“ค่า/ครับ” ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานตรงหน้าให้เสร็จแม้จะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ทางด้านหลังของใครบางคนก็ตามแต่ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจเพราะยังไงก็ต้องมีคนอดใจไม่ไหวเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อนแน่ๆส่วนฉันนั้นก็จะตอบคำถามในขอบเขตที่ตอบได้และไม่รู้สึกลำบากใจ
และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อพักเที่ยงฉันก็บิดขี้เกียจก่อนจะเก็บของทำท่าจะลุกขึ้นแต่เหมือนว่าภพจะตั้งท่ารออยู่แล้ว
“เจ”
“หือ”
“ไปทานข้าวด้วยกันไหม”
“อ้อ…ได้สิ”
“ภพอยากกินอะไรเจอะไรก็ได้” ฉันถามอย่างเป็นกันเองแม้ว่าก่อนหน้าพวกเราจะไม่เคยไปทานข้าวด้วยกันสักครั้งก็ตาม
“แล้วแต่เจแล้วกัน”
ฉันเลยเลือกร้านอาหารตามสั่งที่คนไม่พลุกพล่านแถมยังคิวไม่เยอะเพราะแถวนี้เป็นย่านออฟฟิศบางบริษัทก็กำหนดให้พักเที่ยงตอนสิบเอ็ดโมงหรือบ่ายโมงเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความแออัดและจำนวนร้านอาหารไม่ได้มากพอที่จะรองรับพนักงานหลายร้อยชีวิตที่นี่
เขียนเมนูที่อยากทานก่อนเอ่ยถามคนตรงข้าม
“ภพจะเอาอะไร”
“เอาเหมือนเจนั่นแหละง่ายดีเร็วด้วย” ฉันพยักหน้าก่อนจะส่งชื่อเมนูให้พนักงานเสิร์ฟก่อนจะก้มหน้าดื่มน้ำเปล่าตรงหน้าฉันสูดหายใจก่อนจะเอ่ย
“ภพมีอะไรอยากจะถามเจหรือเปล่าถามได้ไม่ต้องเกรงใจ” ภพเองมีสีหน้าตกใจแต่ก็พยักหน้าเขาคงไม่คิดว่าฉันจะเปิดทางให้เขาได้ถามอีกอย่างฉันไม่ชอบให้เรื่องมันคาค้างใจเราต่างก็ทำงานด้วยกันเมื่อเห็นสีหน้าของเขาฉันก็รู้ทันทีว่าเขาคงตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าฉันท้อง
“เจแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่” บรรยากาศระหว่างสองเราต่างก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งคู่ฉันยิ้มก่อนจะตอบ
“เจยังไม่ได้แต่งงาน”
“…”
“เอาเป็นว่าตอนนี้เจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว” ฉันตอบเพื่อชิงปิดคำถามปลายเปิดเราต่างสบตากันก่อนจะยิ้มให้กันแล้วก้มหน้ากินอาหารเที่ยงตรงหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉันท้องฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อยได้แต่ตะโกนก้องอยู่ในใจแต่ตอนนี้ฉันต้องรีบยัดอาหารจานโปรดลงท้องอย่างรวดเร็วเพื่อทำเวลาก่อนจะเตรียมไปต้อนรับนายญี่ปุ่นที่ว่า
ระหว่างทางภพก็ไม่พูดอะไรอีกระหว่างที่รอลิฟต์เขาก็หันมามองฉันก่อนจะเอ่ย
“ถ้าเจมีปัญหาอะไรก็บอกภพได้นะคือ…”
“ขอบคุณ…” ฉันเว้นจังหวะเขาคงกลัวว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างฉันจะลำบากที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวสินะ
“ขอบใจมากนะภพจะได้กลายเป็นคุณอาแล้ว” ฉันแซวเขากลับ
“แล้วรู้เพศหรือยัง”
“รู้แล้วล่ะ…ลูกชายแต่ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อเลยแม่ชื่อปภาดาแล้วลูกชื่ออะไรดีภพช่วยคิดหน่อยสิ”
ดูเหมือนระหว่างเราจะมีบรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้นฉันสังเกตว่าตั้งแต่ภพกลับมาจากญี่ปุ่นดูสุขุมแล้วก็ไม่มีท่าทีขี้เล่นเหมือนเมื่อก่อนดูเหมือนว่าระยะเวลาสามเดือนที่โน่นคงจะเข้มงวดน่าดูโชคดีที่ฉันไม่ได้ไปไม่งั้นคงประสาทกินแน่ๆ
“ภพตั้งชื่อไม่เก่งหรอกแล้วพี่สจีพี่นุ้ยล่ะ”
“สองคนนั้นก็หาไว้ให้คร่าวๆสองสามชื่อแล้วล่ะตื่นเต้นกันใหญ่” ก่อนเราทั้งสองจะหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อนึกถึงพี่สจีพี่นุ้ยที่เล่นใหญ่ต่างก็ถกเถียงเรื่องชื่อเจ้าตัวน้อยจนฉันเผลอลูบหน้าท้องตัวเองไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าเจ้ากำลังดิ้น
“กี่เดือนแล้ว”
“ย่างแปดแล้วล่ะ”
“อืม” ภพมองหน้าท้องที่โป่งนูนของฉันก่อนจะเบนสายตาไปที่อื่นแล้วไม่พูดอะไรอีกเราทั้งสองเดินเคียงกันเข้าไปในลิฟต์โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจดจ้องอยู่ทางด้านหลังอย่างไม่วางตา
ริวอิจิจ้องมองแผ่นหลังบางนั้นอย่างไม่วางตาพร้อมกับบัตรนักศึกษาที่เขากำลังถืออยู่ในมือ อีกทั้งยังมีรูปถ่ายติดไว้อีกด้วย ไม่ถึงหนึ่งปีไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวในรูปกับตัวจริงจะแตกต่างกันถึงเพียงนี้ ในรูปก็ถือว่าดูดี แต่ทว่าตัวจริงเพียงแค่ด้านข้างก็จัดได้ว่าสวย เขาไม่ทันได้สังเกตอย่างอื่นเพราะสาวเจ้าสะพายกระเป๋าผ้าไว้ด้านข้างพอดี แต่ที่ริวอิจิยังติดใจไม่หายตรงชายหนุ่มข้างกาย ไม่รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ใดกันอยู่แน่ อีกอย่างถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้คาสโนว่าแต่เขาก็เลือกกินเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วอย่างแน่นอนเขาละสายตาที่มองตามอีกฝ่ายจนหายลับไปกับมุมตึกก็กลับมามองบัตรในมืออีกครั้งก่อนจะเสียบไว้ในกระเป๋าหน้าอกของตัวเองพี่นุ้ยย้ำนักย้ำหนาว่าต้องตรงต่อเวลาเพราะท่านประธานเป็นคนตรงต่อเวลาฮัลโหล! นี่มันเลยเวลามาเกือบสิบนาทีอยู่แล้วอีกอย่างฉันต้องทำหน้าที่ล่ามด้วยเพราะระหว่างที่ฉันลาคลอดจะมีน้องฝึกงานเข้ามาทำหน้าที่แทนตรงนี้พอดีซึ่งจะมาในวันจันทร์หน้าอีกสามวันนับตั้งแต่วันนี้ฉันจะต้องทำหน้าที่ล่ามพ่วงด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งแม้ว่าภพและเอแคร์พอจะพูดญี่ปุ่นได้บ้างก็ตามเซ็งชะมัดฉันก้มม
อะไรวะ! ไปกินรังแตนที่ไหนมา ก่นด่าในใจยังไม่จบประโยคก็เห็นคุณเลขาเดินออกไปเสียแล้ว เหลือเพียงฉันกับท่านประธานที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองเอาว่ะเป็นไงเป็นกันฉันเงยหน้าพร้อมกับส่งยิ้มการเมืองไปให้พร้อมกับเอ่ยแนะนำตัว “สวัสดีค่ะดิฉันปภาดาเป็นเจ้าหน้าที่แผนก System engineer และจะมาทำหน้าที่ล่ามในช่วงเวลาสามวันนี้ค่ะ”“สามวัน?” ฉันเริ่มใจชื้นเมื่อเห็นว่าอิตาประธานขี้เก๊กตอบสนองสักทีแต่สายตาที่มองมายังท้องของฉันก่อนจะทำท่ากอดอกนั้นหมายความว่ายังไงหรือว่าไม่อยากจ่ายเงินเดือนเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ช่วงลาคลอดป้ายบนโต๊ะที่เลี่ยมทองด้วยภาษาอังกฤษนั้นTAKEI RYUIJIฉันมองป้ายชื่อนั้นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเอ่ยตอบตามความจริงด้วยภาษาญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ“วันจันทร์หน้าจะมีล่ามคนใหม่มาทำหน้าที่แทนดิฉันค่ะ”“เพราะอะไร”“วันจันทร์ฉันลาหยุดไปหาหมอค่ะ”“คุณ…ท้อง?”“คะ” ฉันไม่แน่ใจกับคำถามของท่านประธานมากนักเลยเผลอโพล่งออกไป“ผมถามว่าคุณท้องเหรอครับ”“อ่า…ใช่ค่ะ” พอฉันตอบว่าใช่คล้ายกับเห็นว่าสีหน้าท่านประธานยิ่งย่ำแย่มีทั้งความโกรธปนตกใจก่อนจะแสร้งตีหน้าขรึมทำเหมือนไม่ได้แสดงมีหน้าเมื่อครู่ออกมาถ้าฉั
“ถ้าไม่มีอะไรดิฉันขอตัว” ฉันพูดพร้อมกับโค้งให้เขาสี่สิบห้าองศาเท่าที่สภาพร่างกายจะอำนวยเพราะติดพุงอะนะอย่างน้อยฉันก็โล่งใจที่ตามหาพ่อเด็กเจอสองเท้าที่กำลังจะหันหลังเดินเป็นอันสะดุดเมื่อได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา“งั้นก็จดทะเบียนสมรสกัน”“หา?” ฉันหน้าเหวอแถมยังอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกนี่เขากำลังจะเล่นเกมพ่อแม่ลูกกันหรือยังไง“งั้นก็จดทะเบียนสมรสกับฉัน”“คุณบ้าหรือเปล่าจดทะเบียนสมรสนะไม่ได้เล่นขายของ”“ฉันไม่ได้บ้า” พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขาฉันยกมือขึ้นกอดท้องตัวเองคล้ายกับแม่นกที่กางปีกปกป้องลูกนกด้วยสัญชาตญาณ“คุณเป็นถึงประธานบริษัทคุณมีเงินคุณจะมาติดใจอะไรกับเด็กคนนี้ถ้าคุณกลัวเรื่องสมบัติคุณร่างสัญญามาเลยก็ได้ฉันสัญญาว่าเด็กคนนี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเคอิกรุปเป็นอันขาด…ถ้าคุณยังไม่พอใจงั้นเดือนหน้าฉันจะยื่นเรื่องลาออกจากที่นี่”“…” ริวอิจิไม่เข้าใจเขาอ่อนข้อให้แม่ของลูกขนาดนี้อีกทั้งยังเสนอให้จดทะเบียนสมรสกับเขาด้วยแถมอีกฝ่ายยังปฏิเสธหัวชนฝาผู้หญิงคนนี้มักน้อยเกินไปแล้ว“ผมไม่ใช่คนที่ไข่แล้วทิ้งยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบ”“ฉันว่าคุณกลับไปคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบอีกสักคืนค่อยกลับมาคุยกันใ
พอเขาเห็นคอนโดฉันก็ตินั่นนี่บ่นมาตลอดทางบ่นเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างฉันอีกสุดท้ายก็ต้องให้เขาเข้าห้องมาด้วย!“น้ำอยู่ในตู้เย็น” ฉันบอกก่อนจะนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาอีกอย่างเหมือนเท้าฉันจะบวมด้วยยิ่งเจ้าตัวเล็กใกล้คลอดฉันก็ยิ่งนอนไม่หลับกินไม่เท่าไหร่ก็จุกแถมยังต้องฉี่บ่อยมากกว่าเดิมการอยู่คนเดียวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีก็จริงแต่ฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนจึงได้แต่ต้องทำอะไรคนเดียวฉันหลับตาพักเหนื่อยโดยมีคนแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นท่านประธานบริษัทรวมไปถึงพ่อของลูกที่เดินไปทั่วก่อนจะได้ยินเสียงสวบสาบแก้วน้ำเย็นวางกระทบกับโต๊ะแก้วฉันลืมตาก็เห็นเขานั่งอยู่บนพื้นแถมยังจ้องขาฉันอยู่อย่างนั้น“จะทำอะไร” ฉันถามเสียงแข็ง“เท้าคุณบวมขนาดนี้คุณยังไปทำงานอีก”“ฉันยังไหวน่า”“คุณใช้ชีวิตที่ผ่านมายังไงเนี่ย” ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงหุบปากฉับเมื่อฝ่ามืออุ่นกำลังยกขาของฉันไปพาดที่ต้นขาของตัวเองพร้อมกับบีบนวดให้ด้วยน้ำหนักมือที่พอดีไม่หนักไม่เบาจนเกินไป“คุณ!” ฉันทำท่าจะยกเท้าออกแต่กลับถูกเจ้าของฝ่ามือนั้นยึดเอาไว้“อย่าดื้อ”“คุณต้องการอะไร” ฉันกอดอกถามเขาด้วยความสงสัยพอได้ยินว่าฉันจะไม่จดทะเบียนสมรสกับเขาเด็ดขาดเ
ฉันสะดุ้งตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะพักสายตาอยู่ครู่หนึ่งแท้ ๆ แล้วคืนนี้จะนอนได้ไหมเนี่ย พอเห็นผ้าคลุมที่ตกลงไปที่เอวก็รู้สึกตัว จริงสิ! ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นายังมีอีตาประธานขี้บ่นคนนั้นอีกทั้งคน พอนึกขึ้นได้ก็หันซ้ายแลขวาพลันจมูกได้กลิ่นหอม ๆ ของกะเพรา อย่าบอกนะ…ถุงอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวแถมอีตาประธานยังผิวปากจัดแจงจานชามอย่างอารมณ์ดีเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ฉันกอดอกยืนมองแผ่นหลังที่กำลังง่วนอยู่กับการล้างผลไม้ พอได้ยินเสียงน้ำในอ่างที่ไหลอยู่นานสองนานฉันก็ยิ่งหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะกระแอมไอเผื่ออีกฝ่ายจะได้ยิน“อ้าว…ตื่นแล้วเหรอผมจัดโต๊ะเสร็จพอดีนั่งเลยๆ” เขาบุ้ยหน้าพร้อมกับรีบเช็ดมือให้แห้งก่อนจะรีบพยุงฉันไปนั่งที่เก้าอี้เลื่อนเก้าอี้ออกให้เสร็จสรรพไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกลางวันยังยืนด่ากันปาวๆตกกลางคืนกลับมาบริการกันเสียอย่างนั้นแม้ว่าท้องจะร้องโครกครากแต่ก็ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ” ฉันโพล่งถามออกไปพลันมือที่กำลังจัดองุ่นอยู่ในจานชะงักยิ่งเห็นเขาถอดชุดสูทราคาแพงออกพับเสื้อเชิ้ตแขนยาวขึ้นไปถึงข้อศอกมีแววความเป็นพ่อบ้านอยู่บ้าง
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่งรอกระเพาะย่อยอาหารสักพัก ไม่รู้ว่าวันนี้ฉันจ้องมองแผ่นหลังนั้นไปกี่ครั้งแล้วกันแน่ แถมยังหน้าด้านหน้าทน ตีหน้ามึนได้อย่างหน้าไม่อายเหมือนอย่างตอนนี้“ถ้าคุณล้างเสร็จแล้วก็กลับไปซะฉันไม่ส่งขอตัว!” พูดเสร็จก็ลุกเข้าห้องนอนตัวเองไปทันทีฉันล็อกห้องพลางเช็กให้แน่ใจก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนคุณแม่ท้องแก่ก็งี้…เมื่อก่อนสามทุ่มครึ่งฉันต้องดื่มอยู่ที่คลับสักที่พอคิดไปถึงชีวิตตอนนั้นก็ใจหายเหมือนกันคล้ายกับว่าจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกฉันรักและรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้มากก็จริงแต่เพราะไม่ได้เตรียมใจและเตรียมตัวตั้งแต่แรกมันไม่เหมือนคนที่วางแผนครอบครัวแต่งงานมีลูกแต่ว่าฉันดันข้ามมามีลูกเลยมันก็เลยช็อกอยู่เหมือนกันอีกทั้งการจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้ดีต้องเอาใจใส่มากพอสมควรเพราะตัดสินใจเก็บเขาเอาไว้ทำให้ชีวิตลุ่มๆดอนๆของฉันกลายเป็นมั่นคงขึ้นมองอนาคตให้ไกลขึ้นนี่และนะสัญชาตญาณของความเป็นแม่ฉันสวมชุดนอนคนท้องพร้อมกับแกะมาร์สพิเศษแปะลงบนหน้าท้องที่โป่งนูนของตัวเอง ‘คล้ายกับลูกโป่งเลยแฮะ’ แถมเจ้าเด็กแสบยังขยันขยับตัวบ่อยวันไหนที่ขยับน้อย
“ทำยังกะว่าคุณไว้ใจได้อย่างนั้นแหละ” ฉันตอบโดยไม่มองหน้าเขาอีกคนอะไรยั่วให้โมโหได้เก่งเหลือเกินอีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กในท้องเกิดมาอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายจึงพยายามทำจิตใจให้ผ่องใสมองโลกในแง่ดีแต่พอมาเจอผู้ชายคนนี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกกลับตาลปัตรไปเสียหมดกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ฉันคิดบวกบวกให้แหลกไปเลยลูกเพ่อะไรทำนองนั้นแถมยังทำหน้ายียวนกวนอารมณ์ได้เก่งเหลือเกินไม่รู้ว่าคุณเขาใช้ชีวิตมาจนถึงป่านนี้ได้ยังไงโดยไม่โดนเสยคางไปเสียก่อนฉันจ้องหน้าเขาอยู่นานโดยไม่ปริปากพูดอะไร“ถ้าคุณจะด่าผมในใจขนาดนั้นด่าออกมาเลยจะดีกว่า”“รู้ตัวก็ดี” ฉันเหลือบมองนาฬิกาตรงผนังจะสี่ทุ่มอยู่รอมร่อ “ถ้าคุณจะนอนที่นี่…โน้น” ฉันผายมือไปยังโซฟาก่อนจะกดคันโยกประตูจะกลับเข้าไปนอนแต่อีตาประธานมือไวยกมือดันประตูเอาไว้เสียก่อน“ผมอยากอาบน้ำ” ฉันเหลือกตาอย่างรำคาญแม้ว่าจะมีสองห้องนอนแต่อีกห้องเป็นห้องนอนของพ่อแม่ที่ฉันเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้เข้าไปในห้องนั้นเลยไม่ต้องถามเรื่องฝุ่นก่อนจะเปิดประตูให้เขาได้เข้าห้องนอนมาอย่างช่วยไม่ได้ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ค้นในตู้เสื้อผ้าช่วงก่อนฉันชอบใส่เสื้อตราห่า
ฉันรู้สึกนอนหลับเต็มอิ่มเพราะปกติต้องลุกตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำประจำทุกคืนกว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบช่วงเช้าวันใหม่แต่ทว่าคืนนี้กลับแตกต่างออกไปฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้าโฟกัสสายตาไปยังนาฬิกาบนหัวเตียงอยากจะบอกว่าฉันเป็นคนทำอะไรชักช้าจึงมีนาฬิกาหลายเรือนในห้องนอนรวมไปถึงทุกส่วนของบ้านแม้จะตื่นนอนแต่เช้าจึงมีเวลาให้เอ้อระเหยลอยชายแต่ก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าอยู่ตรงหลังคอแถมตรงเอวก็รู้สึกหนักๆยังไงชอบกลคงไม่ใช่…ฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนอนซ้อนหลังของฉันฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเขาเปลือยท่อนบนไม่อยากจะนึกไปถึงท่อนล่างฉันรีบลุกออกจากเตียงก่อนจะยืนจังก้าอยู่ข้างเตียงตะโกนด้วยความโมโหสุดขีด“คุณริวอิจิคุณมานอนที่นี่ได้ยังไง” พอเห็นเขาไม่ขยับเขยื้อนหลับเหมือนตายฉันก็เข้าไปเขย่าเขาอย่างแรงหากไม่ติดที่ว่าฉันท้องโตจะล็อกคอตีเข่าเสียให้เข็ดคนอะไรได้คืบจะเอาศอก! หน้าหนาจริงๆแถมยังมานอนเตียงห้องคนอื่นอย่างสบายใจเฉิบนี่เขาต้องเป็นคนญี่ปุ่นปลอมแน่ๆบ้าเอ๊ยมู้ดอารมณ์ดีๆพลันเสียหมดเพราะเขาคนเดียว “คุณริวอิจิ!!” ฉันตะโกนใส่หูของเขาด้วยเสียงสิบแปดหลอ
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
“แล้วฝั่งของคุณล่ะ” ฉันชั่งใจ…เพื่อนร่วมงานมีแค่ไม่กี่คน เพื่อนหลายคนที่เคยสนิทก่อนหน้าก็ห่างหายกันไปตามกาลเวลา จะร่อนการ์ดส่งไปให้ก็กะไรอยู่…ฉันค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อีกอย่างไม่ค่อยได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจู่ ๆ จะส่งการ์ดไปให้เขาจะหาว่าฉันอยากได้เงินใส่ซองไหมนะ“คิดอะไรขนาดนั้น”“ก็…”“ไม่รู้สิคะนอกจากเพื่อนร่วมงานแล้วก็คงไม่มีใครอีกอย่างญาติฝั่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะตั้งแต่ท่านเสีย” เขาโอบกอดฉันเข้ามาในอ้อมแขน“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะมีผมอากิระแล้วก็แม่ผมที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของคุณ”“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขาด้วยใจจริงไม่น่าเชื่อว่าความบังเอิญความเมาหรือผีผลักในคืนนั้นที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปพร้อมกันตลอดกาลมีจริงหรือไม่…นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันเฝ้าหาคำตอบอีกต่อไปเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหา…อยู่ตรงหน้านี้แล้วเราแพลนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหลังจากที่ริวอิจิกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะจัดงานแต่งที่ประเทศไทยหลังจากนั้นค่อยกลับไปจัดที่ญี่ปุ่นต่อจะว่าปุบปับก็ไม่เกินจริงหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันและเขาก็มาฟิตติ้งชุดเจ้
พอรู้ว่าต้นเดือนหน้าจะเริ่มงานตารางชีวิตของฉันก็ต้องจัดการใหม่หมดรวมไปถึงเวลาที่ให้พ่อของลูกด้วย“ทำไมไม่ลาหนึ่งปีไปเลยคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”“ไม่ดีกว่าค่ะฉันอยากทำงานไม่อยากแบมือขอเงินคุณ” ฉันพูดออกไปตามจริงใช้เงินเขามันก็ดีอยู่หรอกแต่อย่างว่า…เราต้องมีเก็บสำรองด้วยอีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้ไม่ถึงปีเสียดายวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่คนเสียแล้ว “เป็นถึงคุณนายเคอิ” เขาพูดพร้อมกับบีบจมูกที่เชิดรั้นของฉันตอนนี้เจ้าหมูน้อยก็เข้าเต้าอยู่แถมมือป้อมๆนั้นยังกำของเล่นในมือไว้แน่น“เงินของคุณนี่คะไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย” “แต่ผมเต็มใจให้คุณใช้นะ…ใช้เท่าที่คุณต้องการยังได้” ฉันมองค้อนเขา“ทราบค่ะว่าคุณรวย”“แถมยังหล่อเหลามากอีกด้วย” ชมเองชงเองเหลือจะเชื่อฉันรู้ว่าเขาน่ะรวยมากขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ…เกิดวันไหนเขาหมดใจกับฉันขึ้นมาทวงเงินที่ฉันใช้ไปทำไงล่ะทีนี้…สมองพลันนึกถึงกรุปแม่บ้านที่ว่าขึ้นมาที่แม่บ้านคนไทยต่างประสบปัญหาต่างๆกับสามีชาวญี่ปุ่นแล้วการที่ฉันไม่ได้เอาแต่พึ่งพาเขามากเกินไปเพื่อเป็นการเหลือทางรอดให้กับตัวเอง “สัปดาห์หน้าผมจะกลับไปเคลียร์งา
“อะอ๊ะ” แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปขัดถูหลังให้เล่าเขาต้องการคนขัดหลังให้ที่ไหนต้องการรวบหัวรวบหางเหยื่อเสียมากกว่า…แต่จะว่าไปฉันก็เป็นเหยื่อที่เต็มใจให้ถูกกินซะด้วยสิหากเขาเป็นกองไฟฉันก็พร้อมจะเป็นน้ำมันให้มันเผาไหม้พวกเราสองคนไปพร้อมกัน แถมเจ้าหมูน้อยยังนอนหลับปุ๋ยในเปลอย่างฝันหวานเหมือนว่าเมื่อคืนพ่อลูกทำข้อตกลงอะไรกันเอาไว้อย่างนั้นเจ้าหมูน้อยรีบตื่นมาช่วยแม่หน่อยเร็ว!!!พ่ออากิระผิวปากออกจากห้องนอนมาในตอนเจ็ดโมงเช้าร่างกายไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนไม่เหมือนแม่ของลูกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นวันนี้เขาคงไปทำงานสายหน่อยรอจนกว่าพี่เลี้ยงลูกจะมาช่วยไม่ได้นี่นะก็แม่ของลูกสวยขนาดนั้นใครจะอดใจยั้งมือไหว…ก็อย่างที่เคยบอก…เราสองคนเข้ากันได้ดีดีมากเสียด้วยดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก ;pเขาจัดแจงทำอาหารเช้าไว้ให้ภรรยาดูแลลูกน้อยเมื่อพี่เลี้ยงมาถึงก็แปะมือเปลี่ยนกะเขาออกไปทำงานก่อนจะออกจากห้องแวะไปดูคุณเขาเสียหน่อยอีกฝ่ายนอนหลับอุตุจะว่าไปสองแม่ลูกนอนท่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาหยิกจมูกที่เชิดรั้นของเธอเบาๆก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ผมไปทำงานก่อนนะอย่านอนตื่นสายล่ะ” ฉันงัวเงียแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเปลี้ยแต่ยังไงลูก