ฉีจื้อหมิงและพรรคพวกเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมด้วยท่าทีโอ่อ่าและไม่เกรงใจใครพอกวาดตามองก็พบเย่ซิวกับเฉอเซียจื่อนั่งอยู่ตรงนั้นเขาชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมถึงเป็นพวกนาย? แล้วพี่หลงล่ะ?”เขาเคยพบเฉอเซียจื่อมาก่อนผู้หญิงคนนี้ถูกใจเขามาก แต่เพราะเธอเป็นคนของพี่หลง เขาจึงไม่กล้าล่วงเกิน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกัน แม้จะไม่มีโอกาสได้ครอบครองเฉอเซียจื่อ แต่พอได้เห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เขาก็จ้องมองเธอด้วยสายตาโลมเลียราวกับอยากมีพลังมองทะลุผ่านทุกสิ่งเฉอเซียจื่อไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปมองเย่ซิวแทนเย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ “นายคือฉีจื้อหมิงใช่ไหม ตอบคำถามฉันสักสองสามข้อแล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย”สีหน้าของฉีจื้อหมิงบึงตึ้งทันที เขาจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาแหลมคม “แกเป็นใคร?”ด้วยตำแหน่งของเขาในอดีต เขาไม่เคยมีโอกาสได้พบกับเย่ซิวมาก่อน จึงจำไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้คือคนที่ทำให้หกตระกูลใหญ่ที่เคยรุ่งโรจน์ต้องตกต่ำถึงขั้นหนีหัวซุกหัวซุนมายังประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้“ฉันเป็นใครนายไม่มีสิทธิ์รู้ รู้แค่ว่าต้องตอบคำถามฉันก็พอ”ฉีจื้อหมิงหัวเราะเสียงดัง แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความเ
เย่ซิวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ทำลายแขนขาเขาซะ อย่าให้ส่งเสียงออกมาได้”เฉอเซียจื่อทำตามคำสั่งทันทีเธอพุ่งเข้าไปใกล้ฉีจื้อหมิง ใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเขาไว้ และใช้อีกข้างหนึ่งโจมตีอย่างรุนแรงจนกระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาแตกละเอียด จากนั้นเธอก็ใช้เท้ากระหน่ำเตะจนกระดูกขาทั้งสองข้างของเขาแตกหักในชั่วพริบตาฉีจื้อหมิงเจ็บปวดจนดวงตาเหลือกขาว เกือบจะหมดสติไปในทันทีแต่เฉอเซียจื่อใช้เล็บยาวขูดไปที่ลำคอของเขาจนเกิดรอยแผลเลือดซิบเป็นทางยาว ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบจนได้สติกลับมา“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่นิ่ง ๆ!”หลังจากได้เห็นพลังฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิวแล้ว เฉอเซียจื่อก็ไม่รู้สึกกลัวการแก้แค้นจากตระกูลฉีอีกต่อไป“ฉัน…ฉันยอมแล้ว! ฉันจะพูดทุกอย่าง ขอร้องล่ะอย่าฆ่าฉันเลย!”ตอนนี้ฉีจื้อหมิงตกใจกลัวจนสิ้นท่า เขารู้ตัวแล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับคนโหดเหี้ยม และไม่กล้าทำตัวโอหังอีกต่อไปเย่ซิวเอ่ยถาม “แกพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของตระกูลใหญ่ในตอนนี้หรือเปล่า แล้วพวกเขาจะรวมตัวกันอีกทีเมื่อไหร่!”ฉีจื้อหมิงกลืนน้ำลายเพื่อลดความเจ็บปวดในร่างกายก่อนจะตอบ “เหมือนว่าช่วงนี้พวกเขากำลังระดมทุนเพื่อซื้ออาวุธหรืออะ
ที่หน้าประตูร้านอาหาร มีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนสง่างามโดดเด่นสะดุดตาอยู่เธอถอดเสื้อโค้ตยาวออกเผยให้เห็นชุดรัดรูปหนังสีดำที่สวมอยู่ด้านใน โชว์รูปร่างอันเร่าร้อนสะกดทุกสายตาเรียวขาของเธอยาวและตรงดั่งแกะสลัก ดูทรงพลังอย่างน่าประทับใจช่วงเอวคอดกิ่วพอดีมือและช่วงอกที่โดดเด่นจนใครต่อใครต้องยอมสยบเธอมีผมยาวสีม่วงแดงที่โดดเด่นสะดุดตา ดวงตาของเธอไม่ใช่สีดำสนิทเหมือนคนทั่วไป แต่กลับแฝงประกายสีฟ้าอ่อน ๆ ทันทีที่หญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น อุณหภูมิรอบด้านก็เหมือนจะลดลงไปหลายองศาในทันใดเจ้าของร้านอาหารรีบก้าวออกมาต้อนรับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง “ในที่สุดพี่หวังก็มา พวกเขาอยู่บนชั้นดาดฟ้า พลังฝีมือแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นที่สามารถทำให้เฉอเซียจื่อยอมรับใช้อย่างเต็มใจ แบบนี้ก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ท่านมาคนเดียวจะไหวเหรอครับ?”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าพี่หวังยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันจัดการเอง ต่อให้พวกนั้นเป็นถึงระดับปรมาจารย์ หากไม่ใช่ระดับแปดหรือเก้าก็ไม่คณามือฉันหรอก”เจ้าของร้านอาหารเมื่อได้ยินดังนั้นก็เบาใจลงทันทีหญิงสา
เย่ซิวมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความสนใจ “ในตัวคุณมีพลังบางอย่างที่แปลกประหลาด ไม่ใช่กำลังภายใน แต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่ากำลังภายในเสียอีก อีกทั้งร่างกายของคุณก็ดูไม่เหมือนคนทั่วไป คล้ายกับว่าเคยถูกดัดแปลงอะไรบางอย่างมา สามารถบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”เหตุผลที่เย่ซิวยังไม่เดินจากไปในทันทีเพราะพลังจิตของเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหญิงคนนี้พี่หวังเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของเธอก็แสดงอาการตกตะลึงอย่างชัดเจน จังหวะการเต้นของหัวใจพลันเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเธอจ้องเย่ซิวอย่างเอาเป็นเอาตาย “นายเป็นใคร? ใช่คนที่พวกเธอส่งมาหรือเปล่า?”เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “‘พวกเธอ’ ที่คุณพูดถึงคือใครล่ะ?”“นายไม่ใช่คนที่พวกเธอส่งมาเหรอ?”พี่หวังย่อตัวลง ร่างกายเต็มไปด้วยความระแวดระวัง กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงเครียดราวกับเสือดาวที่พร้อมจะกระโจนใส่เหยื่อได้ทุกเมื่อพร้อมกับพลังงานอันดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวเธอเย่ซิวไม่ใส่ใจกับท่าทางคุกคามของเธอแม้แต่น้อย เขากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อย่าคิดลงมือกับผมเลย มันจะไม่เป็นผลดีต่อคุณหรอก”สิ่งที่เย่ซิวสนใจไม่ใช่ท่าทีดุดันของเธอ แต่เป็นพ
“นักเวท คุณคือนักเวทในตำนานใช่ไหม!”เย่ซิวมองเธอ “นักเวทงั้นเหรอ?”“ใช่แน่ ๆ!” เฉอเซียจื่อพยักหน้าหงึก ๆ “หอกน้ำแข็งที่ปล่อยออกมานั่นคือพลังของนักเวทที่อยู่ในตำนานโบราณไม่ใช่เหรอ?”“ฉันเป็นแค่นักเวทระดับหนึ่ง” พี่หวังจ้องเย่ซิวอย่างไม่ละสายตา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “นายก็เป็นนักเวทใช่ไหม? นายแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แบบนี้ต้องเป็นหัวหน้าของพวกเธอแน่ ๆ นายคิดจะมาจับฉันใช่ไหม?!”“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงใคร” เย่ซิวเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ “แต่ผมบอกได้แค่ว่าผมไม่ใช่นักเวท สิ่งที่แสดงให้เห็นเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นอาคมต่างาหก”“อาคม… มันคืออะไร?” พี่หวังมีสีหน้าสับสน “นายไม่ใช่คนจากประเทศจ้านอิงตี้!”“ผมเป็นคนหลงเถิงโดยกำเนิด” เย่ซิวโบกมือเบา ๆ น้ำแข็งที่ลอยรอบตัวเธอก็มลายหายไป จากนั้นก็ถามต่อ “เล่าให้ผมฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”เมื่อเธอมั่นใจแล้วว่าเย่ซิวไม่ได้มาจับตัว เธอจึงค่อยโล่งใจเธอบิดเอวที่แสนเย้ายวนของเธอแล้วเดินอวดเรียวขาที่เรียวตรงและดึงดูดสายตาเข้ามาหาเย่ซิว ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเขา“ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อหวังซวง พ่อของฉันเป็นคนหลงเ
ส่วนในเรื่องผลประโยชน์ ถ้าคุณติดตามผม อย่างน้อยคุณจะมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนนี้เป็นสองเท่า”หวังซวงตื่นเต้นขึ้นมาทันที “นายพูดจริงหรือเปล่า?”เย่ซิวกวักมือเรียกเธอ “คุณมาให้ผมตรวจร่างกายคุณหน่อย”แม้การใช้พลังจิตจะสามารถตรวจสอบได้ แต่มันไม่สะดวกเท่ากับการสัมผัสทางร่างกายโดยตรงหวังซวงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาเย่ซิวและก้มหน้าถาม “นายจะตรวจยังไง? ฉันต้องถอดเสื้อผ้าหรือเปล่า?”เธอแอบคิดในใจว่าถ้าเย่ซิวบอกว่าต้องถอด เธอจะหันหลังเดินออกไปทันทีเย่ซิวส่ายหน้าพลางยิ้ม “ไม่ต้องหรอก คุณยื่นมือมาก็พอ”หวังซวงยื่นมือออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักมือของเธอสวยงาม นิ้วเรียวยาว พออยู่ใต้แสงไฟแล้วก็สะท้อนแสงเงาอย่างอ่อนโยนร่างกายของเธออบอวลไปด้วยกลิ่นกายอันแปลกประหลาด มีกลิ่นหอมละมุนคล้ายกุหลาบ แต่กลับแฝงด้วยความนุ่มนวลเหมือนน้ำนม เป็นกลิ่นที่ชวนให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายอย่างประหลาดเย่ซิวจับข้อมือของเธอไว้ ผิวของเธอเย็นเล็กน้อย แต่สัมผัสนั้นกลับนุ่มลื่นน่าพิศวงหวังซวงสะดุ้งเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกชายแปลกหน้าจับมือ ความรู้สึกแปลกใหม่บางอย่างพลันก่อตัวขึ้นในใจใบหน้าขอ
“คุณจะยอมเป็นลูกศิษย์ของผมไหม?”จนถึงตอนนี้เย่ซิวยังไม่เคยมีลูกศิษย์มาก่อนแม้อายุของเขาจะยังไม่มาก แต่เขาก็มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์แล้ว ทั้งในด้านพลังฝีมือและประสบการณ์หวังซวงถึงกับตะลึงในทันทีเพราะนึกไม่ถึงว่าเย่ซิวจะพูดคำนี้ออกมาเดิมทีเธอคิดว่าเย่ซิวอาจจะสนใจตัวเธอในแง่อื่นแต่หลังจากที่ได้สติ เธอก็คุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์ขอน้อมคารวะ”เย่ซิวพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดีมาก ลุกขึ้นเถอะ”หวังซวงลุกขึ้นยืน เฉอเซียจื่อที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความอิจฉาตอนนี้หวังซวงมีที่พึ่งอันทรงพลังอยู่ในมือแล้ว ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนในอนาคต เธอก็สามารถเดินอย่างมั่นใจได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวใครอีกต่อไปที่เย่ซิวเปลี่ยนใจรับหวังซวงเป็นลูกศิษย์อย่างกะทันหันเพราะระหว่างที่ตรวจร่างกายของเธออยู่ เขาพบว่าร่างกายของเธอมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างแต่คุณสมบัติพิเศษนั้น ในตอนนี้ยังไม่ปรากฏชัดเจน คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายของหวังซวงในตอนนี้ที่เหมือนถูกดึงพลังออกไปจนหมดสิ้น ทำให้คุณสมบัติพิเศษของเธอไม่สามารถแสดงออกมาได้เย่ซิวหยิบชามสะอาดมาหนึ่งใบแล้วล
เงินจำนวนนั้นเพียงพอที่จะให้เด็กสาวเหล่านี้ได้กินดีอยู่ดีไปอีกหลายเดือนหวังซวงตอบรับด้วยความนอบน้อมและจดจำทุกคำพูดของเย่ซิวไว้ในใจอย่างแม่นยำจากนั้นเธอก็ถือเงินก้อนนั้นและเอ่ยกับเด็กสาวเหล่านั้นเป็นภาษาท้องถิ่น ก่อนจะแบ่งเงินให้พวกเธออย่างเท่าเทียมเด็กสาวแต่ละคนแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อราวกำลังฝันไป ทุกอย่างดูเหมือนไม่ใช่ความจริงเมื่อหวังซวงพูดย้ำอีกครั้งพวกเธอถึงเชื่อ และก้มศีรษะคำนับเย่ซิวด้วยความซาบซึ้งและเคารพบางคนถึงกับน้ำตาไหลพรากลงมาไม่หยุด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นจากการได้รับความใส่ใจ ความรู้สึกนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากหัวใจของพวกเธอหนึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็มาถึงที่พักของหวังซวงมันเป็นอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่ดูเก่าไปบ้าง ลักษณะคล้ายกับตึกในยุคแปดศูนย์ถึงเก้าศูนย์ของหลงเถิงแต่ในพื้นที่นี้ถือว่าเป็นที่พักระดับสูงแล้ว คนทั่วไปไม่มีทรัพย์สินมากพอที่จะอาศัยอยู่ได้ห้องพักไม่ใหญ่มากนัก ประมาณเก้าสิบตารางเมตร และตกแต่งอย่างเรียบง่ายเฟอร์นิเจอร์ก็มีไม่มาก สิ่งที่ดูมีมูลค่าที่สุดคือโทรทัศน์สีขนาดยี่สิบนิ้วหวังซวงเอ่ยอย
หญิงสาวเกิดความกังวลใจขึ้นมาทันที “นายคิดจะไปทำธุระส่วนตัวงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นสหายร่วมรบกัน นายต้องพาฉันไปด้วยสิ!”“ผมจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย คุณก็ค่อย ๆ รักษาแผลตัวเองไปแล้วกันนะ ลาก่อน”พูดจบ เย่ซิวก็พังหน้าต่างออกไปพรีเอลล์วิ่งตามไปที่หน้าต่างแต่ก็มองไม่เห็นเงาของเย่ซิวแล้วสีหน้าของเธอขรึมลง จิตสังหารในตัวเธอทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายสิบองศา “คอยดูเถอะไอ้สารเลว ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกคายทุกสิ่งที่เคยกินไปออกมา!”เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงบ้านของอลิส เธอก็ตื่นแล้วหลังจากที่อลิสตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่ซิวหายไป เธอก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรู้สึกจิตตกทันทีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ตึง! ตนเองก็รู้สึกแปลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ซิวแท้ ๆแต่เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาทันที “นายไปไหนมา? ฉันนึกว่านายจะไปโดยไม่บอกลากันซะแล้ว”เย่ซิวยิ้มและกล่าวว่า “ผมไปทานข้าวมาน่ะ”อลิสไม่สงสัยแม้แต่น้อยพลางทำท่าทางกระอักระอ่วน “เป็นเพราะฉันดูแลไม่ดีเอง นายมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหม หรือพวกเราควรไปซื้อตอนนี้เลยดี?”เย่ซ
พรีเอลล์เบิกตากว้าง “ฉันลืมอะไรไปเหรอ? อ้อ หรือว่านายอยากให้ฉันนอนกับนายอีกครั้ง? อย่างนั้นก็ได้ มาสิ”พูดจบเธอก็แสดงท่าทียินยอมพร้อมใจเย่ซิวยิ้มหยัน “ยังจะมาแกล้งโง่ต่อหน้าผมอีกเหรอ? เอาสร้อยคอที่คุณเก็บไว้ออกมาให้ผมตรวจดูมูลค่าของมันเถอะ”สีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มออกมา “อันนั้น...ฉันคิดว่าการวิเคราะห์ของนายในตอนนี้คงจะสมเหตุสมผล เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”เย่ซิวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูเธออย่างเงียบ ๆ และบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆเหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผากของพรีเอลล์เธอลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ เสียงกลืนน้ำลายนั้นจึงฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ“ก็ได้”ในที่สุด พรีเอลล์ก็ยอมแพ้และวางของลงตรงหน้าอย่างว่าง่ายเย่ซิวหยิบจี้ขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวังลองใช้พลังจิตแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยจากนั้นเขาได้ส่งผ่านพลังวิญญาณเข้าไป และจี้นั้นก็ปล่อยแสงอันเจิดจ้าออกมาเย่ซิวรู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือ ราวกับกำลังถือดวงอาทิตย์ขนาดเล็กอยู่ก็ไม่ปานจินตานห้าสีสั่นสะเทือนขึ้นมา เย่ซิวระดมพลังธาตุไฟและส่งผ่านมันเข้าไปตัว
รอจนเย่ซิวได้ลิ้มรสความหวานและติดใจกับพลังที่เพิ่มขึ้นแล้วค่อยบอกวิชาลับอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วให้เย่ซิวถึงเวลานั้น จอมมารโลหิตก็จะสามารถใช้วิธีนี้ควบคุมเย่ซิวไว้ได้อย่างมั่นคงทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวินาทีเท่านั้นพวกอันธพาลที่เห็นเย่ซิวนิ่งเฉยก็โกรธจัด ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่เขาในมือแต่ละคนมีท่อเหล็กพร้อมแววตาที่ฉายแววอำมหิตเย่ซิวได้สติกลับมา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นช้า ๆ และใช้วิชาคัมภีร์มารโลหิตทันที!ตูม! ตูม! ตูม!เกิดแรงดูดมหาศาลจากฝ่ามือของเย่ซิว เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของชายหนุ่มสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าสยดสยองเลือดสด ๆ ไหลทะลักเข้าสู่ฝ่ามือของเย่ซิวหลังจากผ่านกระบวนการของวิชาคัมภีร์มารโลหิต มันก็แปลงสภาพกลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์เย่ซิวเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในยุคโบราณจำนวนมากถึงเลือกเดินบนเส้นทางมาร เพราะมันทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เองเพียงแค่ไม่กี่วินาที พลังวิญญาณที่เขาได้รับมาก็เทียบเท่ากับการบำเพ็ญอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือนหากเขาฆ่าคนในเมืองนี้ทั้งหมด…บางท
“ทำไมถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้? เมื่อกี้ฉันเกือบจะโดนจับได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ…บ้าจริง”พรีเอลล์ที่อ่อนแรงในอ้อมแขนของเย่ซิวยกสองนิ้วขึ้นมาบิดที่เอวของเขาอย่างแรงถึงแม้เธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่แรงบิดของเธอก็ยังเจ็บเอาเรื่องไม่น้อยเย่ซิวยิ้มบาง ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะอะไร? หรือไปเจอคนใจบุญช่วยไว้ล่ะ”พรีเอลล์เบือนหน้าไปอีกทาง เธอไม่มีทางยอมบอกหรอกว่า ก่อนหน้านี้เธอเกือบถูกจับได้ แต่ในจังหวะคับขันกลับถูกเลสเบี้ยนคนหนึ่งลากเข้าห้องน้ำไปและโดนผู้หญิงคนนั้นลวนลามไปไม่น้อยเลยถ้าพูดออกไปคงถูกเย่ซิวล้อไม่หยุดแน่“ช่างมัน รีบไปกันเถอะ”เย่ซิวพยุงตัวพรีเอลล์ขึ้นและพาเธอเดินออกจากบาร์ต่อไปยังมีเรื่องที่ต้องจัดการคือการแบ่งสมบัติจากการต่อสู้ครั้งนี้อีกในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพรีเอลล์หนีจากหน่วยรบเขี้ยวพิษจำนวนมากได้อย่างไรทั้งที่เธอบาดเจ็บจากระเบิดและพลังที่เหลืออยู่ก็ลดลงเกือบครึ่ง การหนีรอดออกมาน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งไปกว่านั้น จากสภาพของเธอดูเหมือนจะไม่มีใครจับได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทำให้เย่ซิวยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกทั้งสองเดินออกจากบาร์ก่อนจะพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา
ชายคนหนึ่งในกลุ่มมองสลับไปมาระหว่างเย่ซิวกับอลิสด้วยความสงสัย “คุณผู้หญิง แฟนของคุณไม่ใช่เอ็ดเหรอ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เขานี่”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเริ่มเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นในทันทีอลิสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูไม่ออกเหรอ ฉันนอกใจไงล่ะ”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนถึงกับอึ้งไปในทันทีนี่พูดเรื่องนอกใจได้เต็มปากขนาดนี้เลยเหรอ?อลิสยืดอกด้วยท่าทางทรงอำนาจ “ฉันขอเตือนไว้ก่อน จะค้นก็เชิญค้นไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่อีกอย่าง ฉันจะบอกให้นะว่าพ่อของฉันเป็นประธานแห่งซีเรียสกรุ๊ป”ซีเรียสกรุ๊ปเป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของประเทศจ้านอิงตี้ มีอำนาจมหาศาลและยังมียอดฝีมือ ผู้มีพลังวิเศษ และทหารดัดแปลงอยู่ในมืออีกมากมายผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นจริงจังและเคารพอลิสมากขึ้นซีเรียสกรุ๊ปเป็นองค์กรที่พวกเขาไม่มีวันกล้าหาเรื่องแน่ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาให้เย่ซิวอีกและเริ่มตรวจค้นบ้านต่อไปห้องนอนของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้มีพลังพิเศษหญิงคนหนึ่ง โดยพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อลิสโกรธไม่
อลิสเข้าใจความหมายในสายตาของเย่ซิวทันที จึงเปลี่ยนคำพูดของตัวเองไปว่า “โอเค เดี๋ยวฉันไป แล้วฉันพาคนไปด้วยได้ไหม?”เมื่อได้รับคำตอบจากปลายสาย อลิสก็ตัดสายโทรศัพท์ทันทีเธอโยนโทรศัพท์ลงแล้วใช้สองมือโอบคอเย่ซิว “นายสนใจสมาคมผู้มีพลังวิเศษงั้นเหรอ?”แฟนเก่าเธอเองก็เป็นผู้มีพลังวิเศษ แต่อยู่ในระดับต่ำสุดคือระดับหนึ่ง เขาเข้าร่วมองค์กรผู้มีพลังวิเศษกึ่งทางการกึ่งเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อครู่นี้เขาโทรมาหาเธอบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงและชวนเธอไปร่วมงานด้วยไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง หรือบุคลิกของอลิสล้วนไม่แพ้บรรดาดาราหญิงที่กำลังโด่งดัง แถมครอบครัวเธอยังร่ำรวยอีกด้วยเย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อยองค์กรแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อยถ้าเขาสามารถจับปลาตัวใหญ่มาสักสองสามตัวได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น“ฉันช่วยนายหาที่นั่งในงานได้ นายจะขอบคุณฉันยังไงดี?” อลิสเอ่ยด้วยสายตาเร่าร้อนพลางจ้องมองเย่ซิว “มาเป็นแฟนของฉันดีไหม? ฉันจะยกทุกอย่างให้นายเลย ทั้งตัวฉันและทรัพย์สินของฉัน”บางคนก็เป็นแบบนี้ แค่ได้พบกันเพียงไม่นานก็ทำให้รู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้ด้วยเย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไ
หัวใจของอลิสเต้นเร็วขึ้น พร้อมกับความรู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นในเมื่อนายสามารถทรยศฉันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะทรยศนายบ้างไม่ได้ล่ะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของอลิสก็เผยความบ้าคลั่งออกมาเล็กน้อยเธอก็อยากจะปลดปล่อยตัวเองให้เต็มที่สักครั้งเหมือนกัน“อย่าไปเลยนะ คืนนี้อยู่กับฉันก่อน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”เย่ซิวตั้งใจจะผลักเธอออก แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกในทันทีเดิมทีเขาตั้งใจจะออกไปแล้ว แต่จู่ ๆ พลังจิตของเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ใช้พลังพิเศษจำนวนมากอยู่ข้างนอก และพวกนั้นก็กำลังตรวจค้นรอบบ้านในบริเวณกว้างนอกจากนี้ บนท้องฟ้ายังมีโดรนจำนวนมากบินวนไม่หยุดและพวกนี้ไม่ใช่โดรนธรรมดาสำหรับถ่ายภาพวิวที่ขายตามท้องตลาด แต่เป็นโดรนทางการทหารที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนับคร่าว ๆ ก็มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลำบินวนอยู่เหนือเมืองทั้งเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ หากเย่ซิวถูกพบตัว แม้ว่าเขาจะหนีรอดได้ หรือถ้าหากเขาเอาจริงก็สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คงมหาศาลตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะปะทะกับพวกนั้นโดยตรงทางที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่
อันที่จริงเย่ซิวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาดำดินมากนักตอนที่ฝ่าวงล้อมเขาก็ไม่ได้ปล่อยพลังจิตออกมามากเกินไปเหตุผลข้อแรกคือ เมื่ออยู่ใต้ดิน การปล่อยพลังจิตออกไปข้างนอกจะสูญเสียพลังมากกว่าตอนอยู่บนพื้นดินหลายเท่าข้อที่สองคือเขากังวลว่าหากประเทศจ้านอิงตี้ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังจิตได้ ตัวเขาเองก็จะถูกเปิดโปงได้ง่ายด้วยเหตุนี้เขาจึงมุ่งหน้าไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายใด ๆ ในบริเวณนั้น จากนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือพอเขาโผล่ขึ้นมาก็เจอเข้ากับสถานที่ที่เต็มไปด้วยไอหมอกเขาดันบังเอิญเข้าไปในห้องน้ำของบ้านใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจท่ามกลางไอน้ำที่พร่ามัว เขาเห็นเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอยู่เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงโปร่ง สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรรูปร่างงดงามราวกับปีศาจ แต่มาพร้อมใบหน้าสวยงามประดุจเทพธิดาอารมณ์ของอลิสในตอนนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเธอมีแฟนที่คบกันมาหลายปี และทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันแต่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจับได้ว่าแฟนของเธอนอกใจคนที่แฟนของเธอนอกใจด้วยกลับเป็น
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ