เมื่อได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ลี่โม่เจวี๋ยก็กอดอก ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย และไม่พูดอะไรกลับเป็นเซียงหนานที่พูดขึ้นมาก่อน: "ใช่แล้วครับ เรื่องค่าตอบแทนคุยง่ายเลยครับ พูดไปแล้วพวกเรากับหมอกู้นี่ถือว่ามีวาสนาต่อกัน "ผู้อาวุโสฮั่วมองกู้หว่านฉิงแล้วก็มองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจ"อะไร รู้จักกันเหรอ?"เซียงหนานหัวเราะ:"ไม่ใช่เหรอครับ?"เขาถูจมูกก่อนจะพูดถึงความเป็นมาเรื่องราวของพวกเขา: ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่ผมและคุณชายลี่นั่งรถมาด้วยกัน บังเอิญเรากับคุณหนูกู้มีอุบัติเหตุรถชนกันเล็กน้อย ถึงได้รู้จักกัน ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าคุณหนูกู้เป็นคนที่มีความสามารถขนาดนี้ครับเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัดเซียงหนานหันไปทางกู้หว่านฉิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง: "คุณหนูกู้ เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราสามารถไม่เอาผิดและไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆจากคุณ แม้กระทั่ง...ถ้าเป็นไปได้ เราหวังว่าจะจ้างคุณมาเป็นแพทย์ส่วนตัวของคุณชายเราครับ คุณสามารถตั้งราคาได้เลย"ลี่โม่เจวี๋ยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร นั่นหมายความว่าเขาอนุญาตโดยปริยายกู้หว่านฉิงตะลึงไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนาไ
ในขณะที่เห็นรอยสักนั่นกู้หว่านฉิงก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายทั้งหมดของเธอแข็งตัว และทั้งตัวของเธอก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ลายดวงตาเหยี่ยวนั่นดูคุ้นๆห้าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้าย ในฝัน ผู้ชายคนนั้นที่ทำให้เธอเสียชื่อเสียงก็มีรอยสักที่หน้าอกคล้ายกันดูเหมือนว่าจะคล้ายกันเกินไปเธอเบิกตากว้างเล็กน้อย เลือดเหมือนจะไหลย้อนกลับซิงเฉินและเย่เฉินเคยถามเธอเกี่ยวกับพ่อของพวกเขาอยู่บ้าง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอเคยคิดที่จะตามหาพ่อของลูกๆ และได้ลองดูบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย กลับมามือเปล่าผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ จะใช่พ่อของลูกเธอหรือเปล่า?รอยสักมีเป็นหมื่นเป็นพัน หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะมีความคล้ายคลึงกันบ้าง มันเหมือนกันจริงๆเหรอ? หรือเธอมองผิด?เธอมองไปอย่างลุกลนเพื่อดูรอยสักนั้นอีกครั้งอย่างละเอียด มันใช่แบบเดียวกับในความทรงจำเธอไหมนะ ในตอนนี้ ลี่โม่เจวี๋ยได้ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำครบทั้งหมดแล้วเสื้อเชิ้ตสีดำที่เรียบร้อยและเป็นระเบียบ ปิดถึงคอ ทำให้รูปร่างสูงเขาดูมีสไตล์และดูมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ก็มีกลิ่นอายของการห้ามล้ำเส้นรอยสักที่หน้าอกก
ผู้อาวุโสฮั่วและกู้หว่านฉิงเข้าไปคุยกันที่ห้องข้างๆ เซียงหนานกับลี่โม่เจวี๋ยก็ไม่ได้ไปไหน นั่งพักผ่อนรอพวกเขาอยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็กลับมา"คุณปู่ฮั่ว เป็นยังไงบ้างครับ?"ลี่โม่เจวี๋ยถามผู้อาวุโสฮั่วพยักหน้าอย่างมีชีวิตชีวา:"ปู่ดูแผนการรักษาแล้ว ทดลองใช้ก่อนหนึ่งเดือนได้"เรื่องทางการแพทย์พวกลี่โม่เจวี๋ยไม่ค่อยเข้าใจ และผู้อาวุโสฮั่วก็ไม่สามารถบอกพวกเขาเรื่องทางเภสัชวิทยาเฉพาะทางได้ เลยได้แต่พูดแบบนี้ตอนเขาพูดออกมาแบบนี้นั้น ในสายตาราวกับมีท่าทางไม่อยากจะเชื่ออยู่ลี่โม่เจวี๋ยสังเกตเห็นสายตาของเขา ก่อนจะรู้สึกสงสัยในใจเขามองไปที่กู้หว่านฉิงด้วยสายตาที่หาคำตอบ ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันถึงทำให้คุณปู่ฮั่วแสดงสีหน้าแบบนี้ได้แต่ในเมื่อคุณปู่ฮั่วพูดอย่างนี้แล้ว ดูเหมือนว่าแผนการรักษาจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรในเมื่อทั้งสองฝ่ายพอใจก็มาคุยความร่วมมือกันเถอะ"คุณหนูกู้ เชิญนั่งตรงนี้ครับ เรามาคุยเรื่องความร่วมมือด้านการรักษากัน"เซียงหนานดันแว่น เผยให้เห็นบรรยากาศเจรจาธุรกิจที่ดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง"ฉันไม่มีข้อเรียกร้องอะไร พวกคุณแค่ให้ความร่วมมือในการรักษาก็พอ"
เธอค่อนข้างเหลือจะเชื่อกู้หว่านฉิงถูกขับไล่ออกจากบ้านตระกูลกู้ เสียเกียรติเสียชื่อเสียงพาลูกติดมาอยู่ที่ที่ไม่มีใครอยากจะอยู่ ได้ยินว่าปลูกยาขายหล่อเลี้ยงชีวิต ทำแบบนี้แตกต่างจากดาราอย่างเธอโดยสิ้นเชิง!เธอเคยคิดว่ากู้หว่านฉิงจะต้องวิ่งวุ่นทุกวันเพื่อรายได้อันน้อยนิด ร่างกายจะต้องสกปรกมอมแมม เปื้อนใบยา ราวกับสาวบ้านนอก หน้าตาซูบผอม ผมแห้งกรอบ เธอมาที่นี่วันนี้เพื่อดูเยาะเย้ยกู้หว่านฉิง แต่ไม่คิดว่าจะดูไม่เหมือนที่เธอจินตนาการไว้เลยกาลเวลาที่ผ่านไปและการขัดเกลาของชีวิต ทำให้กู้หว่านฉิงมีความมั่นคงมากขึ้น และมีความเป็นผู้ใหญ่สงบนิ่งและเยือกเย็นในฐานะที่เป็นแม่ ประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูก ๆ ได้เพิ่มสีสันอันอ่อนโยนและอารมณ์ความรู้สึกให้กับเธอเมื่อเทียบกับตอนที่เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้เมื่อไม่กี่ปีก่อนนั้น ดูเหมือนเธอจะมีเสน่ห์มากขึ้นด้วยซ้ำกู้หยู่ซินฮึดฮัด รู้สึกจี๊ดในใจอย่างอดไม่ได้เมื่อก่อนก็สู้เธอไม่ได้ ตอนนี้ยังแพ้เธออีกเหรอ?เธออดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดกระตุ้นกู้หว่านฉิง:"พี่ วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะคุณพ่อสั่ง พวกพี่น่ะก็มีปัญหากันมาหลายปีแล้ว เขาก็เริ่มเข้าใจบางเรื่อง
เมื่อกู้หว่านฉิงทำตามขั้นตอนเสร็จ เธอก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วย คุณยายเจียงเองก็ฟื้นแล้วเธอนอนอยู่บนเตียง มีผ้าพันแผลสีขาวหนาพันรอบศีรษะ มีสายน้ำเกลืออยู่ที่มือ พยายามพยุงตัวเองให้นั่งขึ้นกู้หว่านฉิงรีบวิ่งเหยาะๆ ไปพยุงเธอขึ้นมา พร้อมกับเอาหมอนมารองหลังเธอ"คุณยาย ฟื้นแล้วเหรอคะ มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอยู่ไหม"เธอถามด้วยความห่วงใย.คุณยายเจียงแตะหน้าผากและตอบเธอว่า:"แค่ปวดหัวนิดหน่อย อย่างอื่นไม่มีอะไร หมอเพิ่งมาตรวจ บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทายาก็หาย"กู้หว่านฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เธอ"หว่านฉิง รอหลังจากฉีดยานี้เสร็จ เราออกจากโรงพยาบาลกัน อยู่โรงพยาบาลต้องใช้เงินมากมาย ยายมีแค่อาการเล็กๆน้อยๆ ไม่ต้องอยู่หรอก"คุณยายเจียงตั้งสติ มองไปที่ขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่เหนือศีรษะซึ่งใกล้จะหมดแล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง"คุณยาย ของวันนี้หนูจ่ายเงินไปแล้ว ถ้าออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ พวกเขาจะไม่คืนเงินให้นะคะ สถานการณ์ของยายยังไม่คงที่ อยู่โรงพยาบาลอีกวันเพื่อดูอาการดีกว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไร เราค่อยออกจากโรงพยาบาล"กู้หว่านฉิงยื่นมือออกไปช่วยนวดให้คุณยายเจียง เธอรู
"กู้หว่านฉิงเติบโตขึ้นมาจากข้างนอก ขาดการอบรมบ่มนิสัยบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ"เสิ่นเหยียนมองสามีอย่างกังวล ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง:"จิ้งหรง เดิมทีพวกเราตั้งใจจะใช้โอกาสเรื่องงานแต่งงานของซินซิน เพื่อนัดงานแต่งงานของหว่านฉิงด้วย ดูท่าทางเธอตอนนี้แล้ว กลัวว่าเธอจะไม่กลับมาง่ายๆ"กู้จิ้งหรงฮึดฮัดเสียงเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา"ไม่กลับมาก็ต้องกลับมา ผมจะหาทางเอง เธอไม่มีสิทธิ์คิดอยู่แล้ว! อีกอย่างเมื่อถึงเวลาตระกูลเจี่ยงจะต้องมาทวงคนแน่ ตอนนั้นเราจะไปหาเจ้าสาวใหม่จากไหนได้? เธอเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เกิดเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ครอบครัวเจี่ยงยอมแต่งงานกับเธอก็ถือว่าเป็นเกียรติของกู้หว่านฉิงแล้ว! มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่เห็นด้วย"การแต่งงานกับตระกูลเจี่ยงคือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พวกเขาเรียกกู้หว่านฉิงกลับมาในครั้งนี้ตระกูลเจี่ยงเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิง มีทรัพย์สมบัติมากมาย รุ่นต่อรุ่นล้วนเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ยุคนี้ก็ไม่ต่างกันตระกูลเจี่ยงที่ยิ่งใหญ่และมั่งคั่งนี่ดีไปทุกอย่าง น่าเสียดายที่ในรุ่นนี้มีทายาทที่ไม่เอาไหน เป็นที่รู้จักกันดีว่าลูกหลานที
เว่ยเว่ยที่เธอพูดถึงชื่อเต็มคือหลินเว่ย เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอพวกเธอรู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย จนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลินเว่ยช่วยเธอมากมาย และเป็นแม่ทูนหัวลูกทั้งสองของเธอทันทีที่คุณยายเจียงได้ยินชื่อ เธอก็รู้สึกโล่งใจทันทีและไม่ถามอีกหลินเว่ยมีกุญแจบ้านของพวกเขา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาให้เธอช่วยดูแลเด็กๆกู้หว่านฉิงเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลทั้งคืน ในระหว่างนั้นคุณยายก็นอนหลับสบายดี สถานการณ์คงที่เพียงแต่กู้หว่านฉิงกังวลว่าคุณยายอาจจะเกิดเรื่อง ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน คอยสังเกตคุณยายตลอดเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น หมอผู้ตรวจห้องก็เข้ามาทำการตรวจต่างๆให้คุณยายเจียงหลังจากยุ่งอยู่ครู่หนึ่ง โชคดีที่ผลการตรวจทุกอย่างปกติ และค่าต่างๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี หมอจึงแนะนำให้เธอกลับบ้านได้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาใหญ่อะไร พวกเธอต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกกู้หว่านฉิงเก็บของอย่างง่ายๆ ทำเรื่องเสร็จ แล้วก็พาคุณยายกลับบ้านอย่างมีความสุขพวกเขาเพึ่งมาถึงปากทางเข้าโครงการ ข้างๆก็มีกลุ่มผู้สูงอายุและเพื่อนบ้านล้อมกันอยู่ พูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด กู้หว่านฉิงได้ยินเพียงค
คนนั่งอยู่บนโซฟาคือลี่โม่เจวี๋ยคนที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วใส่แว่นตากรอบทองคือผู้ช่วยของเขา เซียงหนานพวกเขากำลังมองไปรอบๆห้องนี้อยู่ ขนาดไม่ใหญ่ แต่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันในห้องเล็กๆนี่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นพอได้ยินคำพูดของหลินเว่ย พวกเขาก็ชะงักไปทันทีและหันมองไปเด็กสองคนที่อยู่ข้างหลังหลินเว่ยหลินเว่ยมินสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของพวกเขาเธอดันเด็กสองคนถอยหลังไป ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวังเธอกังวลใจอย่างมาก นึกถึงข่าวทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการลักพาตัวเด็กจะทำยังไงดี ถ้าพวกเขาทำร้ายเด็ก เธอจะทำยังไงดี? สถานการณ์ตอนนี้เธอกำลังเสียเปรียบร่างกายเล็กๆของกู้ซิงเฉินซ่อนอยู่หลังหลินเว่ยสุดกำลัง หวาดกลัวไม่กล้ามองพวกเขาเย่เฉินกลับกล้าหาญมาก จ้องมองคนตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยลี่โม่เจวี๋ยลูบคาง มองดูเด็กสองคนนี้ รู้สึกว่าน่าสนใจอย่างบอกไม่ถูกเขาจำได้ลางๆ ว่าครั้งที่แล้วที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้เจอกับกู้หว่านฉิง เธอมีลูกสองคนอยู่ข้างๆ คาดว่าน่าจะเป็นสองคนนี้แหละน่าจะประมาณสี่ห้าขวบ ตอนนั้นไม่ได้สังเกต ตอนนี้พอมองอย่