“พ่อแม่ของฉันติดหนี้พนันจำนวนมหาศาลแล้วหนีไป ทิ้งฉันกับน้องสาววัยสิบขวบไว้ตามลำพังค่ะเจ้าหนี้มาตามทวงเงินฉันทุกวัน ฉันไม่มีทางเลือก ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วทำงานวันละสามที่เพื่อหาเงินใช้หนี้ค่ะ”ด้วยวรยุทธ์ของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถจับสังเกตได้อย่างง่ายดายว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาพูดความจริงหรือโกหก และหญิงสาวคนนี้ก็กำลังพูดความจริงเย่ซิวเอ่ยถาม “ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกเท่าไหร่ครับ”“สามสิบห้าล้านกว่า ๆ ค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา สองมือที่หยาบกร้านจับชายเสื้อไว้แน่นเธอดูเหมือนเด็กสาววัยเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น แต่ฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้านยิ่งกว่าคนวัยสามสิบถึงสี่สิบปี เธอต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าที่ตัวเองควรจะรับเย่ซิวถอนหายใจ เขามีความสามารถพอที่จะช่วยหญิงสาวใช้หนี้ได้ แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะการสอนให้จับปลาดีกว่าให้ปลา การให้เงินโดยตรงเป็นวิธีที่ต่ำต้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครแน่เย่ซิวตั้งใจว่าจะสืบประวัติของเธออีกสักระยะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็จะให้เธอมาทำง
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความโกรธของเย่ซิว แม้จะเป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้เธอไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย หลังจากจดจำเบาะแสเล็กน้อยที่เย่ซิวให้ไว้ เธอก็รีบลงมือจัดการทันทีหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวจึงหันมาเยียวยาอาการบาดเจ็บของหลัวอีอีโชคดีที่เธอได้รับเพียงผลกระทบจากคลื่นกระแทกเท่านั้น จึงไม่ร้ายแรงมากไม่กี่นาทีต่อมา หลัวอีอีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมความมึนงง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยิน...”เย่ซิวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจเขาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เย่ซิวจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้!เมื่อเย่ซิวอธิบายจบ ดวงตาของหลัวอีอีก็เริ่มแดงก่ำ “ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ เธอยังมีน้องสาวอีกคนนี่ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...”เย่ซิวเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ผมส่งคนไปตามสืบแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้อีกที”หลัวอีอีเปิดโทรทัศน์ดูในทันที ข่าวกำลังรายงานเกี่ยวกับเหตุระเบิด“ตามข้อมูลรายงาน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในเขต… เป็นการก่อเหต
ปัง!เด็กสาวตัวน้อยถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรงชายฉกรรจ์สองคนยืนมองด้วยท่าทีดุดัน“นางเด็กเวร พี่สาวแกไปไหน หนีไปแล้วใช่ไหม!”“รีบไปตามพี่สาวแกมา ถึงกำหนดจ่ายเงินแล้ว!”เด็กสาวคนนั้นมีร่างกายผอมแห้งและซีดเซียวจากการขาดสารอาหารเป็นเวลานาน มีเพียงดวงตาของเธอที่ยังคงดูสะอาดใส ดวงตาที่ดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยโลกอันโสมมใบนี้แม้จะถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรง แต่เธอก็ไม่ร้อง ไม่โวยวาย เพียงแค่เอ่ยเบา ๆ ว่า “คุณลุงทั้งสองคะ พี่หนูกำลังจะกลับมาแล้ว ช่วยมาอีกทีช่วงดึก ๆ ได้ไหมคะ?”“ดึกบ้านเอ็งสิ!” ชายฉกรรจ์อารมณ์ร้อนคนหนึ่งคำรามออกมา “ถ้าไม่คืนเงินวันนี้ ฉันจะโยนแกลงจากดาดฟ้าตึกนี่แหละ!”เด็กสาวก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรอีกเพราะปัญหาครอบครัว เธอจึงเติบโตเกินวัยเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไปชายฉกรรจ์อีกคนที่เห็นเธอทำตัวสงบนิ่งก็ยิ่งโกรธหนัก “ยังจะทำตัวน่าสงสารอีกเหรอ คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่รึไง?นางเด็กเวร เดี๋ยวฉันจะโยนแกลงไปก่อน แล้วค่อยลากพี่สาวแกไปรับแขกในร้านเหล้า!”พูดจบเขาก็โน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มเด็กสาวขึ้นมาแต่ทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งคว้าข้อมือเขาไว้อย่างแน่น ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่อาจขยับ
สภาพบ้านนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมมากแล้วหน้าต่างแตกเป็นรูหลายรู และถูกแปะไว้ด้วยหนังสือพิมพ์ตราบเท่าที่มีลมหนาวพัดเข้ามา มันจะต้องจะหนาวสะท้านอย่างแน่นอนภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีเพียงเก้าอี้พัง ๆ สองสามตัวกับโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง แล้วก็กาต้มน้ำหนึ่งใบนอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของหลัวอีอีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ได้แต่รู้สึกปวดใจและโกรธเคืองเธอนั่งยอง ๆ กอดฉินปิงปิง "น้องสาว หนูอาศัยอยู่ในที่แบบนี้เหรอ หน้าหนาวคงนอนหนาวแย่สินะ"ฉินปิงปิงเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่ยังคงรักษาจิตใจที่มองโลกในแง่ดี เธอส่ายหน้า“ไม่นะคะ หนูนอนกับพี่สาวตลอด ร่างกายของพี่อบอุ่นมาก”ดวงตาของฉินปิงปิงเป็นประกายเมื่อพูดถึงพี่สาวนั่นคือที่พึ่งของเธอและเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปหลัวอีอีขยับปาก ไม่รู้จะบอกเธออย่างไรว่าพี่สาวของเธอจากไปแล้วมันเป็นเรื่องโหดร้ายมากสำหรับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเย่ซิวถอนหายใจแล้วเดินไปข้างหลังฉินปิงปิง จากนั้นสะกดจุดที่หลังคอของเธอเบา ๆเด็กน้อยหลับตาและล้มพับลงในอ้อมแขนของหลัวอีอี“นายทำอะไรน่ะ?” หลัวอีอีมอง
“จากข้อมูลที่ได้รับในปัจจุบัน ฉินเสี่ยวเฟยเคยติดต่อกับบุคคลหนึ่งและบุคคลนั้นเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันยังพบว่าบุคคลนั้นเคยติดต่อกับทายาทเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองหลวงที่ชื่อเฉินหย่งฮ่าวด้วย”“เฉินหย่งฮ่าว!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววดุร้าย “เป็นเขานี่เอง!”ภาพของผู้ชายที่ดูเป็นคนเลือดร้อนง่ายลอยเข้ามาในสมอง“นั่นหมายความว่า เขาจงใจสร้างแผนนี้ขึ้นมา แล้วรอให้ผมเข้าไปติดกับสินะ!”เย่ซิวยอมรับว่าครั้งนี้เขามองเกมผิดไปจริง ๆการที่ไม่เห็นมดตัวเล็ก ๆ อย่างเฉินหย่งฮ่าวอยู่ในสายตา ได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตายอย่างอนาถ“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” เย่ซิวถาม“บ้านของเขาอยู่ทางตะวันตกของเมืองค่ะ ที่อยู่คือ...”เย่ซิวจดที่อยู่แล้วสั่งการลงไป "พวกคุณถอนกำลังคนกลับมาเถอะ ส่งไปปกป้องคนรอบตัวผมอย่างเต็มที่ก่อน คุณเองก็ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย"“รับทราบค่ะ!”หลัวอีอีอุ้มฉินปิงปิงไปที่ห้องนอนของเย่ซิวหลังจากอาบน้ำเสร็จเด็กน้อยหลับสนิท สวมชุดกระโปรงสีขาวน่ารักราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเย่ซิวขอให้หลัวอีอีออกไปก่อน จากนั้นปิดประตูลงมือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าผากของฉินปิงปิง ฝ่ามือส่องแสงเล็กน้อยส
เดลี่ยืนขึ้นแล้วขยับเสื้อผ้าของเธอเล็กน้อย "ร้อนจังเลย คุณเฉิน ไปอาบน้ำด้วยกันไหม?"ผู้หญิงคนนี้รูปร่างเซ็กซี่ หน้าตาสะสวย และเป็นคนเปิดกว้างมาก มีเสน่ห์ดึงดูดใจเฉินหย่งฮ่าวหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังส่งมาจากข้างนอกทั้งสามคนหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน และพากันวิ่งไปดูที่หน้าต่างบอดี้การ์ดด้านนอกทั้งหมด ล้มลงไปกองกับพื้น“มันคือใคร? ถึงกับจัดการคนของเราทั้งหมดได้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้?"ทั้งสามคนมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่ก็ไม่เห็นศัตรูและเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ ก็ต้องเกือบหัวใจวายตายเย่ซิวนั่งตรงที่พวกเขานั่งอยู่เมื่อกี้นี้ มองมายังพวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ“เย่ซิว!”“แกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยได้ยังไง!”“หรือว่าแกไม่ใช่มนุษย์!”ทั้งสามคนต่างตกตะลึงก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินหย่งฮ่าวให้คนติดตั้งวัตถุระเบิดในร่างกายของฉินเสี่ยวเฟย ยังได้ทำการติดตั้งเครื่องดักฟังเอาไว้ด้วยดังนั้นในคืนนั้นพวกเขามั่นใจว่าเย่ซิวอยู่ข้าง ๆ ฉินเสี่ยวเฟยถึงค่อยจุดชนวนระเบิดเย่ซิวจะไม่ได้รับบาดเจ็บในระยะประชิดแบบนั้นได้อย่างไร?“บอกมา พวกแกเป็นใครมาจากไหนกันแน่?”เสียงของเย่ซิ
เฉินหย่งฮ่าวอดทนต่อความเจ็บปวดที่ส่งมาจากมือของเขาและร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว "ฉันยกเลิกทุกอย่างแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย"เย่ซิวสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้โกหก จึงคุกเข่าลงและตบหน้าเขาเบา ๆ "พอดูออกว่าแกมีความทะเยอทะยานสูง ทำการวางแผนมาไม่น้อยในช่วงหลายปีนี้ ไหน ลองเอาออกมาให้ดูหน่อยสิ"เฉินหย่งฮ่าวร้องไห้โฮ "ฉัน... ไม่มี...อ๊าก!!!"เย่ซิวยิ้มพร้อมบดขยี้กระดูกมือของเขาอีกข้าง "ลองคิดดูให้ดีว่ามีหรือไม่มี"“มี ๆ ๆ มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในห้องหนังสือของฉัน รหัสผ่านคือตัวเลขทศนิยมยี่สิบหลักแรกของค่าพาย”เย่ซิวลอยขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้พลังจิตกวาดมองจึงรู้ทันทีว่าห้องนั้นคือห้องไหนและเดินเข้าไปทั้งสามคนกลัวเย่ซิวมาก จึงไม่กล้าหนีไปไหนเย่ซิวพบคอมพิวเตอร์ที่เฉินหย่งฮ่าวพูดถึง หลังจากเปิดเครื่องและใส่รหัสผ่านแล้ว เขาก็เห็นรายละเอียดมากมายของแผนธุรกิจและแผนการที่เฉินหย่งฮ่าววางไว้ในพื้นที่สำคัญบางแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯเย่ซิวตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ ดูเหมือนเขาจ
เหมือนสัตว์ร้ายสองตัวที่ขาดสติ ทั้งใช้ฟันกัด ใช้เล็บจิก สารพัดวิธีที่จะทำได้เฉินหย่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวกับฉากนี้มาก เขาหมอบกราบเย่ซิวด้วยน้ำมูกและน้ำตาที่ไหลเจิ่ง“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ต่อไปนี้ฉันจะทำความดีทุกวันเพื่อไถ่บาปของฉัน”เขาไม่เคยหวาดกลัวและสิ้นหวังเท่าวันนี้มาก่อน ได้แต่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองด้วยการก้มคำนับอย่างต่อเนื่องสายตาของเย่ซิวเย็นชามาก แทบจะไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยไม่กี่นาทีต่อมา เดลี่ก็คลานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ซิวด้วยร่างที่โชกเลือด พร้อมกับประจบประแจงเหมือนสุนัขที่ร้องขอความเมตตาจากเจ้าของ“นายท่าน ฉันชนะแล้ว ยังมีสิ่งใดให้รับใช้อีกไหมคะ?”เย่ซิวชี้ไปที่เฉินหย่งฮ่าว "ทหารรับจ้างอย่างพวกเธอคงช่ำชองเรื่องการทรมานคน ฉันต้องการให้เขาถูกทรมานทุกรูปแบบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง"การฆ่าเขาโดยตรง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาเกินไปเย่ซิวอยากให้เขาได้ลิ้มรสชาติของความทรมานทุกรูปแบบในโลก แบบนี้ถึงจะสามารถปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นได้เดลี่เลียปากของเธอ "ไม่ต้องห่วง ฉันเก่งเรื่องพวกนี้"เธอหันกลับไปทุ่มเฉินหย่ง
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย