ม่านหวาเบิกตาโพลง นางเข้าใจแล้ว “ตัวท่านเองสู้ข้าไม่ได้ ก็เลยหาคนมาสู้กับข้าแทนใช่หรือไม่?”“ตัวท่านไม่อาจคว้าหัวใจซื่อจื่อมาครองก็เลยอิจฉาข้า หวังให้ข้าอยู่โดดเดี่ยวเหมือนตัวท่านเองใช่หรือไม่? ข้าเข้าใจแล้ว ท่านคงรู้สึกเหงาในยามราตรี ก็เลยอิจฉาที่ข้ามีท่านพี่ฟู่อยู่เคียงข้างสินะ!”หรงจือจือตบหน้าอวี้ม่านหวาดัง “เพี้ยะ” ทำให้เสียงของอวี้ม่านหวาเงียบลง พูดด้วยสีหน้าเย็นยะเยียบว่า “สู้เจ้าไม่ได้งั้นรึ? ข้าตบเจ้า เจ้าไม่เพียงโต้ตอบคืนไม่ได้ แต่ยังขัดขืนไม่ได้ด้วย ตัวเจ้าเป็นเพียงอนุ มีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับข้าที่เป็นนายหญิงใหญ่? สงสัยจะเลอะเลือนสินะ!”“ท่านพี่ฟู่ของเจ้าไม่มาอยู่กับข้า ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ เจ้าเก็บเขาไว้ข้างกายทุกคืนได้เลย อย่ามาทำให้ข้าสะอิดสะเอียน!”“นอกจากนี้ หากเจ้ายังพูดถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ ข้าได้ยินหนึ่งรอบก็จะตบเจ้าหนึ่งรอบ!”อวี้ม่านหวากุมหน้าตัวเอง “ผู้ใดจะไปเชื่อที่ท่านพูดกัน? ท่านกำลังหึงหวงชัดๆ!”หรงจือจือปรายตามองไปที่ท้องของนางปราดหนึ่ง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ เจ้าควรดีใจที่ตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ ข้าจะไม่ลงมือต่อเด็ก นี่เป็นยันต์คุ้มชีวิตของเจ้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 168

    แต่ในจังหวะนี้เอง อวี้ม่านหวากลับร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้น “ท่านพี่ฟู่ ข้าไม่ไหวแล้ว ท้องของข้า…”ฉีจื่อฟู่หันกลับไปอุ้มอวี้ม่านหวาเขามองหรงจือจือปราดหนึ่งและพูดว่า “จือจือ ข้าจะไปตามหมอให้ม่านหวาก่อน เสร็จแล้วจะกลับมาดูเจ้า”ข้างกายจือจือมีบริวารที่ให้ความเป็นห่วงอยู่มากมาย แต่ม่านหวามีเพียงแค่เขาฉีจื่อฟู่พูดจบก็จากไปอย่างเร่งรีบเจาซีรีบประคองหรงจือจือให้ลุกขึ้น นางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ อดด่าไม่ได้ว่า “คุณหนู ซื่อจื่อช่างสารเลวยิ่งนัก!”คุณหนูของนางถูกซื่อจื่อผลักแท้ๆ ทว่าเขากลับหันไปเป็นห่วงนังแพศยานั่นอวี้หมัวมัวปวดใจมากเช่นกันเมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตัวเองบอกให้คุณหนูมีทายาทสายตรงให้กับซื่อจื่อและเป็นฮูหยินโหว นางก็อยากจะตบหน้าตัวเองสำหรับคนแบบซื่อจื่อแล้ว เขาสมควรขาดลูกสิ้นหลานหลังจากกลับเข้าเรือนไปตรวจสอบก็พบว่าหรงจือจือไม่ได้มีบาดแผลร้ายแรงนัก มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าผากและมีเลือดออก เพียงแค่ใช้โอสถรักษาก็พอแล้ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแต่อย่างใดเจาซีน้ำตาไหลไม่หยุด ประหนึ่งว่านางเป็นคนที่ล้มกระแทกเองอย่างไรอย่างนั้นหรงจือจือมีอาการสงบมาก “การล้มของข้าไม่สูญ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 1  

    เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 2  

    ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร? ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ” “เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!” นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 3  

    ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!” หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!” สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!” พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้! ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 4  

    หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…” เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ” เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!” หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…” ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!” หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 5  

    หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่ ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ? ช่างหน้าด้านเสียจริง! นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ” แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!” “หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามี

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 168

    แต่ในจังหวะนี้เอง อวี้ม่านหวากลับร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้น “ท่านพี่ฟู่ ข้าไม่ไหวแล้ว ท้องของข้า…”ฉีจื่อฟู่หันกลับไปอุ้มอวี้ม่านหวาเขามองหรงจือจือปราดหนึ่งและพูดว่า “จือจือ ข้าจะไปตามหมอให้ม่านหวาก่อน เสร็จแล้วจะกลับมาดูเจ้า”ข้างกายจือจือมีบริวารที่ให้ความเป็นห่วงอยู่มากมาย แต่ม่านหวามีเพียงแค่เขาฉีจื่อฟู่พูดจบก็จากไปอย่างเร่งรีบเจาซีรีบประคองหรงจือจือให้ลุกขึ้น นางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ อดด่าไม่ได้ว่า “คุณหนู ซื่อจื่อช่างสารเลวยิ่งนัก!”คุณหนูของนางถูกซื่อจื่อผลักแท้ๆ ทว่าเขากลับหันไปเป็นห่วงนังแพศยานั่นอวี้หมัวมัวปวดใจมากเช่นกันเมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตัวเองบอกให้คุณหนูมีทายาทสายตรงให้กับซื่อจื่อและเป็นฮูหยินโหว นางก็อยากจะตบหน้าตัวเองสำหรับคนแบบซื่อจื่อแล้ว เขาสมควรขาดลูกสิ้นหลานหลังจากกลับเข้าเรือนไปตรวจสอบก็พบว่าหรงจือจือไม่ได้มีบาดแผลร้ายแรงนัก มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าผากและมีเลือดออก เพียงแค่ใช้โอสถรักษาก็พอแล้ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแต่อย่างใดเจาซีน้ำตาไหลไม่หยุด ประหนึ่งว่านางเป็นคนที่ล้มกระแทกเองอย่างไรอย่างนั้นหรงจือจือมีอาการสงบมาก “การล้มของข้าไม่สูญ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 167

    อวี้ม่านหวาเบิกตาโพลง นางเข้าใจแล้ว “ตัวท่านเองสู้ข้าไม่ได้ ก็เลยหาคนมาสู้กับข้าแทนใช่หรือไม่?”“ตัวท่านไม่อาจคว้าหัวใจซื่อจื่อมาครองก็เลยอิจฉาข้า หวังให้ข้าอยู่โดดเดี่ยวเหมือนตัวท่านเองใช่หรือไม่? ข้าเข้าใจแล้ว ท่านคงรู้สึกเหงาในยามราตรี ก็เลยอิจฉาที่ข้ามีท่านพี่ฟู่อยู่เคียงข้างสินะ!”หรงจือจือตบหน้าอวี้ม่านหวาดัง “เพี้ยะ” ทำให้เสียงของอวี้ม่านหวาเงียบลง พูดด้วยสีหน้าเย็นยะเยียบว่า “สู้เจ้าไม่ได้งั้นรึ? ข้าตบเจ้า เจ้าไม่เพียงโต้ตอบคืนไม่ได้ แต่ยังขัดขืนไม่ได้ด้วย ตัวเจ้าเป็นเพียงอนุ มีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับข้าที่เป็นนายหญิงใหญ่? สงสัยจะเลอะเลือนสินะ!”“ท่านพี่ฟู่ของเจ้าไม่มาอยู่กับข้า ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ เจ้าเก็บเขาไว้ข้างกายทุกคืนได้เลย อย่ามาทำให้ข้าสะอิดสะเอียน!”“นอกจากนี้ หากเจ้ายังพูดถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ ข้าได้ยินหนึ่งรอบก็จะตบเจ้าหนึ่งรอบ!”อวี้ม่านหวากุมหน้าตัวเอง “ผู้ใดจะไปเชื่อที่ท่านพูดกัน? ท่านกำลังหึงหวงชัดๆ!”หรงจือจือปรายตามองไปที่ท้องของนางปราดหนึ่ง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ เจ้าควรดีใจที่ตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ ข้าจะไม่ลงมือต่อเด็ก นี่เป็นยันต์คุ้มชีวิตของเจ้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 166

    ครานี้ไม่ต้องให้หรงจือจือพูด อวี้หมัวมัวพูดขึ้นว่า “นี่เจ้าเลอะเลือนหรืออย่างไร คุณชายสี่ได้ลิ้มรสความหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่นพนัน เช่นนี้วันหน้าจึงจะอยากไปอีก”“หากพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก วันหน้ายังจะอยากเล่นพนันอีกหรือ? มีแต่จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีโชคและไม่ไปบ่อนอีก”เจาซีเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ “ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง!”หากเป็นเมื่อก่อน ชุนเซิงฟังเรื่องพวกนี้แล้วและรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะเดินทางผิด ไม่แน่ว่าภายในใจจะรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย คุณชายสี่ให้เขาปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย ส่วนพวกตัวเองสองคนกลับไปเที่ยวเล่นหากฮูหยินทราบเข้า เขาคงไม่รอดชีวิต อีกฝ่ายไม่เคยคิดถึงความเป็นความตายของเขาด้วยซ้ำอย่าว่าแต่ช่วงสองวันนี้เลย คุณชายสี่มักจะดุด่าทุบตีเขาเป็นประจำ นี่ทำให้ชุนเซิงรู้สึกว่าคุณชายสี่เจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!ชุนเซิงพูดว่า “เช่นนั้นบ่าวขอตัวกลับไปรายงานก่อน หากมีข้อมูลอะไรอีกจะมารายงานให้ท่านทราบ”หรงจือจือพยักหน้า บอกให้เจาซีไปหยิบโอสถรักษาบาดแผลมามอบให้ชุนเซิง “โอสถนี้จะช่วยบรรเทาบาดแผลที่ศีรษะของเจ้า บนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 165

    หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “เจ้าไปบอกเขาว่าช่วงนี้ท่านพ่ออารมณ์ไม่ดี ข้ายังไม่กล้าไปคุยให้ รอให้ท่านพ่ออารมณ์เย็นลงแล้วข้าค่อยลองดูอีกครั้ง!”ตอนที่ท่านพ่อรับปากว่าจะช่วยแก้แค้น เขาบอกนางว่าสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้ที่หรงจือจือไม่กลับไปขอความช่วยเหลือจากมหาราชครูหรงทันทีไม่ใช่เพราะกลัวท่านพ่อไม่พอใจแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะอยากให้ฉีจื่อเสียนอยู่ว่างสักสองสามวัน ตงหลิงจะได้ทำประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น ชุนเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปแล้ว หากฮูหยินซื่อจื่อไม่ยอมตอบตกลง บ่าวกลับไปแล้วคงถูกคุณชายสี่ตำหนิว่าไร้ความสามารถและทุบตี!”หรงจือจือมองเขาปราดหนึ่ง “ตั้งแต่ที่ตงหลิงกลับมา ชีวิตเจ้าไม่ได้ดีขึ้นหรือ?”ชุนเซิงมีสีหน้าเศร้ารันทด “เพิ่งกลับมาแค่สองวัน เขาก็ใช้ความสามารถในการประจบสอพลอมาทำให้คุณชายสี่ไม่สบอารมณ์ต่อบ่าว บ่าวถูกตบหน้าไปสองครั้งแล้ว ศีรษะมีรอยนูนปูดที่ถูกคุณชายสี่ทุบตี”ตอนนี้เขารู้สึกโชคดี โชคดีที่เจ้านายในใจเขาคือฮูหยินซื่อจื่อที่คอยช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด ไม่ใช่คุณชายสี่มิเช่นนั้นตอนนี้จะขมขื่นเพียงใดก็ไม่รู้ หลังจากบ่นจบ ชุนเซิงก็พูดต่อ “ยังมีอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 164

    หรงจือจือกล่าวอย่างราบเรียบ “ที่ข้าอยากทำไม่ได้มีแค่นี้ แต่ต้องดูก่อนว่าเจ้าอันธพาลนี่มีความสามารถเพียงใด”ในจดหมายที่เซิ่งเฟิงส่งถึงนางระบุไว้ว่า อันธพาลซึ่งมีนามว่าซือถือกุ้ยที่นางหลิวพอจะมีความสามารถอยู่ ความจริงแล้วนางหลิวไม่ใช่สตรีชนชั้นสูงคนแรกที่ถูกเขาหลอกเอาเงินไปจนหมด สองปีมานี้เขาหลอกบรรดาฮูหยินแม่ม่ายกับฮูหยินที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับสามีมาไม่รู้ตั้งเท่าไรหลังจากที่หลอกเอาเงินจนหมดก็จะหาข้ออ้างมาทะเลาะและเลิกรากันเพื่อไปหาเหยื่อคนถัดไป ทุกคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขา บัดนี้ล้วนแต่สิ้นเนื้อประดาตัว หลังจากที่บรรดาฮูหยินถูกหลอก พวกนางไม่กล้าเปิดเผยเรื่องดังกล่าวเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ หลังจากที่เขาหลอกเงินและไปหาเหยื่อคนถัดไป เขาจะย้อนกลับไปหลอกบรรดาฮูหยินพวกนั้นด้วยว่า ตัวเองถูกบังคับให้ทำเช่นนี้และทำไปเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น กับสตรีคนอื่นแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย มอบความรู้สึกที่แท้จริงให้แค่พวกนาง ไม่เคยลืมไปจากใจหลอกให้บรรดาฮูหยินยกโทษให้ตน จะได้ไม่เกลียดที่เขาใจร้าย ให้พวกนางโทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่มีเงินน้อยแทน แต่ละคนจะได้คิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 163

    นางหลิว “ไม่ได้ ต้องให้เดี๋ยวนี้!”ทั้งสองคนทำท่าจะโต้เถียงกันอีกครั้งหรงจือจือเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ปัดโธ่ วันนี้น้องสามีต้องไปเข้าพบท่านสวี คิดว่าน่าจะใกล้กลับมาแล้ว ประเดี๋ยวคงมาพบข้าที่เรือนหลัน ท่านแม่กับท่านป้าคุยกันไปนะเจ้าคะ ข้าขอตัวก่อน!”นางถานโกรธจนหน้าเขียวคล้ำนังแพศยานี่สร้างปัญหาไว้ยกใหญ่ หลังจากหาเรื่องให้นางแล้วก็จะหนีไป ทิ้งให้นางถูกนางหลิวกลั่นแกล้ง!นางหลิวรู้สึกเสียดายที่หาผลประโยชน์จากหรงจือจือไม่สำเร็จ แต่นางก็รู้ดีว่าในฐานะที่นางหรงเป็นแม่ศรีเรือนอันดับหนึ่งแห่งเหมือนหลวง การจะเล่นงานอีกฝ่ายย่อมไม่ง่ายนักทำได้เพียงพูดว่า “วันนี้ลำบากหลานสะใภ้แล้ว หากเจ้ามีธุระก็ไปเถิด! ที่เหลือข้าจะหารือกับแม่สามีของเจ้าเอง”หรงจือจือยิ้ม นางลุกขึ้นย่อตัวคำนับแล้วถอยออกไปแม้จะเดินห่างออกมาไกลแต่ก็ยังได้ยินเสียงโต้เถียงลอยมาจากเรือนฉางโซ่ว “พวกข้าจะเอากำไลเดี๋ยวนี้!”“ไม่ได้ ต้องแต่งงานเข้ามาก่อนค่อยว่าก่อน!”“ผู้ใดจะรู้กันว่าแต่งงานเข้ามาแล้วเจ้าจะกลับคำหรือไม่?”“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแต่งงานนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ บุตรสาวเจ้ายังไม่แต่งเข้ามาเลย?”…

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 162

    ก่อนหน้านี้อวี่เยียนต้องการปะการัง ไข่มุกเรืองแสง กว้านผมทองหลากสี แต่หรงจือจือก็ไม่ตอบตกลง!นางหลิวสองแม่ลูกหันมามองหรงจือจือด้วยสายตาเสมือนดูดเลือดหรงจือจือคิดไว้อยู่แล้วว่านางถานจะมาไม้นี้ นางยิ้มและกว่าวว่า “ท่านแม่ ข้าพอจะมีสมบัติอยู่ก็จริง แต่ต้องเก็บไว้ให้พวกลูกๆ”“ท่านก็รู้ว่าอวี้อี๋เหนียงกำลังตั้งครรภ์ รอให้เด็กคลอดออกมาแล้ว ข้าซึ่งเป็นแม่จะไม่มอบอะไรให้ลูกคนแรกของซื่อจื่อเลยก็คงจะไม่ใช่”“นอกจากนี้ เมื่อน้องถิงแต่งงานเข้ามาแล้ว หากวันหน้าเพิ่มทายาทให้กับซื่อจื่อ ข้าก็ต้องมอบของขวัญให้มิใช่หรือ?”“น้องถิงดูแล้วเป็นคนมีวาสนา คิดว่าวันหน้าคงไม่ได้มีลูกแค่คนเดียว สุดท้ายสมบัติพวกนั้นก็เป็นของลูกๆ น้องถิงอยู่แล้วมิใช่หรือ น้องถิงว่าใช่หรือไม่?”ถ้อยคำของหรงจือจือทำให้ถานผิงถิงหน้าแดงถานผิงถิงอยากแต่งงานกับฉีจื่อฟู่มาโดยตลอด มองว่าฉีจื่อฟู่หน้าตาโดดเด่น ทั้งยังมีศักดิ์เป็นซื่อจื่อของจวนโหว แม้ว่าบัดนี้จะเป็นได้เพียงอนุแต่ก็ถือว่าได้เติมเต็มความปรารถนาของตัวเองยามที่ถูกทำลายรูปโฉม นางก็คิดว่าชีวิตตัวเองจบสิ้นแล้ว การได้มีทางออกเช่นนี้ก็ถือว่าน่าพึงพอใจมากคำบรรยายถึงภาพฉ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 161

    “ท่านแม่ ท่านอย่าได้พูดถ้อยคำเหมือนอย่างวันนี้อีกเลย มิเช่นนั้นท่านจะดูเป็นคนขี้ระแวงและใจคอคับแคบเกินไป อย่างไรก็เป็นหลานสาวจากฝั่งมารดาของท่านนะเจ้าคะ ขนาดท่านก็ยังไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ?”สีหน้าของนางถานสลับไปมาระหว่างสีเขียวกับสีขาว แม้จะอยู่ในยามหลับฝัน นางก็ไม่มีวันคาดคิดว่าจะมีวันที่หรงจือจือขุดบัญชีเก่ามาชำระกับนาง ความจำของนังแพศยานี่จะดีเกินไปแล้วนางถานสงสัยด้วยซ้ำว่า หรงจือจืออาจจะถึงขั้นจำได้ว่าผู้ใดเคยรังแกตัวเองเมื่อครั้งสามขวบ!นางมองหรงจือจือด้วยความเกรี้ยวกราด “หุบปาก! เจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ! เรื่องวันนี้มีต้นเหตุมาจากเจ้าทั้งหมด หากไม่เจ้าเพราะเจ้ามาเสนอความคิดโง่ๆ ข้ามีหรือจะทะเลาะเบาะแว้งจากคนบ้านแม่แบบนี้?”หรงจือจือ “พูดอันใดของท่านแม่กันเจ้าคะ ไม่ว่าครอบครัวใดๆ ก็เห็นว่าความคิดของข้าดีทั้งนั้น”“มีผู้ใดไม่เห็นแก่ครอบครัวฝ่ายมารดาของตนด้วยหรือ? มีเพียงท่านนั่นแหละที่แค่ได้ยินว่าจะเอาสินเดิมก็โมโหทันที”“ช่างเถอะๆ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงแต่สงสารน้องถิงที่ต้องเจอปัญหาใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่ยังสาวก็เท่านั้น เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 160

    ทว่านางถานเห็นด้วยเสียที่ไหน? แม้ในสายตาของนางถานเงินในคลังจวนโหว ก็เป็นเงินของนางเช่นกัน แต่อย่างไรเงินสินเดิมก็ไม่เหมือนกันเดิมทีเงินสินเดิมทั้งหมดเป็นของตน ขณะนางคิดทุกบัญชี ก็ไม่เคยคิดจะนำออกมาตอนแรกที่จวนตกที่นั่งลำบากที่สุด ตอนร้านรวงไม่มีกำไร นางก็ใช้ให้คนเบื้องล่างไปบอกให้หรงจือจือชักตั๋วเงินจากสินเดิมที่สกุลหรงให้ไปโปะที่ร้าน นางตัดใจแตะต้องสินเดิมของตัวเองไม่ได้ซิ่นหยางโหวไม่จัดการเรื่องในจวน และไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นอันที่จริงจนถึงตอนนี้สินเดิมของนางยังไม่ได้ถูกแตะเลยแม้แต่อีแปะเดียว เงินที่ใช้ในวันปกติ สินสอดที่เตรียมให้ฉีจื่อฟู่ ล้วนใช้ของจวนโหวทั้งสิ้นตอนนี้ครั้นเอ่ยปากขึ้นมาก็จะให้นางชักออกมากึ่งหนึ่ง ให้ตายนางก็ไม่ยอมอยู่แล้วนางรีบสวนกลับ “ไม่ได้! ไม่ได้เป็นอันขาด!”หรงจือจือมองนางคล้ายกับอยู่เหนือความคาดหมายทีหนึ่ง “ฮะ? แต่ว่าตอนแรกสินเดิมของท่านแม่ ท่านพ่อของน้องผิงก็เป็นคนเตรียมให้ท่านมิใช่หรือ?”“ตอนนี้ท่านลุงไม่อยู่แล้ว ท่านชักออกมาเป็นสินสอดทองหมั้นให้น้องถิงกึ่งหนึ่งก็ไม่เต็มใจหรือ? น้องถิงเข้ามาเป็นอนุชั้นสูงเชียวนะเจ้าคะ อนุชั้นสูงในราชวงศ์เรา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status