ข้างในมีไอเย็นแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีอุณหภูมิอยู่ที่ลบสามสิบถึงลบสี่สิบองศา แม้แต่เย่ซิวก็ยังได้รับผลกระทบและต้องอัดพลังวิญญาณกางเกราะวิญญาณหนา ๆเขาเดินไปข้างหน้าประมาณหกหรือเจ็ดร้อยเมตร ถึงได้มองเห็นแหล่งกำเนิดของไอเย็นมันเป็นเตียงน้ำแข็งเตียงหนึ่งบนเตียงยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยผู้หญิงคนนี้สวมชุดโบราณสีขาว ผิวขาวราวกับหิมะ และมีรูปโฉมที่งามล่มบ้านล่มเมืองบอกว่าเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ตรงสักเท่าไหร่นักเนื่องจากไม่มีกลิ่นอายของความเป็นมนุษย์จากตัวเธอ เธอเหมือนเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์มากกว่า ชายใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ต้องรู้สึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่เย่ซิวก็ไม่มีข้อยกเว้น ร่างกายเขาหมุนกลับไปโดยสัญชาตญาณ ราวกับว่าการมองผู้หญิงคนนี้จะเป็นการดูหมิ่นเธอเย่ซิวกัดปลายลิ้นเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นอนเงียบ ๆ ก็ส่งผลต่อตัวเองมากขนาดนี้หากเปลี่ยนป็นคนอื่น ผลกระทบนั้นจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้อีกเขาถือกระบี่หงส์โบยบินไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้รอจนกระทั่งอยู่ห่
“ที่นี่ก็คือประเทศจ้านอิงเหรอ?”หงอียืนอยู่บนถนนที่พลุกพล่าน ล้อมรอบด้วยอาคารสูงและรถหรูหลายคันที่วิ่งไปมาบนถนนไม่รู้ว่าเธอแก้ปัญหาเรื่องบัตรประจำตัวประชาชนและวีซ่าของเธออย่างไรเธอช่างสมดั่งชื่อ สวมเสื้อคลุมสีแดงขนาดใหญ่ ที่เท้าสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่หนึ่งจับคู่กับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตสีแดง ยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์นั้นความอลังการถึงขีดสุดเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เธอก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สัญจรไปมาเธอสวยมาก แต่มีบรรยากาศรอบตัวที่เย็นชาและห่างเหินเกินไป ท่วงท่าที่ประดุจดั่งราชินีซึ่งมีมาแต่กำเนิด กระแทกหัวใจของผู้ชายทุกคนที่ได้พบเห็นเธออย่างลึกซึ้งผู้ชายบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูง บังเกิดความคิดที่จะปราบผู้หญิงคนนี้บางคนที่มีรายได้น้อย กลับเกิดความคิดที่จะคุกเข่าเลียแข้งเลียขาเธอการปรากฏตัวของหงอีทำให้ถนนทั้งสายติดขัดในช่วงเวลาสั้น ๆ มีชายเจ็ดหรือแปดคนที่ขับรถหรูและสวมนาฬิการาคาเป็นล้านล้านเข้ามา พยายามเริ่มบทสนทนามุมปากของหงอีโค้งขึ้น "พวกคุณอยากขึ้นเตียงกับฉันเหรอ?"เธอพูดภาษาของประเทศจ้านอิง สำเนียงชัดเจนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียนรู้มาจากการฟังผู
เดิมทีความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเย่ซิวไม่มีความคืบหน้ามานานมากแล้ว แต่เมื่อสักครู่นี้แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียว ความแข็งแกร่งของกายเนื้อกลับเพิ่มขึ้นไม่น้อยสิ่งนี้ทำให้เขาเกิดการตั้งตารอบางทีกายาวัชระคงกระพันอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด การทะลวงขึ้นไปอีกขั้นจะเป็นขั้นไหนกันนะ?ถ้าอิงตามหลักพระพุทธศาสนา ระดับเหนือวัชระก็คืออรหันต์หรือว่าจะพัฒนาไปเป็นกายาอรหันต์คงกระพัน?ถ้ามันไปถึงจุดนั้นจริง ๆ ตัวเองไม่ใช่ว่าจะสามารถต้านทานระเบิดเอชด้วยกายเนื้อเพียงอย่างเดียวได้แล้ว?ถ้าสามารถทำได้จริง ๆ งั้นในโลกนี้เย่ซิวก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหนอีกแล้วในเมื่อสมบัตินี้ถูกเย่ซิวค้นพบ เขาย่อมไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งมันไปจากนั้นเขาก็วางแผนนำร่างผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งลงมาทว่าไม่ว่าจะลองวิธีใดก็แล้วแต่ ก็ไม่สามารถสัมผัสร่างของผู้หญิงคนนี้ได้ไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายเย่ซิวก็จำต้องเก็บเตียงน้ำแข็งทั้งเตียงเข้าไปในแหวนผนึกของสิ่งที่เย่ซิวไม่รู้ก็คือทันทีที่เขาเก็บเตียงน้ำแข็งเข้าไป ขนตาของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ขยับผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง เย่ซิวก็เสร็จสิ้นการวางค่ายกลฮวงจุ้ยรอจนกว่า
ทูตไม่กี่คนจากประเทศปิงจือ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่ซิวก็โกรธมาก แต่พวกเขาไม่กล้าแสดงออกมาตอนที่พวกเขามา ปรมาจารย์อาวุโสทั้งสองท่านได้กำชับนักกำชับหนาว่าไม่ว่าเย่ซิวจะทำตัวหยิ่งยโสแค่ไหนหรือไม่ไว้หน้าเพียงใด พวกเขาล้วนต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่เย่ซิวพูดแล้ว หนึ่งในนั้นก็รีบพูดขึ้นมาว่า "รับทราบครับ ถ้าอย่างนั้นคุณได้โปรดรอสักครู่ ผมจะติดต่อปรมาจารย์ทั้งสองดูว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไร"เย่ซิวใส่ใจเพียงเรื่องของตัวเอง ยกชาขึ้นจิบ ขี้เกียจจะสนใจพวกเขาอีกทูตหลายคนวิ่งออกไปข้างนอก หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรตอนนี้เอง ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของประเทศปิงจือ ณ วิลล่าขนาดใหญ่มากที่ครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งแสนตารางเมตรแห่งหนึ่ง ที่ชั้นบนสุดวิลล่าหลังนี้มีความสูงสิบสามชั้น ไม่มีอาคารอื่นอยู่ใกล้ ๆ และมีสวนผลไม้มากมายด้านนอกการพักอยู่ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นความเพลิดเพลินอย่างถึงที่สุดในสถานที่เช่นนี้ซึ่งที่ดินทุกตารางนิ้วมีค่าดุจทองคำ สามารถพูดได้ว่าฟุ่มเฟือยอย่างยิ่งและนี่ก็คือเจตนาของกษัตริย์ ประชาชนเองก็ไม่มีความไม่พอใจที่ระเบียง มีอ่างอาบน้ำขนา
หนานกงอวี่ยืนขึ้น เผยหุ่นที่ร้อนแรงเรือนร่างของสองพี่น้องมีความแตกต่างกันอยู่เอวของพี่สาวจะค่อนข้างมีเนื้อ ในขณะที่เอวของน้องสาวบาง แต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง“ไม่รู้ว่าถ้าท่านนั้นคิดจะให้เราปรนนิบัติเขาจริง ๆ เมื่อเห็นเรือนร่างของพวกเราสองพี่น้องจะแสดงสีหน้ายังไง จะจ้องจนตาแทบถลนเลยไหม” หนานกงอวี่คิดอย่างชั่วร้ายสิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเย่ซิวได้เห็นเรือนร่างของพวกเธอสองพี่น้องแล้ว...หลังจากที่สองพี่น้องแต่งตัวเสร็จด้วยเวลาอันสั้น พวกเธอก็โทรหากษัตริย์ของประเทศปิงจือไม่นานเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินมายังลานว่างนอกบ้านของพวกเธอ……หลังจากที่ทูตรายงานสถานการณ์ให้เย่ซิวทราบ พวกเขาก็ถูกจัดให้เข้าพักในโรงแรมที่ยังไม่ทันได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดจากนั้นเย่ซิวก็เรียกหวังซวงและเฉินหลานมาเขาใกล้ถึงเวลาต้องกลับไปที่ประเทศหลงเถิงแล้วแต่ก่อนกลับไปต้องยกระดับความแข็งแกร่งของทั้งสองสาวเสียก่อนถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาต้องรู้สึกตัดใจไม่ลงแน่ ๆ และคงไม่ได้ฟุ่มเฟือยขนาดนั้นแต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปหลังจากได้รับเตียงน้ำแข็งเตียงนั้นมา เย่ซิวก็เปลี่ยนจากชาวบ้านธรรมดาไปเป็นมหาเศรษฐ
เนื่องจากพลังของเฉินหลานเติบโตอย่างรวดเร็วเกินไป เธอจึงไม่อาจควบคุมมันได้ผลที่ตามมาก็คือพลังอันป่าเถื่อนนั้นได้ทำลายเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอทั้งหมดหวังซวงหันหน้าหนีด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉากนี้ช่างน่ากระอักกระอ่วนจริง ๆเฉินหลานกรีดร้องลั่น แล้วขดตัวเป็นลูกบอลด้วยความอับอายต่อหน้าคนนอกแบบนี้ อยากให้กระดากอายแค่ไหนก็กระดากอายแค่นั้น เย่ซิวมีสีหน้าที่สงบมาก เขาพูดกับเฉินหลานว่า "ไปหาเสื้อผ้าใส่ที่ห้องก่อน"เฉินหลานจากไปราวกับกำลังหลบหนีเย่ซิวมองไปที่หวังซวงซึ่งหันหน้าหนีไป เผยเพียงแผ่นหลังที่สวยงามต่อหน้าเขาแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “หันกลับมาเถอะ ถึงตาเธอแล้ว"หวังซวงหันกลับมาด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ถามไปอย่างระมัดระวังว่า "ท่านอาจารย์ อีกเดี๋ยวฉันจะไม่เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ?"“พูดยาก” เย่ซิวไม่ได้ยืนยันชัดเจน "ขึ้นอยู่กับว่าความสามารถในการควบคุมพลังของเธอเป็นยังไง"หวังซวงยิ้มอย่างขมขื่น พูดอีกอย่างก็คือถ้าตัวเองควบคุมพลังได้ไม่ดีเสื้อผ้าของเธอก็จะระเบิดเหมือนเฉินหลานแต่ท้ายที่สุดเธอไม่ใช่คนธรรมดา จึงปลอบใจตัวเองอย่างรวดเร็วอย่างไรเสียนี่ก็เป็นอาจารย์ของตัวเอง คำโบราณพูดไว้ได้ดี อ
พรสวรรค์ของผู้หญิงทั้งสองคนนี้ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น หากปราศจากการช่วยเหลือจากเย่ซิว ไม่มีทางที่พวกเธอจะประสบความสำเร็จในการทะลวงระดับได้เร็วขนาดนี้หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมง ก็ทำได้เพียงควบคุมคาถาในเบื้องต้น คิดที่จะเชี่ยวชาญมันและใช้มันอย่างชำนาญในสนามรบ ยังต้องฝึกฝนกันอีกมาก“เอาล่ะ ทั้งสองคนกลับไปบำเพ็ญตนเถอะ พยายามเชี่ยวชาญมันโดยเร็วที่สุด”ใครจะไปคิดเล่าว่าในสำนักโอสถเล็ก ๆ แบบนี้ นอกจากเย่ซิวแล้ว จริง ๆ ยังมีตัวตนระดับช่วงสร้างพื้นฐานอยู่อีกถึงสามคน ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะทำให้เกิดความโกลาหลอย่างแน่นอนไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะพูดว่าแค่ความแข็งแกร่งของผู้หญิงทั้งสามคนนี้รวมกัน อย่างน้อยก็เทียบเท่ากองทัพหนึ่งหมื่นคนแล้วแถมยังเป็นกองทัพของประเทศใหญ่พวกนั้นที่ติดอาวุธครบครันอีกด้วยดวงตาของเฉินหลานเปล่งแสงที่ทำให้ผู้คนหวั่นไหว เธอถามเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปว่า “นายท่าน คืนนี้ต้องการให้ฉันบำเพ็ญตนเป็นเพื่อนคุณที่นี่ไหมคะ?"เฉินหลานรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว ไม่แน่ระหว่างการบำเพ็ญตนกับเย่ซิว ตัวเองจะสามารถรุกได้มากกว่าแต่ก่อน
“มาแล้ว!”สองพี่น้องตะโกนขึ้นในใจพร้อมกัน ที่เดาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ผิดเลย เย่ซิวมีความคิดกับพวกเธอจริง ๆแต่พวกเธอกลับไม่รู้สึกต่อต้านมันมากนักเดิมทีพวกเธอเข้าใจว่าตัวเองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิทยายุทธ์แล้ว โดดเดี่ยวดุจหิมะ ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถเข้าตาพวกเธอได้อีกแม้แต่กษัตริย์ของประเทศปิงจือก็มีเพียงความเคารพต่อเขาเท่านั้นแต่เย่ซิวนั้นแตกต่างออกไป เขาดูเด็กมาก แต่ความสำเร็จที่เขาครอบครองนั้นกลับทำให้พวกเธอสองพี่น้องได้แต่แหงนหน้ามองอีกอย่างเขาก็หล่อมากด้วย มีบรรยากาศรอบตัวที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งผู้ชายคนไหนก็ไม่มีบวกกับทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ศัตรูกันภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ รวมกัน พวกเธอจึงไม่รู้สึกต่อต้านหากจะมีอะไรกับเย่ซิว กระทั่งยังตั้งตารอเล็กน้อยด้วยแต่ก่อนหน้านั้น ยังมีบางเรื่องที่ต้องเจรจาให้ชัดท้ายที่สุดสองสาวคือคนของประเทศปิงจือ จำเป็นต้องสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศของตนหนานกงเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม "ถ้าอย่างนั้นขอถามท่าน พวกเราต้องจ่ายด้วยอะไรคะ?"เย่ซิวพูดตรง ๆ "ผมต้องการโอสถสีชาดของพวกคุณ"สองพี่น้องชะงักกึก ในใจก็คิดว่า ‘แม่เจ้า ตรงขนาดนี้เลย?’แต่ที่น่าแปลกก็
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ
ร่างกายของโซเฟียเย็นเล็กน้อยสัมผัสคล้ายกับการบีบเยลลี่เมื่อเผชิญกับสายตาแข็งกร้าวของเย่ซิว เธอกลับแสดงออกอย่างสงบนิ่ง“คุณเป็นคนของโลกนี้หรือเปล่า”โซเฟียไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเคย์ฟี่ที่เห็นฉากนี้ เกิดความอิจฉาขึ้นมาเป็นครั้งแรกทำไมตัวเธอพยายามสารพัด แต่เย่ซิวกลับไม่ยอมมองเธอแม้แต่แวบเดียวขณะที่โซเฟียเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคน“ไม่พูดสินะ?” เย่ซิวเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางของเธอเล็กน้อยผิวของเธอบอบบางเกินไป เพียงบีบเบา ๆ ก็เกิดรอยช้ำขึ้นมาแล้ว“ถ้าไม่พูดก็ถือว่ายอมรับ ผมจะฆ่าคุณ”เย่ซิวไม่ได้ขู่เธอในขณะนั้น ความกระหายสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของเขาแต่ทันทีที่ความคิดฆ่าฟันเกิดขึ้น เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวภายในร่างกายของเธอ มีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่หากเธอเผชิญกับอันตรายจริง ๆ สิ่งนั้นจะถูกกระตุ้นออกมาเองเย่ซิวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากเธอ ความตั้งใจจะฆ่าที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าเธอทันทีที่เจอหน้าเย่ซิวเดินผ
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวสุดขีด พลังของอ็อคก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแรงกดดันจากร่างกายของเขารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สนับสนุนอ็อคหลายคนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อีกครั้งภายใต้ความโกรธในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาจากอ็อคเทียบเท่ากับระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความดีใจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ็อคเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่เหนือทุกสิ่งอีกครั้งสองข้าวิ่งทะยาน ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุกำแพงเสียงในพริบตาร่างของเขาพุ่งเข้าหาเย่ซิวราวกับอุกกาบาตที่ลุกไหม้เต็มไปด้วยพลังแห่งความบ้าคลั่งและไร้เทียมทานแต่แม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เย่ซิวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับจนกระทั่งอ็อคใกล้เข้ามา เขาถึงได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“หยุด!”วาจาศักดิ์สิทธิ์!อ็อคที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็พลันหยุดนิ่ง ถูกพลังบางอย่างตรึงร่างไว้โดยสมบูรณ์ เขาหยุดอยู่ห่างจากเย่ซิวเพียงครึ่งเมตรเท่านั้นในดวงตาของอ็อคเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเย่ซิวยื่นมื
พลังแห่งปฐพี!พลังแห่งปฐพีในรัศมีร้อยลี้ถูกอ็อคควบคุมและรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้หมัดที่ปล่อยออกมาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดผู้คนรอบข้างพากันยกมือขึ้นปิดหูโดยสัญชาตญาณบางคนที่พลังอ่อนแอกว่าถึงกับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ร่างกายสั่นสะท้านจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!ให้ความรู้สึกราวกับมีระเบิดเอชระเบิดขึ้นข้าง ๆดวงตาของอ็อคเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความกระหายในเลือดเขาเชื่อมั่นว่าหมัดนี้ ต่อให้เย่ซิวแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงรับไว้ไม่ได้ และต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอนเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่ซิว หวังจะเห็นความหวาดกลัวแต่เขากลับต้องผิดหวังดวงตาของเย่ซิวลึกดั่งบ่อน้ำเย็นยะเยือกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ว่าโลกภายนอกจะโหมกระหน่ำเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เกิดระลอกคลื่นใด ๆ ได้เย่ซิวขยับแล้วมือขวากำหมัดแน่นเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถทำลายท้องฟ้าของอ็อค เขาใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นตู้ม!สองหมัดปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดินจากนั้นก็เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยแต่อ็อคกลับเริ่มแตกสลายจากหมัดของตัวเอง และรอยแตกนั้นลามขึ้นไปทั
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่