“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ
“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”
“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ
“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร
“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ
“งั้นกลับบ้านเรากัน”
แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน
“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้
“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”
หมับ!!
“พี่ไม่เอาไม่เล่น”
“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว
“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง
“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว
“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”
หมับ!!
“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจะนอน พรุ่งนี้หนูมีเรียนนะ” ตัวเล็กดิ้น เมื่อพี่สาวกระโดดขึ้นเตียงแล้วบีบจับหน้าอก จั๊กจี้เอวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“ก็ได้” ฉันทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้อง
“หนูขอนอนกอดได้ไหม แล้วพี่ต้องนอนกับหนูอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ให้โมจิหายคิดถึง แล้วค่อยไปนอนห้องตัวเอง!” ตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“ถึงไม่บอกพี่ก็จะนอนห้องตัวเล็ก อยู่คนเดียวตั้งหลายปี เหงาจะตายกลับมาบ้านแล้วก็ต้องนอนกับน้องสาวสุดที่รัก” ฉันหอมแก้มป่อง ๆ ด้วยความคิดถึง เราสองคนพี่น้องทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พอโตมามันก็กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“ตัวเล็กรักพี่ที่สุดในโลก”
“พี่ก็รักตัวเล็กที่สุดในโลก” แล้วเราสองคนพี่น้องก็นอนกอด คุยกันจนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ตอนเช้า
“โมจิ ตัวเล็กลูก ไหนหนูว่ามีเรียนตอนเช้า นี่มันสายแล้วนะ” ...เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กตื่นสายผิดปกติ
“ตัวเล็ก!! เพราะหนูไปทำงานให้แด๊ดดึกใช่ไหมถึงตื่นสายแบบนี้ ตัวเล็ก!”
แอ๊ด
“แดดดี้คะ เบา ๆ ตัวเล็กหลับอยู่” ฉันที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงแดดดี้เคาะประตู กลัวน้องตื่นเลยรีบเดินไปห้าม แล้ววันนี้ก็จัดการลากิจให้เรียบร้อย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบสว่างน้องคงไปเรียนไม่ไหวแน่นอน
“ยะ......ญี่ปุ่น!!” แดดดี้ทำหน้าตกใจ
“Morning ค่ะ แดดดี้!” ร่างบางโผเข้ากอดพ่อด้วยความคิดถึง
“หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่บอก แล้วมาอยู่ในห้องน้องได้ไง” แดดดี้ดูตื่นเต้นเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
“เมื่อวานค่ะ ภูผาไปรับ ญี่ปุ่นมาเซอร์ไพรส์แด๊ดไง ฮื่อไม่ร้องสิคะ แด๊ดต้องยิ้มสิร้องไห้ทำไมกัน” หน้าแดดดี้มันตลกมากตอนนี้ อยู่ ๆ ก็ร้องไห้เป็นเด็กไปได้
“ก็แด๊ดดีใจ แล้วก็ตกใจ ก็หนูบอกจะกลับอาทิตย์หน้า แล้วแม่ แม่รู้ยังว่าหนูกลับมา”
“ยังค่ะ เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงบ้านแด๊ดกับแม่ก็หลับก่อนเลยไม่ทันได้บอกใคร ว่าแต่แม่ล่ะ”
“อยู่ในห้อง ไปหาแม่สิ คงจะดีใจที่หนูกลับมาสักที เดี๋ยวพ่อดูน้องก่อน คงทำงานหนักถึงได้ตื่นสายในรอบสามปี” แด๊ด มองไปที่ตัวเล็กที่ยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
“โอเค” ฉันหอมแก้มแด๊ด ซ้ายขวาก่อนจะเดินยิ้มหน้าบานไปที่ห้องนอนแด๊ดกับแม่
พอไปถึงหน้าห้อง คนตัวเล็กก็ค่อย ๆ ย่องเข้าห้อง เห็นแม่กำลังจัดที่นอน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดจากด้านหลัง
พรึบ!
“คนสวยของหนูทำอะไรอยู่คะ”
“ญี่ปุ่น!!” แม่หันมายิ้มทั้งน้ำตา
“ค่ะ หนูเอง ญี่ปุ่นตัวแสบ ลูกสาวแดดดี้กันต์กับคุณแม่เบบี๋คนสวย”
“ไม่ร้องนะคะ คนดีของหนู” มือเล็กปาดซับน้ำตาให้แม่
“ญี่ปุ่นกลับมาแล้ว” ก่อนเราสองแม่ลูกจะกอดกันอยู่แบบนั้นด้วยความคิดถึง นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้รับอ้อมกอดอุ่น ๆ จากแม่
โต๊ะอาหาร...
“นี่ของโปรดญี่ปุ่น นี่ของโมจิ และนี่ของคุณแม่คนสวย แล้วนี่ของสุดหล่อของคุณตา แดดดี้ทำเองกับมือรับรองอร่อยแน่นอน”
“ว้าว น่ากินจัง ญี่ปุ่นจะกินให้หมดเลย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อแดดดี้นำจานหมูทอดกระเทียมพริกไทยมาวางต่อหน้า
“น่ากินก็กินให้หมด เราด้วย กินเยอะ ๆ ช่วงนี้แดดดี้ว่าหนูผอมไปนะ” แด๊ดลูบหัวตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“รับทราบโมจิจะกินให้หมดเลย”
“นี่ค่ะพี่กินเยอะ ๆ นะ” ตัวเล็กตักกุ้งผัดผงกะหรี่ของโปรดตัวเองให้พี่สาว
“เราก็กินเยอะ ๆ อ้าปาก” ฉันหยิบหมูทอดป้อนให้น้อง ตัวเล็กก็อ้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“ส่วนเราสุดหล่อ กินให้หมดแล้วหม่ามี้ไปส่งครับ”
“ครับหม่ามี้...คืนนี้พอตเตอร์ขอนอนกอดหม่ามี้นะ” เด็กน้อยทำหน้าอ้อน
“แน่นอนครับ” ฉันหอมแก้มลูกชายสุดที่รัก ด้วยความคิดถึง เผลอแป๊บเดียวพอตเตอร์ก็ 6 ขวบแล้ว ตอนแดดดี้ไปรับที่ฝรั่งเศส ยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย ตอนนี้ตัวโตขึ้นเป็นกองเลย
“วันนี้เป็นวันที่แดดดี้มีความสุขมากที่สุดในโลก ยิ่งได้เห็นลูกสาวทั้งสองคนรักกันแบบนี้ แด๊ดยิ่งมีความสุข” แด๊ดพูดและยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
“แม่เองก็ดีใจ ที่ในที่สุดครอบครัวเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้า” แม่พูดเสียงสั่น
“ห้ามร้องนะคะ ถ้าแม่ร้องหนูกับน้องจะร้องตามแล้วนะ” ร่างเล็กเดินเข้าไปกอดแม่
“ใช่ค่ะ แม่ห้ามร้องนะ โมจิรักแม่” พร้อมตัวเล็กที่เดินเข้ามากอดแม่อีกคน
“พอตเตอร์รักยาย” พอตเตอร์วิ่งมากอดยาย แล้วทำหน้าอ้อน เด็กอะไรน่ารักที่สุดเลย
“แล้วไม่มีใครรักแด๊ด?” แดดดี้ทำเสียงงอน ๆ
“รักสิคะ พวกเรารักทั้งแม่ทั้งแด๊ด รักมากที่สุดในโลกเลย” ฉันกับน้องหันไปพูดกับแด๊ด
“ฮึ... ครับ แด๊ดก็รักคุณแม่ รักลูก รักตัวเล็ก และรักไอ้แสบที่สุด” แด๊ดเดินเข้ามาหอมหัวเราทุกคนอย่างอ่อนโยน ก่อนเราทุกคนจะนั่งกินข้าวพูดคุย หัวเราะกันอยู่แบบนั้น นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้…
“ตั้งใจเรียนนะครับ ตอนเย็นเดี๋ยวหม่ามี้กับพี่โมจิมารับ”
“ครับหม่ามี้ พอตเตอร์จะตั้งใจเรียน”
มั้วะ!!
พอตเตอร์หอมแก้มแม่กับน้าก่อนจะวิ่งยิ้มหน้าบานเข้าประตูโรงเรียนไป
“คิดถึงเมื่อก่อนนะว่าไหม” ฉันหันไปพูดกับตัวเล็ก แล้วหวนให้นึกถึงวันเก่า ๆ สมัยเรียน ที่เคยแอบหนีเรียนไปเฝ้าผู้ชาย คิดแล้วก็ขำตัวเอง
“ไปได้แล้วค่ะ แดดดี้กับแม่จะรอนานแล้วจำทางได้แน่นะ” ตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหัว
“จำได้สิ ไปเรียนต่อแค่ไม่กี่ปี ทางหลวงในกรุงเทพฯ คงไม่เปลี่ยน หรือยกไปไว้ที่อื่นหรอก” ฉันหันไปจ้องตัวเล็กอย่างหมั่นไส้
“ก็ไม่แน่นะ ว่าไม่ได้” ตัวเล็กพูดจริงจัง
“งั้นตัวเล็กขับไปเลย พี่จะได้นั่งสบาย ๆ เป็นคุณนาย” ฉันส่งกุญแจรถให้น้อง
“อ้าว ใช้หนูอีกแล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่น้องก็รีบรับกุญแจรถไปทันที ก่อนเราสองคนพี่น้องจะมุ่งหน้าไปหาแดดดี้ที่บริษัท ก็บริษัทเดียวกันกับที่พี่พาร์ทเป็นประธานนั่นแหละ มันคือบริษัทของตระกูลเรา
แต่แปลกใจตรงที่แดดดี้จะให้ไปทำไม ที่นั่นมันมีแต่ทำเครื่องเพชร ถึงจะเรียนออกแบบมา แต่จะให้ไปออกแบบเครื่องเพชรไม่เอาด้วยหรอกนะ แต่ถ้าให้ช่วยงานก็พอไหว จะให้พี่ชายคนโตของตระกูลทำคนเดียวก็ยังไงอยู่ อีกคนที่ยุ่งมาก วิ่งไปทำตรงนั้นที ตรงนี้ทีก็คงจะเป็นภูผา เห็นโมจิบอกว่าทั้งทำงานช่วยพี่พาร์ท และยังต้องทำงานแทนอาเปอร์ แต่ดีที่มีขุนศึกเป็นแรงหลักดูแลทางกองละคร พูดถึงขุนศึกแล้วก็คิดถึงจัง......
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”“ค่ะ”“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้“หรือเรายังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก“งั้นก็โอเคเลย
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู
“ปล่อย!”“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...พรึบ!“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จาก
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”“ค่ะ”“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้“หรือเรายังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก“งั้นก็โอเคเลย
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ“งั้นกลับบ้านเรากัน”แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”หมับ!!“พี่ไม่เอาไม่เล่น”“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”หมับ!!“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจ
“ปล่อย!”“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...พรึบ!“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จาก
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู