“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว?”ชายร่างกายกำยำใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเดินเข้ามาหาเดลี่แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาเดลี่ตอบว่า "สมิธไปหาผู้หญิงแล้ว ยังไงซะ การมารับพวกแกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้ว"ชายร่างกายกำยำหัวเราะเบา ๆ "ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงของประเทศหลงเถิงนั้นอวบอิ่มจนแทบจะคั้นน้ำออกมาจากผิวได้อยู่แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักหน่อย"สีหน้าท่าทางของเดลี่เป็นไปตามปกติ "แค่นั้นจะไปพออะไร เดี๋ยวไปหาเอาที่บาร์ก็จบเรื่อง คราวนี้เป้าหมายได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่"ชายร่างกายกำยำส่ายหัว "จะมองหาพวกที่ถูกเล่นจนเละในบาร์ไปเพื่ออะไร? หาจับผู้หญิงดี ๆ สักคนจะบันเทิงกว่าเยอะ”“หลังจากเล่นเสร็จแล้วก็ฆ่าซะ ความรู้สึกแบบนั้นไม่ต้องบอกว่าสะใจแค่ไหน"เดลี่เตือนด้วยเสียงต่ำว่า "ที่นี่คือประเทศหลงเถิง ไม่ใช่ประเทศหยวน ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า"ชายร่างกายกำยำไม่ยี่หระ "ประเทศหลงเถิงแล้วไง กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!"เดลี่ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันแต่เมื่อเธอได้พบกับเย่ซิวซึ่งทำให้ทัศนคติของเธอเปลี่ยนไปไปโดยสิ้นเชิง เธอจึงไม่กล้าดูถูกประเทศที่มีม
ตามปกติแล้ว พลังวิญญาณที่อยู่บนพื้นดินควรจะหนาแน่นกว่าในอากาศถึงจะถูกท้ายที่สุดบนท้องฟ้าไม่มีอะไรที่สามารถก่อให้เกิดพลังงานวิญญาณได้“ไม่ถูกต้อง!”ทันใดนั้นเย่ซิวก็เงยหน้าขึ้น สายตาของเขาดูเหมือนจะเจาะทะลุเพดานของเครื่องบินออกไป "พลังแห่งเอกภพ!"สิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งเอกภพนั้นรวมไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีกจำนวนมากด้วยพลังงานเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในสมัยโบราณอาทิเช่นพลังแห่งตะวัน พลังแห่งจันทราเป็นต้นอาจเป็นเพราะรูปแบบบางอย่างที่เย่ซิวไม่สามารถเข้าใจได้ จึงคิดไปว่าพลังงานเหล่านี้เป็นพลังวิญญาณอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการค้นพบที่น่ายินดีแสดงให้เห็นว่าเย่ซิวได้ค้นพบวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาอีกวิธีหนึ่งแล้วหลับตาลงแล้วขับเคลื่อน "พระสูตรราชาแห่งยา" เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณแต่ละสายนั้นเดลี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจู่ ๆ ก็ตัวสั่นและบังเกิดความรู้สึกแปลก ๆราวกับการแช่กายในบ่อน้ำพุร้อน สมรรถภาพทางกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเธอทั้งตกใจและก็ดีใจในเวลาเดียวกันจากการคาดเดาอาจเป็นเพราะเย่ซิว ซึ่งทำให้เธอตั้งใจที่จะทำให้เขาพึงพอใจมาก
ทันทีที่วิชายุทธของเขาขับเคลื่อนไป เขาก็พบว่าพลังวิญญาณที่นี่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก หนาแน่นกว่าที่เขาพบบนท้องฟ้าเป็นสิบเท่า“นี่…” แววตาประหลาดใจของเย่ซิวแวบขึ้นมา หลังจากสัมผัสอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่าพลังวิญญาณนั้นส่งมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขาหันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่ามีพืชพรรณเขียวชอุ่มและมีวัตถุดิบทางยาหายากมากมายที่เติบโตอยู่ที่ที่ทหารรับจ้างเลือดเย็นเหล่านั้น โดยปกติย่อมมองไม่ออกว่าวัตถุดิบทางยาที่นี่ล้ำค่าแค่ไหน คิดว่าคงถูกมองว่าเป็นวัชพืชด้วยซ้ำไม่ได้รู้เลยว่าเพียงหนึ่งการกวาดตามองนี้ เย่ซิวก็เห็นพืชสมุนไพรหลายสิบชนิดที่มีมูลค่านับสิบล้านแล้ว“ข้างล่างนี้ เกรงว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่เสียแล้ว!”เย่ซิวตัดสินใจ แต่ไม่รีบร้อน เขาตัดสินใจที่จะถอนรากถอนโคนกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตก่อนเขามองไปที่เดลลีแล้วพูดว่า "โทรหาหัวหน้ากองกำลังของเธอ แล้วถามเขาว่าอยู่ข้างในไหม"เดลี่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดูเหมือนอิฐออกมาและกดหมายเลขที่เข้ารหัส“เฮ้ เดลี่ เป็นยังไงบ้างแล้ว?”เสียงหยาบดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เราจะได้รับค่าตอบแทนอีกครึ่งหนึ
วินาทีต่อมาเย่ซิวก็มาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกพื้นที่นี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีเนื้อที่ประมาณสิบตารางเมตรมีบางสิ่งล่องลอยอยู่ในนั้นคัมภีร์โบราณสามเล่ม กระบี่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยสนิมหนึ่งเล่มหินก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา และมีส่วนน้อยที่เป็นสีขาวพลังวิญญาณอันเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากหินนี้เย่ซิวใช้พลังจิตของเขา พยายามเข้าใกล้สิ่งของเหล่านี้ให้มากขึ้นทันใดนั้นจิตของเขาก็กลับมา และพบว่ามีของสองสามอย่างมาปรากฏอยู่ในมือ“มันคือแหวนผนึกของในตำนานจริง ๆ!”เย่ซิวดีใจมาก การเดินทางมาประเทศหยวนครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ถึงกับได้พบกับแหวนผนึกของในตำนานนี้!สายตาของเขาจ้องมองไปที่หินสีเทาสลับขาวเป็นอันดับแรกนี่น่าจะเป็นศิลาวิญญาณในตำนาน!เย่ซิวเดาว่าแหวนผนึกของนั้นมีอายุนานเกินไป และมีบางอย่างผิดปกติกับโครงสร้างภายใน จึงทำให้เกิดรอยแตกร้าว ซึ่งทำให้พลังงานในศิลาวิญญาณรั่วไหลออกมาเย่ซิวพยายามอัดพลังวิญญาณเข้าไปในแหวนผนึกของเพื่อดูว่าจะสามารถซ่อมแซมได้หรือไม่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือรอยแตกนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ
กริชเล่มนั้นอยู่ห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ถูกเย่ซิวสกัดกั้นมันไว้ทหารรับจ้างหญิงหลายคนในบริเวณใกล้เคียงคิดว่าเย่ซิวเป็นพวกเดียวกันกับอีกฝ่าย จึงหันมาโจมตีเขาโดยไม่ลังเลอย่างไรก็ตาม การโจมตีหลายครั้งล้วนถูกหยุดไว้ห่างจากเย่ซิวไปหลายสิบเซนติเมตร ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็นฉากนี้ทำให้ทหารรับจ้างหญิงตกตะลึง รวมถึงชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากเย่ซิวด้วย สีหน้าตกใจราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผีเย่ซิวเผชิญหน้ากับชายคนนั้น ยังคงสงบและเยือกเย็นแม้จะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ "แกน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตสินะ"เขาพูดภาษาของประเทศหลงเถิง แต่อีกฝ่ายก็ยังฟังออกนอกจากนี้เขายังจำเย่ซิวได้อีกด้วย“แกนั่นเอง!” เขาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมแกถึงมาที่นี่ แกไม่ใช่ว่า...ให้ตายเถอะ นางเดลี่สารเลวนั่นทรยศแล้ว!”เขาไม่ได้โง่ จึงรับรู้สาเหตุได้อย่างรวดเร็ว“บอกฉันมาว่าใครจ้างแกให้มาจัดการกับฉัน”อีกฝ่ายเยาะเย้ย "ในฐานะผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ..."ฉับ!ในขณะที่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเย่ซิว แต่แขนขวาของคู่ต่อสู้ก็กระเด็นลอยสูงขึ้นไป และมีเ
แต่แล้วในครั้งนี้อีกฝ่ายกลับทำผิดพลาดแล้วไม่เพียงแต่ระดับของเย่ซิวจะสูงกว่าที่เขาคาดไว้เท่านั้น แต่ในระหว่างการเดินทางมายังประเทศหยวนนี้ เขายังได้รับวิชากระบี่ที่ตกทอดมาแต่โบราณอีกด้วยหลังจากที่เขาเรียนรู้ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นความคิดต่าง ๆ แวบขึ้นมาในใจของเย่ซิว เขาบดขยี้โทรศัพท์ในมือและมองไปที่ชายตรงหน้าเขาที่ถูกตัวเองหักแขนทิ้ง“ทหารรับจ้างเช่นแกมักจะเก็บเงินไว้ในธนาคารยูนิเวิร์สใช่ไหม โอนเงินทั้งหมดมาให้ฉัน”ธนาคารยูนิเวิร์สเป็นธนาคารที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลกธนาคารแห่งนี้ไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวในการเปิดบัญชี การรักษาความลับของบัญชีก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกนักธุรกิจรวย ๆ จึงมักจะนำเงินไม่สะอาดเข้ามาฝากไว้อีกฝ่ายไม่กล้าลังเลแม้แต่เล็กน้อย ดังนั้นจึงบอกหมายเลขบัตรธนาคารยูนิเวิร์สและรหัสผ่านสองชั้นมาเย่ซิวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันที เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารยูนิเวิร์สและเข้าสู่ระบบมีมากกว่าสามพันล้านในนั้น ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเขาโอนเงินทั้งหมดไปยังบัตรของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าเย่ซิวก็มีบัญชีอยู่ในธนาคารยูนิเวิ
พลังปรารของคนธรรมดาทั่วไปคือสีขาว ส่วนผู้ที่มีโชคหน่อยก็จะเป็นสีกากีผู้ที่มีโชคดีมากจะเป็นสีแดง เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่งก็จะเป็นสีทอง และสีม่วงคือระดับสูงสุดผู้หญิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสีแดงเข้มและมีสีทองผสมอยู่เล็กน้อย!โชคของเย่ซิวเป็นสีม่วง ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างมากที่ผู้หญิงคนนี้มีโชคอยู่ในระดับนี้เย่ซิวเคยเห็นของคนอื่น ๆ เช่นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ซึ่งทุกคนมีสีแดงอ่อน ด้อยกว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้โดยสิ้นเชิงเย่ซิวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากพิชิตขึ้นมาตราบเท่าที่ผู้หญิงที่มีโชคอยู่ในระดับนี้ยอมสวามิภักดิ์ให้แล้ว มันจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมหาศาลความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา เย่ซิวก็ได้คิดแผนการณ์เอาไว้แล้ว กลิ่นอายบนตัวเขาจึงค่อย ๆ ถูกเก็บกลับไป "คุณชื่ออะไร?"“เฉินซิ่วน่า” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย “ท่านคะ เราไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ฉะนั้นแล้วเราลากันตรงนี้ดีหรือไม่?”เธอไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นเย่ซิวเย่ซิวยิ้ม "วางใจเถอะ ผมไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ออกมาข้างนอกนานชักหิวแล้วสิ ทำไ
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในหมู่คนชั้นสูงที่แท้จริงเย่ซิวไม่ตอบ แต่แสร้งทำเป็นสอดมือขวาใส่กระเป๋ากางเกงของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วหยิบ "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" ออกจากแหวนผนึกของแล้วเปิดอ่านมันอย่างระมัดระวังตำราวิชายุทธ์ลับเล่มนี้ได้บันทึกอาคมระดับต่ำนับพันไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอาทิเช่นวิชาสมานบาดแผล วิชาแปลงสิ่งของ วิชากลั่นเสริมพลัง ฯลฯนอกจากนี้ยังมีการบันทึกวิธีการสร้างเครื่องรางหยกกันภัยไว้ในตอนท้ายด้วยนั่นคือการสลักอาคมบางอย่างไว้บนจี้หยกแล้วสวมใส่ หรือมอบให้ผู้อื่นโดยจะมีการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเผชิญกับอันตราย ซึ่งจะสามารถป้องกันภัยพิบัติต่อตัวผู้สวมใส่สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเย่ซิวสว่างขึ้น เขาจดจำมันไว้อย่างระมัดระวังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ศัตรูลึกลับคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจะลงมือกับคนรอบข้างเขาถ้าสามารถกลั่นเครื่องรางหยกป้องกันภัยและมอบให้กับคนรอบข้างได้ ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากที่เขาจดจำเนื้อหาทั้งหมดใน "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" แล้ว ก็มาถึงจุดหมายปลายทางลงมาจากรถ ฉากที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาก็คือหมู่บ้านหนึ่งที่มีความดั้งเดิมเป็นอ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ