Share

บทที่ 57

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
จากนั้นเย่ซิวก็ลากเขาเข้าไปในห้องน้ำ

เซี่ยซิ่วซิ่วเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร? จึงไม่กล้าเข้าไป

แม้ว่าเธอจะมีลักษณะเป็นหญิงเก่งในวงการธุรกิจแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอก็ยังไม่กล้าเข้าไปดู

เย่ซิวโยนหวังเฟยลงบนพื้นห้องน้ำ แล้วหยิบน้ำยาพิเศษออกมาแล้วเทราดใส่ร่างเขา

แล้วก็เปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมา

หลักฐานทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็พูดกับเซี่ยซิ่วซิ่วที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ว่า “ไปบ้านตระกูลหวังกันเถอะ”

เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งรู้สึกกังวลและคาดหวังในเวลาเดียวกัน

เย่ซิวไม่ใช่คนบุ่มบ่าม

ขนาดหลังจากได้ยินเธอประเมินตระกูลหวังให้ฟัง เขาก็ยังดูไม่แยแส

นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขามั่นใจอย่างเต็มที่

ทั้งสองออกจากโรงแรม และตรงไปที่บ้านของตระกูลหวังทันที

ตระกูลหวังอาศัยอยู่ในพื้นที่คนรวย มีคฤหาสน์ที่หรูหราใหญ่โตมาก

เมื่อมาถึงนอกคฤหาสน์ ทั้งสองก็ลงจากรถ

เซี่ยซิ่วซิ่วพูดกับเย่ซิวว่า “ฉันใช้เส้นสายของตระกูลเซี่ยตรวจสอบแล้ว”

“หวังหู่ ปู่ของหวังเฟยและหวังห่าวพ่อของเขาจะกลับมาคืนนี้ น่าจะช่วงสองถึงสามทุ่ม”

เย่ซิวตรวจสอบเวลา ตอนนี้เพิ่งหกเย็นโมงเอง

“ถ้าอย่าง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 58

    หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิว ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาหน้าต่างในห้องปิดอยู่ หากจะเปิดออกก็ต้องใช้เวลาสักพักเย่ซิวเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นดึงเซี่ยซิ่วซิ่วไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ แต่เก็บเสื้อผ้าไว้จำนวนมากดังนั้นเย่ซิวและเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องแอบในพื้นที่อันคับแคบ ทั้งสองจึงเบียดเสียดกันคนสองคนหันหน้าเข้าหากันบรรยากาศแปลก ๆ ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปในเวลานั้น ประตูด้านนอกถูกเปิดออกได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาคนหนึ่งมั่นคงมีพลัง ส่วนอีกคนหนึ่งฝีเท้าเบานิ่มนวลเห็นได้ชัดว่าคนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิงเย่ซิวมองผ่านรอยแยกออกไปข้างนอกเห็นผู้หญิงสวยสง่าในชุดเดรสสีดำ และชายร่างกำยำในชุดสูทอายุประมาณสี่สิบปีเดินเข้ามาชายคนนั้นปิดประตูอย่างนุ่มนวล แล้วกอดผู้หญิงจากด้านหลัง“ไม่เจอกันนาน คิดถึงผมบ้างรึเปล่า?”“ให้ตายเถอะ หยุดพูดไร้สาระ แล้วมาทำกันเร็วเข้า อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง หวังห่าวและหวังหู่ก็จะกลับมาแล้ว”“หึหึ ถ้าบอกให้พวกเขาสองคนรู้ว่าหวังเฟยเป็นลูกชายของคุณกับผม ผมอยากรู้นักว่าพวกเขาจะโกรธจนกระอักเลือดรึเปล่า?”“แน่อย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 59

    บอดี้การ์ดกำลังเปิดปากตะโกนเย่ซิวลงมืออย่างรวดเร็ว พุ่งไปถึงตัวอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงจะหลุดออกมาเขาใช้มือหนึ่งปิดปาก มืออีกข้างสับลงไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างแรงเขาหมดสติลงตรงนั้นทันทีรีบลากเขาไปที่ห้องข้าง ๆ แล้วปิดประตูสำหรับบอดี้การ์ดเหล่านี้ เย่ซิวจะทำให้พวกเขาหมดสติ ไม่ฆ่าพวกเขาจากนั้นเขาก็หยิบผงแป้งบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ผสมกับน้ำและเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของบอดี้การ์ดหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผงนั้นก่อเป็นรูปใบหน้าของมนุษย์จากนั้นก็หน้ากากหน้ามนุษย์นั้นมาแปะที่ใบหน้าของตัวเองจากนั้นเขาก็ถอดชุดสูทของอีกฝ่ายออกแล้วสวมมันเข้าไปจากนั้นกระดูกในร่างกายของเขาก็ปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเสียงกรอบแกรบจบลง ความสูงและรูปร่างหน้าตาของเขาก็เหมือนกับของบอดี้การ์ดคนนั้นทุกประการนี่เป็นทักษะการปลอมตัวขั้นสูง เป็นหนึ่งในวิชานอกรีตในตอนนี้มีคนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้มีน้อยมากจากนั้นเขาก็ลากบอดี้การ์ดไปซ่อนไว้ที่มุมหนึ่ง แล้วเดินออกไปอย่างผึ่งผายหลังจากเดินไปได้สองสามก้าว บอดี้การ์ดอีกสองคนเดินเข้ามาเย่ซิ่วพยักหน้าให้ทางพวกเขาก่อน แต่อีกฝ่ายไม่เห็นความผิดปกติใด ๆจากนั้นเย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 60

    “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”“พูดจาเหลวไหล ตระกูลหวังของฉันจะทำสิ่งที่ทรยศต่อประเทศชาติแบบนั้นได้ยังไง?”เย่ซิวมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา “ผมขอแนะนำให้คุณบอกความจริงมาจะดีกว่า”หวังหู่เป็นจอมยุทธ์ขั้นต้นระดับสาม หวังห่าวเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสองแล้วในระดับนี้ การใช้วิธีการสะกดจิตเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาเปิดเผยความลับอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของตนออกมาเพื่อความปลอดภัย ควรปล่อยให้พวกเขาบอกความลับนี้ออกมาด้วยความเต็มใจจะดีกว่า“ถ้าคุณบอกผมมาตรง ๆ ผมก็จะปล่อยให้ตระกูลหวังของคุณเหลือทายาทไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นเชื้อสายของตระกูลหวังจะถูกขุดรากถอนโคนในวันนี้”พ่อลูกตระกูลหวังไม่พูดอะไรพวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาพูดอะไรออกไป จะเป็นการตกลงไปในหลุมลึกไร้ก้นบึ้งหากไม่พูดอะไร ก็ยังพอมีโอกาสรอดได้บ้างเย่ซิวย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่เขาเลยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ “ผมฆ่าหวังเฟยตายไปแล้ว!”“อะไรนะ?!”คนสามคนในห้องตกใจไปพร้อมกัน“ไอ้สารเลว ทำไมแกถึงทำแบบนี้? ไม่กลัวถูกลงโทษตามกฎหมายเหรอ?!” หวังหู่ทั้งโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้าเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว ทุกสิ่งที่เขาลงทุนลงแรงทำงานอย่างหนัก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 61

    ความแค้นครั้งใหญ่ได้รับการสะสางแล้ว หวังห่าวมองไปทางเย่ซิ่ว “คุณจะรักษาคำพูดรึเปล่า?”“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ฆ่าคุณ”“ดี ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”หวังหู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หลับตาลงด้วยความจำใจเย่ซิวจัดการพวกเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้แผนสำรองได้มาถึงจุดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้ตระกูลของเขาได้สืบสายเลือดต่อไปเย่ซิ่วกดติดต่อหมายเลขที่เข้ารหัสไม่มีเสียงตอบรับจากอีกด้านหนึ่ง มีแต่ความเงียบที่ฟังหวังห่าวพูดรหัสลับบางอย่างเกี่ยวกับการติดต่อกับกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติหวังห่าวพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหามากมาย ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในระหว่างขั้นตอนนี้ เย่ซิวยังคงจับตามองตาของพวกเขาตลอดเวลาจึงยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้โกหกข้อมูลที่หวังห่าวเปิดเผย ถ้าใช้ให้ดี มีโอกาสสูงที่จะกำจัดกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติได้ทั้งหมดด้วยวิธีนี้ แรงกดดันที่มีต่อประเทศหลงเถิงก็จะน้อยลงมากหลังจากที่เขาพูดจบ เย่ซิวก็พูดเข้าไปทางปลายสายว่า “ระดมกำลังพลจากทั้งสี่หน่วยของเรา ใครที่ไม่มีภารกิจต้องเข้าร่วมด้วย เราจะต้องขุดรากถอนโคนศัตรูออกไปในคราวเดียว!”เสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 62

    งานแกะสลักไดละเอียดประณีตมาก มีสวิตช์อยู่ข้างในด้วยหลังจากเปิดแล้วจะมีชิปขนาดเท่าเล็บอยู่ผู้หญิงคนนั้นบอกเย่ซิวว่า ทีมยอดฝีมือนี้มีชื่อว่า กองกำลังหมาป่าราตรีแต่ละคนมีชิปฝังอยู่ในร่างกายด้วยตราบใดที่ถือตราประทับชิ้นนี้ไว้ ก็จะสามารถควบคุมพวกเขาได้เพราะชิปถูกฝังเข้าไปในตัวพวกเขาตั้งแต่ยังแบเบาะหลังจากผ่านไปกว่าสิบปี มันถูกหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของพวกเขาแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชิปออกไปเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าพวกเขาจะอยู่ในกำมือ ไม่อาจดิ้นหลุดไปไหนได้เย่ซิ่วหยิบชิปออกมาและติดตั้งลงในโทรศัพท์ของเขาโทรศัพท์มือถือของเขาได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ มีฟังก์ชันมากมาย ไม่สามารถถูกติดตามหรือระบุตำแหน่งได้โดยซอฟต์แวร์ใด ๆเย่ซิวพูดกับผู้หญิงคนนั้น “ให้บอดี้การ์ดข้างนอกเข้ามา ให้พวกเขาพาบอดี้การ์ดที่หมดสติในห้องหมายเลขหกออกไป”“แล้วใช้เงินส่วนตัวของคุณจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาแต่ละคน แล้วให้พวกเขาทั้งหมดออกไปจากที่นี่”“หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว คุณก็ไปได้ จำไว้ ถ้าคุณกล้าเปิดเผยเรื่องราวในวันนี้แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก คุณต้องตายสถานเดียว”ในประโยคสุดท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 63

    ทั้งสองออกจากคฤหาสน์เรื่องหลังจากนี้จะมีคนจัดการต่ออย่างเหมาะสมเซี่ยซิ่วซิ่วกลับไปยังตระกูลเซี่ยงานที่ต้องทำต่อจากนี้จะหนักมาก เธอบอกเย่ซิวว่าเธอคงไปมหาวิทยาลัยไม่ได้อีกหลายวัน และกลับไปที่บ้านเช่าก็ไม่ได้ด้วยเพื่อจำแนกธุรกิจต่างๆ ของตระกูลหวังจำเป็นต้องเตรียมการมากมายก่อนอื่นต้องหาพันธมิตรมาเพิ่มมิฉะนั้นเย่ซิวผู้เป็นมือใหม่ และมีทรัพย์สินมหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ จะต้องถูกคนนอกหมายปองจ้องเอาเปรียบแน่นอนบริษัททั้งเล็กและใหญ่ ย่อมเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่นอนมีคำกล่าวที่ว่า ปัญหายิ่งเล็ก ยิ่งยากจะป้องกันเย่ซิวไม่อาจทำทุกเรื่องด้วยตัวเองได้ดังนั้นการหาพันธมิตรจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากนอกจากตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยซิ่วซิ่วยังบอกเย่ซิวว่าเธอรู้จักพี่ใหญ่คนหนึ่งด้วยอีกฝ่ายทำธุรกิจคลับหรูเธอผูกขาดธุรกิจทั้งหมดในเมืองเจียงเฉิงเอาไว้เซี่ยซิ่วซิ่วแนะนำว่าทางที่ดีให้ร่วมมือกับอีกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์มากกว่าอีกฝ่ายอยากรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาโดยตลอด แต่ไม่มีช่องทางดี ๆ สักทีเย่ซิวเห็นด้วยแล้วโทรหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์ และถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเธอในตอนนี้

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 64

    น้อยมากที่เย่ซิวจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมา พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นนั้นมหาศาลนักไม่นานนัก เย่ซิวก็ยับยั้งพลังของตัวเองลงมองดูสีหน้าของกองกำลังหมาป่าราตรีที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็ได้พูดอย่างเยือกเย็นว่า“ขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อเย่ซิว จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า”ทันทีที่พูดออกไป ดูเหมือนว่าหัวของพวกเขาถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบอย่างแรงสำหรับพวกเขา จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้าคือตำนานที่ไม่อาจก้าวบรรลุได้เช่นเดียวกับมดตัวหนึ่งที่ไม่มีวันเอื้อมถึงเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้าเย่ซิวมองไปที่พวกเขาและพูดอย่างใจเย็น “ฉันเข้าใจสถานการณ์ของพวกนาย หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกนายจะได้แก่ไปตามช่วงวัย"“แต่การเสียชีวิตขณะทำภารกิจบางอย่างนั้นเป็นไปได้สูง”“ไม่มีใครรู้ว่าพวกนายเคยมีตัวตน ไม่มีใครรู้สึกเจ็บปวดกับพวกนาย และยิ่งไม่มีใครมาทำความสะอาดหลุมศพให้พวกนายด้วย”ทุกคนต่างเงียบไปคำพูดของเย่ซิวแทงเข้าจุดอ่อนของพวกเขา“ฉันจะให้โอกาสพวกนายได้มีชีวิตใหม่” น้ำเสียงเย่ซิวนั้นราวกับมีเวทมนตร์“ฉันสามารถกำจัดชิปในร่างกายของพวกนายออกได้และยังช่วยให้พวกนายก้าวข้ามไปสู่การเป็นจอมยุทธ์ระดับสอง ร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 65

    หลางอีสามารถทะลวงเข้าสู่จอมยุทธระดับสองได้สำเร็จจอมยุทธระดับสองมุ่งเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและเส้นลมปราณเป็นหลักหากไม่มีข้อจำกัดจากชิป เขาสามารถใช้พลังการต่อสู้ได้มากขึ้น ในอนาคตของเขาก็จะยิ่งประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้นไปอีกความก้าวหน้าของหลางอี ทำให้ทุกคนตื่นเต้นเขาคุกเข่าตรงหน้าเย่ซิวและคำนับสามครั้ง“ผมจะไม่ลืมความเมตตาที่มอบชีวิตใหม่ให้ผมเลย ต่อไปผมจะะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อรับใช้นายท่าน!”เย่ซิวโบกมือ “ลุกขึ้นเถอะ ในเมื่อทะลวงไปได้อีกระดับแล้ว ก็ไปเตรียมเอาสมุนไพรเหล่านี้ตั้งเตา จับเวลาครบเวลาแล้วให้ปิดเตา”“รับทราบครับ!”ในตอนนี้ความเคารพชื่นชมในตัวเย่ซิวของหลางอีก็สูงจนไม่มีใครเทียบได้สภาพร่างกายของพวกเขานั้นเกินกว่าเทคโนโลยีขั้นนสูงในปัจจุบันก็ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยซ้ำแต่เย่ซิวกลับจัดการได้จากนี้ไป เขาจะเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอย่างสมบูรณ์ภาพดวงตาของหญิงสาวคนนั้นปรากฏขึ้นในใจของเขา และเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น“รอฉันก่อนนะ ฉันสามารถมอบความสุขให้เธอได้แล้ว!”เย่ซิวเรียกอีกคน“หลางเอ้อร์ นอนลง”หลางเอ้อร์เป็นผู้หญิงผมสั้น ผิวสีเหลือง

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 962

    เย่ซิวกำหนดเงื่อนไขให้พวกเขาส่งคนมาได้เพียงแค่หนึ่งร้อยคน และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง หลังจากจบการสนทนา เย่ซิวกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม พลางจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ความบาดหมางระหว่างเขากับประเทศจ้านคงไม่จบลงง่าย ๆ แน่นอน เขารู้ดีว่าประเทศนี้เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาตบหน้าพวกนั้นอย่างรุนแรงขนาดนี้ อีกฝ่ายจะต้องหาทางเอาคืนแน่นอน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้สายการผลิตเร่งสร้างจักรกลมังกรดำอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากสายการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ขอแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ส่วนที่เหลือก็ให้ระบบจัดการได้เลยด้วยประสิทธิภาพการผลิตในปัจจุบัน สามารถสร้างจักรกลมังกรดำได้วันละสองตัว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ ต้องเสริมแนวป้องกันบริเวณพรมแดนทุกจุด และต้องรับสมัครผู้ควบคุมหุ่นยนต์เพิ่มอีก ยังต้องเตรียมรับมือกับมาตรการทางทหารจากอำนาจอื่น ๆ รอบตัว แต่โชคดีที่ตอนนี้เขามีคนเก่งอยู่ในทีมเยอะขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงแค่ออกคำสั่งก็พอ หลังจากนั้นเขาก็ออกจากที่นี่และตรงไปหาหยางถิงถิงที่กำลังทำงานสร้างถนน สาวน้อยคนนี้ดูอารมณ์เสีย หงุดหงิดไม่น้อย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 961

    "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เทคโนโลยีของหุ่นยนต์ก็ไม่ใช่ว่าจะถ่ายโอนไม่ได้""แต่เรื่องแบบนี้ พวกเราควรมานั่งคุยกันให้ละเอียดเสียก่อน""อีกสองวันเป็นวันดี ผมขอเชิญทุกท่านมาหารืออย่างจริงจังดีไหม?"แน่นอนว่าเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ไม่มีทางถูกส่งมอบให้พวกเขา นี่เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ถ่วงเวลาเท่านั้นตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเย่ซิวหรือประเทศหลงเถิง ต่างก็ต้องการเวลาเย่ซิวต้องการเวลาเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดประเทศหลงเถิงเองก็ต้องการเวลาในการผลิตหุ่นยนต์ในปริมาณมากเช่นกันเมื่อถึงตอนนั้น หากพวกเขาเปิดตัวหุ่นยนต์เป็นพัน ๆ ตัว พวกโจรเหล่านี้ก็จะถอยไปเองผู้นำแต่ละประเทศที่เข้าร่วมประชุมเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น มีไม่น้อยที่ถึงกับแสดงรอยยิ้มออกมาประเทศหลงเถิงเป็นที่รู้กันดีว่ามักจะแข็งกร้าวเมื่อพูดถึงผลประโยชน์หลักของตนเองแต่ตอนนี้พวกเขากลับยอมผ่อนปรน ทุกคนจึงคิดว่ามีโอกาสที่ข้อตกลงนี้จะเป็นไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตอบตกลงกันทั้งหมดหลังจากนั้น การประชุมทางวิดีโอที่ทั่วโลกจับตามองก็สิ้นสุดลงด้านของเย่ซิว ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศจ้านชายผู้นั้นเป็นชายร่างใหญ่ มีหนวด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 960

    คำพูดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยหลักการอันสูงส่ง แต่ความจริงแล้วมันเป็นการปล้นดี ๆ นี่เอง ผู้นำประเทศหลงเถิงตั้งแต่ต้นจนจบยังคงรักษาท่าทีนิ่งสงบไม่มีแม้แต่แววความไม่พอใจบนใบหน้า จนกระทั่งพวกเขาพูดจบ เขาถึงได้พูดขึ้นมาช้า ๆ ว่า "ทุกท่านคิดว่าตอนนี้ประเทศหลงเถิงของเราผลิตหุ่นยนต์ไปแล้วกี่ตัว?" ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาทั้งที่ประชุมก็เงียบกริบ ใช่สิ พวกเขามัวแต่รีบร้อนเกินไป ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องรีบช่วงชิงเทคโนโลยีของจักรกลมังกรดำมาให้ได้เร็วที่สุด แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้เลย เมื่อถูกเตือนขึ้นมาแบบนี้ หลายคนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลังเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาไม่หยุด ประเทศหลงเถิงสามารถมอบจักรกลมังกรดำถึงสิบสามตัวให้เย่ซิว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องมีสต๊อกอีกจำนวนมากเท่าไหร่?พวกเขาต่างก็เห็นพลังของจักรกลมังกรดำกันหมดแล้ว เพียงแค่สิบสามตัวก็สามารถทำลายล้างกองกำลังหลักของมหาอำนาจได้ ถ้าหากประเทศหลงเถิงมีจำนวนมากกว่านี้ ประเทศขนาดกลางและขนาดเล็กบางประเทศอาจถูกกวาดล้างจนหายไปจากแผนที่ได้เลย!เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศเล็กคนหนึ่งปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วถามขึ้น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 959

    เย่ซิวรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางของหนานกงเสวี่ยเขาจึงฟาดฝ่ามือลงไปหนัก ๆ หนึ่งที "เวลานี้แล้วยังมาคิดเรื่องพวกนี้อีก แถมเธอยังเป็นกษัตริย์ด้วยระวังภาพลักษณ์ของตัวเองหน่อยสิ" หนานกงเสวี่ยมองเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายราวกับน้ำใส "แล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะ? ยังไงทุกคนที่นี่ก็เป็นพวกเดียวกัน อีกอย่างก็ฉันดีใจนี่นา" ตอนนี้เธออยู่ในอารมณ์ที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอลอบดีใจที่ตอนนั้นตัดสินใจยอมรับเย่ซิวซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชีวิต เธอสามารถมองเห็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศปิงจือได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากประชาชนของประเทศปิงจือได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขาทำตัวแบบนี้กับเย่ซิว เกรงว่าหลายคนคงรับไม่ได้ เฉินหลานกลับไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะในสายตาของเธอเย่ซิวคือบุคคลในตำนาน เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง ท้ายที่สุด เย่ซิวก็ไม่ได้ทำตามที่หนานกงเสวี่ยคาดหวัง เขาให้เธอกลับไปประจำการก่อนเพื่อไม่ให้ทางนั้นเกิดปัญหา หนานกงเสวี่ยเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย แต่พอเย่ซิวบอกกับเธอว่า"เดี๋ยวฉันจัดการธุระเสร็จแล้วจะไปหาเธอ" หญิงสาวก็กลับมายิ้มดีใจอีกครั้งหุ่นยนต์ทั้งสิบสามต

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 958

    เครื่องบินห้าลำพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง การยิงถล่มอย่างรุนแรงทำให้เครื่องบินรบถูกสอยร่วงลงทีละลำ ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพลิงไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทั่วแนวชายแดน กองทัพอัคคีแดงซึ่งเคยเป็นที่ขนานนามว่าเป็นกองทัพไร้เทียมทาน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พากันล่าถอยอย่างอลหม่าน ทว่าระหว่างการล่าถอย พวกเขากลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล กระทิงคลั่งคำรามเสียงดัง ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันมหึมายิ่งขยายใหญ่ขึ้น เขาคำรามพลางพุ่งเข้าไปในห้องบัญชาการ สกัดกั้นแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่กำลังคิดจะหลบหนี การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น แม้ว่าแม่ทัพพยัคฆ์ขาวจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับกระทิงคลั่งแล้ว ยังถือว่าอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงไม่กี่นาที เขาก็ถูกกระทิงคลั่งจับตัวได้ อย่างไรก็ตาม กระทิงคลั่งไม่ได้สังหารเขา แต่คว้าตัวแม่ทัพพยัคฆ์ขาวเอาไว้ หลบหลีกการโจมตีจากปืนใหญ่และระเบิด ก่อนจะพากลับไปยังค่ายของฝ่ายตน เพราะหมอนี่ถือเป็นตัวประกันที่มีค่ามาก และจะเป็นหม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 957

    กระทิงคลั่งคำรามเสียงต่ำ กล้ามเนื้อทั่วร่างพองตัวขึ้น ก่อนพุ่งทะยานอยู่แนวหน้า ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากสีดำ ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงได้ หมัดของเขาซัดออกไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด ทำลายทหารกองทัพอัคคีแดงกว่าสิบคนที่ขวางหน้าให้แหลกเป็นจุณ เขาโจมตีไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุดของกองทัพอัคคีแดง กระแทกเปิดเส้นทางด้วยพลังอันมหาศาล ผู้ติดตามด้านหลังของเขาต่างขว้างระเบิดออกไปอย่างไม่เสียดาย ส่งผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ รูปขบวนที่ยากลำบากนักกว่าจะจัดเรียงขึ้นมาได้ กลับถูกทำลายลงอีกครั้ง แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจำต้องแบ่งกำลังบางส่วนออกไปเพื่อกดดันกระทิงคลั่ง ใบหน้าของเขามืดมนพลางเอ่ยถามรองแม่ทัพที่อยู่ข้างกาย “สถานการณ์ความสูญเสียเป็นอย่างไร?” “เรียนแม่ทัพ จนถึงตอนนี้เราสูญเสียไปกว่าหนึ่งหมื่นนายแล้ว” “อะไรนะ?!” แม่ทัพพยัคฆ์ขาวหน้าถอดสี “เราเสียทหารไปมากขนาดนี้ได้ยังไง?” การรบเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานแท้ ๆ แต่กลับมีความสูญเสียร้ายแรงเช่นนี้ต้องรู้ไว้ว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กองทัพอัคคีแดงเปิดฉากการรบกับศัตรูมากกว่าร้อยครั้ง แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่เกินแปดถึงเก้าพันนาย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 956

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหุ่นยนต์สามตัวปรากฏขึ้น สมาชิกตระกูลหลายคนต่างก็หัวใจเต้นแรง ราวกับถูกค้อนเหล็กที่มองไม่เห็นกระแทกเข้าอย่างจัง ผู้นำตระกูลเฒ่าออกแรงบีบที่วางแขนของเก้าอี้จนแตกละเอียด เส้นเลือดที่คอโป่งขึ้นอย่างชัดเจน "หุ่นยนต์ในตำนาน! พวกเขาจะมีมันได้อย่างไร? ต้องเป็นฝีมือของประเทศหลงเถิงแน่ ๆ!" ในขณะนั้น ทุกสายตาทั่วโลกจับจ้องมายังที่แห่งนี้ เพียงแค่หุ่นยนต์สามตัว ก็สามารถต้านกองทัพอัคคีแดงที่มีกำลังพลห้าหมื่นนายเอาไว้ได้ พวกเขาใช้การโจมตีระยะไกลทุกรูปแบบ แม้แต่รถถังก็ถูกนำมาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายหุ่นยนต์ทั้งสามตัวนี้ได้ กลับกัน กองทัพอัคคีแดงกลับถูกโจมตีจนสูญเสียกำลังพลไปกว่าสองพันนาย แม้แต่กองทัพอัคคีแดงที่ไม่เคยพ่ายแพ้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้จะสู้ต่อไปได้อย่างไร? แต่ไม่นานพวกเขาก็เห็นแสงแห่งความหวัง เพราะกระสุนและอาวุธทั้งหมดของหุ่นยนต์ทั้งสามตัวถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจับโอกาสนี้ได้ทันที และออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร "กระจายกำลังออกไป แล้วโจมตีจากระยะไกล!เจ้ายักษ์พวกนี้ไม่มีทางมีพลังงานเหลือมากนัก รอให้พวกมันขยับไม่ไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 955

    จักรกลมังกรดำทั้งสามตัวก็เตรียมพร้อมเสร็จสิ้น และพุ่งตรงสู่สนามรบทันทีภายใต้คำสั่งของเย่ซิวเปลวไฟที่พ่นออกจากใต้ฝ่าเท้าของหุ่นยนต์สร้างแรงขับมหาศาล ทำให้พวกมันพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่แนวหน้าของสนามรบในขณะที่หลายประเทศที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ต่างเชื่อมั่นว่าสำนักโอสถกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า และพวกเขาก็เตรียมชมความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ด้วยท่าทีสนุกสนานแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่อยู่ในแนวหลังของกองทัพกำลังนั่งคิดวางแผนว่าจะจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างไรหลังจากบุกยึดสำนักโอสถได้สำเร็จรายงานสถานการณ์จากแนวหน้าถูกส่งมายังเขาอย่างต่อเนื่อง“รุกหน้าไปอีกสามสิบไมล์”“รุกหน้าอีกสี่สิบเจ็ดไมล์”“รุกหน้าไปอีกหกสิบแปดไมล์แล้ว”……“แย่แล้ว นั่นมันอะไรกัน?!”ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังผ่านวิทยุสื่อสารและทำลายสมาธิของแม่ทัพพยัคฆ์ขาวในทันทีเขาเงยหน้าขึ้นมองจอภาพโดยอัตโนมัติเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็เบิกตากว้างทันทีจู่ ๆ ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสามตัวในสนามรบพวกมันสูงกว่าสิบเมตร มีโครงสร้างที่โค้งมนและดุดัน ทำให้แผ่แรงกดดันม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 954

    ในตอนแรกมีเครื่องบินรบหลายลำพยายามจะเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สำนักโอสถก่อนแต่ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ก็โดนขีปนาวุธสอยร่วงไปหกลำจนต้องถอยหนีกันแทบไม่ทันเมื่อไม่สามารถใช้การโจมตีทางอากาศได้สำเร็จ จึงต้องอาศัยการปะทะทางภาคพื้นดินแทนกองทัพอัคคีแดงจำนวนห้าหมื่นนายข้ามแนวเทือกเขามา ก่อนจะเผชิญกับการโจมตีด้วยอาวุธหนักจากสำนักโอสถอย่างรุนแรงแม่ทัพพยัคฆ์ขาวผู้มีร่างกายสูงใหญ่ทรงพลัง หนวดเครายาว และดวงตาโตเหมือนระฆังทองแดง เขามองไปยังแนวการยิงจากฝั่งสำนักโอสถด้วยสีหน้าดูแคลน “อาวุธพวกนี้มันแค่อุปกรณ์ตกยุคตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนที่เราทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำระยะยิงก็สั้น แรงทำลายก็ต่ำ ส่งคำสั่งออกไปให้โต้กลับซะ ให้พวกมันได้รู้ว่าการทำสงครามสมัยใหม่มันเป็นยังไง”คำสั่งถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองทัพอัคคีแดงก็เปิดฉากยิงถล่มใส่แนวป้องกันของสำนักโอสถทันทีสำนักโอสถต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนักภายใต้เสียงระเบิดที่ดังสนั่น การโจมตีเพียงระลอกเดียวก็ทำให้คนของสำนักโอสถล้มตายไปสี่ถึงห้าร้อยคนที่แนวป้องกันของสำนักโอสถมีกำลังพลเพียงประมาณหมื่นนายเท่านั้นหากยังคงเสียกำลังคนในอัตรานี้ พวกเขาคงไม่สา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status