“ฉันไม่ใช่เด็กนะคะ”
“งั้นทำแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกันเอาไหม”
“คุณ!” ฉันเอ็ดเขาเบาๆก่อนจะถูกเขากดหัวให้แนบกับหน้าอก
“ผมแค่หยอกคุณเฉยๆหรอกน่าพักผ่อนได้แล้ว”
ริวอิจิคงจะเหนื่อยจริงๆฉันนอนอยู่อย่างนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ทอดยาวของคนตรงหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วฉันเองก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันเมื่อก่อนที่ฉันนอนไม่หลับได้แต่ข่มตานอนไม่ก็นับแกะอีกอย่างการอยู่คนเดียวมาหลายปีทำให้ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉันต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนแต่ว่าบางทีการมีใครสักคนอยู่ข้างๆในวันที่ท้อแท้หรือไม่เป็นดั่งหวังหรือไม่ในบางคืนที่นอนไม่หลับขอแค่มีใครสักคนนอนอยู่ข้างๆมันดีกว่าการนอนคนเดียวจริงๆอย่างน้อยก็ไม่ต้องพะวงเรื่องความปลอดภัยไม่รู้เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ชีวิตที่มีริวอิจิเข้ามาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดอย่างน้อยคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ฉันนอนหลับฝันดีแถมยังหลับสนิทจนถึงเช้าอีกด้วย
ฉันตื่นขึ้นมาก็เจอคุณพ่อที่กำลังอุ้มเจ้าตัวน้อยพาดบ่าเดินวนไปมาก่อนจะวางลงที่เก้าอี้โยกอัตโนมัติที่วางไว้ในห้องนั่งเล่น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ริวอิจิทักทายกลับก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวจัดแจงวางแพนเค้กลงในจานพร้อมกับผลไม้หลายอย่างและนมถั่วเหลืองอีกหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณนะคะคุณเหนื่อยแย่เลยตั้งแต่อากิระคลอดคุณก็แทบไม่ได้พักเลย”
“ไม่เลยคุณต่างหากที่เหนื่อยมากกว่าผม” เขาเท้าแขนลงกับโต๊ะตรงข้ามฉันก่อนจะโน้มตัวมาจุ๊บที่กระหม่อมของฉันหนึ่งทีจากนั้นก็ผละไปที่ห้องนอน
“ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเดี๋ยวต้องเตรียมตัวไปรับคุณแม่ที่สนามบิน”
“คุณจะขับรถไปเองหรือคะ”
“เปล่าหรอกเดี๋ยวคุณชินจะมารับอาหารกลางวันผมเตรียมให้แล้วคุณทานเลยไม่ต้องรอผม”
“เอ่อ…แล้วเรื่องที่พักของคุณแม่คุณ”
“ต้องถามท่านอีกที”
“ค่ะ” ฉันขานรับก่อนจะพยักหน้าก้มหน้าทานอาหารเช้าตรงหน้าต่อตั้งแต่ฉันมีลูกรู้สึกว่าการใช้ชีวิตจะสบายกว่าตอนอยู่คนเดียวเสียอีกริวอิจิปรับแต่งห้องของฉันให้ดูมีชีวิตชีวาแถมยังติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเครื่องล้างจานเครื่องอบขวดนมของใช้นั่นนี่แยกของเด็กกับผู้ใหญ่อย่างชัดเจนดูท่าอากิระจะเป็นที่รักของพ่อเขามากจริงๆและฉันก็หวังว่าอากิระจะเป็นที่รักของคุณย่าด้วยเช่นกัน
และแล้วเวลาที่ว่าก็มาถึงคุณนายเคอินั่งจิบชาอยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าเรียบเฉยตอนนี้เป็นเวลานอนของอากิระพอดีเด็กอ้วนนอนหลับปุ๋ยน้ำลายย้อยอยู่ในเปลโยกพร้อมเสียงเปียโนโมสาร์ทกิริยามารยาทของคุณนายเคอิทำฉันต้องเกร็งตามไปด้วยฉันนั่งหลังตรงก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองที่ชื้นไปด้วยเหงื่อก่อนจะกอบกุมเข้าหากันบีบเพื่อให้กำลังใจตัวเอง
ก่อนหน้านั้นพวกเราต่างก็แนะนำชื่อกันไปแล้วแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อแม้แต่ริวอิจิเองก็นั่งเงียบเช่นกัน
เสียงก้นแก้วกระทบจานรองก่อนคุณนายเคอิจะปรายตามองมาที่ฉัน
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้หนูเจ…” เพราะว่าชื่อจริงภาษาไทยฉันออกเสียงยากเลยบอกให้แม่สามีเรียกชื่อเล่นเอาง่ายกว่าฉันเงยหน้าก่อนจะเอ่ย
“ค่ะ”
“เฮ้อ! ถ้าฉันไม่มาจะได้เห็นหน้าหลานมั้ย…ริวอิจิทำไมทำอะไรไม่บอกแม่สักคำเรื่องใหญ่ขนาดนี้”
“อ่า…”
ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมโค้งตัวเส้นผมแทบจะติดพื้น
“ขอโทษด้วยค่ะขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะคะ” ฉันค้อมตัวอยู่อย่างนั้นก่อนจะรู้สึกถึงฝ่ามือที่จับที่ต้นแขนก่อนจะเงยหน้ามามองคุณเคอิอีกครั้ง
“คนที่ผิดคือริวอิจิต่างหากหนูเจไม่ผิดเลย”
“ริวอิจิ!”
“ครับ…เรื่องนี้จัดการไปถึงไหนแล้ว”
“ผมจดทะเบียนสมรสกับเขาแล้วครับ”
“ยังดี…”
พอได้ยินแม่สามีแย้งฉันกับริวอิจิมองหน้ากันอัตโนมัติ
“ผู้หญิงเราเรื่องการแต่งงานจดทะเบียนสมรสไม่ใช่เรื่องเล็กๆหนูเจจ๊ะเรื่องมาถึงขั้นนี้หนูจะว่ายังไงถ้าแม่จะให้หนูจัดงานแต่งงานกับริวอิจิที่ญี่ปุ่น”
“คะ” ฉันทำหน้าตกใจ
คุณนายเคอิจับมือฉันพลางตบหลังมืออยู่อย่างนั้น
“แต่ว่าอากิระยังเด็กเกรงว่าจะไม่สะดวกเวลาเดินทางนานๆ” ฉันตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ก็จริง” คุณเคอิพยักหน้าเห็นด้วย
“ไหนๆเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ต้องทำให้ถูกต้องถึงขั้นมีลูกมีเต้ากันขนาดนี้แม่เองก็คงตัดสินใจหรือตำหนิเราทั้งคู่คงไม่ได้แต่ว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเรื่องใหญ่เห็นว่าตอนนี้หนูลาคลอด”
“ค่ะ”
“แม่อยากให้อากิระย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่เล็กๆจะได้ชินอีกอย่างเขาเป็นทายาทรุ่นต่อไปของเคอิกรุป” ฉันหันไปมองเจ้าเด็กอ้วนที่นอนหลับปุ๋ยในเปลโยกเกิดมาไม่กี่เดือนก็ต้องแบกรับภาระบริษัทล่ะซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความต้องการของอากิระหรือเปล่า
จริงอยู่ที่เขาเกิดมาเป็นทายาทรุ่นที่สามของเคอิกรุปแต่ใช่ว่าเขาอยากจะรับภาระหน้าที่นั้นฉันอยากจะให้โอกาสลูกได้ตัดสินใจและได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากจะเป็นไม่ใช่ต้องแบกภาระทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ตั้งแต่ลืมตามาดูโลก
“คุณแม่คะ…ดิฉันยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับริวอิจิเลยค่ะอีกอย่างอากิระเพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนดิฉันยังไม่ได้คิดจะย้ายไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ” ฉันพูดตามตรงคุณนายเคอิพยักหน้า “แล้วเราล่ะริวอิจิวางแผนยังไง”“เรื่องงานไม่มีปัญหาครับผมวางแพลนเอาไว้หมดแล้วแต่เรื่องย้ายประเทศต้องให้เจเขาตัดสินใจเองอีกอย่างการย้ายประเทศการปรับตัวไม่ง่ายคุณแม่ก็รู้” คุณนายเคอิถอนหายใจก่อนจะมองไปยังหลานชายคนแรกด้วยสายตาเอ็นดู“เหมือนริวอิจิตอนเด็กไม่มีผิด…หากโทชิยังอยู่” โทชิที่ว่าก็คงจะเป็นพ่อของริวอิจิสองแม่ลูกเดินเคียงข้างกันไปดูอากิระที่หลับปุ๋ย “ดูสิจมูกได้พ่อมาเชียวแต่เรื่องหัวรั้นอย่าได้เหมือนพ่อเชียว”“โธ่คุณแม่ครับ”“ฉันรู้ว่าแกจะพูดอะไรช่างเถอะ! ชีวิตที่เหลือก็จัดการเองละกันคนแก่อย่างฉันก็รอเลี้ยงหลานนี่แหละไม่เหลือแรงไปสู้รบตบมือกับแกแล้ว”“คุณแม่ยังสาวยังสวยอยู่เลยครับเลี้ยงหลานอีกสองสามคนยังไหว” สองแม่ลูกพูดคุยหยอกเย้ากันอย่างออกรสฉันเองที่นั่งจมกับความคิดของตัวเองอยู่ที่โซฟา ย้ายประเทศงั้นเหรอ…มันอาจจะดีกับอากิระก็จริงแต่ฉันไม่อยากเป็นแม่บ้านและอยู่ภายใต้กรอบและกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้เอื้อเฟื้อให้ผู้หญิ
อย่างที่ริวอิจิเคยพูดไว้นั่นแหละว่าแม่เขาชอบเมืองไทยถือโอกาสมาพักผ่อนและเลี้ยงหลานไปด้วยตอนนี้เรานั่งรถพากันออกมาทานมื้อเที่ยงที่ห้างใกล้บ้านมีพี่ไผ่ติดตามมาด้วยโชคดีที่อากิระไม่ใช่เด็กงอแงและโคลิกกินอิ่มก็นอนหลับแต่อ้วนจนอุ้มนานๆไม่ไหวปวดแขนน้ำหนักก็ขึ้นเร็วเพราะริวอิจิและแม่ของเขาต่างสรรหานั่นนี่มาบำรุงน้ำนมไม่ใช่อากิระที่น้ำหนักขึ้นพรวดพราดฉันเองหลังจากคลอดน้ำหนักก็ไม่ได้ลงมากเท่าไหร่เหมือนกัน อีกทั้งวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้แวะไปดูบ้านใหม่ที่กำลังจะย้ายไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคุณนายเคอิชมใหญ่ว่าเลือกทำเลที่ตั้งได้ดีอีกทั้งยังกว้างขวางราคาเมื่อเทียบกับโตเกียวแล้วต่างกันลิบลับ“เรื่องที่คุณแม่อยากให้อากิระไปอยู่ที่โน่นดิฉันอยากให้อากิระอยู่ที่นี่สักพักให้เขาได้เติบโตในประเทศแม่พูดอ่านเขียนได้สักหน่อยยังดีก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่น”“ตามใจละกันแต่ว่าต้องพามาหาแม่ที่ญี่ปุ่นบ่อยๆนะ” “ได้ค่ะ” ฉันหาโอกาสคุยในตอนกำลังเดินชมบ้านใหม่เพราะจะได้ชี้แจงให้เห็นว่าการเลือกซื้อบ้านที่นี่ก็คือการลงหลักปักฐานอย่างหนึ่งอีกทั้งฉันอยากให้อากิระได้มีโอกาสเลือกใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองหากเขาตัดสินใจที
“คุณขำอะไร”“ขะขอโทษด้วย” ขอโทษแต่ไม่หยุดขำเนี่ยนะ! ฉันกอดอก“คุณจะขำอีกนานไหม” เขาปาดน้ำตาตรงหางตาทิ้งป้อยๆ “คุณดูละครหลังข่าวพวกนั้นมากเกินไปแล้วผมก็คนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้วิเศษวิโสอะไรไม่ได้ต้องการหาภรรยาเพื่อมาสร้างบารมีให้เคอิกรุปแต่ผมหาคู่ชีวิตที่มาเติมเต็มกันและกันมากกว่าต่อให้ไม่มีผมบริษัทก็ยังไปต่อได้แต่ถ้าผมไม่มีคุณ…” ไม่พูดเปล่าแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ผมอยู่ไม่ได้” “กะล่อนนัก” สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำเอาฉันหน้าร้อนเห่ออีตาบ้านี่ขยันหยอดทุกที่ทุกเวลาที่มีโอกาสจริงๆเลยเชียวหัวใจดวงน้อยๆของฉันจะทนไหวได้ยังไงฉันปั้นหน้านิ่งกลบเกลื่อน “แล้วเรื่องย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นละคะ”“กว่าอากิระจะเข้าโรงเรียนยังมีเวลาให้คิดอีกเยอะอีกอย่างงานของคุณก็ทำออนไลน์ได้นี่” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย“คุณก็ทำงานของคุณไปผมก็ทำของผมตอนเย็นและเสาร์อาทิตย์เป็นเวลาของเรา…ตกลงไหม” เขาเชยคางฉันขึ้นมาพร้อมกับพูดติดตลก“มีแต่คนอยากจะเป็นเจ้าสาวของผมแต่คุณกลับตรงข้าม” ฉันจับข้อมือนั้นแน่นก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเจ็บแสบ“พวกนั้นตาบอดน่ะสิอย่างคุณมีดีอะไรกัน” “นั่นสิถ้าไม่ดีจริงคุณจะป่องครั้งเดียวเหรอ” ฉันตาโตกับคำตอบหน้
แน่ะไม่ห้ามแถมยังท้าทายกันอย่างซึ่งๆหน้าฉันรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าครอบครองหัวบากนั้นอย่างไม่รังเกียจผงกหัวรับส่งกับฝ่ามือน้อยๆของตัวเองที่ชักรูดมันเป็นไปตามสเตปโดยไม่ต้องร่ำเรียนจากที่ไหนฉันผงกหัวรูดรั้งหยอกเย้ากับหัวบากเหมือนกำลังเป่าขลุ่ยทั้งๆที่มันควรจะเรียกว่ากระบองยักษ์มากกว่า ฉันอมจนปวดกรามแก้มตอบหมดแต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะถึงฝั่งฝันเลยแม้แต่น้อยแถมยังอมยิ้มน้อยใหญ่มองมาที่ฉันอีกต่างหากฉันเริ่มงอแงเพราะปวดกรามก่อนจะคายแล้วรูดรั้งด้วยสองมือพูดด้วยเสียงกระเง้ากระงอด“ฉันปวดกรามจะตายอยู่แล้ว” “หึหึคุณไม่รู้เหรอว่าสามีคุณ…อึดแค่ไหน” ฉันถลึงตามองเขาอย่างขุ่นเคืองแล้วคุณไม่บอกตั้งแต่แรกมือที่กำลังเร่งจังหวะถูกมือใหญ่กอบกุมเขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะสอนฉัน“ไม่ใช่แบบนั้นต้องแบบนี้” จังหวะแปรเปลี่ยนไปมีจังหวะจะโคนมากขึ้นไม่ใช่รูดรั้งแบบเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่ริมฝีปากเราประกบเข้าหากันอีกครั้งจุมพิตแผ่วเบาแรกเริ่มกลายเป็นกวาดต้อนทลายทุกอย่างรวมไปถึงฝ่ามือของเขาที่กอบกุมมือฉันไว้นั้น…“อือ” ฉันได้ยินเสียงครางเครือที่ข้างหูก่อนเขาจะผลักฉันลงกับเตียงกว้างอีกครั้งพร้อมกับพาดขาสองข้างไว้ที่บ
“เอาบัญชีธนาคารของคุณมา” ฉันทำหน้างงเมื่อริวอิจิเอ่ยถามเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ที่เวลาลาคลอดของฉันจะหมดลงอีกอย่างภายในบริษัทเองก็รับเอาข้อระเบียบต่างๆจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาพอสมควรในเรื่องสวัสดิการรวมไปถึงการลาคลอดที่อาจพิจารณาลาได้ถึงหนึ่งปีโดยได้รับเงินเดือน 70% ของฐานเงินเดือนเดิม “มีอะไรหรือคะ” “ช่วงก่อนวุ่นๆเลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท” เขามีสีหน้าลำบากใจพร้อมกับเกาหางคิ้วแก้เก้อหัวคิ้วฉันขมวดเป็นปมดูท่าเขาคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรแน่ๆ “เรื่องอะไรคะ” “คือ…” เขาเม้มปากก่อนจะถอนหายใจ “เงินเดือนของคุณ….” ฉันพยักหน้าเป็นเชิงว่าฟังอยู่“คืองี้…ที่ญี่ปุ่นเวลาแต่งงานส่วนใหญ่เงินภายในบ้านก็จะให้แม่บ้านเป็นคนจัดการรวมไปถึงเงินเดือนของสามี” “แล้วคุณคิดว่ายังไงคะ” “ผมยังไงก็ได้” เขาตอบสบายๆแต่สำหรับฉัน…“ฉันไม่ใช่แม่บ้านอยู่บ้านอย่างเดียวนี่คะเอาแบบนี้ไหมคะฉันเองก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นบางอย่างก็ไม่ต้องยึดธรรมเนียมมากไปเราเดินกันคนละครึ่งทางดีไหม” เขาพยักหน้า“แล้วคุณเต็มใจที่จะให้ฉันจัดการหลังบ้านให้หรือเปล่าอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าคุณมีภาระที่จะต้องจ่ายอะไรบ้างเรื่องเงินละเอียดอ่อนยิ่งก้อนใหญ่อย่
“เหนื่อยไหมคะ” ฉันยืนต้อนรับสามีกลับบ้านด้วยใบหน้าแต้มยิ้มแต่อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ครับ” เสื้อสูทที่ถอดพาดแขนเอาไว้ฉันก็เดินไปรับมาไว้ในมือพร้อมกับกระเป๋าถือของเขาจัดแจงแขวนสูทไว้กับไม้แขวนแต่เขากลับจ้องมองการกระทำของฉันด้วยความเคลือบแคลงใจ“อะไรคะ”“มีอะไรหรือเปล่าครับ” “ต้องมีด้วยหรือคะถึงจะทำได้” ริวอิจิโคลงศีรษะเจ้าหล่อนจะมาไม้ไหนกันอีกเนี่ยวันนี้ดูใจดีกับเขาเป็นพิเศษแบบใส่ไข่…“ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวกันค่ะ” “ครับ” แต่ว่าพอล้างมือเสร็จเขาก็ตรงดิ่งไปยังเปลโยกเด็กอัตโนมัติที่เจ้าก้อนกำลังดูดจุกหลอกพร้อมกับไขว่คว้าของเล่นที่ห้อยกลางอากาศอย่างสนุกสนานเสียงเปียโนโมสาร์ทเปิดคลอเบาๆ ริวอิจิอุ้มเจ้าก้อนขึ้นมาฟัดพุงกะทิอย่างมันเขี้ยวเด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ“บูบู” เสียงเป่าปากเล่นน้ำลายของเจ้าก้อนดังมาไม่ขาดสายตอนนี้อากิระเองพัฒนาการดีสมวัยส่งเสียงอ้อแอ้ทั้งวันแถมยังชอบเล่นน้ำลายแก้มนิ่มเปรอะเปื้อนตลอดทั้งวัน“อากิระคุงอากิระคุงของปะป๊า” สองพ่อลูกพูดคุยหลอกล้อกันอยู่นานจนฉันส่งเสียงเอ่ยเตือน “ทานข้าวก่อนค่ะซุปจะเย็นหมดแล้ว” เขาหันมาพยักหน้าก่อนจะวางเจ้าก้อนไว้ในเปลโ
ไปหาหมอครั้งล่าสุดเรื่องฉีดวัคซีนเจ้าก้อนก็อดที่จะถามเรื่องกิจกรรมเข้าจังหวะไม่ได้ริวอิจิถามแอบถามอย่างละเอียดจากหมอร่างกายของเธอตอนนี้พร้อมแล้วกับการตอบรับรักจากเขา“อื้อ” ลิ้นร้อนนั้นเหมือนจะฆ่าฉันให้ตายทั้งเป็นให้ตายสิ! ฉันเห็นเพียงกลุ่มเส้นผมดกดำที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงหว่างขา“ระริวอิจิ” สองขาที่พยายามหนีบเข้าหากันเมื่อเจอความเสียวเล่นงานร่างกายเกร็งแอ่นแผ่นหลังแทบไม่ติดเตียงฉันพยายามผลักหัวเอาออกอย่างสุดกำลังแต่ไม่เป็นผลแถมริมฝีปากนั้นยังจูบย้ำๆลิ้นร้อนก็ขยี้ติ่งเนื้อน้อยนั้นอย่างมันเขี้ยว“อ๊า” ร่างกายบิดเร้าเกร็งกระตุกเมื่อไปถึงฝั่งฝันน้ำหวานทะลักทลายออกมาเหมือนเขื่อนแตกได้ยินเสียงเขาสูดซดเสียงดังอย่างตะกละตะกลาม“พะพอแล้ว” อีกอย่างฉันก็ไม่มั่นใจในเรื่องของน้ำคาวปลาไหนจะเรื่องกลิ่นแต่เหมือนว่าเขากำลังตอกย้ำว่าน้ำหวานจากโพรงถ้ำนี้หวานล้ำละมุนลิ้นเพียงใดใบหน้าเขาไม่เงยขึ้นมาเลยด้วยซ้ำความเสียวเฆี่ยนตีไปทั่วร่างกายอีกระลอกจนต้องถดตัวถอยหนีสองขมับชื้นไปด้วยเหงื่อเส้นผมเกาะติดกับร่างกายที่เริ่มเหนียวเหนอะหนะขนาดไม่ได้สอดใส่ฉันยังแทบจะมอดไหม้หลอมละลายไปกับเตียงกว้างไม่ได้ หากสอดใส่
เพราะคัดเต้าตีห้าครึ่งเลยตื่นมาปั๊มนมพร้อมกับไปดูเจ้าตัวเล็กเสียหน่อยหยิบซองน้ำนมที่แช่แข็งออกมาไว้ข้างนอกอุณหภูมิห้องอากิระเริ่มกินนอนเป็นเวลาแล้วหลังจากกลับเข้ามาในห้องฉันก็ต้องตกใจเมื่อแผ่นหลังถูกกกกอดเอาไว้“อุ๊ย” ฉันสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเพราะไม่ได้เปิดไฟอาศัยสายตาที่ปรับสภาพกับความมืดตรงหน้าหมายจะค่อยๆย่องไปนอนบนเตียงกลัวว่าจะทำคุณเขาตื่นแต่ไหงกลายเป็นคุณเขามาดักรอเสียเองเล่าแถมยังเล่นอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้อีก “ริวอิจิ” “อรุณสวัสดิ์ครับ” แน่ะ…น้ำเสียงแหบๆที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัวแต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือถามกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรแต่ภายในใจร้อนรุ่มดั่งไฟเผาแถมมือไม้ของเขานั้น…“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าละคะ” “เพราะผมนอนไม่หลับ” “เพราะฉันหรือเปล่าคะ” ฉันหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเขาหมายจะขอโทษขอโพยที่ทำให้คุณเขานอนไม่หลับแต่เขากลับดันฉันจนร่างกายเซกระทบกับประตู“ใช่…เพราะคุณ” ไม่พูดเปล่ายังจูบที่ริมฝีปากช้าๆแผ่วเบา “ทำเอาผมนอนไม่หลับทั้งคืน” สองตาเบิกกว้างเมื่อเขาปิดปากฉันด้วยริมฝีปากเขาริมฝีปากอ้าเผยอให้เขาเข้ามาสำรวจกวาดต้อนทุกสิ่งทุกอย่างตามอำเภอใจเราจูบกันอยู่อย่า
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก