ฝาแฝดหนานกงมองฉีฉูฉู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความดูแคลนในสายตาอีกต่อไปพวกเธอปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พลังเหล่านั้นผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบและสร้างผลลัพธ์ที่เหนือกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเสียอีกหัวหน้าตระกูลอีกห้าคนที่ยืนอยู่ ต่างพากันจับจ้องไปที่ฉีตังกั๋วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามฉีตังกั๋วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่รู้ แต่สองมือกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัวในใจเขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างที่ทำให้หัวใจพลันเต้นแรงด้วยความร้อนรุ่มแต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวคนนี้มักทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ไม่เคยทำอะไรโดยปราศจากเหตุผลแต่คืนนี้กลับแตกต่างออกไป จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคนที่กล้าแสดงออกผิดปกติ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องปกติตอนแรกเขาโกรธจัดกับพฤติกรรมของหลานสาว แต่เมื่อคิดให้รอบคอบ เขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจแสดงถึงความมั่นใจอันแน่วแน่ของเธอ“หรือว่าเธอทะลวงถึงจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว?!”เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาดวงตาของเขาก็พลันสว่างวาบด้วยความตื่นเต้น เขาจับจ้องไปยังสนามต่อสู้โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวเพียงไม่นาน การคาดเดาของเขาก็ได้รับการพิสู
ในห้องควบคุม เจ้าหน้าที่สิบกว่าคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันด้วยความตื่นตระหนก “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึงล้มลงกันหมด?”“รีบกดสัญญาณเตือน…เอ๊ะ…”ยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งทะลุผนังหนาเข้ามาหมุนวนในห้องควบคุมรอบหนึ่ง ก่อนจะบินออกไปร่างของทุกคนในห้องล้มลงอย่างอ่อนแรงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองถูกเย่ซิวจัดการจนหมดสิ้น จากนั้นเขาจึงเก็บกระบี่หงส์โบยบินก่อนจะยกเท้าถีบประตูใหญ่จนเปิดออกแล้วเดินเข้าไปภายในงาน ฉีฉูฉู่ที่กำลังเป็นจุดสนใจของทุกคน กำลังประกาศเจตนารมณ์ของเธอโดยไม่ปิดบัง “ปู่ก็แก่แล้วนะ เรื่องของตระกูลให้หนูเป็นคนจัดการเถอะ!”หัวใจของฉีตังกั๋วกระตุกวูบ คำว่า “ยึดอำนาจ”ลอยขึ้นมาในหัวทันที!แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสะท้าน แต่เขาก็เป็นคนผ่านโลกมามากพอที่จะไม่แสดงอารมณ์ออกมา ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “หลานปู่มีความสามารถมากขนาดนี้ เรื่องของตระกูลในอนาคตย่อมให้หนูเป็นคนจัดการอยู่แล้ว แต่…”“ไม่มีแต่!” ฉีฉูฉู่เอ่ยขัดอย่างแข็งกร้าว “หนูจะเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เลย!”ในใจของฉีตังกั๋วโกรธจัด นี่มันเป็นการบีบบังคับต่อหน้าสาธารณชนชัด ๆแต่ไม่นาน ความโกร
“แกคุกเข่าขอร้องเสียตอนนี้อาจจะยังทันอยู่นะ!”“อยากเห็นตอนที่มันคุกเข่าขอชีวิตต่อหน้าพวกเราจัง” ……“นี่คือคนที่เราต้องไปลอบฆ่าเหรอเนี่ย? หล่อดีเหมือนกันนะ”นี่คือความประทับใจแรกที่สองพี่น้องปรมาจารย์มีต่อเย่ซิวเมื่อเห็นเขาครั้งแรกพอไม่ต้องไปลอบฆ่าเขาแล้ว ดังนั้นท่าทางและทัศนคติของพวกเธอก็เปลี่ยนไปส่วนฉีฉูฉู่เมื่อเห็นเย่ซิวแล้ว ความแค้นในตัวเธอก็พุ่งออกมาทันที เธอมองเขาด้วยสายตาอาฆาต “แกกล้ามาที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ ฉันยอมรับในความกล้าของนายนะ แต่คืนนี้คือวันตายของนาย!”เย่ซิวยืนเอามือไขว้หลังพลางมองไปที่ฉีฉูฉู่ด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่ “แค่เอายีนของสัตว์เดรัจฉานผสมเข้าไปก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วเหรอ? เธอนี่มันโง่เง่าจริง ๆ หน้าอกใหญ่แต่สมองเล็กเสียอย่างนั้น”“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!” ฉีฉูฉู่ตกใจไม่น้อย เพราะความลับนี้น่าจะมีคนรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้นเย่ซิวยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ย “ขอร้องฉันสิ เดี๋ยวฉันบอก”แน่นอนว่าฉีฉูฉู่ไม่ยอมขอร้อง แต่กลับหันไปมองสองพี่น้องแทน “พวกเธอสองคนไปจัดการเขาซะ!”แม้ว่าฉีฉูฉู่จะมั่นใจในพลังของตัวเอง แต่เงามืดที่เย่ซิวเคยสร้างไว้ให้เธอนั้นมันลึก
เนื่องจากทั้งสองสาวฝาแฝดฝึกฝนวิชามานานหลายสิบปี ร่างกายของพวกเธอจึงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบทุกส่วนของร่างกายล้วนมีความสมบูรณ์แบบ ไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อยพวกเธอเหมือนกับงานศิลปะที่ไร้ที่ติหากบรรดาเศรษฐีมาเห็นเข้าคงไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินหนึ่งพันล้านหรืออาจถึงห้าหกพันล้านเพื่อแลกกับการมีความสัมพันธ์กับหนึ่งในพวกเธอสักคืนใครจะไปเชื่อว่านี่คือผู้หญิงวัยห้าสิบกว่าปี?แม้แต่สาววัยสิบเจ็ดสิบแปดบางคนยังดูไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าพวกเธอเลยด้วยซ้ำเย่ซิวมองเห็นสภาพภายในร่างกายของทั้งสองสาวชัดเจนพลังและร่างกายของทั้งสองคนถึงจุดสูงสุดที่พวกเธอสามารถไปถึงได้แล้วหากมีเย่ซิวเข้ามาช่วยยกระดับหรือให้หินวิญญาณสักก้อน พวกเธอคงสามารถทะลวงขีดจำกัดได้ภายในหนึ่งถึงสองปีแต่แน่นอนว่าเย่ซิวคงไม่ยอมให้ไปฟรี ๆสองสาวฝาแฝดเมื่อถูกสายตาของเย่ซิวจับจ้องอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวและรู้สึกอึดอัดแววตาของเขาเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ราวกับจะสามารถมองทะลุเสื้อผ้าของพวกเธอไปได้ ราวกับความลับของร่างกายถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมดเพียงแค่ดีดเบา ๆ สองสาวก็ถูกผลักถอยออกไปไกลหลายสิบเมตร เลือดลมในร่างกายหมุนเวีย
แผ่นเกล็ดทองแดงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากใต้ผิวของเธอขาทั้งสองข้างหายไป กลับกลายเป็นหางงูที่ยาวใหญ่แทนพลังที่รุนแรงและน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจากร่างกายของเธอทันทีพื้นด้านล่างไม่สามารถทนรับแรงนี้ได้ มันแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ รอยแตกมากมายกระจายออกไปทุกทิศทุกทางฉีฉูฉู่ยืนอยู่ในท่าทางสง่างาม ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง สายตาของเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยความเย็นชา“เมื่อกี้เป็นแค่การอุ่นเครื่อง ตอนนี้จะเป็นการต่อสู้จริง ๆ แล้ว มาดูกันว่าฉันจะบดขยี้แกยังไง!”ผู้คนในลานต่างรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางของฉีฉูฉู่ในตอนนี้ทำให้พวกเขารู้สึกสะพรึงกลัวจนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเธอยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“พลังช่างน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ ฉันไม่อยากคิดภาพตอนที่ต้องสู้กัยเธอเลย!” หนานกงเสวี่ยเอ่ยขณะที่ดวงตาของเธอสะท้อนภาพของฉีฉูฉู่อย่างชัดเจน ใจของเธอปั่นป่วนไปหมดหนานกงอวี่เองก็รู้สึกไม่ดีนัก เธอเอ่ยพลางกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก “เด็กหนุ่มคนนั้นคงตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะสู้กับเธอได้”พลังที่ฉีฉูฉู่ปลดปล่อยออกมาในตอนนี้เพ
เย่ซิวเหลือบมองเวลาที่ผนังซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มสิบห้านาที ก่อนจะเอ่ยนิ่ง ๆ “ความแค้นระหว่างเราทั้งสองฝ่ายคงได้เวลาเคลียร์จบสักที”ใบหน้าของฉีฉูฉู่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “ไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณ ไปตายซะ!”ตูม!พลังของฉีฉูฉู่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินใต้เท้าของเธอเกิดหลุมขนาดใหญ่ ความเร็วของเธอรวดเร็วดั่งรถไฟความเร็วสูงและพุ่งตรงไปเบื้องหน้าเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเย่ซิวเพียงส่ายหัวเล็กน้อยและยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่งไร้กังวลแม้จะต้องเผชิญหน้ากับฉีฉูฉู่ที่ดูแข็งแกร่งเกินต้านทาน เขาก็ทำเพียงแค่ยกมือขวาขึ้นและกดลงเบา ๆ หนึ่งครั้งเท่านั้นตูม!พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉีฉูฉู่ถูกกดลงกับพื้นในทันที ทำให้คนในลานต้องตกตะลึงอีกครั้ง“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้!” ฉีฉูฉู่กรีดร้องเสียงแหลมอย่างเจ็บปวด พยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นมาทว่าฝ่าเท้าของเย่ซิวกลับเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของเธอราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับลงมา ต่อให้เธอพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความโกลาหล คนที่ตั้งสติได้เริ่มวิ่งหนีออกไปจากลานทันทีเย่ชิวใช้มือซ้ายกำรอยประทับแล้วร่ายอา
สำหรับตระกูลที่สืบทอดมาหลายร้อยปีและอิทธิพลแผ่ขยายไปทั่วโลกในหลายประเทศ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรเย่ซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ได้ แต่พวกแกต้องโอนหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่ลงทุนในต่างประเทศรวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวทุกอย่าง มาเป็นชื่อของฉัน”“เอ่อ…”ชายชราทั้งหกคนรู้สึกเจ็บใจอย่างมากเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องนี้ พวกเขาอ้าปากเหมือนจะเจรจาต่อรอง แต่กลับถูกเย่ซิวตัดบทอย่างไร้ปรานี“ฉันให้เวลาแค่หนึ่งวัน หากหลังจากนี้ทรัพย์สินในต่างประเทศของพวกแกยังเหลืออยู่แม้แต่เศษเสี้ยว ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา”น้ำเสียงของเย่ซิวไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเจรจาเลยแม้แต่น้อย มันคือคำสั่งที่เด็ดขาดชายชราทั้งหกคนทำได้เพียงยอมรับความจริงอย่างหมดหวังและสิ้นท่าในเวลาเดียวกัน เวินหว่าน หวังซวง รวมถึงเฉินหลานที่ซุ่มอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามหลบหนีออกมา พวกเธอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและพุ่งเข้าโจมตีทันทีคนที่หลบหนีออกมาต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง คาดไม่ถึงว่าแม้ด้านนอกจะยังมีคนดักรอพวกเขาอยู่อย่างไรก็ตาม คนของหกตระกูลใหญ่นั้นมีจำนวนมากเกินไป อย่างน้อยก็หลายพันคน การจะจัดการพวกเข
เวลาสามทุ่ม เวินหว่านเอ๋อร์ หวังซวง และเฉินหลานไม่กี่คนก็เข้าไปในวิลล่า โน้มตัวเข้าไปหาเย่ซิว“นายท่าน ทุกคนที่อยู่ข้างนอกถูกจัดการหมดแล้วค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าและชี้ไปที่ทั้งหกคน "หว่านเอ๋อร์ คุณรับหน้าที่เค้นคำชายชราทั้งหกคนนี้ จะต้องให้พวกเขาโอนการลงทุนทั้งหมดในต่างประเทศมาเป็นชื่อของผมให้ได้"ตอนนี้เขาต้องการเงินมาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานในบรรดาวัตถุดิบล้ำค่าที่ต้องใช้ทั้งหมดห้าชนิด ตอนนี้เพิ่งหาเจอเพียงชนิดเดียวเท่านั้นอีกสี่ชนิดที่เหลือไม่มีข่าวคราวเลยเย่ซิวจำเป็นต้องเปิดช่องทางมากขึ้นเพื่อประกาศตามหาวัสดุเหล่านี้ทั่วโลกเช่นนี้ จึงต้องใช้เครือข่ายของหกตระกูลใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถประหยัดเวลาไปได้มากเวินหว่านเอ๋อร์ตอบรับมาหนึ่งที แล้วพาชายชราทั้งหกคนไปเค้นคำอีกด้านงานเก็บกวาดในวิลล่าตกเป็นหน้าที่ของสองสาวเย่ซิวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉีฉูฉู่ตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าขยับ ความรู้สึกกดดันที่งูขาวน้อยนำมาให้นั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจนจิตใจเธอใกล้จะพังทลายแล้วเสี่ยวไป๋โฉบขึ้นไปที่ไหล่ของเย่ซิว ส่งเสียงร้องออดอ้อน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความผูกพัน
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ
ร่างกายของโซเฟียเย็นเล็กน้อยสัมผัสคล้ายกับการบีบเยลลี่เมื่อเผชิญกับสายตาแข็งกร้าวของเย่ซิว เธอกลับแสดงออกอย่างสงบนิ่ง“คุณเป็นคนของโลกนี้หรือเปล่า”โซเฟียไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเคย์ฟี่ที่เห็นฉากนี้ เกิดความอิจฉาขึ้นมาเป็นครั้งแรกทำไมตัวเธอพยายามสารพัด แต่เย่ซิวกลับไม่ยอมมองเธอแม้แต่แวบเดียวขณะที่โซเฟียเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคน“ไม่พูดสินะ?” เย่ซิวเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางของเธอเล็กน้อยผิวของเธอบอบบางเกินไป เพียงบีบเบา ๆ ก็เกิดรอยช้ำขึ้นมาแล้ว“ถ้าไม่พูดก็ถือว่ายอมรับ ผมจะฆ่าคุณ”เย่ซิวไม่ได้ขู่เธอในขณะนั้น ความกระหายสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของเขาแต่ทันทีที่ความคิดฆ่าฟันเกิดขึ้น เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวภายในร่างกายของเธอ มีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่หากเธอเผชิญกับอันตรายจริง ๆ สิ่งนั้นจะถูกกระตุ้นออกมาเองเย่ซิวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากเธอ ความตั้งใจจะฆ่าที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าเธอทันทีที่เจอหน้าเย่ซิวเดินผ
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวสุดขีด พลังของอ็อคก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแรงกดดันจากร่างกายของเขารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สนับสนุนอ็อคหลายคนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อีกครั้งภายใต้ความโกรธในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาจากอ็อคเทียบเท่ากับระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความดีใจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ็อคเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่เหนือทุกสิ่งอีกครั้งสองข้าวิ่งทะยาน ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุกำแพงเสียงในพริบตาร่างของเขาพุ่งเข้าหาเย่ซิวราวกับอุกกาบาตที่ลุกไหม้เต็มไปด้วยพลังแห่งความบ้าคลั่งและไร้เทียมทานแต่แม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เย่ซิวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับจนกระทั่งอ็อคใกล้เข้ามา เขาถึงได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“หยุด!”วาจาศักดิ์สิทธิ์!อ็อคที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็พลันหยุดนิ่ง ถูกพลังบางอย่างตรึงร่างไว้โดยสมบูรณ์ เขาหยุดอยู่ห่างจากเย่ซิวเพียงครึ่งเมตรเท่านั้นในดวงตาของอ็อคเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเย่ซิวยื่นมื
พลังแห่งปฐพี!พลังแห่งปฐพีในรัศมีร้อยลี้ถูกอ็อคควบคุมและรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้หมัดที่ปล่อยออกมาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดผู้คนรอบข้างพากันยกมือขึ้นปิดหูโดยสัญชาตญาณบางคนที่พลังอ่อนแอกว่าถึงกับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ร่างกายสั่นสะท้านจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!ให้ความรู้สึกราวกับมีระเบิดเอชระเบิดขึ้นข้าง ๆดวงตาของอ็อคเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความกระหายในเลือดเขาเชื่อมั่นว่าหมัดนี้ ต่อให้เย่ซิวแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงรับไว้ไม่ได้ และต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอนเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่ซิว หวังจะเห็นความหวาดกลัวแต่เขากลับต้องผิดหวังดวงตาของเย่ซิวลึกดั่งบ่อน้ำเย็นยะเยือกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ว่าโลกภายนอกจะโหมกระหน่ำเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เกิดระลอกคลื่นใด ๆ ได้เย่ซิวขยับแล้วมือขวากำหมัดแน่นเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถทำลายท้องฟ้าของอ็อค เขาใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นตู้ม!สองหมัดปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดินจากนั้นก็เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยแต่อ็อคกลับเริ่มแตกสลายจากหมัดของตัวเอง และรอยแตกนั้นลามขึ้นไปทั
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ