วินาทีต่อมาเย่ซิวก็มาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกพื้นที่นี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีเนื้อที่ประมาณสิบตารางเมตรมีบางสิ่งล่องลอยอยู่ในนั้นคัมภีร์โบราณสามเล่ม กระบี่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยสนิมหนึ่งเล่มหินก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา และมีส่วนน้อยที่เป็นสีขาวพลังวิญญาณอันเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากหินนี้เย่ซิวใช้พลังจิตของเขา พยายามเข้าใกล้สิ่งของเหล่านี้ให้มากขึ้นทันใดนั้นจิตของเขาก็กลับมา และพบว่ามีของสองสามอย่างมาปรากฏอยู่ในมือ“มันคือแหวนผนึกของในตำนานจริง ๆ!”เย่ซิวดีใจมาก การเดินทางมาประเทศหยวนครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ถึงกับได้พบกับแหวนผนึกของในตำนานนี้!สายตาของเขาจ้องมองไปที่หินสีเทาสลับขาวเป็นอันดับแรกนี่น่าจะเป็นศิลาวิญญาณในตำนาน!เย่ซิวเดาว่าแหวนผนึกของนั้นมีอายุนานเกินไป และมีบางอย่างผิดปกติกับโครงสร้างภายใน จึงทำให้เกิดรอยแตกร้าว ซึ่งทำให้พลังงานในศิลาวิญญาณรั่วไหลออกมาเย่ซิวพยายามอัดพลังวิญญาณเข้าไปในแหวนผนึกของเพื่อดูว่าจะสามารถซ่อมแซมได้หรือไม่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือรอยแตกนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ
กริชเล่มนั้นอยู่ห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ถูกเย่ซิวสกัดกั้นมันไว้ทหารรับจ้างหญิงหลายคนในบริเวณใกล้เคียงคิดว่าเย่ซิวเป็นพวกเดียวกันกับอีกฝ่าย จึงหันมาโจมตีเขาโดยไม่ลังเลอย่างไรก็ตาม การโจมตีหลายครั้งล้วนถูกหยุดไว้ห่างจากเย่ซิวไปหลายสิบเซนติเมตร ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็นฉากนี้ทำให้ทหารรับจ้างหญิงตกตะลึง รวมถึงชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากเย่ซิวด้วย สีหน้าตกใจราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผีเย่ซิวเผชิญหน้ากับชายคนนั้น ยังคงสงบและเยือกเย็นแม้จะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ "แกน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตสินะ"เขาพูดภาษาของประเทศหลงเถิง แต่อีกฝ่ายก็ยังฟังออกนอกจากนี้เขายังจำเย่ซิวได้อีกด้วย“แกนั่นเอง!” เขาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมแกถึงมาที่นี่ แกไม่ใช่ว่า...ให้ตายเถอะ นางเดลี่สารเลวนั่นทรยศแล้ว!”เขาไม่ได้โง่ จึงรับรู้สาเหตุได้อย่างรวดเร็ว“บอกฉันมาว่าใครจ้างแกให้มาจัดการกับฉัน”อีกฝ่ายเยาะเย้ย "ในฐานะผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ..."ฉับ!ในขณะที่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเย่ซิว แต่แขนขวาของคู่ต่อสู้ก็กระเด็นลอยสูงขึ้นไป และมีเ
แต่แล้วในครั้งนี้อีกฝ่ายกลับทำผิดพลาดแล้วไม่เพียงแต่ระดับของเย่ซิวจะสูงกว่าที่เขาคาดไว้เท่านั้น แต่ในระหว่างการเดินทางมายังประเทศหยวนนี้ เขายังได้รับวิชากระบี่ที่ตกทอดมาแต่โบราณอีกด้วยหลังจากที่เขาเรียนรู้ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นความคิดต่าง ๆ แวบขึ้นมาในใจของเย่ซิว เขาบดขยี้โทรศัพท์ในมือและมองไปที่ชายตรงหน้าเขาที่ถูกตัวเองหักแขนทิ้ง“ทหารรับจ้างเช่นแกมักจะเก็บเงินไว้ในธนาคารยูนิเวิร์สใช่ไหม โอนเงินทั้งหมดมาให้ฉัน”ธนาคารยูนิเวิร์สเป็นธนาคารที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลกธนาคารแห่งนี้ไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวในการเปิดบัญชี การรักษาความลับของบัญชีก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกนักธุรกิจรวย ๆ จึงมักจะนำเงินไม่สะอาดเข้ามาฝากไว้อีกฝ่ายไม่กล้าลังเลแม้แต่เล็กน้อย ดังนั้นจึงบอกหมายเลขบัตรธนาคารยูนิเวิร์สและรหัสผ่านสองชั้นมาเย่ซิวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันที เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารยูนิเวิร์สและเข้าสู่ระบบมีมากกว่าสามพันล้านในนั้น ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเขาโอนเงินทั้งหมดไปยังบัตรของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าเย่ซิวก็มีบัญชีอยู่ในธนาคารยูนิเวิ
พลังปรารของคนธรรมดาทั่วไปคือสีขาว ส่วนผู้ที่มีโชคหน่อยก็จะเป็นสีกากีผู้ที่มีโชคดีมากจะเป็นสีแดง เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่งก็จะเป็นสีทอง และสีม่วงคือระดับสูงสุดผู้หญิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสีแดงเข้มและมีสีทองผสมอยู่เล็กน้อย!โชคของเย่ซิวเป็นสีม่วง ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างมากที่ผู้หญิงคนนี้มีโชคอยู่ในระดับนี้เย่ซิวเคยเห็นของคนอื่น ๆ เช่นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ซึ่งทุกคนมีสีแดงอ่อน ด้อยกว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้โดยสิ้นเชิงเย่ซิวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากพิชิตขึ้นมาตราบเท่าที่ผู้หญิงที่มีโชคอยู่ในระดับนี้ยอมสวามิภักดิ์ให้แล้ว มันจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมหาศาลความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา เย่ซิวก็ได้คิดแผนการณ์เอาไว้แล้ว กลิ่นอายบนตัวเขาจึงค่อย ๆ ถูกเก็บกลับไป "คุณชื่ออะไร?"“เฉินซิ่วน่า” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย “ท่านคะ เราไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ฉะนั้นแล้วเราลากันตรงนี้ดีหรือไม่?”เธอไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นเย่ซิวเย่ซิวยิ้ม "วางใจเถอะ ผมไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ออกมาข้างนอกนานชักหิวแล้วสิ ทำไ
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในหมู่คนชั้นสูงที่แท้จริงเย่ซิวไม่ตอบ แต่แสร้งทำเป็นสอดมือขวาใส่กระเป๋ากางเกงของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วหยิบ "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" ออกจากแหวนผนึกของแล้วเปิดอ่านมันอย่างระมัดระวังตำราวิชายุทธ์ลับเล่มนี้ได้บันทึกอาคมระดับต่ำนับพันไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอาทิเช่นวิชาสมานบาดแผล วิชาแปลงสิ่งของ วิชากลั่นเสริมพลัง ฯลฯนอกจากนี้ยังมีการบันทึกวิธีการสร้างเครื่องรางหยกกันภัยไว้ในตอนท้ายด้วยนั่นคือการสลักอาคมบางอย่างไว้บนจี้หยกแล้วสวมใส่ หรือมอบให้ผู้อื่นโดยจะมีการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเผชิญกับอันตราย ซึ่งจะสามารถป้องกันภัยพิบัติต่อตัวผู้สวมใส่สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเย่ซิวสว่างขึ้น เขาจดจำมันไว้อย่างระมัดระวังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ศัตรูลึกลับคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจะลงมือกับคนรอบข้างเขาถ้าสามารถกลั่นเครื่องรางหยกป้องกันภัยและมอบให้กับคนรอบข้างได้ ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากที่เขาจดจำเนื้อหาทั้งหมดใน "สารานุกรมอาคมระดับต่ำ" แล้ว ก็มาถึงจุดหมายปลายทางลงมาจากรถ ฉากที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาก็คือหมู่บ้านหนึ่งที่มีความดั้งเดิมเป็นอ
“ผมสามารถลงทุนที่นี่และเปลี่ยนมันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้นอกจากนี้เรายังสามารถจัดให้บริษัทมาสร้างโรงงานที่นี่เพื่อให้พวกเธอได้มีงานทำเรายังสามารถติดตั้งระบบน้ำและไฟฟ้า และสร้างบ้านให้พวกเธออยู่อาศัยได้ลูกตาของเฉินซิ่วน่าหดตัวลง เธอตกใจกับคำพูดของเย่ซิวอย่างถึงที่สุดแล้วแต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็วและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ฉันต้องจ่ายด้วยอะไร?"ดวงตาของเย่ซิวราวกับสายฟ้า เขาปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาจากร่าง "ผมต้องการให้คุณภักดีต่อผมและจัดหาพวกทหารรับจ้างให้ผมสุดท้ายสร้างกลุ่มที่มีสมาชิกมากกว่าสามพันคนขึ้นไป โดยที่กลุ่มจะต้องมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีอุปกรณ์การรบครบครัน และจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น!”ลมหายใจของเฉินซิ่วน่าสะดุดไป ในเวลานี้เย่ซิวช่างเปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสีทองเจิดจ้าแสบตา ทำให้เธอไม่กล้ามองตรงไปที่เขาเหตุผลที่เย่ซิวมีความคิดเช่นนี้ ก็เพราะเขาได้รับแหวนผนึกสิ่งของบนภูเขาเตี้ยลูกนั้นมาในเมื่อที่นั่นมีสมบัติที่ผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนทิ้งไว้ ที่อื่น ๆ ก็อาจจะมีสมบัติอยู่เช่นกันไม่แน่ว่าอาจมีที่ไหนสักแห่งที่มีถ้ำส
เสื้อผ้าบนผิวกายค่อย ๆ หายไปทีละชิ้น มองเห็นไปถึงเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายใน ซึ่งได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกันร่างกายของเฉินซิ่วน่าเกร็งขึ้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกราวกับว่าความลับทั้งหมดของตัวเองกำลังถูกล่วงรู้เข้าให้แล้วแต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวพูดว่า "ไปเตรียมถังใบใหญ่ เผาฟืนข้างใต้ เสร็จแล้วเรียกผม"เฉินซิ่วน่าไม่ได้ถามเหตุผล รีบลงไปจัดเตรียมในทันทีเย่ซิวกลับใช้โอกาสนี้กดหมายเลขโทรศัพท์ของถังต้าไห่“เจ้าสำนัก มีอะไรจะสั่งการเหรอครับ?”“นายมีเส้นสายในประเทศหยวนไหม?” เย่ซิวถามอย่างตรงไปตรงมา“ประเทศหยวน...ผมรู้จักเศรษฐีอันดับหนึ่งของพวกเขานะ พอดีเคยช่วยชีวิตหลานชายของเขาไว้ และอีกฝ่ายก็ยังติดค้างหนี้บุญคุณของผมอยู่”“ถ้างั้นก็พอดีเลย นายติดต่อเขาที บอกว่าฉันต้องการลงทุนในประเทศหยวน ขอให้เขาช่วยออกหน้าจัดการสักหน่อย ลดขั้นตอนการดำเนินการอะไรลงให้มากที่สุด ให้เหลือสักสองวันวันที่สามเริ่มทำการก่อสร้าง ยิ่งเร็วยิ่งดี สำหรับที่อยู่ ฉันจะส่งให้นายทางมือถือทีหลัง”ถังต้าไห่ยิ้มและพูดว่า "เจ้าสำนักวางใจได้เลยครับ ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศหยวน มีความ
“โฮ่ง ๆ ๆ…”ทันใดนั้น ก็มีฝูงหมาป่ามากมายโผล่มานอกหมู่บ้าน!แววตาแต่ละตัวเปล่งประกายเย็นเยียบและเต็มไปด้วยความดุดัน บนหลังของหมาป่าแต่ละตัวมีร่างคนเถื่อนที่แต่งกายด้วยหนังสัตว์นั่งอยู่ คนเถื่อนเหล่านี้สะพายธนูไว้ที่หลัง มือถือปืนโบราณแบบพื้นบ้าน อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายผู้หญิงในหมู่บ้านต่างพากันอุ้มลูกหลบเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหยิบอาวุธที่มีออกมาเตรียมพร้อมรับมือหมาป่าตัวหนึ่งที่ดูแข็งแกร่งกว่าตัวอื่นก้าวออกมา บนหลังของมันมีชายคนหนึ่งนั่งตระหง่านอยู่ แววตาเต็มไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม เขาจ้องมองผู้หญิงในหมู่บ้านอย่างดูถูกดูแคลน ก่อนจะยิ้มเยาะ “เฉินซิ่วน่าอยู่ไหน? ให้เธอออกมาซะดี ๆ!”หนึ่งในผู้ช่วยของเฉินซิ่วน่าก้าวออกมา ก่อนจะตะโกนถามอย่างไม่พอใจ “อาโม่เค่อ แกคิดจะทำอะไร!”ชายที่ถูกเรียกว่าอาโม่เค่อจ้องมองผู้หญิงในหมู่บ้านทีละคนด้วยสายตาหื่นกระหาย พลางเอ่ย “ฉันก็จะมากำราบพวกเธอน่ะสิ!”ผู้ช่วยของเฉินซิ่วน่าหัวเราะเยาะ “แกคงลืมไปแล้วสินะว่าเคยพ่ายแพ้ให้พวกเราไปตั้งกี่ครั้งแล้ว!”อาโม่เค่อหัวเราะลั่น “นั่นมันอดีต แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว พวกแกออกมาได้!”ก็มีคนกลุ่มใหญ่อ
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ