“ปล่อย!”
“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย
“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”
“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!
“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...
พรึบ!
“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง
“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด
“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ
“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก
“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จากที่ผลักไส มือเล็กก็ลูบวนหน้าอกแกร่งเขาไปมา มองหน้าเขาแล้วก็ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ เพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้
หมับ!
“อย่าหลงตัวเองให้มันมาก ฉันไม่หน้ามืดถึงขนาดคิดอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอ!”
“ผู้หญิงแบบญี่ปุ่น มันเป็นไงคะ” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรง ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เขาก็ยังคงเหมือนเดิม
“.....” เขาเงียบเอาแต่จ้องหน้าและออกแรงบีบข้อมืออย่างแรง
“ญี่ปุ่นมันก็แค่ ผู้หญิงไร้ค่า ทำตัวไม่มีค่าชอบวิ่งตามผู้ชาย ไม่น่ารัก ไม่อ่อนหวานเหมือนน้ำอุ่นสินะ อ้อ พูดถึงน้ำอุ่นเป็นไงบ้างคะ ยังรักกันดีไหม” ฉันพูดยิ้ม ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำอุ่นกับภูผาเขารักกัน ในเมื่อเขาหาเรื่องก่อน ก็แค่เอาคืน ดูสิพูดแทงใจดำไปแบบนี้จะทำหน้ายังไง ก็คงหนีไม่พ้นทำหน้าดุ โกรธเกรี้ยวใส่เหมือนที่เคยทำ
“แล้วมีลูกกันยังคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายเผื่อว่าง ๆ จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสักหน่อย”
“แล้วบ้านพี่อยู่ไหน ที่เดิมไหม เผื่อแวะเอาของไปฝาก ว่าแต่ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย แล้ว...อุ๊บ”
“ฮื่อ ปะ...ปล่อยนะ” ร่างเล็กดิ้น สองมือผลักคนตัวโตออกจากตัว เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ประกบปากจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ทันให้ฉันตั้งตัว แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งบดขยี้แรงกว่าเดิม แรงจนรู้สึกเจ็บบวมไปทั่วทั้งบริเวณ
“ฮื่อ ปะ...” แต่ก็ทำได้เพียงร้องท้วงในลำคอ เขาไม่สนใจฟังยังคงจูบดูดเม้มมันอย่างเมามัน
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน น่ารำคาญ!” เขาเอ่ยเสียงดุ ก่อนจะยกนิ้วเช็ดริมฝีปากตัวเองที่มันเลอะด้วยลิปสติก
เพียะ!!
“......” ฉันตบเขาอย่างแรง ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น เป็นบ้าอะไรอยู่ ๆ ก็มาจูบ
หมับ!!
“ฮื่อ...ปะ...” แต่เดินไปยังไม่ถึงก้าว มือหนาก็คว้าข้อมือเล็ก ดึงร่างเล็กเข้าไปกอดแล้วประกบปากจูบอีกครั้ง และครั้งนี้มันแรงกว่าเดิม แรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปทั่วทั้งปาก
พรึบ!! ร่างเล็กรวบรวมแรงที่มีทั้งหมด ผลักเขาจนเกือบล้ม ก่อนจะเดินเข้าไปตบเขาอย่างแรง
เพียะ!!
“…….” เขาเงียบ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น และมองมาที่ฉันอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมคะติดใจอยากจูบอีกเหรอ อยากจูบก็บอกดี ๆ สิ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” ทั้ง ๆ ที่ในใจมันโกรธจนควันออกหู แต่ก็ต้องยิ้มยั่ว ไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้ใครเห็น เพราะที่ผ่านมาฉันอ่อนแอมามากพอแล้ว
“ทีหลังอยากจูบก็บอกกันดี ๆ สำหรับพี่ คนเคยรักขอดี ๆ ญี่ปุ่นคนนี้ก็พร้อมที่จะนอนถ่างขาให้แล้วค่ะ”
“บาย แล้วเจอกันนะคะ พอดีวันนี้มีนัด” ฉันเดินเข้าไปหอมแก้มเขา ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น พร้อมความรู้สึกหลากหลาย ทั้ง ๆ ที่ทำใจได้แล้ว แต่ทำไมมันยังรู้สึกเจ็บ ที่เขาทำแบบนั้น...
...แบงค์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น อย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำแบบนั้นไปทำไม ทั้ง ๆ ที่ปากก็บอกว่าเกลียดผู้หญิงคนนี้มาตลอด
ผับ…
เปลี่ยนไปเยอะเลย ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน เลยแวะมาหาโมจิ แต่เห็นใครบางคนกำลังทำอะไรอยู่ไม่รู้อยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ไปแกล้งให้ตกใจเสียหน่อย เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น
“คุณหนู”
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ลุงเทวา ก่อนจะเดินเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง
“คิดถึงจัง ไม่เจอตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมนะคะ”
“ไม่ต้องมาพูดหวาน ทำอะไรผิดมาใช่ไหม ถึงได้อ้อนลุงแบบนี้แล้วนี่ไอ้กันต์มันรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวกลับมา เห็นมันบอกคุณหนูจะกลับมาอาทิตย์หน้า”
“แฮ่...แดดดี้ไม่รู้ พอดีญี่ปุ่นกลับมาก่อนกำหนด ว่าจะแอบหนีเที่ยวแต่เจอคนบ้าเลยอารมณ์เสีย เลยแวะมาหาโมจิ ว่าแต่น้องอยู่นี่ไหม ญี่ปุ่นอยากดื่มกับน้อง”
“ห้องทำงาน กำลังเคลียร์เอกสาร พอดีพรุ่งนี้ต้องสั่งของ”
“งั้นหนูไม่กวนแล้ว ไปหาน้องดีกว่า” แล้วร่างบางก็เดินเข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสาม มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ว่างเปล่า” มือเล็กเคาะประตู พร้อมค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไป
“พี่ญี่ปุ่น!!!” ทันทีที่โมจิเห็นพี่สาว น้องรีบวางปากกาแล้ววิ่งเข้ามากอดพี่ทันที
“ฮื่อ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก”
“โมจิ พี่หายใจไม่ออก”
“ขอโทษค่ะ ก็โมจิดีใจไปหน่อย” น้องค่อย ๆ ปล่อยกอด
“ว่าแต่ปากพี่” นิ้วเรียวเล็กยื่นมาจับที่ริมฝีปาก ที่บวมเป่ง
“อ๊ะ เจ็บ” ฉันถึงกับสะดุ้ง
“ไปโดนอะไรกัดมาคะ? บวมขนาดนี้” โมจิมองมันอย่างพิจารณา
“ไม่รู้พี่แวะซื้อของกินข้างทาง มันคงจะมีอะไรอยู่ในนั้นมั้ง ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่ทำงานเสร็จยังเราไปดื่มกันไหม” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้น้องสงสัยอะไรไปมากกว่านี้
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่รอสัก 10 นาทีนะ แต่โมจิว่าปากพี่มันเหมือนโดนใครกัดมานะ”
ตัวเล็กนี่ยังไงยังสงสัยไม่เลิก
“พูดอย่างกับเคยโดนใครกัดมา!” ฉันจ้องหน้าน้องอย่างจับผิด
“ปะ... เปล่า วัน ๆ ก็มีแต่เรียน แล้วก็ทำขนม ตกกลางคืนก็ต้องมาดูผับ ใครจะมากัดได้ พี่พูดอะไร ไปนั่งรอตรงโน้นเลยค่ะ” โมจิพูดเสียงกระอึกกระอัก ก่อนจะรีบเดินกลับไปทำงานต่อ
“ทำตัวมีพิรุธ” ฉันมองตามคนตัวเล็ก ๆ คนอะไรจะตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้น ขนาดว่าตัวเองเล็กแล้ว โมจิยิ่งตัวเล็ก เล็กนิดเดียว แต่น้องเป็นคนน่ารักยิ่งมองก็ยิ่งหลง มองได้เรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อ
“ยิ้มอะไรคะ” ตัวเล็กเงยหน้ามามองพี่สาวแล้วก้มลงทำงานต่อ
“ก็มองคนน่ารักไง รู้ตัวไหมว่าตัวเล็กของพี่น่ารักขนาดไหน ว่าแต่น่ารักแบบนี้มีแฟนยัง” ร่างบางเดินเข้าไปหาน้อง พร้อมหย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะทำงาน
“ไม่ค่ะ ตัวเล็กยังไม่อยากปวดหัว ขออยู่คนเดียวสบาย ๆ แบบนี้นะดีแล้วเสร็จแล้วเราไปกันค่ะ”
“ก็ดีนะ จะได้โสดเป็นเพื่อนพี่ ไว้พี่จะพาไปเที่ยวไปจีบผู้ชายเล่น ๆ กัน สวยรวยเก่งแบบพวกเรา แค่เดินเข้าไปในร้านผู้ชายก็พร้อมที่จะมอบกายถวายหัวให้แล้ว” ฉันพูดจริงจัง
“ฮึ... ค่ะ พี่พาไปไหนโมจิพร้อมไปด้วย”
“น่ารักที่สุด ตัวเล็กของพี่ ว่าแต่วันนี้ใครเมาก่อนแพ้!” ฉันหอมแก้มน้องหนักอย่างมันเขี้ยว
“แน่ใจนะ พี่พูดเองนะ!” โมจิพูดยิ้ม ๆ เวลาไม่สบายใจได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ที่สดใสของน้องมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...
“แน่ใจ! วันนี้พี่จะชนะให้ได้คอยดู!”
“.....” โมจิ มองหน้าพี่แล้วยิ้ม ก่อนเราสองพี่น้องจะเดินกอดเอวกันลงไปดื่มที่ชั้น VIP ที่บอกว่าจะชนะให้ได้ ก็พูดไปงั้นแหละ ตั้งแต่โมจิอายุ 15 พอแดดดี้สอนน้องให้ดื่มเป็นฉันก็แพ้น้องมาตลอด บอกใคร ใครจะไปเชื่อ แต่งตัวหวาน ๆ ท่าทางเรียบร้อย แต่ดื่มเหล้าเก่งจนแดดดี้ยังเอ่ยปากชม...
“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ“งั้นกลับบ้านเรากัน”แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”หมับ!!“พี่ไม่เอาไม่เล่น”“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”หมับ!!“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจ
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”“ค่ะ”“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้“หรือเรายังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก“งั้นก็โอเคเลย
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”“ค่ะ”“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้“หรือเรายังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก“งั้นก็โอเคเลย
“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ“......” ตัวเล
“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ“งั้นกลับบ้านเรากัน”แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”หมับ!!“พี่ไม่เอาไม่เล่น”“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”หมับ!!“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจ
“ปล่อย!”“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...พรึบ!“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จาก
“Hi เมืองไทย กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”“แดดดี้หนูกลับมาแล้ว แต่ขอหนีเที่ยวก่อนสักสองวันแล้วจะไปรายงานตัวนะคะ” หญิงสาวหุ่นดี ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำ สุดเซ็กซี่ราคาแพง ปากแดงพูดบ่นอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เท้าแตะสนามบิน พร้อมสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่จะมารับแต่ก็ไม่เจอ ก่อนมือเรียวเล็กจะหยิบมือถือ iPhone 13 pro max สีเซียร์ร่าบลู ออกมาแล้วกดโทรออก หาอีกคนทันที“ภูผา ที่รักอยู่ไหนเขารออยู่นะ ทำไมช้าจัง”“……กำลังไป” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวร่างบางที่ยืนส่งยิ้มหวานให้“คิดถึงจัง”“ญี่ปุ่น!” ภูผาเค้นเสียงดุเมื่อถูกเพื่อนรักจู่โจม หอมแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ“อะไร แค่นี้ทำเป็นหวงตัว เมื่อก่อนยังไม่เห็นเป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าอ้อน กอดแขนชายหนุ่มทันที“.......” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นใจในตัวเอง แก่นเฟี้ยว แต่ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งและเข้มแข็งมาก อายุแค่ 24 แต่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งทำงานทั้งเรียนจนเป็นที่รู้จัก เป็นดิไซเนอร์อันดับต้น ๆ ที่ถูกพูดถึง“ไปเถอะ อยากเต้นจะแย่แล้ว เสียดายที่ภู