หญิงสาวเกิดความกังวลใจขึ้นมาทันที “นายคิดจะไปทำธุระส่วนตัวงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นสหายร่วมรบกัน นายต้องพาฉันไปด้วยสิ!”“ผมจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย คุณก็ค่อย ๆ รักษาแผลตัวเองไปแล้วกันนะ ลาก่อน”พูดจบ เย่ซิวก็พังหน้าต่างออกไปพรีเอลล์วิ่งตามไปที่หน้าต่างแต่ก็มองไม่เห็นเงาของเย่ซิวแล้วสีหน้าของเธอขรึมลง จิตสังหารในตัวเธอทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายสิบองศา “คอยดูเถอะไอ้สารเลว ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกคายทุกสิ่งที่เคยกินไปออกมา!”เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงบ้านของอลิส เธอก็ตื่นแล้วหลังจากที่อลิสตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่ซิวหายไป เธอก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรู้สึกจิตตกทันทีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ตึง! ตนเองก็รู้สึกแปลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ซิวแท้ ๆแต่เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาทันที “นายไปไหนมา? ฉันนึกว่านายจะไปโดยไม่บอกลากันซะแล้ว”เย่ซิวยิ้มและกล่าวว่า “ผมไปทานข้าวมาน่ะ”อลิสไม่สงสัยแม้แต่น้อยพลางทำท่าทางกระอักระอ่วน “เป็นเพราะฉันดูแลไม่ดีเอง นายมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหม หรือพวกเราควรไปซื้อตอนนี้เลยดี?”เย่ซ
เดิมทีเขาจะออกไปอยู่แล้ว แต่เพราะคำถามของอลิส การออกเดินทางจึงล่าช้าไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงอีกทั้งอลิสยังเสียเวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการแต่งหน้าใหม่เย่ซิวสงสัยอย่างมากว่าเธอทำมันโดยตั้งใจทั้งสองคนออกไปข้างนอกเหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปอลิสกอดแขนของเย่ซิว ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และอารมณ์ดีสุด ๆเธอขับรถไปยังถนนสายหนึ่งซึ่งมีความคล้ายคลึงกับถนนของประเทศจ้านอิงตี้มากที่แห่งนี้เรียกว่าถนนมหาเศรษฐีสินค้าทุกอย่างที่นี่ล้วนเริ่มต้นที่ห้าแสนบาท ซึ่งมีเพียงคนรวยเท่านั้นที่สามารถซื้อได้และมักมีหญิงสาวหน้าตาดีแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเดินไปมาบนถนนสายนี้อยู่เสมอหากเห็นผู้ชายสักคนมาที่นี่ตัวคนเดียวเดินเข้าไปซื้อของในร้านใดร้านหนึ่ง พวกเธอก็จะสร้างความบังเอิญเพื่อพยายามจับสามีรวย ๆแน่นอนว่าย่อมมีผู้ชายที่ต้องการจะหาภรรยาเศรษฐีจากที่นี่ด้วยเธอพูดว่าอยากจะซื้อเสื้อผ้าให้เย่ซิว แต่หลังจากมาถึงที่นี่ อลิสก็ลากเย่ซิวไปซื้อกระเป๋าหลากยี่ห้อ เครื่องประดับ แม้กระทั่งชุดชั้นใน ทำเอาเขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะหลังจากที่ติดตามเธอมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดอลิสก็พาเย่ซิวไปที่ร้านขายเส
เขาสัมผัสได้เพียงเขาที่งอกบนศีรษะ สายตาที่เขามองเย่ซิวราวกับต้องการจะกินหัวอีกฝ่ายเสียให้ได้อลิสยิ้มเยาะ “นายตาบอดเหรอ ไม่เห็นรึไงว่าเขาเป็นแฟนฉัน”“นี่คุณพูดบ้าอะไร เขาเป็นแฟนคุณ แล้วผมล่ะ? พวกเราคบกันมาตั้งหลายปี แต่คุณกลับทรยศผมแบบนี้เนี่ยนะ!”“ทรยศ?” อลิสเองก็โมโหเช่นกัน “นายยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายมีผู้หญิงคนอื่นมานานแค่ไหนแล้ว? นายเป็นคนทรยศฉันก่อน ไม่ใช่ฉันที่ทรยศนาย”ดวงตาของเอ็ดฉายแววตื่นตระหนก เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “อลิส ได้โปรดฟังคำอธิบายของผมก่อน ผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้นเองนะ”ขณะที่พูด เขาก็รีบดันผู้หญิงที่อยู่ข้างกายออกไปหญิงสาวผู้นี้เองก็รู้ตัวตนของอลิส เธอจึงก้มหัวลงและไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้ว อีกทั้งยังพยายามทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจน้อยที่สุดอลิสพูดอย่างเย็นชา “เรื่องระหว่างเรามันจบไปตั้งแต่วันที่นายทรยศฉันแล้วแล้วนายก็ไม่ได้ผู้หญิงแค่คนเดียว คิดว่าวันนั้นฉันไม่เห็นเหรอว่านายอยู่กับเพื่อนสนิทของฉัน”เอ็ดก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะจับมืออลิส แต่กลับถูกเธอปัดมือทิ้ง“ที่รัก คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกับเธอแค่คุยกันเรื่องงานเ
“พรึ่ด!”อลิสรู้สึกขบขันไปกับเย่ซิวพลางยกนิ้วโป้งให้เขา “ที่รัก คุณพูดได้ดีมากจริง ๆ”เอ็ดโกรธจนตัวสั่น ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อนแม้เขาจะเป็นเพียงผู้มีพลังวิเศษระดับต่ำสุด แต่สถานะของเขาก็สูงมาก ไปที่ไหนเขาก็เป็นที่เคารพนับถือแต่ตอนนี้เขากำลังถูกเย่ซิวผู้ที่ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาอะไรทำให้ขายหน้าต่อหน้าคนมากมาย ใคร ๆ ก็คงจะจินตนาการถึงความโกรธที่อยู่ในใจของเขาได้เขากำหมัดแน่นและแอบรวบรวมพลังวิเศษในร่างกายเพื่อฆ่าคนตรงหน้าต่อหน้าทุกคนเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมไป อลิสจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า “ยังจะรังควานกันไม่เลิกอีกเหรอ? อย่างนั้นฉันจะโทรหาพ่อของฉันเดี๋ยวนี้เลย”สีหน้าของเอ็ดเปลี่ยนไป เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที “อย่า ๆ ๆ ผมจะไปแล้วนี่ไงคุณต้องเชื่อนะว่าผมรักคุณเสมอ ผมก็แค่ทำผิดพลาดเหมือนกับที่ผู้ชายทุกคนในโลกนี้เคยทำ ผมขอตัวก่อน คุณใจเย็น ๆ ล่ะ”พูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก และก่อนที่จะออกไป เขาจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นชาผู้หญิงที่อยู่กับเขาก็รีบตามเขาออกไปด้วยพนักงานขายสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังคงพาคนทั้งสองไปหยุดอยู่ตรงหน้าราวเสื้อผ้าราวกับไม่
หยางเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยังไม่ขอโทษทั้งสองคนอีก”“ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว” หยางถิงถิงกล่าวอย่างไม่เต็มใจหยางเฟิงมองไปที่เย่ซิวและอลิส “พวกเธอทั้งสองคน ฉันตั้งใจจะซื้อชุดนี้กลับไปศึกษา หวังว่าจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆช่วงนี้ผมอยากออกแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ แต่ก็ไม่มีไอเดียเลยหากทั้งสองคนยอมตัดใจจากชุดนี้ ฉันสามารถให้เงินชดเชยแก่พวกเธอได้นะแม้พวกเธออาจจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่นี่ก็ถือเป็นความจริงใจจากฉัน”ไม่เสียทีที่เป็นผู้สูงอายุที่ผ่านโลกมาหลายสิบปี วิธีการพูดของเขาทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจมากอลิสกำลังจะอ้าปากจะปฏิเสธเธอไม่ขาดแคลนเงินเลย ขอเพียงเธอสามารถทำให้คนที่เธอชอบมีความสุขได้แต่เย่ซิวชิงพูดขึ้นก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไร “ไหน ๆ ผู้อาวุโสก็ทำธุรกิจด้านเสื้อผ้า ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับผมบ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีองค์ประกอบของประเทศหลงเถิงก็จะดีมากครับ”ตัวเขาเองเป็นคนประเทศหลงเถิง จะเป็นการดีที่สุดหากเขาได้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีองค์ประกอบของประเทศของเขาได้แต่ชุดพิธีการส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักเป็นสไตล์ต่างประเทศหยางเฟิงหัวเราะ “แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้ว
เย่ซิวยังคงสงบ “คุณท่าน ท่านเป็นสหายกับเขาเหรอครับ?”“คุณปู่ของฉันไม่รู้จักวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างเย่ซิวหรอก” หยางถิงถิงแค่นเสียง ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความชื่นชม“เย่ซิวคือไอดอลของฉัน เขาต่อสู้กับหลายสิบประเทศเพียงลำพัง แต่สุดท้ายเขาก็สามารถหลบหนีออกมาได้ ชีวิตนี้ฉันจะต้องแต่งงานกับวีรบุรุษอย่างเขาให้ได้”คนระดับพวกเขาย่อมสามารถหาภาพเหตุการณ์การต่อสู้นั้นมาได้โดยเฉพาะหลังจากที่หยางถิงถิงได้เห็นภาพเหล่านั้นแล้ว ความชื่นชมและความรักที่เธอที่มีต่อเย่ซิวก็เพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนจนชมเกินจริงไปมากเกินจริงถึงขั้นไหนน่ะเหรอ?ถึงขั้นที่ว่าผู้ชายคนใดก็ตามที่เธอได้พบเจอล้วนแล้วแต่เป็นขยะไปเลยท่าทางของอลิสดูไม่ค่อยสู้ดีนักเธอเคยได้ยินเรื่องราวของเย่ซิวมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นาภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเลย นั่นเป็นเพราะเธอไม่ได้สนใจการต่อสู้และการสังหารใด ๆเย่ซิวเป็นวีรบุรุษของประเทศหลงเถิง แต่สำหรับคนของประเทศจ้านอิงตี้แล้ว เขาคือมลทินที่ไม่อาจลบล้าง และเป็นความอัปยศทว่าหากอลิสและหยางถิงถิงรู้ว่าผู้ชายที่พวกเธอทั้งชอบและเกลียดได้มาอยู่ตรงหน้า ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเธอจะมี
เธอจินตนาการว่าเย่ซิวจะดูมีอำนาจและสูงสง่าแค่ไหนเมื่อสวมใส่ชุดนี้แค่คิดเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายของเธออ่อนระทวยแล้ว จนเผลอคิดเลยเถิดไปอีก สายตาที่เธอมองเย่ซิวเริ่มมีความคิดไม่ซื่อนั่นทำเอาเย่ซิวพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้นี่นะ…เมื่อหยางถิงถิงได้ยินอย่างนั้นก็กลอกตาใส่เขาและพูดแขวะอีกครั้ง“คุณนี่ก็คิดเพ้อฝันเสียจริง เขาน่ะเหรอคิดจะใส่เสื้อตัวนี้? ไม่ต้องพูดถึงชาติหน้าหรอก ชาตินี้ก็เป็นไปไม่ได้!”อลิสโกรธ “คุณทำตัวไร้มารยาทถึงขนาดนี้ได้ยังไง? ตอนนี้พวกเราเป็นแขกนะ นี่คุณปฏิบัติกับแขกแบบนี้เหรอ?ถ้าต่อไปบริษัทตกไปอยู่ในมือคุณ ไม่ถึงครึ่งปีคงจะล้มละลายแน่”หยางถิงถิงโกรธมาก และขู่อลิสราวกับแมวที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน “คุณจะรู้อะไร? เสื้อตัวนี้พิเศษมาก แถมมีพลังประหลาดด้วยคุณปู่ของฉันบอกว่าคนธรรมดาไม่มีทางใส่ได้ คนที่จะใส่ต้องมีดวงชะตาที่กล้าแกร่งมากพอ ไม่อย่างนั้นหากใส่ไปแล้วจะเกิดปัญหาใหญ่แน่”อลิสแค่นเสียงเย็น “มันก็แค่เสื้อผ้าชิ้นเดียวเอง จะมีปัญหาใหญ่อะไรได้”“ถิงถิง หุบปากไปเสียเดี๋ยวนี้เลย ขืนหลานกล้าพูดอีกคำเดียว ปู่จะถูกตัดแกออกจากการสืบทอดบริษัท!”คำพูดของหยางเฟิงนั้นรุนแรงม
“ตึง ๆ ๆ …”จู่ ๆ เสื้อผ้าก็พองโตขึ้น ราวกับมีคนพุ่งชนกระจกครอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยางเฟิงและคนอื่น ๆ พากันตกตะลึง“เกิดอะไรขึ้น?!”“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!”เพล้ง!หลังจากถูกกระแทกหลายครั้งติดต่อกัน กระจกครอบก็แตกเสื้อผ้าลอยมาอยู่ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นมันก็เปล่งแสงวาบ ก่อนที่มันจะสวมเข้าตัวเขาในทันทีสีดำเป็นตัวแทนของความสง่างามและความมีอำนาจ เมื่อได้มาอยู่บนตัวของเย่ซิว ดูเหมือนว่ามันจะถูกตัดเย็บมาเพื่อเขาโดยเฉพาะและพอดีกับตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวเขา ภาพนั้นทำให้ม่านตาของหยางถิงถิง หยางเฟิง และอลิสหดตัวลงราวกับพวกเขาได้เห็นการก่อกำเนิดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านและอยากสักการะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ช่างเป็นอาภรณ์ที่ล้ำค่าจริง ๆ”เย่ซิวพูดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นอาภรณ์ล้ำค่าชั้นยอด ที่ภายในได้มีการให้กำเนิดจิตวิญญาณเล็ก ๆ ขึ้นมาหรือก็คือสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าอาวุธวิญญาณหากในสมบัติชิ้นนั้นมีอาวุธวิญญาณอยู่ คุณภาพและมูลค่าของมันจะเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่าเพราะมันเป็นสมบัติที
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ