“พี่แนนขา...พี่แนนพึ่งมาทำงานเหรอคะ” ณชนกหันไปมองปลาที่เดินเข้ามาพร้อมเบนท์เพื่อนสนิทและกล่าวทักทายขึ้นก่อน หญิงสาวยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟสาวรุ่นน้องดังเช่นทุกครั้ง“ค่ะ...พี่พึ่งมาทำงาน”“วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ พวกเราไม่เห็นพี่แนนตั้งหลายวัน ลาป่วยเหรอคะพี่แนน?”“ค่ะ...พี่ไม่ค่อยสบาย...เดี๋ยวพี่ตอกบัตรทำงานก่อนนะคะ”“เดี๋ยวค่ะพี่แนน” เบนท์ร้องขึ้นและเข้าไปจับมือณชนกเอาไว้“มีอะไรเหรอคะน้องเบนท์”“คืองี้ค่ะ...พอดีว่ามีคนอยากพบพี่แนนน่ะค่ะ เขามาคอยพี่แนนหลายวันแล้ว เห็นบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับพี่แนนมาก”ณชนกย่นคิ้ว “ใครกันคะ”“ตามพวกเรามาทางนี้สิคะ...คงใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ นี่ก็ยังไม่หมดเวลาตอกบัตรเลยนะคะพี่แนน”ปลาสำทับ ณชนกลังเลชั่วครู่ หญิงสาวคิดว่าเธอไม่ได้มาทำงานหลายวันอาจมีคนต้องการเจอเธอจริง ๆ อย่างสาวเสิร์ฟรุ่นน้องว่าก็เป็นได้ แล้วเธอก็เดินตามเบนท์และปลาไปยังด้านหลังของโรงแรมในเวลาเช้าที่ยังเงียบสงบ มันเป็นสวนดอกไม้ของโรงแรมซึ่งปลอดคน เมื่อไปถึงที่นั่นเธอก็เห็นใครคนหนึ่งนั่งรออยู่แล้วที่เก้าอี้ในซุ้มไม้ซึ่งถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม“คุณจันทริกา” ณชนกอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นร่างระหงใน
ณชนกหน้าชาทั้งน้ำตาไหลลงอาบแก้มด้วยความอับอาย จันทริการู้เรื่องระหว่างเธอกับเฮ็คเตอร์แล้ว หญิงสาวไม่พุดอะไรเพราะความจริงมันจุกอกจนตีบตันไปหมด เธอหันไปมองหน้าพนักงานสาวเสิร์ฟรุ่นน้องทั้งสองที่ยืนมองด้วยสีหน้าตระหนกตื่นไม่ต่างจากกันขณะกุมโทรศัพท์ไว้แน่น แต่แล้วโดยไม่คาดฝันจันทริกาก็ปรี่เข้ามาแล้วฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของณชนก“กรี๊ด!!!” ทั้งเบนท์และปลากรีดร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อร่างของพนักงานเสิร์ฟสาวรุ่นพี่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกันนั้นโทรศัพท์มือถือของจันทริกาก็กระเด็นไปไกล ใบหน้าของณชนกเป็นรอยจ้ำแดงและมีเลือดหยดออกมากบปากจากแรงฝ่ามือของจันทริกา แต่ก่อนที่เซเลบสาวจะปรี่เข้าไปซ้ำก็ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างสูงของใครคนหนึ่งปราดเข้ามาดึงแขนของเธอไว้ก่อนจะผลักร่างนั้นออกไปจนจันทริกาเซเกือบล้ม“หยุดนะ! นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมคุณทำร้ายแนนแบบนี้!” ณชนกเงยหน้าขึ้นก็เห็นโคลวิซก้าวเข้ามาประคองร่างของเธอให้ลุกขึ้นยืน หนุ่มเยอรมันกอดหญิงสาวซึ่งอยู่ในอาการโงนเงนไว้แน่น เขาก้มลงดูใบหน้าหวานก็ต้องตกใจที่เห็นรอยเลือดบนริมฝีปากบวมช้ำ“แนน...เป็นยังไงบ้าง?”“ไม่เป็นไรค่ะโคลวิซ...แนนไม่เป็นไร”“แต่แก้มคุณช้ำ
“ไม่มีใครรู้หรอกน่า...เผลอ ๆ นังพี่แนนอาจจะไม่กล้ามาทำงานแล้วล่ะมั้ง ดีเหมือนกัน คิดดูอีกทีก็สะใจ... ไปทำงานกันเถอะ เบนท์ แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก” สองพนักงานเสิร์ฟสาวเดินออกไปจากที่นั้นโดยไม่แลหลังว่ามีร่างสูงในชุดสูทของใครคนหนึ่งแอบดูอยู่ด้านหลังผนังตึกที่อยู่ไม่ห่างกัน พรเทพมองพนักงานสาวทั้งสองที่เดินไปจนลับตาก่อนจะก้าวออกมาอย่างช้า ๆ และก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ในพงหญ้า ผู้จัดการหนุ่มใหญ่เปิดหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งและมีสีหน้าที่เหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขาถอนหายใจหลังจากเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นก่อนรำพึงกับตัวเองเบา“โธ่...แนนนี่...”จันทริกาเดินกลับมายังห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้ง เซเลบสาวปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะหล่อนมีนัดทานอาหารเช้ากับประธานหนุ่มหล่อของโรงแรม ทั้งที่ยังโกรธและเดือดดาลที่ล่วงรู้เรื่องระหว่างเฮ็คเตอร์และพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้นหากแต่จันทริกาก็ฉลาดพอที่จะไม่ยอมจบความสัมพันธ์ของหล่อนกับหนุ่มหล่อระเบิดอย่างเฮ็คเตอร์เพราะไม่อยากให้เป็นขี้ปากของแวดวงสังคมที่กำลังจับตาเรื่องความรักระหว่างหล่อนและผู้บริหารโรงแรมใหญ่อย่างบีช เบย์ คลับ และที่
“แนนไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“มีอะไรทำไมไม่บอกผมล่ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ทำร้ายคุณ”“แนนผิดเองค่ะ...แนนเป็นคนไม่ดีกรรมมันเลยตามสนอง”“คุณพูดเรื่องอะไรกัน แนนเป็นคนถูกทำร้ายนะ...แนน...ผมได้ยินที่ผู้หญิงคนนั้นพูดทุกอย่าง มันเป็นความจริงหรือเปล่า?”“คะ” ณชนกเลื่อนสายตาแห้งแล้งสบนัยน์ตาของโคลวิซที่มองเธออย่างค้นคว้า หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้อย่างไร“โอเค...ถ้าอย่างนั้นแนนบอกมาก่อนได้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไคร”“เธอชื่อจันทริกา เป็นสาวไฮโซชื่อดัง”“เธอพูดว่าแนน...ไปแย่งของของเธอ...บอกได้มั้ยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” หญิงสาวเงียบงัน น้ำตาของเธอไหลลงมาเมื่อโคลวิซถามขณะชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้บนแก้มเนียนข้างหนึ่งเป็นรอยแดงช้ำแถมมุมปากบวมเจ่อเป็นรอยแตกและยังมีเลือดซิบ“แฟนของเธอคือ...เจ้าของบีช เบย์ คลับ” ณชนกก้มหน้าลง “คุณอาจจะสมน้ำหน้าฉัน คุณอาจเห็นว่าฉันไม่เจียมตัว”“แนน” โคลวิซส่งเสียงในลำคอก่อนจะดึงร่างเล็กเข้าไปในอ้อมแขน ณชนกไม่ขัดขืน ตรงข้ามเธอกลับสะอื้นไห้ด้วยความปวดร้าวเกินจะทานทน หญิงสาวเหมือนลอยอยู่กลางทะเลที่มีแต่คลื่นคลั
“คุณแม่ขา...วันนี้คุณแม่มาเร็วจังเลย”“คิดถึงคุณแม่ไหมคะ?”“คิดถึงค่ะ...อือ...คุณแม่ขา” คลีโอเอียงหน้ามองแล้วย่นคิ้วเล็ก ๆ เข้าหากันพร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบแก้มของณชนก “ทำไม...แก้มคุณแม่ถึงได้...เป็นสีแดงคะ”ณชนกสะอึก เธอมัวแต่คิดถึงความวุ่นวายที่เกิดกับเธอตั้งแต่ตอนเช้าโดยลืมนึกถึงสภาพของตัวเองไปเสียสนิท หญิงสาวยกมือขึ้นสัมผัสบนมือเล็กของลูกสาวเบา ๆ“คุณแม่เดินชน...กระจกในโรงแรมน่ะค่ะ” แก้ตัวไปขุ่น ๆ“คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“คลีโอ...” หญิงสาวรู้สึกใจหายที่ดวงตาวาวไสของคลีโอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ“คลีโอร้องทำไมคะ?”“คลีโอ...สงสารคุณแม่ค่ะ...คุณแม่...เจ็บมากไหมคะ”“โถ...แม่คุณของแม่” ณชนกดึงร่างน้อยมากอดไว้แน่น ถ้าไม่เกรงใจพี่เลี้ยงเด็กที่ยืนมองอยู่ที่ประตูเธอก็จะร้องไห้เสียงดัง ๆ ออกมาตอนนี้เลย“คลีโอ...คุณแม่ไม่เป็นไรหรอกนะคะ เรากลับกันเถอะค่ะ” ร่างบอบบางยืดตัวขึ้นยืนและจูงมือลูกน้อยเพื่อจะกลับบ้านแต่ทว่าเมื่อหันกลับไปก็ต้องชะงักงัน มือเรียวบางที่จับมือเล็ก ๆ ไว้มั่นเย็นเฉียบเมื่อดวงตาคู่งามสะท้อนภาพบุรุษร่างสูงสง่ายืนอยู่ตรงหน้าเธอ“เฮ็คเตอร์...”“คุณลุงเฮ็คเตอร์...คุณลุงเฮ็คเตอร์” คลีโอผละจาก
“คุณแม่ขา...ลุงเฮ็คเตอร์บอกว่า...จะพาคลีโอ...ไปว่ายน้ำค่ะ” รอยยิ้มจางผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงสาว เธอไม่ยอมสบตากับบุรุษผู้ทรงอำนาจที่นั่งข้าง ๆ รู้สึกหวาดหวั่นจนมือเท้าเย็นเฉียบ ทั้งที่ความเจ็บปวดทรมานจากความกดดันมันกำลังกัดกินความรู้สึก หากแต่ณชนกบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง แม้รู้ว่าพ่ายแพ้เขาหมดทุกทาง แม้รู้ว่าประตูแห่งความหวังได้ปิดตายลงหมดทุกบานแล้ว หากเมื่อถึงเวลาที่หลังชนฝาเธอก็จะลุกขึ้นสู้ เฮ็คเตอร์พาเธอกลับมายังบ้านพักสไตล์บาหลีสุดหรูบนเนินเขาอีกครั้ง และช่วงเวลาเย็นย่ำก็หมดไปกับการที่เขาพาคลีโอลงเล่นน้ำในสระกลางลานโล่งซึ่งโอบล้อมด้วยพุ่มไม้สวยงามแปลกตา ณชนกได้แต่มองชายหนุ่มกับเด็กน้อยใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางความกดดันหญิงสาวก็ยังมีความฝันสวยงามเล็ก ๆ จากการที่เธอได้เห็นเฮ็คเตอร์หยอกเย้ากับคลีโอเสมือนเป็นพ่อลูกกันโดยแท้จริง ซึ่งความเป็นจริงงดงามยิ่งกว่านั้น มันฝังลึกอยู่ในความทรงจำที่ยังตราตรึงไว้กับเขาเสมอ หากแต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเฮ็คเตอร์คิดอะไร หญิงสาวรู้สึกบีบคั้นในหัวใจ โลกของเธอกำลังเล็กแคบลงทุกที เวลาผ่านไปกระทั่งเกือบสองทุ่ม ณชนกพาล
“โกหก!” ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงไปนอนบนพื้น ใบหน้าเป็นสีเข้มและดวงตาขุ่นคลั่กด้วยความโกรธและแค้นเจียนบ้า ณชนกกระเถิบถอยหลังกรูดจนหลังชนเตียง ร่างสูงตามมาและดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้นก่อนจะผลักร่างแน่งน้อยอีกครั้ง คราวนี้ร่างบอบบางหงายหลังลงบนเตียงกว้างก่อนเขาจะทาบตัวเองตามลงไป“อย่ามาบังคับฉัน! ปล่อยนะ...ปล่อยฉันกับลูกกลับบ้าน!”“ผู้หญิงแพศยา!...คุณไปกับแขกของโรงแรมมาใช่มั้ย ไอ้โคลวิซนั่น...วันนี้คุณไปกับมันใช่มั้ย!”ร่างอรชรที่พยายามดีดดิ้นชะงัก มือทั้งสองถูกตรึงไว้ข้างลำตัว หญิงสาวหอบหายใจ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น...เขารู้ได้ยังไงในเมื่อวันนี้เธอยังไม่ได้พบเขา เฮ็คเตอร์ขบกรามเสียงดังกรอด นัยน์ตาฉายความเคียดแค้นและริมฝีปากเหยียดออกด้วยความขุ่นเคือง“คุณลืมสัญญาที่ทำไว้กับผมใช่มั้ย...คุณลืมไปแล้วว่าสัญญานั่นบอกว่ายังไง ห้ามคุณไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนนอกจากผมคนเดียว!”“ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณคิด...ฉันกับโคลวิซไม่ได้...”คำพูดนั้นถูกกลืนหายเข้าไปในอกของหญิงสาว เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายให้จอมซาตานอย่างเขาเข้าใจอย่างไรดี ถึงเวลานี้เธอก็เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ ที่เขาพร้อมจะบดขยี้ได้ทุกเมื่อ“ไม่
“เฮ็คเตอร์...ไม่...ไม่”เสียงร้องนั้นไม่ช่วยอะไรเพราะเฮ็คเตอร์ขยับและโถมกายเข้าหาอย่างไร้ปราณี กายสาวแทบไหม้เพราะไฟร้อนจากแก่นรักที่แผดเผาอย่างร้อนเร่า หากแต่ยิ่งเขาโหมด้วยแรงกระชั้นถี่ความเจ็บร้าวกลับยิ่งทวีรุนแรง ชายหนุ่มเร่งเร้าจังหวะด้วยการโหมกายเข้าใส่โดยปราศจากการโลมเล้า ความแข็งแกร่งของเขาทิ่มแทงและบดขยี้สายธารแห้งแล้งครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างแน่งน้อยกลั้นก้อนสะอื้น ณชนกร้องไห้แต่เขาจะไม่มีวันเห็นน้ำตาหยดสุดท้ายที่หญิงสาวหลั่งมันบนหัวใจอันร้าวราน ร่างอรชรปลดปล่อยทุกอย่างตามวิถี ถึงจะเจ็บปวด หากนี่จะเป็นอีกแค่หนเดียวที่ยอมให้เขาข่มเหงหัวใจ ณชนกรู้สึกตัวขึ้นมาตอนเช้าตรู่ เสียงนกร้องขับขานทำให้หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อรับแสงอ่อนที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ เธอขยับตัวแค่เพียงเล็กน้อยแต่รู้สึกเจ็บไปทั่วร่าง ร่างแน่งน้อยพลิกนอนหงายและมองเพดานห้องประดับแขนเดอเลียร์แสนสวยขณะกัดฟันหันไปมองข้างตัวซึ่งบัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่าและร่องรอยยับยู่ยี่ของผ้าปูเตียง เขาไปแล้ว...เฮ็คเตอร์ลุกจากที่นอนและออกจากห้องไปตอนไหนเธอไม่รู้ รู้เพียงสิ่งที่เขาทิ้งไว้บนร่างเปลือยเปล่าของ