“ตึง ๆ ๆ …”จู่ ๆ เสื้อผ้าก็พองโตขึ้น ราวกับมีคนพุ่งชนกระจกครอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยางเฟิงและคนอื่น ๆ พากันตกตะลึง“เกิดอะไรขึ้น?!”“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!”เพล้ง!หลังจากถูกกระแทกหลายครั้งติดต่อกัน กระจกครอบก็แตกเสื้อผ้าลอยมาอยู่ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นมันก็เปล่งแสงวาบ ก่อนที่มันจะสวมเข้าตัวเขาในทันทีสีดำเป็นตัวแทนของความสง่างามและความมีอำนาจ เมื่อได้มาอยู่บนตัวของเย่ซิว ดูเหมือนว่ามันจะถูกตัดเย็บมาเพื่อเขาโดยเฉพาะและพอดีกับตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวเขา ภาพนั้นทำให้ม่านตาของหยางถิงถิง หยางเฟิง และอลิสหดตัวลงราวกับพวกเขาได้เห็นการก่อกำเนิดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านและอยากสักการะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ช่างเป็นอาภรณ์ที่ล้ำค่าจริง ๆ”เย่ซิวพูดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นอาภรณ์ล้ำค่าชั้นยอด ที่ภายในได้มีการให้กำเนิดจิตวิญญาณเล็ก ๆ ขึ้นมาหรือก็คือสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าอาวุธวิญญาณหากในสมบัติชิ้นนั้นมีอาวุธวิญญาณอยู่ คุณภาพและมูลค่าของมันจะเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่าเพราะมันเป็นสมบัติที
หยางถิงถิงชิงตอบก่อนว่า “หนึ่งหมื่นล้านบาท ห้ามขาดแม้แต่นิดเดียว”อลิสโกรธจัด “เธอบ้าไปแล้วเหรอ เสื้อผ้าหนึ่งชิ้นราคาหนึ่งหมื่นล้าน ถึงจะทำมาจากทองคำล้วนและประดับด้วยเพชรร้อยเม็ด มันก็ไม่แพงขนาดนั้นหรอก”หยางถิงถิงแค่นเสียงเย็นพลางเหล่ตามองเธอ “ราคาถูกตั้งไว้แบบนี้มาตั้งแต่แรก ฉันไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินจริงสักหน่อย ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ถอดชุดออกซะ ยาจกเอ๊ย”เย่ซิวรู้สึกหงุดหงิดกับการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหยางถิงถิง และพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับเธอ “แล้วถ้าผมมีเงินซื้อชุดนี้ล่ะจะว่ายังไง?”หยางถิงถิงกอดอก ทุกส่วนของร่างกายเธอแสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามเย่ซิว “ดูจากสภาพนายแล้วทั้งตัวคงจะมีเงินไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทด้วยซ้ำ…คนธรรมดาอย่างนายจะมีเงินหนึ่งหมื่นล้านได้ยังไง”เดิมทีเธออยากจะพูดว่า ‘ไอ้ยาจก’ แต่เมื่อนึกถึงคุณปู่ที่ยังอยู่ข้าง ๆ เธอก็จำต้องเปลี่ยนคำพูดเย่ซิวยิ้มออกมา เดี๋ยวนี้ยังมีคนตัดสินว่าใครรวยหรือจนจากมูลค่าของเสื้อผ้าที่สวมใส่กันอยู่อีกหรือ “แล้วถ้าผมหาเงินมาได้ล่ะ?”“ถ้านายหาเงินหนึ่งหมื่นล้านมาได้ ฉันจะคำนับนายแล้วเรียกนายว่านายท่านสามครั้งไปเลยแต่บอกไว้ก่อนนะว่าเงินนั่นต้
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโหเย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมาเซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"เพียะ เพียะ!เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองทีร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถเขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็วแต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัดแต่หลังจา
เพียะ!หนึ่งฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดไปที่หน้าของเซี่ยชิงชิงใบหน้าที่ขาวผ่องและเนียนละเอียดของเธอบวมขึ้นในทันทีนั้นเสียงตบที่คมชัด ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทำให้เซี่ยเจี๋ยเบิกตากว้าง บอดี้การ์ดทั้งสองคนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเซี่ยชิงชิงยกมือขึ้นกุมหน้า ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำเอาเธอแทบบ้าคลั่งเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นทันที "กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเธอ มองไปที่เซี่ยเจี๋ยแล้วพูด “หลานสาวของคุณกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ผมก็เลยช่วยสั่งสอนเธอแทนให้ มีปัญหาอะไรไหมครับ?"เซี่ยเจี๋ยยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันไม่กล้ามีปัญหาหรอก หลานสาวฉันคนนี้ หยิ่งผยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ"“คุณปู่ ฆ่าเขา รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยชิงชิงตีโพยตีพาย คนทั้งคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า“หุบปาก!”เซี่ยเจี๋ยตะคอก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธออกมานิดหน่อย “ดูเหมือนว่าปกติปู่จะตามใจหลานจนเสียคนแล้วจริง ๆ รีบขอโทษผู้มีพระคุณเย่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งหลานเรียนจบ อย่าคิดว่าจะได้
จ้าวเฉียนเดินเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ตะโกนทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยั้งมือ“พ่อ?” จ้าวเฟิงตกตะลึง “พ่อมาทำอะไรที่นี่?”จ้าวเฉียนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"จ้าวเฟิงอธิบายเหตุการณ์ให้จ้าวเฉียนฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำดวงตาของจ้าวเฉียนเป็นประกาย ความคิดของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว ๆ แล้ว น่าจะเป็นเย่ซิวคนนี้ที่บังเอิญช่วยเซี่ยเจี๋ย แต่ขณะเดียวกันก็ดันไปทำให้เซี่ยชิงชิงขุ่นเคืองใจ จึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต้องบอกว่าจ้าวเฉียนสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆเขาโบกมือ "อย่างนั้นก็ลงมือเถอะ"แต่ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เย่ซิวก็โพล่งขึ้น "คุณคือจ้าวเฉียนงั้นเหรอ?"ที่นี่คืออาคารของบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป และในพินัยกรรมที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้นั้น ยังได้ทิ้งข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับจ้าวเฉียนเอาไว้ด้วยจ้าวเฟิงโกรธมาก "ชื่อของพ่อฉัน แกอยากจะเรียกก็เรียกได้หรือไง? ไอ้คนเถื่อน!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเขา "เป็นคุณจริง ๆ เยี่ยมเลย ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะ"“โอ้?” จ้าวเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "คนเถื่อนที่เพิ่งลงมาจากเขาอย่างนาย มีธุระอะไรกับฉ
ที่หน้าร้าน หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เย่ซิวแล้วตะโกนเสียงดังลั่น "ไสหัวไปให้ไกล ๆ เลย อย่ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน!"ในความเห็นของเธอ เย่ซิวซึ่งสวมชุดผ้าขี้ริ้วและสะพายถุงผ้าเก่า ๆ ไม่ต่างอะไรจากขอทานเย่ซิวพูดว่า "ผมไม่ใช่ขอทาน ผมมาซื้อเสื้อผ้า ผมมีเงิน"หญิงวัยกลางคนกอดอกและเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอทานอย่างแกจะมีเงินสักเท่าไหร่เชียว สิบหยวนหรือว่ายี่สิบหยวนล่ะ? แกไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้หรอกนะ ห้ามเข้ามาในร้านของฉัน อย่าทำให้ร้านของฉันสกปรก"เย่ซิวระงับความโกรธ "ผมบอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมมีเงิน ถ้าคุณเปิดร้านทำธุรกิจ ทำไมถึงไม่ให้ผมเข้าไปล่ะ?"หญิงวัยกลางคนโกรธมาก "แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ถ้าไม่ไป ฉันจะไม่ยั้งมือแล้วนะ"หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบไม้กวาดข้างประตูขึ้นมาและจ้องเย่ซิวด้วยสีหน้าดุร้าย“พี่ชายคนนี้ อยากจะซื้อเสื้อผ้าเหรอคะ? มาที่ร้านฉันก็ได้นะ”ทันใดนั้นเอง เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งก็ดังมาจากร้านข้าง ๆ เย่ซิวหันกลับไปมอง เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปีกำลังพูดกับเขาอย่างเขินอายเธอดูไร้เดียงสามาก สวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวผมถูกถักเป็นเปียสอง
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมดจากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทางทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!""ได้!"คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้าเย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็วแต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทนเย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้นทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ""ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมา
หยางถิงถิงชิงตอบก่อนว่า “หนึ่งหมื่นล้านบาท ห้ามขาดแม้แต่นิดเดียว”อลิสโกรธจัด “เธอบ้าไปแล้วเหรอ เสื้อผ้าหนึ่งชิ้นราคาหนึ่งหมื่นล้าน ถึงจะทำมาจากทองคำล้วนและประดับด้วยเพชรร้อยเม็ด มันก็ไม่แพงขนาดนั้นหรอก”หยางถิงถิงแค่นเสียงเย็นพลางเหล่ตามองเธอ “ราคาถูกตั้งไว้แบบนี้มาตั้งแต่แรก ฉันไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินจริงสักหน่อย ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ถอดชุดออกซะ ยาจกเอ๊ย”เย่ซิวรู้สึกหงุดหงิดกับการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหยางถิงถิง และพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับเธอ “แล้วถ้าผมมีเงินซื้อชุดนี้ล่ะจะว่ายังไง?”หยางถิงถิงกอดอก ทุกส่วนของร่างกายเธอแสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามเย่ซิว “ดูจากสภาพนายแล้วทั้งตัวคงจะมีเงินไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทด้วยซ้ำ…คนธรรมดาอย่างนายจะมีเงินหนึ่งหมื่นล้านได้ยังไง”เดิมทีเธออยากจะพูดว่า ‘ไอ้ยาจก’ แต่เมื่อนึกถึงคุณปู่ที่ยังอยู่ข้าง ๆ เธอก็จำต้องเปลี่ยนคำพูดเย่ซิวยิ้มออกมา เดี๋ยวนี้ยังมีคนตัดสินว่าใครรวยหรือจนจากมูลค่าของเสื้อผ้าที่สวมใส่กันอยู่อีกหรือ “แล้วถ้าผมหาเงินมาได้ล่ะ?”“ถ้านายหาเงินหนึ่งหมื่นล้านมาได้ ฉันจะคำนับนายแล้วเรียกนายว่านายท่านสามครั้งไปเลยแต่บอกไว้ก่อนนะว่าเงินนั่นต้
“ตึง ๆ ๆ …”จู่ ๆ เสื้อผ้าก็พองโตขึ้น ราวกับมีคนพุ่งชนกระจกครอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยางเฟิงและคนอื่น ๆ พากันตกตะลึง“เกิดอะไรขึ้น?!”“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!”เพล้ง!หลังจากถูกกระแทกหลายครั้งติดต่อกัน กระจกครอบก็แตกเสื้อผ้าลอยมาอยู่ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นมันก็เปล่งแสงวาบ ก่อนที่มันจะสวมเข้าตัวเขาในทันทีสีดำเป็นตัวแทนของความสง่างามและความมีอำนาจ เมื่อได้มาอยู่บนตัวของเย่ซิว ดูเหมือนว่ามันจะถูกตัดเย็บมาเพื่อเขาโดยเฉพาะและพอดีกับตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวเขา ภาพนั้นทำให้ม่านตาของหยางถิงถิง หยางเฟิง และอลิสหดตัวลงราวกับพวกเขาได้เห็นการก่อกำเนิดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านและอยากสักการะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ช่างเป็นอาภรณ์ที่ล้ำค่าจริง ๆ”เย่ซิวพูดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นอาภรณ์ล้ำค่าชั้นยอด ที่ภายในได้มีการให้กำเนิดจิตวิญญาณเล็ก ๆ ขึ้นมาหรือก็คือสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าอาวุธวิญญาณหากในสมบัติชิ้นนั้นมีอาวุธวิญญาณอยู่ คุณภาพและมูลค่าของมันจะเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่าเพราะมันเป็นสมบัติที
เธอจินตนาการว่าเย่ซิวจะดูมีอำนาจและสูงสง่าแค่ไหนเมื่อสวมใส่ชุดนี้แค่คิดเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายของเธออ่อนระทวยแล้ว จนเผลอคิดเลยเถิดไปอีก สายตาที่เธอมองเย่ซิวเริ่มมีความคิดไม่ซื่อนั่นทำเอาเย่ซิวพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้นี่นะ…เมื่อหยางถิงถิงได้ยินอย่างนั้นก็กลอกตาใส่เขาและพูดแขวะอีกครั้ง“คุณนี่ก็คิดเพ้อฝันเสียจริง เขาน่ะเหรอคิดจะใส่เสื้อตัวนี้? ไม่ต้องพูดถึงชาติหน้าหรอก ชาตินี้ก็เป็นไปไม่ได้!”อลิสโกรธ “คุณทำตัวไร้มารยาทถึงขนาดนี้ได้ยังไง? ตอนนี้พวกเราเป็นแขกนะ นี่คุณปฏิบัติกับแขกแบบนี้เหรอ?ถ้าต่อไปบริษัทตกไปอยู่ในมือคุณ ไม่ถึงครึ่งปีคงจะล้มละลายแน่”หยางถิงถิงโกรธมาก และขู่อลิสราวกับแมวที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน “คุณจะรู้อะไร? เสื้อตัวนี้พิเศษมาก แถมมีพลังประหลาดด้วยคุณปู่ของฉันบอกว่าคนธรรมดาไม่มีทางใส่ได้ คนที่จะใส่ต้องมีดวงชะตาที่กล้าแกร่งมากพอ ไม่อย่างนั้นหากใส่ไปแล้วจะเกิดปัญหาใหญ่แน่”อลิสแค่นเสียงเย็น “มันก็แค่เสื้อผ้าชิ้นเดียวเอง จะมีปัญหาใหญ่อะไรได้”“ถิงถิง หุบปากไปเสียเดี๋ยวนี้เลย ขืนหลานกล้าพูดอีกคำเดียว ปู่จะถูกตัดแกออกจากการสืบทอดบริษัท!”คำพูดของหยางเฟิงนั้นรุนแรงม
เย่ซิวยังคงสงบ “คุณท่าน ท่านเป็นสหายกับเขาเหรอครับ?”“คุณปู่ของฉันไม่รู้จักวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างเย่ซิวหรอก” หยางถิงถิงแค่นเสียง ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความชื่นชม“เย่ซิวคือไอดอลของฉัน เขาต่อสู้กับหลายสิบประเทศเพียงลำพัง แต่สุดท้ายเขาก็สามารถหลบหนีออกมาได้ ชีวิตนี้ฉันจะต้องแต่งงานกับวีรบุรุษอย่างเขาให้ได้”คนระดับพวกเขาย่อมสามารถหาภาพเหตุการณ์การต่อสู้นั้นมาได้โดยเฉพาะหลังจากที่หยางถิงถิงได้เห็นภาพเหล่านั้นแล้ว ความชื่นชมและความรักที่เธอที่มีต่อเย่ซิวก็เพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนจนชมเกินจริงไปมากเกินจริงถึงขั้นไหนน่ะเหรอ?ถึงขั้นที่ว่าผู้ชายคนใดก็ตามที่เธอได้พบเจอล้วนแล้วแต่เป็นขยะไปเลยท่าทางของอลิสดูไม่ค่อยสู้ดีนักเธอเคยได้ยินเรื่องราวของเย่ซิวมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นาภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเลย นั่นเป็นเพราะเธอไม่ได้สนใจการต่อสู้และการสังหารใด ๆเย่ซิวเป็นวีรบุรุษของประเทศหลงเถิง แต่สำหรับคนของประเทศจ้านอิงตี้แล้ว เขาคือมลทินที่ไม่อาจลบล้าง และเป็นความอัปยศทว่าหากอลิสและหยางถิงถิงรู้ว่าผู้ชายที่พวกเธอทั้งชอบและเกลียดได้มาอยู่ตรงหน้า ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเธอจะมี
หยางเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยังไม่ขอโทษทั้งสองคนอีก”“ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว” หยางถิงถิงกล่าวอย่างไม่เต็มใจหยางเฟิงมองไปที่เย่ซิวและอลิส “พวกเธอทั้งสองคน ฉันตั้งใจจะซื้อชุดนี้กลับไปศึกษา หวังว่าจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆช่วงนี้ผมอยากออกแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ แต่ก็ไม่มีไอเดียเลยหากทั้งสองคนยอมตัดใจจากชุดนี้ ฉันสามารถให้เงินชดเชยแก่พวกเธอได้นะแม้พวกเธออาจจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่นี่ก็ถือเป็นความจริงใจจากฉัน”ไม่เสียทีที่เป็นผู้สูงอายุที่ผ่านโลกมาหลายสิบปี วิธีการพูดของเขาทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจมากอลิสกำลังจะอ้าปากจะปฏิเสธเธอไม่ขาดแคลนเงินเลย ขอเพียงเธอสามารถทำให้คนที่เธอชอบมีความสุขได้แต่เย่ซิวชิงพูดขึ้นก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไร “ไหน ๆ ผู้อาวุโสก็ทำธุรกิจด้านเสื้อผ้า ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับผมบ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีองค์ประกอบของประเทศหลงเถิงก็จะดีมากครับ”ตัวเขาเองเป็นคนประเทศหลงเถิง จะเป็นการดีที่สุดหากเขาได้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีองค์ประกอบของประเทศของเขาได้แต่ชุดพิธีการส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักเป็นสไตล์ต่างประเทศหยางเฟิงหัวเราะ “แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้ว
“พรึ่ด!”อลิสรู้สึกขบขันไปกับเย่ซิวพลางยกนิ้วโป้งให้เขา “ที่รัก คุณพูดได้ดีมากจริง ๆ”เอ็ดโกรธจนตัวสั่น ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อนแม้เขาจะเป็นเพียงผู้มีพลังวิเศษระดับต่ำสุด แต่สถานะของเขาก็สูงมาก ไปที่ไหนเขาก็เป็นที่เคารพนับถือแต่ตอนนี้เขากำลังถูกเย่ซิวผู้ที่ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาอะไรทำให้ขายหน้าต่อหน้าคนมากมาย ใคร ๆ ก็คงจะจินตนาการถึงความโกรธที่อยู่ในใจของเขาได้เขากำหมัดแน่นและแอบรวบรวมพลังวิเศษในร่างกายเพื่อฆ่าคนตรงหน้าต่อหน้าทุกคนเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมไป อลิสจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า “ยังจะรังควานกันไม่เลิกอีกเหรอ? อย่างนั้นฉันจะโทรหาพ่อของฉันเดี๋ยวนี้เลย”สีหน้าของเอ็ดเปลี่ยนไป เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที “อย่า ๆ ๆ ผมจะไปแล้วนี่ไงคุณต้องเชื่อนะว่าผมรักคุณเสมอ ผมก็แค่ทำผิดพลาดเหมือนกับที่ผู้ชายทุกคนในโลกนี้เคยทำ ผมขอตัวก่อน คุณใจเย็น ๆ ล่ะ”พูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก และก่อนที่จะออกไป เขาจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นชาผู้หญิงที่อยู่กับเขาก็รีบตามเขาออกไปด้วยพนักงานขายสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังคงพาคนทั้งสองไปหยุดอยู่ตรงหน้าราวเสื้อผ้าราวกับไม่
เขาสัมผัสได้เพียงเขาที่งอกบนศีรษะ สายตาที่เขามองเย่ซิวราวกับต้องการจะกินหัวอีกฝ่ายเสียให้ได้อลิสยิ้มเยาะ “นายตาบอดเหรอ ไม่เห็นรึไงว่าเขาเป็นแฟนฉัน”“นี่คุณพูดบ้าอะไร เขาเป็นแฟนคุณ แล้วผมล่ะ? พวกเราคบกันมาตั้งหลายปี แต่คุณกลับทรยศผมแบบนี้เนี่ยนะ!”“ทรยศ?” อลิสเองก็โมโหเช่นกัน “นายยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายมีผู้หญิงคนอื่นมานานแค่ไหนแล้ว? นายเป็นคนทรยศฉันก่อน ไม่ใช่ฉันที่ทรยศนาย”ดวงตาของเอ็ดฉายแววตื่นตระหนก เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “อลิส ได้โปรดฟังคำอธิบายของผมก่อน ผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้นเองนะ”ขณะที่พูด เขาก็รีบดันผู้หญิงที่อยู่ข้างกายออกไปหญิงสาวผู้นี้เองก็รู้ตัวตนของอลิส เธอจึงก้มหัวลงและไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้ว อีกทั้งยังพยายามทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจน้อยที่สุดอลิสพูดอย่างเย็นชา “เรื่องระหว่างเรามันจบไปตั้งแต่วันที่นายทรยศฉันแล้วแล้วนายก็ไม่ได้ผู้หญิงแค่คนเดียว คิดว่าวันนั้นฉันไม่เห็นเหรอว่านายอยู่กับเพื่อนสนิทของฉัน”เอ็ดก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะจับมืออลิส แต่กลับถูกเธอปัดมือทิ้ง“ที่รัก คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกับเธอแค่คุยกันเรื่องงานเ
เดิมทีเขาจะออกไปอยู่แล้ว แต่เพราะคำถามของอลิส การออกเดินทางจึงล่าช้าไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงอีกทั้งอลิสยังเสียเวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการแต่งหน้าใหม่เย่ซิวสงสัยอย่างมากว่าเธอทำมันโดยตั้งใจทั้งสองคนออกไปข้างนอกเหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปอลิสกอดแขนของเย่ซิว ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และอารมณ์ดีสุด ๆเธอขับรถไปยังถนนสายหนึ่งซึ่งมีความคล้ายคลึงกับถนนของประเทศจ้านอิงตี้มากที่แห่งนี้เรียกว่าถนนมหาเศรษฐีสินค้าทุกอย่างที่นี่ล้วนเริ่มต้นที่ห้าแสนบาท ซึ่งมีเพียงคนรวยเท่านั้นที่สามารถซื้อได้และมักมีหญิงสาวหน้าตาดีแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเดินไปมาบนถนนสายนี้อยู่เสมอหากเห็นผู้ชายสักคนมาที่นี่ตัวคนเดียวเดินเข้าไปซื้อของในร้านใดร้านหนึ่ง พวกเธอก็จะสร้างความบังเอิญเพื่อพยายามจับสามีรวย ๆแน่นอนว่าย่อมมีผู้ชายที่ต้องการจะหาภรรยาเศรษฐีจากที่นี่ด้วยเธอพูดว่าอยากจะซื้อเสื้อผ้าให้เย่ซิว แต่หลังจากมาถึงที่นี่ อลิสก็ลากเย่ซิวไปซื้อกระเป๋าหลากยี่ห้อ เครื่องประดับ แม้กระทั่งชุดชั้นใน ทำเอาเขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะหลังจากที่ติดตามเธอมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดอลิสก็พาเย่ซิวไปที่ร้านขายเส
หญิงสาวเกิดความกังวลใจขึ้นมาทันที “นายคิดจะไปทำธุระส่วนตัวงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นสหายร่วมรบกัน นายต้องพาฉันไปด้วยสิ!”“ผมจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย คุณก็ค่อย ๆ รักษาแผลตัวเองไปแล้วกันนะ ลาก่อน”พูดจบ เย่ซิวก็พังหน้าต่างออกไปพรีเอลล์วิ่งตามไปที่หน้าต่างแต่ก็มองไม่เห็นเงาของเย่ซิวแล้วสีหน้าของเธอขรึมลง จิตสังหารในตัวเธอทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายสิบองศา “คอยดูเถอะไอ้สารเลว ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกคายทุกสิ่งที่เคยกินไปออกมา!”เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงบ้านของอลิส เธอก็ตื่นแล้วหลังจากที่อลิสตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่ซิวหายไป เธอก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรู้สึกจิตตกทันทีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ตึง! ตนเองก็รู้สึกแปลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ซิวแท้ ๆแต่เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาทันที “นายไปไหนมา? ฉันนึกว่านายจะไปโดยไม่บอกลากันซะแล้ว”เย่ซิวยิ้มและกล่าวว่า “ผมไปทานข้าวมาน่ะ”อลิสไม่สงสัยแม้แต่น้อยพลางทำท่าทางกระอักระอ่วน “เป็นเพราะฉันดูแลไม่ดีเอง นายมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหม หรือพวกเราควรไปซื้อตอนนี้เลยดี?”เย่ซ