เวลาสามทุ่ม เวินหว่านเอ๋อร์ หวังซวง และเฉินหลานไม่กี่คนก็เข้าไปในวิลล่า โน้มตัวเข้าไปหาเย่ซิว“นายท่าน ทุกคนที่อยู่ข้างนอกถูกจัดการหมดแล้วค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าและชี้ไปที่ทั้งหกคน "หว่านเอ๋อร์ คุณรับหน้าที่เค้นคำชายชราทั้งหกคนนี้ จะต้องให้พวกเขาโอนการลงทุนทั้งหมดในต่างประเทศมาเป็นชื่อของผมให้ได้"ตอนนี้เขาต้องการเงินมาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานในบรรดาวัตถุดิบล้ำค่าที่ต้องใช้ทั้งหมดห้าชนิด ตอนนี้เพิ่งหาเจอเพียงชนิดเดียวเท่านั้นอีกสี่ชนิดที่เหลือไม่มีข่าวคราวเลยเย่ซิวจำเป็นต้องเปิดช่องทางมากขึ้นเพื่อประกาศตามหาวัสดุเหล่านี้ทั่วโลกเช่นนี้ จึงต้องใช้เครือข่ายของหกตระกูลใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถประหยัดเวลาไปได้มากเวินหว่านเอ๋อร์ตอบรับมาหนึ่งที แล้วพาชายชราทั้งหกคนไปเค้นคำอีกด้านงานเก็บกวาดในวิลล่าตกเป็นหน้าที่ของสองสาวเย่ซิวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉีฉูฉู่ตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าขยับ ความรู้สึกกดดันที่งูขาวน้อยนำมาให้นั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจนจิตใจเธอใกล้จะพังทลายแล้วเสี่ยวไป๋โฉบขึ้นไปที่ไหล่ของเย่ซิว ส่งเสียงร้องออดอ้อน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความผูกพัน
เย่ซิวดีดนิ้ว ก็ดีดมือของฉีฉูฉู่ออกไปจากนั้นปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังออกมา ทำให้เธอไม่สามารถขยับเขยื้อน“ไอ้ปีศาจ ฆ่าฉันเถอะ ฉันไม่มีวันยอมศิโรราบต่อนายหรอก!”“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ”พูดพลาง เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าท้องของเธอ ร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นสะท้าน รู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของตัวเองกำลังขับเคลื่อนอย่างไม่อาจควบคุมได้“นายคิดจะทำอะไรกันแน่?!” ฉีฉูฉู่รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ จึงอดไม่ได้กรีดร้องออกมาเย่ซิวไม่สนใจเธอเกี่ยวกับที่ว่าจะควบคุมฉีฉูฉู่อย่างไร เขาวางแผนไว้นานแล้ว ในบรรดาวิชายุทธที่เขาครอบครองอยู่ มีวิชาหนึ่งที่พิเศษอย่างมากเรียกว่า "วิชามาตาบุตร" ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับบนและระดับล่างวิชายุทธนี้ใช้เพื่อควบคุมคนโดยเฉพาะหลังจากที่บุคคลเป้าหมายฝึก 'วิชาบุตร' แล้ว ก็จะถูกคนที่ฝึก 'วิชามาตา' ควบคุมโดยสมบูรณ์แถมยังไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ให้ฉีฉูฉู่ยอมฝึกวิชานี้ด้วยตัวอย่างเต็มใจ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่ซิวจึงช่วยเธอฝึกมันให้สำเร็จภายใต้การชักนำของเย่ซิว ฉีฉูฉู่ก็ขับเคลื่อนวิชายุทธนี้ในร่างกายเป็นจำนวนเก้ารอบ ซึ่งก็เทียบเท
“เรียกนายท่าน”"ฉัน...นายท่าน"ใบหน้าทั้งใบของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความอัปยศ ดูแล้วเหมือนจะคั้นเลือดออกมาให้ได้นี่นับว่าเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุดสำหรับเธอตัวเองคือผู้หญิงที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกในแง่ของความสามารถในการต่อสู้ แล้วทำไมเธอถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!เธอไม่ได้คิดแม้แต่นิดว่าที่นำมาสู่ผลลัพธ์ในวันนี้ ล้วนเกิดจากตัวเธอรนหาที่เองทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วคุณทำเรื่องชั่ว ๆ เช่นนั้นก็จะได้รับผลกรรมไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ข้อแตกต่างเดียวก็คือจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเย่ซิวเก่งมากในเรื่องการสั่งสอนผู้หญิงเขามองไปที่ฉีฉูฉู่ที่หน้าแดงแล้วพูดว่า "คุกเข่าลงแล้วคลานมา"วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับผู้หญิงประเภทนี้ที่คิดว่าตัวเองสูงส่งเกินใคร ก็คือหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอให้แหลกสลายฉีฉูฉู่คุกเข่าลงเสียงดังตึก จากนั้นคลานไปหาเย่ซิวน้ำตาหยดแหมะลงมาอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสารอย่างมากแต่นี่เทียบไม่ได้กับสิ่งเลวร้ายมากมายที่พวกเธอเคยทำในอดีตเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดแล้วข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ คราวนี้เย่ซิวไ
เวินหว่านเอ๋อร์อ้าริมฝีปากสีชมพูชุ่มฉ่ำ "ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะตั้งชื่อใหม่ ควรจะเรียกว่าอะไรดี?"เย่ซิวคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เขาทอดสายตามองออกไปไกล แล้วพูดด้วยแววตาที่ลึกล้ำ "เรียกมันว่าสำนักโอสถ"“สำนักโอสถ…” เฉินหลานพึมพำคำสองคำนี้ จากนั้นแสงจ้าก็เบ่งบานในดวงตาที่สวยงามของเธอ “ท่านอาจารย์ ชื่อนี้มีความหมายพิเศษอะไรไหมคะ?”แม้แต่ฉีฉูฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง อยากได้ยินว่าทำไมเย่ซิวถึงตั้งชื่อนี้นี่ย่อมเป็นเพราะเย่ซิวอยากสานต่อสำนักโอสถ แต่เรื่องบางเรื่องเขาจะไม่พูดให้พวกเธอฟัง จึงเลือกเพียงบางส่วนที่สามารถพูดได้“นี่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณพันตารางกิโลเมตรถ้าต้องการมีชีวิตรอดต่อไป ต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าคุณมีความทะเยอทะยาน เช่นนั้นจึงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะปลูกอย่างแข็งขันเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ภัยคุกคาม ดังนั้นจึงเรียกว่าสำนักโอสถ”แน่นอนว่ายังมีบางท่อนที่เย่ซิวไม่ได้พูดออกมานั่นก็คือพัฒนาการเกษตรในเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังกลับยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงต่าง ๆ ซึ่งเป็นของตัวเองอาทิเช่นอาวุธและเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น
ประตูอันหนักอึ้งถูกเย่ซิวตัดออกด้วยดาบ สัญญาณเตือนภัยที่อยู่ข้างในดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนี่คือห้องใต้ดินขนาดใหญ่ อาจมีเนื้อที่เกินหนึ่งหมื่นตารางเมตรภายในมีตู้กระจกขนาดใหญ่อยู่มากมายหลายตู้ซึ่งแต่ละตู้ข้างในบรรจุภาพวาดโบราณ ภาพวาดที่มีชื่อเสียง ทองคำ และอัญมณีต่าง ๆ อยู่นับไม่ถ้วนนี่คือสิ่งที่หกตระกูลใหญ่สร้างขึ้นร่วมกัน โดยแบ่งออกเป็นหกพื้นที่ ในแต่ละพื้นที่หมายถึงตระกูลหนึ่ง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเปิดได้กระจกที่อยู่ตรงหน้าทำขึ้นจากกระจกกันกระสุนที่ดีที่สุดแม้ว่าจะขับรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด ขับชนมันนานกว่าสิบนาทีก็ไม่สามารถทำให้มันบุบสลายได้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เย่ซิวต้องการในตอนนี้เขาอ้าปากแล้วคายกระบี่หงส์โบยบินออกมา ถือมันไว้ในมือแล้วตัดเปิดตู้ทีละตู้ ๆกระจกกันกระสุนอะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ช่างง่ายเหมือนกับการตัดเต้าหู้ทองทำ เงิน เครื่องประดับ วัตถุโบราณและภาพวาดภาพเขียนโบราณทุกชนิดถูกยัดเข้าไปในแหวนผนึกของโดยเย่ซิวเขาประเมินว่าหากของเหล่านี้ออกสู่ตลาดและถูกประมูลออกไป เขาจะสามารถขายมันเป็นเงินสดได้
เช่นนี้ก็เหลืออีกเพียงสามชนิดเท่านั้น ตอนนี้เองที่จู่ ๆ เสี่ยวไป๋ก็กระโดดออกมาจากตัวเขา พุ่งตรงไปที่ขวดแก้วนั้นร่างของมันเจาะขวดแก้วเข้าไปโดยตรง มันอ้าปากเล็ก ๆ สมุนไพรที่อยู่ข้างในก็ถูกกลืนลงท้องในอึกเดียวแกร๊ก! แกร๊ก!เย่ซิวไม่ทันได้ห้ามมันด้วยซ้ำ สมุนไพรที่มีราคาแพงหูฉี่หลายร้อยต้นในตู้ก็ถูกเสี่ยวไป๋กินไปสิบกว่าต้นแล้วเย่ซิวรีบยกเสี่ยวไป๋ขึ้นมา สั่งสอนมันด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเสียดายว่า “เจ้าตัวเล็กนี่ จะสิ้นเปลืองของดีเกินไปแล้ว ถ้าฉันใช้สมุนไพรเหล่านี้หลอมโอสถ แกรู้ไหมว่าจะหลอมโอสถออกมาได้เท่าไหร่?"เสี่ยวไป๋ตีสีหน้าไร้เดียงสา กะพริบตาปริบ ๆ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากเย่ซิวมองแล้วก็ใจอ่อนยวบ หักใจดุไม่ไหวอีกต่อไปแต่ไม่นานเรื่องที่ทำให้เย่ซิวต้องตกใจก็เกิดขึ้นมีเส้นไหมสีขาวจำนวนมากผุดออกมาจากร่างของเสี่ยวไป๋ กลายเป็นรังไหม แล้วห่อหุ้มมันไว้ข้างในนั้นเย่ซิวแผ่จิตสัมผัส ข้างในไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้วราวกับว่ามันเป็นของตายชิ้นหนึ่งแต่เมื่อสัมผัสมันผ่านสายโลหิต เย่ซิวกลับรู้ว่าเสี่ยวไป๋ยังสบายดี“แมลงสร้างรังไหมก็เพื่อที่จะหลุดออกจากรังไหมในที่สุด ดังนั้นเสี่ยวไป
นั่นย่อมเป็นการเลือกสำนักงานใหญ่ของสำนักโอสถสถานที่นี้ไม่สามารถเลือกอย่างลวก ๆ จำเป็นต้องมองหาสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยเป็นเลิศแต่มันยากมากที่จะหาที่ดี ๆ ในดินแดนนี้ อย่างมากที่สุดก็หาคนตัวสูงในหมู่คนแคระเย่ซิวเหาะเหินด้วยกระบี่ แล้วร่ายอาคมเพื่อล่องหน ตรวจสอบอาณาเขตของสำนักโอสถอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบในที่สุดก็เลือกสถานที่ที่เหมาะสมได้แล้วสถานที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน หลังจากผ่านภูเขา ห่างออกไปประมาณยี่สิบไมล์ก็คือพรมแดนที่ติดกับประเทศปิงจือที่นี่คือสถานที่ที่เย่ซิวคิดว่าดีที่สุดหลังจากสังเกตดู ดังนั้นเขาจึงลงมา สลายอาคมที่ร่ายไว้เย่ซิวอ้าปาก คายพลังวิญญาณอันหนาแน่นออกมาแล้วถ่ายโอนเข้าไปในกระบี่หงส์โบยบินดาบขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มขุดที่นี่ภายใต้การควบคุมของเขาเขากำลังวางแผนที่จะวางค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดใหญ่ที่นี่แถมที่นี่ยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศปิงจือตราบเท่าที่ค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไป โชคลาภจากประเทศปิงจือก็จะถูกรวบรวมมาทีละน้อยในความเป็นจริง ตอนนี้เย่ซิวก็มีความสามารถที่จะโค่นประเทศปิงจือได้แล้ว แต่ไม่จำเป็นมีเนื้อที่มากเกินไป รังแต่จะทำให
ข้างในมีไอเย็นแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีอุณหภูมิอยู่ที่ลบสามสิบถึงลบสี่สิบองศา แม้แต่เย่ซิวก็ยังได้รับผลกระทบและต้องอัดพลังวิญญาณกางเกราะวิญญาณหนา ๆเขาเดินไปข้างหน้าประมาณหกหรือเจ็ดร้อยเมตร ถึงได้มองเห็นแหล่งกำเนิดของไอเย็นมันเป็นเตียงน้ำแข็งเตียงหนึ่งบนเตียงยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยผู้หญิงคนนี้สวมชุดโบราณสีขาว ผิวขาวราวกับหิมะ และมีรูปโฉมที่งามล่มบ้านล่มเมืองบอกว่าเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ตรงสักเท่าไหร่นักเนื่องจากไม่มีกลิ่นอายของความเป็นมนุษย์จากตัวเธอ เธอเหมือนเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์มากกว่า ชายใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ต้องรู้สึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่เย่ซิวก็ไม่มีข้อยกเว้น ร่างกายเขาหมุนกลับไปโดยสัญชาตญาณ ราวกับว่าการมองผู้หญิงคนนี้จะเป็นการดูหมิ่นเธอเย่ซิวกัดปลายลิ้นเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นอนเงียบ ๆ ก็ส่งผลต่อตัวเองมากขนาดนี้หากเปลี่ยนป็นคนอื่น ผลกระทบนั้นจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้อีกเขาถือกระบี่หงส์โบยบินไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้รอจนกระทั่งอยู่ห่
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ