ตามปกติแล้ว พลังวิญญาณที่อยู่บนพื้นดินควรจะหนาแน่นกว่าในอากาศถึงจะถูกท้ายที่สุดบนท้องฟ้าไม่มีอะไรที่สามารถก่อให้เกิดพลังงานวิญญาณได้“ไม่ถูกต้อง!”ทันใดนั้นเย่ซิวก็เงยหน้าขึ้น สายตาของเขาดูเหมือนจะเจาะทะลุเพดานของเครื่องบินออกไป "พลังแห่งเอกภพ!"สิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งเอกภพนั้นรวมไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีกจำนวนมากด้วยพลังงานเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในสมัยโบราณอาทิเช่นพลังแห่งตะวัน พลังแห่งจันทราเป็นต้นอาจเป็นเพราะรูปแบบบางอย่างที่เย่ซิวไม่สามารถเข้าใจได้ จึงคิดไปว่าพลังงานเหล่านี้เป็นพลังวิญญาณอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการค้นพบที่น่ายินดีแสดงให้เห็นว่าเย่ซิวได้ค้นพบวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาอีกวิธีหนึ่งแล้วหลับตาลงแล้วขับเคลื่อน "พระสูตรราชาแห่งยา" เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณแต่ละสายนั้นเดลี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจู่ ๆ ก็ตัวสั่นและบังเกิดความรู้สึกแปลก ๆราวกับการแช่กายในบ่อน้ำพุร้อน สมรรถภาพทางกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเธอทั้งตกใจและก็ดีใจในเวลาเดียวกันจากการคาดเดาอาจเป็นเพราะเย่ซิว ซึ่งทำให้เธอตั้งใจที่จะทำให้เขาพึงพอใจมาก
ทันทีที่วิชายุทธของเขาขับเคลื่อนไป เขาก็พบว่าพลังวิญญาณที่นี่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก หนาแน่นกว่าที่เขาพบบนท้องฟ้าเป็นสิบเท่า“นี่…” แววตาประหลาดใจของเย่ซิวแวบขึ้นมา หลังจากสัมผัสอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่าพลังวิญญาณนั้นส่งมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขาหันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่ามีพืชพรรณเขียวชอุ่มและมีวัตถุดิบทางยาหายากมากมายที่เติบโตอยู่ที่ที่ทหารรับจ้างเลือดเย็นเหล่านั้น โดยปกติย่อมมองไม่ออกว่าวัตถุดิบทางยาที่นี่ล้ำค่าแค่ไหน คิดว่าคงถูกมองว่าเป็นวัชพืชด้วยซ้ำไม่ได้รู้เลยว่าเพียงหนึ่งการกวาดตามองนี้ เย่ซิวก็เห็นพืชสมุนไพรหลายสิบชนิดที่มีมูลค่านับสิบล้านแล้ว“ข้างล่างนี้ เกรงว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่เสียแล้ว!”เย่ซิวตัดสินใจ แต่ไม่รีบร้อน เขาตัดสินใจที่จะถอนรากถอนโคนกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตก่อนเขามองไปที่เดลลีแล้วพูดว่า "โทรหาหัวหน้ากองกำลังของเธอ แล้วถามเขาว่าอยู่ข้างในไหม"เดลี่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดูเหมือนอิฐออกมาและกดหมายเลขที่เข้ารหัส“เฮ้ เดลี่ เป็นยังไงบ้างแล้ว?”เสียงหยาบดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เราจะได้รับค่าตอบแทนอีกครึ่งหนึ
วินาทีต่อมาเย่ซิวก็มาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกพื้นที่นี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีเนื้อที่ประมาณสิบตารางเมตรมีบางสิ่งล่องลอยอยู่ในนั้นคัมภีร์โบราณสามเล่ม กระบี่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยสนิมหนึ่งเล่มหินก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา และมีส่วนน้อยที่เป็นสีขาวพลังวิญญาณอันเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากหินนี้เย่ซิวใช้พลังจิตของเขา พยายามเข้าใกล้สิ่งของเหล่านี้ให้มากขึ้นทันใดนั้นจิตของเขาก็กลับมา และพบว่ามีของสองสามอย่างมาปรากฏอยู่ในมือ“มันคือแหวนผนึกของในตำนานจริง ๆ!”เย่ซิวดีใจมาก การเดินทางมาประเทศหยวนครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ถึงกับได้พบกับแหวนผนึกของในตำนานนี้!สายตาของเขาจ้องมองไปที่หินสีเทาสลับขาวเป็นอันดับแรกนี่น่าจะเป็นศิลาวิญญาณในตำนาน!เย่ซิวเดาว่าแหวนผนึกของนั้นมีอายุนานเกินไป และมีบางอย่างผิดปกติกับโครงสร้างภายใน จึงทำให้เกิดรอยแตกร้าว ซึ่งทำให้พลังงานในศิลาวิญญาณรั่วไหลออกมาเย่ซิวพยายามอัดพลังวิญญาณเข้าไปในแหวนผนึกของเพื่อดูว่าจะสามารถซ่อมแซมได้หรือไม่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือรอยแตกนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ
กริชเล่มนั้นอยู่ห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ถูกเย่ซิวสกัดกั้นมันไว้ทหารรับจ้างหญิงหลายคนในบริเวณใกล้เคียงคิดว่าเย่ซิวเป็นพวกเดียวกันกับอีกฝ่าย จึงหันมาโจมตีเขาโดยไม่ลังเลอย่างไรก็ตาม การโจมตีหลายครั้งล้วนถูกหยุดไว้ห่างจากเย่ซิวไปหลายสิบเซนติเมตร ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็นฉากนี้ทำให้ทหารรับจ้างหญิงตกตะลึง รวมถึงชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากเย่ซิวด้วย สีหน้าตกใจราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผีเย่ซิวเผชิญหน้ากับชายคนนั้น ยังคงสงบและเยือกเย็นแม้จะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ "แกน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตสินะ"เขาพูดภาษาของประเทศหลงเถิง แต่อีกฝ่ายก็ยังฟังออกนอกจากนี้เขายังจำเย่ซิวได้อีกด้วย“แกนั่นเอง!” เขาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมแกถึงมาที่นี่ แกไม่ใช่ว่า...ให้ตายเถอะ นางเดลี่สารเลวนั่นทรยศแล้ว!”เขาไม่ได้โง่ จึงรับรู้สาเหตุได้อย่างรวดเร็ว“บอกฉันมาว่าใครจ้างแกให้มาจัดการกับฉัน”อีกฝ่ายเยาะเย้ย "ในฐานะผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ..."ฉับ!ในขณะที่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเย่ซิว แต่แขนขวาของคู่ต่อสู้ก็กระเด็นลอยสูงขึ้นไป และมีเ
แต่แล้วในครั้งนี้อีกฝ่ายกลับทำผิดพลาดแล้วไม่เพียงแต่ระดับของเย่ซิวจะสูงกว่าที่เขาคาดไว้เท่านั้น แต่ในระหว่างการเดินทางมายังประเทศหยวนนี้ เขายังได้รับวิชากระบี่ที่ตกทอดมาแต่โบราณอีกด้วยหลังจากที่เขาเรียนรู้ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นความคิดต่าง ๆ แวบขึ้นมาในใจของเย่ซิว เขาบดขยี้โทรศัพท์ในมือและมองไปที่ชายตรงหน้าเขาที่ถูกตัวเองหักแขนทิ้ง“ทหารรับจ้างเช่นแกมักจะเก็บเงินไว้ในธนาคารยูนิเวิร์สใช่ไหม โอนเงินทั้งหมดมาให้ฉัน”ธนาคารยูนิเวิร์สเป็นธนาคารที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลกธนาคารแห่งนี้ไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวในการเปิดบัญชี การรักษาความลับของบัญชีก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกนักธุรกิจรวย ๆ จึงมักจะนำเงินไม่สะอาดเข้ามาฝากไว้อีกฝ่ายไม่กล้าลังเลแม้แต่เล็กน้อย ดังนั้นจึงบอกหมายเลขบัตรธนาคารยูนิเวิร์สและรหัสผ่านสองชั้นมาเย่ซิวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันที เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารยูนิเวิร์สและเข้าสู่ระบบมีมากกว่าสามพันล้านในนั้น ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเขาโอนเงินทั้งหมดไปยังบัตรของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าเย่ซิวก็มีบัญชีอยู่ในธนาคารยูนิเวิ
พลังปรารของคนธรรมดาทั่วไปคือสีขาว ส่วนผู้ที่มีโชคหน่อยก็จะเป็นสีกากีผู้ที่มีโชคดีมากจะเป็นสีแดง เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่งก็จะเป็นสีทอง และสีม่วงคือระดับสูงสุดผู้หญิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสีแดงเข้มและมีสีทองผสมอยู่เล็กน้อย!โชคของเย่ซิวเป็นสีม่วง ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างมากที่ผู้หญิงคนนี้มีโชคอยู่ในระดับนี้เย่ซิวเคยเห็นของคนอื่น ๆ เช่นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ซึ่งทุกคนมีสีแดงอ่อน ด้อยกว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้โดยสิ้นเชิงเย่ซิวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากพิชิตขึ้นมาตราบเท่าที่ผู้หญิงที่มีโชคอยู่ในระดับนี้ยอมสวามิภักดิ์ให้แล้ว มันจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมหาศาลความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา เย่ซิวก็ได้คิดแผนการณ์เอาไว้แล้ว กลิ่นอายบนตัวเขาจึงค่อย ๆ ถูกเก็บกลับไป "คุณชื่ออะไร?"“เฉินซิ่วน่า” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย “ท่านคะ เราไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ฉะนั้นแล้วเราลากันตรงนี้ดีหรือไม่?”เธอไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นเย่ซิวเย่ซิวยิ้ม "วางใจเถอะ ผมไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ออกมาข้างนอกนานชักหิวแล้วสิ ทำไ
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในหมู่คนชั้นสูงที่แท้จริงเย่ซิวไม่ตอบ แต่แสร้งทำเป็นสอดมือขวาใส่กระเป๋ากางเกงของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วหยิบ "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" ออกจากแหวนผนึกของแล้วเปิดอ่านมันอย่างระมัดระวังตำราวิชายุทธ์ลับเล่มนี้ได้บันทึกอาคมระดับต่ำนับพันไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอาทิเช่นวิชาสมานบาดแผล วิชาแปลงสิ่งของ วิชากลั่นเสริมพลัง ฯลฯนอกจากนี้ยังมีการบันทึกวิธีการสร้างเครื่องรางหยกกันภัยไว้ในตอนท้ายด้วยนั่นคือการสลักอาคมบางอย่างไว้บนจี้หยกแล้วสวมใส่ หรือมอบให้ผู้อื่นโดยจะมีการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเผชิญกับอันตราย ซึ่งจะสามารถป้องกันภัยพิบัติต่อตัวผู้สวมใส่สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเย่ซิวสว่างขึ้น เขาจดจำมันไว้อย่างระมัดระวังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ศัตรูลึกลับคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจะลงมือกับคนรอบข้างเขาถ้าสามารถกลั่นเครื่องรางหยกป้องกันภัยและมอบให้กับคนรอบข้างได้ ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากที่เขาจดจำเนื้อหาทั้งหมดใน "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" แล้ว ก็มาถึงจุดหมายปลายทางลงมาจากรถ ฉากที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาก็คือหมู่บ้านหนึ่งที่มีความดั้งเดิมเป็นอ
“ผมสามารถลงทุนที่นี่และเปลี่ยนมันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้นอกจากนี้เรายังสามารถจัดให้บริษัทมาสร้างโรงงานที่นี่เพื่อให้พวกเธอได้มีงานทำเรายังสามารถติดตั้งระบบน้ำและไฟฟ้า และสร้างบ้านให้พวกเธออยู่อาศัยได้ลูกตาของเฉินซิ่วน่าหดตัวลง เธอตกใจกับคำพูดของเย่ซิวอย่างถึงที่สุดแล้วแต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็วและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ฉันต้องจ่ายด้วยอะไร?"ดวงตาของเย่ซิวราวกับสายฟ้า เขาปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาจากร่าง "ผมต้องการให้คุณภักดีต่อผมและจัดหาพวกทหารรับจ้างให้ผมสุดท้ายสร้างกลุ่มที่มีสมาชิกมากกว่าสามพันคนขึ้นไป โดยที่กลุ่มจะต้องมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีอุปกรณ์การรบครบครัน และจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น!”ลมหายใจของเฉินซิ่วน่าสะดุดไป ในเวลานี้เย่ซิวช่างเปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสีทองเจิดจ้าแสบตา ทำให้เธอไม่กล้ามองตรงไปที่เขาเหตุผลที่เย่ซิวมีความคิดเช่นนี้ ก็เพราะเขาได้รับแหวนผนึกสิ่งของบนภูเขาเตี้ยลูกนั้นมาในเมื่อที่นั่นมีสมบัติที่ผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนทิ้งไว้ ที่อื่น ๆ ก็อาจจะมีสมบัติอยู่เช่นกันไม่แน่ว่าอาจมีที่ไหนสักแห่งที่มีถ้ำส
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย