เฉินหย่งฮ่าวเป็นคนที่รู้จักแพ้ชนะ จึงโอนเงินให้ในทันทีหลัวอีอีได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าภายในไม่ถึงนาที เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ว้าว สิบล้าน ฉันกลายเป็นเศรษฐีตัวน้อยไปแล้ว”เย่ซิวจูงมือหลัวอีอี “ไปเถอะ วันนี้คุณเลี้ยงข้าวผมนะ”หลัวอีอียิ้มหวาน “ได้เลยค่ะ ที่รัก”ทั้งคู่เดินคุยไปหัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุขเฉินหย่งฮ่าวที่ก่อนหน้านี้ดูมีท่าทีสิ้นหวัง จู่ ๆ ก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมา “เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ ผู้หญิงรายล้อมไม่ขาด ถ้างั้นก็ถึงเวลาใช้แผนนั้นแล้ว!”หลังจากทานข้าวเสร็จ หลัวอีอีก็ชวนเย่ซิวไปดูหนัง กว่าจะดูจบก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วหลัวอีอีดูตื่นเต้นทั้งวี่ทั้งวันอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเธอดูสดใสเปล่งประกายกลางดึก ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามถนน หลัวอีอีหมุนตัวไปรอบ ๆ เย่ซิวเหมือนนกน้อย “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นเศรษฐีไปซะแล้ว”แม้บ้านเธอจะมีฐานะร่ำรวย แต่พ่อแม่ก็เข้มงวดมาก เดือนหนึ่งให้เงินใช้แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นเมื่อก่อนเธอได้แต่มองเพื่อน ๆ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ กระเป๋า และเครื่องสำอางด้วยความอิจฉาเย่ซิวเตือน “อย่าเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยล่ะ”
“พ่อแม่ของฉันติดหนี้พนันจำนวนมหาศาลแล้วหนีไป ทิ้งฉันกับน้องสาววัยสิบขวบไว้ตามลำพังค่ะเจ้าหนี้มาตามทวงเงินฉันทุกวัน ฉันไม่มีทางเลือก ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วทำงานวันละสามที่เพื่อหาเงินใช้หนี้ค่ะ”ด้วยวรยุทธ์ของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถจับสังเกตได้อย่างง่ายดายว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาพูดความจริงหรือโกหก และหญิงสาวคนนี้ก็กำลังพูดความจริงเย่ซิวเอ่ยถาม “ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกเท่าไหร่ครับ”“สามสิบห้าล้านกว่า ๆ ค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา สองมือที่หยาบกร้านจับชายเสื้อไว้แน่นเธอดูเหมือนเด็กสาววัยเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น แต่ฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้านยิ่งกว่าคนวัยสามสิบถึงสี่สิบปี เธอต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าที่ตัวเองควรจะรับเย่ซิวถอนหายใจ เขามีความสามารถพอที่จะช่วยหญิงสาวใช้หนี้ได้ แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะการสอนให้จับปลาดีกว่าให้ปลา การให้เงินโดยตรงเป็นวิธีที่ต่ำต้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครแน่เย่ซิวตั้งใจว่าจะสืบประวัติของเธออีกสักระยะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็จะให้เธอมาทำง
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความโกรธของเย่ซิว แม้จะเป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้เธอไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย หลังจากจดจำเบาะแสเล็กน้อยที่เย่ซิวให้ไว้ เธอก็รีบลงมือจัดการทันทีหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวจึงหันมาเยียวยาอาการบาดเจ็บของหลัวอีอีโชคดีที่เธอได้รับเพียงผลกระทบจากคลื่นกระแทกเท่านั้น จึงไม่ร้ายแรงมากไม่กี่นาทีต่อมา หลัวอีอีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมความมึนงง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยิน...”เย่ซิวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจเขาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เย่ซิวจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้!เมื่อเย่ซิวอธิบายจบ ดวงตาของหลัวอีอีก็เริ่มแดงก่ำ “ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ เธอยังมีน้องสาวอีกคนนี่ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...”เย่ซิวเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ผมส่งคนไปตามสืบแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้อีกที”หลัวอีอีเปิดโทรทัศน์ดูในทันที ข่าวกำลังรายงานเกี่ยวกับเหตุระเบิด“ตามข้อมูลรายงาน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในเขต… เป็นการก่อเหต
ปัง!เด็กสาวตัวน้อยถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรงชายฉกรรจ์สองคนยืนมองด้วยท่าทีดุดัน“นางเด็กเวร พี่สาวแกไปไหน หนีไปแล้วใช่ไหม!”“รีบไปตามพี่สาวแกมา ถึงกำหนดจ่ายเงินแล้ว!”เด็กสาวคนนั้นมีร่างกายผอมแห้งและซีดเซียวจากการขาดสารอาหารเป็นเวลานาน มีเพียงดวงตาของเธอที่ยังคงดูสะอาดใส ดวงตาที่ดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยโลกอันโสมมใบนี้แม้จะถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรง แต่เธอก็ไม่ร้อง ไม่โวยวาย เพียงแค่เอ่ยเบา ๆ ว่า “คุณลุงทั้งสองคะ พี่หนูกำลังจะกลับมาแล้ว ช่วยมาอีกทีช่วงดึก ๆ ได้ไหมคะ?”“ดึกบ้านเอ็งสิ!” ชายฉกรรจ์อารมณ์ร้อนคนหนึ่งคำรามออกมา “ถ้าไม่คืนเงินวันนี้ ฉันจะโยนแกลงจากดาดฟ้าตึกนี่แหละ!”เด็กสาวก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรอีกเพราะปัญหาครอบครัว เธอจึงเติบโตเกินวัยเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไปชายฉกรรจ์อีกคนที่เห็นเธอทำตัวสงบนิ่งก็ยิ่งโกรธหนัก “ยังจะทำตัวน่าสงสารอีกเหรอ คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่รึไง?นางเด็กเวร เดี๋ยวฉันจะโยนแกลงไปก่อน แล้วค่อยลากพี่สาวแกไปรับแขกในร้านเหล้า!”พูดจบเขาก็โน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มเด็กสาวขึ้นมาแต่ทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งคว้าข้อมือเขาไว้อย่างแน่น ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่อาจขยับ
สภาพบ้านนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมมากแล้วหน้าต่างแตกเป็นรูหลายรู และถูกแปะไว้ด้วยหนังสือพิมพ์ตราบเท่าที่มีลมหนาวพัดเข้ามา มันจะต้องจะหนาวสะท้านอย่างแน่นอนภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีเพียงเก้าอี้พัง ๆ สองสามตัวกับโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง แล้วก็กาต้มน้ำหนึ่งใบนอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของหลัวอีอีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ได้แต่รู้สึกปวดใจและโกรธเคืองเธอนั่งยอง ๆ กอดฉินปิงปิง "น้องสาว หนูอาศัยอยู่ในที่แบบนี้เหรอ หน้าหนาวคงนอนหนาวแย่สินะ"ฉินปิงปิงเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่ยังคงรักษาจิตใจที่มองโลกในแง่ดี เธอส่ายหน้า“ไม่นะคะ หนูนอนกับพี่สาวตลอด ร่างกายของพี่อบอุ่นมาก”ดวงตาของฉินปิงปิงเป็นประกายเมื่อพูดถึงพี่สาวนั่นคือที่พึ่งของเธอและเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปหลัวอีอีขยับปาก ไม่รู้จะบอกเธออย่างไรว่าพี่สาวของเธอจากไปแล้วมันเป็นเรื่องโหดร้ายมากสำหรับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเย่ซิวถอนหายใจแล้วเดินไปข้างหลังฉินปิงปิง จากนั้นสะกดจุดที่หลังคอของเธอเบา ๆเด็กน้อยหลับตาและล้มพับลงในอ้อมแขนของหลัวอีอี“นายทำอะไรน่ะ?” หลัวอีอีมอง
“จากข้อมูลที่ได้รับในปัจจุบัน ฉินเสี่ยวเฟยเคยติดต่อกับบุคคลหนึ่งและบุคคลนั้นเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันยังพบว่าบุคคลนั้นเคยติดต่อกับทายาทเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองหลวงที่ชื่อเฉินหย่งฮ่าวด้วย”“เฉินหย่งฮ่าว!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววดุร้าย “เป็นเขานี่เอง!”ภาพของผู้ชายที่ดูเป็นคนเลือดร้อนง่ายลอยเข้ามาในสมอง“นั่นหมายความว่า เขาจงใจสร้างแผนนี้ขึ้นมา แล้วรอให้ผมเข้าไปติดกับสินะ!”เย่ซิวยอมรับว่าครั้งนี้เขามองเกมผิดไปจริง ๆการที่ไม่เห็นมดตัวเล็ก ๆ อย่างเฉินหย่งฮ่าวอยู่ในสายตา ได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตายอย่างอนาถ“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” เย่ซิวถาม“บ้านของเขาอยู่ทางตะวันตกของเมืองค่ะ ที่อยู่คือ...”เย่ซิวจดที่อยู่แล้วสั่งการลงไป "พวกคุณถอนกำลังคนกลับมาเถอะ ส่งไปปกป้องคนรอบตัวผมอย่างเต็มที่ก่อน คุณเองก็ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย"“รับทราบค่ะ!”หลัวอีอีอุ้มฉินปิงปิงไปที่ห้องนอนของเย่ซิวหลังจากอาบน้ำเสร็จเด็กน้อยหลับสนิท สวมชุดกระโปรงสีขาวน่ารักราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเย่ซิวขอให้หลัวอีอีออกไปก่อน จากนั้นปิดประตูลงมือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าผากของฉินปิงปิง ฝ่ามือส่องแสงเล็กน้อยส
เดลี่ยืนขึ้นแล้วขยับเสื้อผ้าของเธอเล็กน้อย "ร้อนจังเลย คุณเฉิน ไปอาบน้ำด้วยกันไหม?"ผู้หญิงคนนี้รูปร่างเซ็กซี่ หน้าตาสะสวย และเป็นคนเปิดกว้างมาก มีเสน่ห์ดึงดูดใจเฉินหย่งฮ่าวหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังส่งมาจากข้างนอกทั้งสามคนหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน และพากันวิ่งไปดูที่หน้าต่างบอดี้การ์ดด้านนอกทั้งหมด ล้มลงไปกองกับพื้น“มันคือใคร? ถึงกับจัดการคนของเราทั้งหมดได้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้?"ทั้งสามคนมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่ก็ไม่เห็นศัตรูและเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ ก็ต้องเกือบหัวใจวายตายเย่ซิวนั่งตรงที่พวกเขานั่งอยู่เมื่อกี้นี้ มองมายังพวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ“เย่ซิว!”“แกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยได้ยังไง!”“หรือว่าแกไม่ใช่มนุษย์!”ทั้งสามคนต่างตกตะลึงก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินหย่งฮ่าวให้คนติดตั้งวัตถุระเบิดในร่างกายของฉินเสี่ยวเฟย ยังได้ทำการติดตั้งเครื่องดักฟังเอาไว้ด้วยดังนั้นในคืนนั้นพวกเขามั่นใจว่าเย่ซิวอยู่ข้าง ๆ ฉินเสี่ยวเฟยถึงค่อยจุดชนวนระเบิดเย่ซิวจะไม่ได้รับบาดเจ็บในระยะประชิดแบบนั้นได้อย่างไร?“บอกมา พวกแกเป็นใครมาจากไหนกันแน่?”เสียงของเย่ซิ
เฉินหย่งฮ่าวอดทนต่อความเจ็บปวดที่ส่งมาจากมือของเขาและร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว "ฉันยกเลิกทุกอย่างแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย"เย่ซิวสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้โกหก จึงคุกเข่าลงและตบหน้าเขาเบา ๆ "พอดูออกว่าแกมีความทะเยอทะยานสูง ทำการวางแผนมาไม่น้อยในช่วงหลายปีนี้ ไหน ลองเอาออกมาให้ดูหน่อยสิ"เฉินหย่งฮ่าวร้องไห้โฮ "ฉัน... ไม่มี...อ๊าก!!!"เย่ซิวยิ้มพร้อมบดขยี้กระดูกมือของเขาอีกข้าง "ลองคิดดูให้ดีว่ามีหรือไม่มี"“มี ๆ ๆ มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในห้องหนังสือของฉัน รหัสผ่านคือตัวเลขทศนิยมยี่สิบหลักแรกของค่าพาย”เย่ซิวลอยขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้พลังจิตกวาดมองจึงรู้ทันทีว่าห้องนั้นคือห้องไหนและเดินเข้าไปทั้งสามคนกลัวเย่ซิวมาก จึงไม่กล้าหนีไปไหนเย่ซิวพบคอมพิวเตอร์ที่เฉินหย่งฮ่าวพูดถึง หลังจากเปิดเครื่องและใส่รหัสผ่านแล้ว เขาก็เห็นรายละเอียดมากมายของแผนธุรกิจและแผนการที่เฉินหย่งฮ่าววางไว้ในพื้นที่สำคัญบางแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯเย่ซิวตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ ดูเหมือนเขาจ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ