“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท
“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด
“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย
“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา
“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”
“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”
“ค่ะ”
“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ
“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้
“หรือเรายังรักเขาอยู่”
“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”
“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้
“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก
“งั้นก็โอเคเลย เดี๋ยวพี่ชวนโมจิ ขุนศึก ภูผา และภูพิงค์ไปด้วย ไปหลาย ๆ คนสนุกดี” แล้วฉันก็เดินไปหาเธียรแทน ต้องแบบนี้สิถึงจะเหมาะกับตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเรา
“ฉันไม่ให้ไป!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงแข็ง
“พี่พาร์ท!” เธียรจ้องหน้าพี่พาร์ทตาเขม็ง มือกอดอกอย่างไม่พอใจ
“หนูจะไป พี่ดูลูกด้วย นาน ๆ ที แล้วถือเป็นการฉลองที่พี่ญี่ปุ่นกลับมา อย่ามาห้าม!” เธียรเดินเข้าไปประจันหน้ากับพี่พาร์ท นี่คงไม่ทะเลาะกันเพราะฉันนะ
“ถ้าฉันไม่ไปด้วยเธอก็อย่าหวัง! จะได้ไป” พี่พาร์ทขึ้นเสียงดุ
“ใจเย็น ๆ นะคือว่า”
“งั้นพี่ก็ไปกับหนูแค่นี้ก็จบ ส่วนตัวเล็กลูกหลับแล้วเราค่อยออกจากบ้านนะคะ นะหนูอยากเที่ยวบ้าง” เธียรทำหน้าอ้อน ฉันนี่ได้แต่ยืนมองแล้วก็ยิ้ม แน่นอนพี่พาร์ทจอมเย็นชาใจอ่อนให้กับลูกอ้อนเมียไปแล้ว
“เฮ้อ...เธอนี่มันจริง ๆ แต่ไปผับเรา ถ้าไปที่อื่นไม่ได้” พี่พาร์ทหันมาพูดกับฉันแล้วเดินออกไปทันที
“แล้วเจอกันนะคะ” เธียรทำหน้าระรื่นแล้วรีบวิ่งตามพี่พาร์ท ออกไป
“เชอะ เกลียดจังพวกปากแข็ง” ฉันก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วก็ยิ้มให้กับความน่ารักขี้อ้อนของเธียร ก่อนจะโทรหาโมจิ เพราะตัวเล็กหายไปนานมาก
หน้าบริษัท...
“ช้ามาก!!!” ทันทีที่รถน้องจอดฉันก็บ่น ๆ ๆ ๆ ๆ
“ก็ขุนศึกแหละช้า ทีหลังไม่ไปรับแล้วนะ” โมจิพูดอย่างเบื่อหน่าย
“โอ๋ที่รักไม่งอนสิครับ ศึกแค่ติดสาวแป๊บเดียวเอง” ขุนศึกเดินมาโอบเอวโมจิ
“ส่วนตัวเอง มาให้กอดให้หายคิดถึงที” แล้วมันก็ทำหน้าทะเล้นเดินเข้ามากอดฉันอีกคน
“พอ ๆ ๆ หยุดไปได้แล้วหิว”
“ได้ครับได้ วันนี้สองสาวอย่างกินอะไร ป๋าศึกเลี้ยงเอง แต่ขอเดินควงอวดชาวบ้านหน่อย อยากได้อารมณ์แบบว่าสามคนผัวเมีย” ขุนศึกทำหน้าจริงจัง
“เฮ้อ...” ฉันกับน้องได้แต่ถอนหายใจมองหน้ากันอย่างเอือมระอา แต่ก็ยอมถือว่าขำ ๆ เล่นกับเขาหน่อยสนุกดี
“.......ผู้หญิงอย่างเธอมันก็เป็นแบบนี้สินะ” ...แบงค์ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อเดินลงมาเห็นหญิงสาวกอดหอมอยู่กับผู้ชาย
21.00 น.
ผับXXX
“ว่าไงแม่ลูกอ่อนนึกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว” ฉันเดินเข้าไปกอดภูพิงค์
“ก็เกือบไม่ได้มา แต่อยู่นานไม่ได้นะกลัวสองแฝดตื่น”
“โอเคแค่มาก็ดีใจแล้ว คิดถึงมากรู้ไหม ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวไปหาหลาน ๆ” ฉันกอดหอมภูพิงค์ด้วยความคิดถึง
“ขอบคุณนะคะที่ยอมพาภูพิงค์มา” ฉันหันไปยิ้มให้อาไรเฟิล ที่นั่งหน้าขรึม อาเขาพยักหน้าแล้วคุยกับพาร์ท ส่วนภูผาผิดนัดไม่ยอมมา คอยดูอย่าให้เจอหน้านะ
เราทุกคนก็นั่งคุยนั่งดื่มกันตามปกติ ก่อนอาไรเฟิลจะพาภูพิงค์กลับ ก็เข้าใจแหละลูกยังเล็ก แต่ไม่เป็นไรขุนศึกกับโมจิยังอยู่ ส่วนพี่พาร์ทก็ทำเป็นหวงเมีย จะชวนไปแดนซ์ก็ไม่ยอม
“เต้นคนเดียวก็ได้” ว่าแล้วร่างบางในชุดสุดวาบหวิวก็เดินถือแก้วเหล้าไปเต้น กับกลุ่มนักดื่มคนอื่น ๆ
“จริง ๆ เลย” ...พาร์ทได้แต่มองน้องสาวแล้วส่ายหัว
“ปล่อยไปเถอะค่ะ คงจะเครียดคงอยากผ่อนคลายบ้าง” ...โมจิมองและส่งยิ้มให้พี่สาว
“อยากเต้น” ...เธียรทำหน้าอ้อนพาร์ทที่นั่งโอบเอวไว้แน่น
“หยุดคิด ไม่งั้นฉันจับเธอกระแทกตรงนี้” ...พาร์ทพูดเสียงกระซิบจ้องหน้าเมียอย่างเอาเรื่อง
“ฮึ...คนใจร้าย”
“ที่รักอยู่กับพี่พาร์ทนะ ศึกว่า” ...ขุนศึกมองไปที่พี่สาวแล้วเกิดอาการหวงเมื่อมีหนุ่ม ๆ เดินเข้ามาใกล้
“ไปเถอะ ดูพี่ด้วย” โมจิพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนขุนศึกจะรีบเดินเข้าไปหาพี่สาวทันที
“ขุนศึก มาเต้น ๆ” สองมือโอบคอน้องเมื่อเจ้าตัวแสบเดินเข้ามาหา
“หวงเหรอ” ฉันพูดยิ้ม ๆ พร้อมโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง
“ก็แน่ละดูแต่งตัว แล้วดูที่พวกนั้นมอง” ขุนศึกพูดเสียงดุ
“เขาก็แค่มอง ถือว่าทำบุญ คิดมาก”
“จริง ๆ เลย แล้วต่อไปพี่จะไปเที่ยวไหนบอกผม ผมไม่อยากให้พี่ไปคนเดียวมันอันตราย” ขุนศึกทำหน้าจริงจัง
“โอเค” ใบหน้าหวานขยับเข้าไปใกล้ และหอมแก้มน้องชายแทนคำขอบคุณ เราสองคนพี่น้องก็เต้นคลอเคลียกันอยู่แบบนั้น
โต๊ะ...
“ทางนี้ครับ” ...พาร์ทเรียกแบงค์และกลุ่มเพื่อน ที่วันนี้เขาได้นัดเลี้ยงขอบคุณและเลี้ยงต้อนรับน้องสาวไปในตัว
“…...” แบงค์พยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปเห็นหญิงสาวในชุดน้อยชิ้น คลอเคลียนัวเนียอยู่กับผู้ชาย แล้วต้องกำหมัดแน่น
“ไอ้แบงค์ ไอ้แบงค์” สุดเขตสะกิดเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ
“เชิญตามสบายนะครับ เต็มที่” พาร์ทพูดเอ่ยกับทุกคน
“ครับท่านประธาน” ดนัยถึงกับยิ้มกริ่มเพราะวันนี้จะได้กินฟรี แต่เสียดายที่ไม่มีสาว ๆ มานั่งด้วย
“ไอ้แบงค์มันเป็นอะไรดื่มเอาดื่มเอาไม่พูดไม่จา” ดนัยกระซิบถามเพื่อน เมื่อเห็นเพื่อนรักเอาแต่กระดกแก้วเหล้าเข้าปาก สีหน้าท่าทางเหมือนไม่พอใจใคร
“อยากรู้ถามมันสิ” สุดเขต พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปบอกน้อง ๆ ทุกคนที่มาด้วยกัน
“ดื่มได้เมาได้ แต่พรุ่งนี้ต้องทำงานได้!”
“วันหยุดครับพี่ ไม่เมาไม่กลับ” หนึ่งในพนักงานเอ่ยขึ้น
“5555 งั้นเต็มที่ไอ้น้อง เอาดื่ม ๆ ๆ ๆ” แล้วทุกคนก็ต่างดื่มเต้นกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงหัวหน้าแผนกสุดหล่อที่เอาแต่นั่งจ้องใครบางคนที่ยังเต้น อยู่ท่ามกลางผู้ชาย
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวมา”
“ศึกไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้อง ๆ ไปรอที่โต๊ะก็ได้”
“ไหวแน่นะ ดื่มเยอะเลยนะเรา” วันนี้ขุนศึกมาแปลก
“แค่นี่เองสบายมาก” แล้วเราสองคนก็เดินกลับไปที่โต๊ะ แต่แล้วก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเจอใครบางคนนั่งอยู่กับพี่พาร์ท
“มาก็ดีแล้วดึกแล้ว” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น
“พี่พาเธียรกับโมจิกลับก่อน ญี่ปุ่นจะอยู่ต่ออีกหน่อย กำลังสนุก” ฉันหันไปพูดกับพี่ชาย โดยไม่ได้สนใจสายตาเลือดเย็นนั้นที่มองมา
“พี่กลับเถอะศึกดูแลเอง”
“ดีมากค่ะที่รัก เดี๋ยวเขามา” มือเล็กดึงน้องชายเข้าใกล้แล้วจุ๊บเบา ๆ ไปหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
“งั้นตามสบาย ไปกลับบ้าน” ...... พาร์ทดึงร่างเล็กที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ย พร้อมน้องสาวตัวน้อยเดินออกจากผับก่อนจะขึ้นรถกลับบ้าน ส่วนขุนศึกก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาสรีบเดินเข้าไปหาสาว ๆ ระหว่างที่รอพี่สาว
“ขอตัว” ... แบงค์ลุกพรวดแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที ท่ามกลางความมึนงงของเพื่อน ที่ได้แต่มองหน้ากันแล้วเกาหัว…
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู
“ปล่อย!”“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...พรึบ!“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จาก
“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ“งั้นกลับบ้านเรากัน”แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”หมับ!!“พี่ไม่เอาไม่เล่น”“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”หมับ!!“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจ
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”“ค่ะ”“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้“หรือเรายังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก“งั้นก็โอเคเลย
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ“งั้นกลับบ้านเรากัน”แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”หมับ!!“พี่ไม่เอาไม่เล่น”“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”หมับ!!“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจ
“ปล่อย!”“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...พรึบ!“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จาก
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู