เย่ซิวดีดนิ้ว ก็ดีดมือของฉีฉูฉู่ออกไปจากนั้นปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังออกมา ทำให้เธอไม่สามารถขยับเขยื้อน“ไอ้ปีศาจ ฆ่าฉันเถอะ ฉันไม่มีวันยอมศิโรราบต่อนายหรอก!”“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ”พูดพลาง เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าท้องของเธอ ร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นสะท้าน รู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของตัวเองกำลังขับเคลื่อนอย่างไม่อาจควบคุมได้“นายคิดจะทำอะไรกันแน่?!” ฉีฉูฉู่รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ จึงอดไม่ได้กรีดร้องออกมาเย่ซิวไม่สนใจเธอเกี่ยวกับที่ว่าจะควบคุมฉีฉูฉู่อย่างไร เขาวางแผนไว้นานแล้ว ในบรรดาวิชายุทธที่เขาครอบครองอยู่ มีวิชาหนึ่งที่พิเศษอย่างมากเรียกว่า "วิชามาตาบุตร" ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับบนและระดับล่างวิชายุทธนี้ใช้เพื่อควบคุมคนโดยเฉพาะหลังจากที่บุคคลเป้าหมายฝึก 'วิชาบุตร' แล้ว ก็จะถูกคนที่ฝึก 'วิชามาตา' ควบคุมโดยสมบูรณ์แถมยังไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ให้ฉีฉูฉู่ยอมฝึกวิชานี้ด้วยตัวอย่างเต็มใจ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่ซิวจึงช่วยเธอฝึกมันให้สำเร็จภายใต้การชักนำของเย่ซิว ฉีฉูฉู่ก็ขับเคลื่อนวิชายุทธนี้ในร่างกายเป็นจำนวนเก้ารอบ ซึ่งก็เทียบเท
“เรียกนายท่าน”"ฉัน...นายท่าน"ใบหน้าทั้งใบของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความอัปยศ ดูแล้วเหมือนจะคั้นเลือดออกมาให้ได้นี่นับว่าเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุดสำหรับเธอตัวเองคือผู้หญิงที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกในแง่ของความสามารถในการต่อสู้ แล้วทำไมเธอถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!เธอไม่ได้คิดแม้แต่นิดว่าที่นำมาสู่ผลลัพธ์ในวันนี้ ล้วนเกิดจากตัวเธอรนหาที่เองทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วคุณทำเรื่องชั่ว ๆ เช่นนั้นก็จะได้รับผลกรรมไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ข้อแตกต่างเดียวก็คือจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเย่ซิวเก่งมากในเรื่องการสั่งสอนผู้หญิงเขามองไปที่ฉีฉูฉู่ที่หน้าแดงแล้วพูดว่า "คุกเข่าลงแล้วคลานมา"วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับผู้หญิงประเภทนี้ที่คิดว่าตัวเองสูงส่งเกินใคร ก็คือหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอให้แหลกสลายฉีฉูฉู่คุกเข่าลงเสียงดังตึก จากนั้นคลานไปหาเย่ซิวน้ำตาหยดแหมะลงมาอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสารอย่างมากแต่นี่เทียบไม่ได้กับสิ่งเลวร้ายมากมายที่พวกเธอเคยทำในอดีตเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดแล้วข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ คราวนี้เย่ซิวไ
เวินหว่านเอ๋อร์อ้าริมฝีปากสีชมพูชุ่มฉ่ำ "ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะตั้งชื่อใหม่ ควรจะเรียกว่าอะไรดี?"เย่ซิวคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เขาทอดสายตามองออกไปไกล แล้วพูดด้วยแววตาที่ลึกล้ำ "เรียกมันว่าสำนักโอสถ"“สำนักโอสถ…” เฉินหลานพึมพำคำสองคำนี้ จากนั้นแสงจ้าก็เบ่งบานในดวงตาที่สวยงามของเธอ “ท่านอาจารย์ ชื่อนี้มีความหมายพิเศษอะไรไหมคะ?”แม้แต่ฉีฉูฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง อยากได้ยินว่าทำไมเย่ซิวถึงตั้งชื่อนี้นี่ย่อมเป็นเพราะเย่ซิวอยากสานต่อสำนักโอสถ แต่เรื่องบางเรื่องเขาจะไม่พูดให้พวกเธอฟัง จึงเลือกเพียงบางส่วนที่สามารถพูดได้“นี่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณพันตารางกิโลเมตรถ้าต้องการมีชีวิตรอดต่อไป ต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าคุณมีความทะเยอทะยาน เช่นนั้นจึงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะปลูกอย่างแข็งขันเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ภัยคุกคาม ดังนั้นจึงเรียกว่าสำนักโอสถ”แน่นอนว่ายังมีบางท่อนที่เย่ซิวไม่ได้พูดออกมานั่นก็คือพัฒนาการเกษตรในเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังกลับยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงต่าง ๆ ซึ่งเป็นของตัวเองอาทิเช่นอาวุธและเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น
ประตูอันหนักอึ้งถูกเย่ซิวตัดออกด้วยดาบ สัญญาณเตือนภัยที่อยู่ข้างในดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนี่คือห้องใต้ดินขนาดใหญ่ อาจมีเนื้อที่เกินหนึ่งหมื่นตารางเมตรภายในมีตู้กระจกขนาดใหญ่อยู่มากมายหลายตู้ซึ่งแต่ละตู้ข้างในบรรจุภาพวาดโบราณ ภาพวาดที่มีชื่อเสียง ทองคำ และอัญมณีต่าง ๆ อยู่นับไม่ถ้วนนี่คือสิ่งที่หกตระกูลใหญ่สร้างขึ้นร่วมกัน โดยแบ่งออกเป็นหกพื้นที่ ในแต่ละพื้นที่หมายถึงตระกูลหนึ่ง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเปิดได้กระจกที่อยู่ตรงหน้าทำขึ้นจากกระจกกันกระสุนที่ดีที่สุดแม้ว่าจะขับรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด ขับชนมันนานกว่าสิบนาทีก็ไม่สามารถทำให้มันบุบสลายได้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เย่ซิวต้องการในตอนนี้เขาอ้าปากแล้วคายกระบี่หงส์โบยบินออกมา ถือมันไว้ในมือแล้วตัดเปิดตู้ทีละตู้ ๆกระจกกันกระสุนอะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ช่างง่ายเหมือนกับการตัดเต้าหู้ทองทำ เงิน เครื่องประดับ วัตถุโบราณและภาพวาดภาพเขียนโบราณทุกชนิดถูกยัดเข้าไปในแหวนผนึกของโดยเย่ซิวเขาประเมินว่าหากของเหล่านี้ออกสู่ตลาดและถูกประมูลออกไป เขาจะสามารถขายมันเป็นเงินสดได้
เช่นนี้ก็เหลืออีกเพียงสามชนิดเท่านั้น ตอนนี้เองที่จู่ ๆ เสี่ยวไป๋ก็กระโดดออกมาจากตัวเขา พุ่งตรงไปที่ขวดแก้วนั้นร่างของมันเจาะขวดแก้วเข้าไปโดยตรง มันอ้าปากเล็ก ๆ สมุนไพรที่อยู่ข้างในก็ถูกกลืนลงท้องในอึกเดียวแกร๊ก! แกร๊ก!เย่ซิวไม่ทันได้ห้ามมันด้วยซ้ำ สมุนไพรที่มีราคาแพงหูฉี่หลายร้อยต้นในตู้ก็ถูกเสี่ยวไป๋กินไปสิบกว่าต้นแล้วเย่ซิวรีบยกเสี่ยวไป๋ขึ้นมา สั่งสอนมันด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเสียดายว่า “เจ้าตัวเล็กนี่ จะสิ้นเปลืองของดีเกินไปแล้ว ถ้าฉันใช้สมุนไพรเหล่านี้หลอมโอสถ แกรู้ไหมว่าจะหลอมโอสถออกมาได้เท่าไหร่?"เสี่ยวไป๋ตีสีหน้าไร้เดียงสา กะพริบตาปริบ ๆ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากเย่ซิวมองแล้วก็ใจอ่อนยวบ หักใจดุไม่ไหวอีกต่อไปแต่ไม่นานเรื่องที่ทำให้เย่ซิวต้องตกใจก็เกิดขึ้นมีเส้นไหมสีขาวจำนวนมากผุดออกมาจากร่างของเสี่ยวไป๋ กลายเป็นรังไหม แล้วห่อหุ้มมันไว้ข้างในนั้นเย่ซิวแผ่จิตสัมผัส ข้างในไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้วราวกับว่ามันเป็นของตายชิ้นหนึ่งแต่เมื่อสัมผัสมันผ่านสายโลหิต เย่ซิวกลับรู้ว่าเสี่ยวไป๋ยังสบายดี“แมลงสร้างรังไหมก็เพื่อที่จะหลุดออกจากรังไหมในที่สุด ดังนั้นเสี่ยวไป
นั่นย่อมเป็นการเลือกสำนักงานใหญ่ของสำนักโอสถสถานที่นี้ไม่สามารถเลือกอย่างลวก ๆ จำเป็นต้องมองหาสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยเป็นเลิศแต่มันยากมากที่จะหาที่ดี ๆ ในดินแดนนี้ อย่างมากที่สุดก็หาคนตัวสูงในหมู่คนแคระเย่ซิวเหาะเหินด้วยกระบี่ แล้วร่ายอาคมเพื่อล่องหน ตรวจสอบอาณาเขตของสำนักโอสถอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบในที่สุดก็เลือกสถานที่ที่เหมาะสมได้แล้วสถานที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน หลังจากผ่านภูเขา ห่างออกไปประมาณยี่สิบไมล์ก็คือพรมแดนที่ติดกับประเทศปิงจือที่นี่คือสถานที่ที่เย่ซิวคิดว่าดีที่สุดหลังจากสังเกตดู ดังนั้นเขาจึงลงมา สลายอาคมที่ร่ายไว้เย่ซิวอ้าปาก คายพลังวิญญาณอันหนาแน่นออกมาแล้วถ่ายโอนเข้าไปในกระบี่หงส์โบยบินดาบขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มขุดที่นี่ภายใต้การควบคุมของเขาเขากำลังวางแผนที่จะวางค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดใหญ่ที่นี่แถมที่นี่ยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศปิงจือตราบเท่าที่ค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไป โชคลาภจากประเทศปิงจือก็จะถูกรวบรวมมาทีละน้อยในความเป็นจริง ตอนนี้เย่ซิวก็มีความสามารถที่จะโค่นประเทศปิงจือได้แล้ว แต่ไม่จำเป็นมีเนื้อที่มากเกินไป รังแต่จะทำให
ข้างในมีไอเย็นแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีอุณหภูมิอยู่ที่ลบสามสิบถึงลบสี่สิบองศา แม้แต่เย่ซิวก็ยังได้รับผลกระทบและต้องอัดพลังวิญญาณกางเกราะวิญญาณหนา ๆเขาเดินไปข้างหน้าประมาณหกหรือเจ็ดร้อยเมตร ถึงได้มองเห็นแหล่งกำเนิดของไอเย็นมันเป็นเตียงน้ำแข็งเตียงหนึ่งบนเตียงยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยผู้หญิงคนนี้สวมชุดโบราณสีขาว ผิวขาวราวกับหิมะ และมีรูปโฉมที่งามล่มบ้านล่มเมืองบอกว่าเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ตรงสักเท่าไหร่นักเนื่องจากไม่มีกลิ่นอายของความเป็นมนุษย์จากตัวเธอ เธอเหมือนเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์มากกว่า ชายใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ต้องรู้สึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่เย่ซิวก็ไม่มีข้อยกเว้น ร่างกายเขาหมุนกลับไปโดยสัญชาตญาณ ราวกับว่าการมองผู้หญิงคนนี้จะเป็นการดูหมิ่นเธอเย่ซิวกัดปลายลิ้นเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นอนเงียบ ๆ ก็ส่งผลต่อตัวเองมากขนาดนี้หากเปลี่ยนป็นคนอื่น ผลกระทบนั้นจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้อีกเขาถือกระบี่หงส์โบยบินไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้รอจนกระทั่งอยู่ห่
“ที่นี่ก็คือประเทศจ้านอิงเหรอ?”หงอียืนอยู่บนถนนที่พลุกพล่าน ล้อมรอบด้วยอาคารสูงและรถหรูหลายคันที่วิ่งไปมาบนถนนไม่รู้ว่าเธอแก้ปัญหาเรื่องบัตรประจำตัวประชาชนและวีซ่าของเธออย่างไรเธอช่างสมดั่งชื่อ สวมเสื้อคลุมสีแดงขนาดใหญ่ ที่เท้าสวมรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่หนึ่งจับคู่กับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตสีแดง ยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์นั้นความอลังการถึงขีดสุดเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เธอก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สัญจรไปมาเธอสวยมาก แต่มีบรรยากาศรอบตัวที่เย็นชาและห่างเหินเกินไป ท่วงท่าที่ประดุจดั่งราชินีซึ่งมีมาแต่กำเนิด กระแทกหัวใจของผู้ชายทุกคนที่ได้พบเห็นเธออย่างลึกซึ้งผู้ชายบางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูง บังเกิดความคิดที่จะปราบผู้หญิงคนนี้บางคนที่มีรายได้น้อย กลับเกิดความคิดที่จะคุกเข่าเลียแข้งเลียขาเธอการปรากฏตัวของหงอีทำให้ถนนทั้งสายติดขัดในช่วงเวลาสั้น ๆ มีชายเจ็ดหรือแปดคนที่ขับรถหรูและสวมนาฬิการาคาเป็นล้านล้านเข้ามา พยายามเริ่มบทสนทนามุมปากของหงอีโค้งขึ้น "พวกคุณอยากขึ้นเตียงกับฉันเหรอ?"เธอพูดภาษาของประเทศจ้านอิง สำเนียงชัดเจนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียนรู้มาจากการฟังผู
หญิงสาวเกิดความกังวลใจขึ้นมาทันที “นายคิดจะไปทำธุระส่วนตัวงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นสหายร่วมรบกัน นายต้องพาฉันไปด้วยสิ!”“ผมจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย คุณก็ค่อย ๆ รักษาแผลตัวเองไปแล้วกันนะ ลาก่อน”พูดจบ เย่ซิวก็พังหน้าต่างออกไปพรีเอลล์วิ่งตามไปที่หน้าต่างแต่ก็มองไม่เห็นเงาของเย่ซิวแล้วสีหน้าของเธอขรึมลง จิตสังหารในตัวเธอทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายสิบองศา “คอยดูเถอะไอ้สารเลว ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกคายทุกสิ่งที่เคยกินไปออกมา!”เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงบ้านของอลิส เธอก็ตื่นแล้วหลังจากที่อลิสตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่ซิวหายไป เธอก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรู้สึกจิตตกทันทีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ตึง! ตนเองก็รู้สึกแปลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ซิวแท้ ๆแต่เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาทันที “นายไปไหนมา? ฉันนึกว่านายจะไปโดยไม่บอกลากันซะแล้ว”เย่ซิวยิ้มและกล่าวว่า “ผมไปทานข้าวมาน่ะ”อลิสไม่สงสัยแม้แต่น้อยพลางทำท่าทางกระอักระอ่วน “เป็นเพราะฉันดูแลไม่ดีเอง นายมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหม หรือพวกเราควรไปซื้อตอนนี้เลยดี?”เย่ซ
พรีเอลล์เบิกตากว้าง “ฉันลืมอะไรไปเหรอ? อ้อ หรือว่านายอยากให้ฉันนอนกับนายอีกครั้ง? อย่างนั้นก็ได้ มาสิ”พูดจบเธอก็แสดงท่าทียินยอมพร้อมใจเย่ซิวยิ้มหยัน “ยังจะมาแกล้งโง่ต่อหน้าผมอีกเหรอ? เอาสร้อยคอที่คุณเก็บไว้ออกมาให้ผมตรวจดูมูลค่าของมันเถอะ”สีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มออกมา “อันนั้น...ฉันคิดว่าการวิเคราะห์ของนายในตอนนี้คงจะสมเหตุสมผล เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”เย่ซิวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูเธออย่างเงียบ ๆ และบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆเหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผากของพรีเอลล์เธอลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ เสียงกลืนน้ำลายนั้นจึงฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ“ก็ได้”ในที่สุด พรีเอลล์ก็ยอมแพ้และวางของลงตรงหน้าอย่างว่าง่ายเย่ซิวหยิบจี้ขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวังลองใช้พลังจิตแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยจากนั้นเขาได้ส่งผ่านพลังวิญญาณเข้าไป และจี้นั้นก็ปล่อยแสงอันเจิดจ้าออกมาเย่ซิวรู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือ ราวกับกำลังถือดวงอาทิตย์ขนาดเล็กอยู่ก็ไม่ปานจินตานห้าสีสั่นสะเทือนขึ้นมา เย่ซิวระดมพลังธาตุไฟและส่งผ่านมันเข้าไปตัว
รอจนเย่ซิวได้ลิ้มรสความหวานและติดใจกับพลังที่เพิ่มขึ้นแล้วค่อยบอกวิชาลับอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วให้เย่ซิวถึงเวลานั้น จอมมารโลหิตก็จะสามารถใช้วิธีนี้ควบคุมเย่ซิวไว้ได้อย่างมั่นคงทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวินาทีเท่านั้นพวกอันธพาลที่เห็นเย่ซิวนิ่งเฉยก็โกรธจัด ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่เขาในมือแต่ละคนมีท่อเหล็กพร้อมแววตาที่ฉายแววอำมหิตเย่ซิวได้สติกลับมา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นช้า ๆ และใช้วิชาคัมภีร์มารโลหิตทันที!ตูม! ตูม! ตูม!เกิดแรงดูดมหาศาลจากฝ่ามือของเย่ซิว เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของชายหนุ่มสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าสยดสยองเลือดสด ๆ ไหลทะลักเข้าสู่ฝ่ามือของเย่ซิวหลังจากผ่านกระบวนการของวิชาคัมภีร์มารโลหิต มันก็แปลงสภาพกลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์เย่ซิวเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในยุคโบราณจำนวนมากถึงเลือกเดินบนเส้นทางมาร เพราะมันทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เองเพียงแค่ไม่กี่วินาที พลังวิญญาณที่เขาได้รับมาก็เทียบเท่ากับการบำเพ็ญอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือนหากเขาฆ่าคนในเมืองนี้ทั้งหมด…บางท
“ทำไมถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้? เมื่อกี้ฉันเกือบจะโดนจับได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ…บ้าจริง”พรีเอลล์ที่อ่อนแรงในอ้อมแขนของเย่ซิวยกสองนิ้วขึ้นมาบิดที่เอวของเขาอย่างแรงถึงแม้เธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่แรงบิดของเธอก็ยังเจ็บเอาเรื่องไม่น้อยเย่ซิวยิ้มบาง ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะอะไร? หรือไปเจอคนใจบุญช่วยไว้ล่ะ”พรีเอลล์เบือนหน้าไปอีกทาง เธอไม่มีทางยอมบอกหรอกว่า ก่อนหน้านี้เธอเกือบถูกจับได้ แต่ในจังหวะคับขันกลับถูกเลสเบี้ยนคนหนึ่งลากเข้าห้องน้ำไปและโดนผู้หญิงคนนั้นลวนลามไปไม่น้อยเลยถ้าพูดออกไปคงถูกเย่ซิวล้อไม่หยุดแน่“ช่างมัน รีบไปกันเถอะ”เย่ซิวพยุงตัวพรีเอลล์ขึ้นและพาเธอเดินออกจากบาร์ต่อไปยังมีเรื่องที่ต้องจัดการคือการแบ่งสมบัติจากการต่อสู้ครั้งนี้อีกในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพรีเอลล์หนีจากหน่วยรบเขี้ยวพิษจำนวนมากได้อย่างไรทั้งที่เธอบาดเจ็บจากระเบิดและพลังที่เหลืออยู่ก็ลดลงเกือบครึ่ง การหนีรอดออกมาน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งไปกว่านั้น จากสภาพของเธอดูเหมือนจะไม่มีใครจับได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทำให้เย่ซิวยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกทั้งสองเดินออกจากบาร์ก่อนจะพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา
ชายคนหนึ่งในกลุ่มมองสลับไปมาระหว่างเย่ซิวกับอลิสด้วยความสงสัย “คุณผู้หญิง แฟนของคุณไม่ใช่เอ็ดเหรอ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เขานี่”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเริ่มเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นในทันทีอลิสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูไม่ออกเหรอ ฉันนอกใจไงล่ะ”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนถึงกับอึ้งไปในทันทีนี่พูดเรื่องนอกใจได้เต็มปากขนาดนี้เลยเหรอ?อลิสยืดอกด้วยท่าทางทรงอำนาจ “ฉันขอเตือนไว้ก่อน จะค้นก็เชิญค้นไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่อีกอย่าง ฉันจะบอกให้นะว่าพ่อของฉันเป็นประธานแห่งซีเรียสกรุ๊ป”ซีเรียสกรุ๊ปเป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของประเทศจ้านอิงตี้ มีอำนาจมหาศาลและยังมียอดฝีมือ ผู้มีพลังวิเศษ และทหารดัดแปลงอยู่ในมืออีกมากมายผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นจริงจังและเคารพอลิสมากขึ้นซีเรียสกรุ๊ปเป็นองค์กรที่พวกเขาไม่มีวันกล้าหาเรื่องแน่ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาให้เย่ซิวอีกและเริ่มตรวจค้นบ้านต่อไปห้องนอนของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้มีพลังพิเศษหญิงคนหนึ่ง โดยพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อลิสโกรธไม่
อลิสเข้าใจความหมายในสายตาของเย่ซิวทันที จึงเปลี่ยนคำพูดของตัวเองไปว่า “โอเค เดี๋ยวฉันไป แล้วฉันพาคนไปด้วยได้ไหม?”เมื่อได้รับคำตอบจากปลายสาย อลิสก็ตัดสายโทรศัพท์ทันทีเธอโยนโทรศัพท์ลงแล้วใช้สองมือโอบคอเย่ซิว “นายสนใจสมาคมผู้มีพลังวิเศษงั้นเหรอ?”แฟนเก่าเธอเองก็เป็นผู้มีพลังวิเศษ แต่อยู่ในระดับต่ำสุดคือระดับหนึ่ง เขาเข้าร่วมองค์กรผู้มีพลังวิเศษกึ่งทางการกึ่งเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อครู่นี้เขาโทรมาหาเธอบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงและชวนเธอไปร่วมงานด้วยไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง หรือบุคลิกของอลิสล้วนไม่แพ้บรรดาดาราหญิงที่กำลังโด่งดัง แถมครอบครัวเธอยังร่ำรวยอีกด้วยเย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อยองค์กรแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อยถ้าเขาสามารถจับปลาตัวใหญ่มาสักสองสามตัวได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น“ฉันช่วยนายหาที่นั่งในงานได้ นายจะขอบคุณฉันยังไงดี?” อลิสเอ่ยด้วยสายตาเร่าร้อนพลางจ้องมองเย่ซิว “มาเป็นแฟนของฉันดีไหม? ฉันจะยกทุกอย่างให้นายเลย ทั้งตัวฉันและทรัพย์สินของฉัน”บางคนก็เป็นแบบนี้ แค่ได้พบกันเพียงไม่นานก็ทำให้รู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้ด้วยเย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไ
หัวใจของอลิสเต้นเร็วขึ้น พร้อมกับความรู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นในเมื่อนายสามารถทรยศฉันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะทรยศนายบ้างไม่ได้ล่ะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของอลิสก็เผยความบ้าคลั่งออกมาเล็กน้อยเธอก็อยากจะปลดปล่อยตัวเองให้เต็มที่สักครั้งเหมือนกัน“อย่าไปเลยนะ คืนนี้อยู่กับฉันก่อน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”เย่ซิวตั้งใจจะผลักเธอออก แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกในทันทีเดิมทีเขาตั้งใจจะออกไปแล้ว แต่จู่ ๆ พลังจิตของเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ใช้พลังพิเศษจำนวนมากอยู่ข้างนอก และพวกนั้นก็กำลังตรวจค้นรอบบ้านในบริเวณกว้างนอกจากนี้ บนท้องฟ้ายังมีโดรนจำนวนมากบินวนไม่หยุดและพวกนี้ไม่ใช่โดรนธรรมดาสำหรับถ่ายภาพวิวที่ขายตามท้องตลาด แต่เป็นโดรนทางการทหารที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนับคร่าว ๆ ก็มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลำบินวนอยู่เหนือเมืองทั้งเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ หากเย่ซิวถูกพบตัว แม้ว่าเขาจะหนีรอดได้ หรือถ้าหากเขาเอาจริงก็สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คงมหาศาลตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะปะทะกับพวกนั้นโดยตรงทางที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่
อันที่จริงเย่ซิวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาดำดินมากนักตอนที่ฝ่าวงล้อมเขาก็ไม่ได้ปล่อยพลังจิตออกมามากเกินไปเหตุผลข้อแรกคือ เมื่ออยู่ใต้ดิน การปล่อยพลังจิตออกไปข้างนอกจะสูญเสียพลังมากกว่าตอนอยู่บนพื้นดินหลายเท่าข้อที่สองคือเขากังวลว่าหากประเทศจ้านอิงตี้ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังจิตได้ ตัวเขาเองก็จะถูกเปิดโปงได้ง่ายด้วยเหตุนี้เขาจึงมุ่งหน้าไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายใด ๆ ในบริเวณนั้น จากนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือพอเขาโผล่ขึ้นมาก็เจอเข้ากับสถานที่ที่เต็มไปด้วยไอหมอกเขาดันบังเอิญเข้าไปในห้องน้ำของบ้านใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจท่ามกลางไอน้ำที่พร่ามัว เขาเห็นเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอยู่เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงโปร่ง สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรรูปร่างงดงามราวกับปีศาจ แต่มาพร้อมใบหน้าสวยงามประดุจเทพธิดาอารมณ์ของอลิสในตอนนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเธอมีแฟนที่คบกันมาหลายปี และทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันแต่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจับได้ว่าแฟนของเธอนอกใจคนที่แฟนของเธอนอกใจด้วยกลับเป็น
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ