เด็กหญิงคนหนึ่งถือไม้กวาดกระหน่ำฟาดใส่หลังทหารรับจ้างคนหนึ่งทหารรับจ้างคนนั้นกำลังจับทหารหญิงคนหนึ่งไว้“ไอ้ตัวน่ารำคาญ แกอยากตายนักใช่ไหม!” ชายคนนั้นชักมีดสั้นจากเอวแล้วปามันออกไปมีดสั้นแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว เด็กหญิงไม่สามารถหลบมันได้เลย เมื่อเห็นว่าชีวิตของเด็กคนนั้นกำลังจะพบจุดจบ ทันใดนั้น มือเรียวยาวแต่ทรงพลังพลันปรากฏขึ้นคว้ามีดสั้นไว้อย่างฉิวเฉียดทหารรับจ้างคนนั้นชะงักไปชั่วครู่ ก่อนเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้างดงามยิ่งกว่าหญิงสาวเสียอีก ดวงตาเขาเปล่งประกายลุกวาวขึ้นในทันที“ฮ่า ๆ ๆ ไม่นึกว่าจะมีผู้ชายที่งดงามแบบนี้ ฉัน…”เย่ซิวไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดจบ มีดในมือเขาถูกส่งคืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งทะลุศีรษะอีกฝ่าย สีหน้าเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง อุณหภูมิรอบข้างลดลงจนเย็นยะเยือกน่ากลัว ธนูน้ำแข็งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะทีละเล่ม ก่อนจะพุ่งไปตามที่เขาต้องการใส่เหล่าทหารรับจ้างหมาป่าตัวหนึ่งที่กำลังจะฆ่าเด็กหญิงอีกคน แต่ธนูน้ำแข็งก็พุ่งเข้ามาแช่แข็งทั้งตัวหมาป่าและทหารบนหลังจนแข็งทื่อร่วงกระแทกพื้นเย่ซิวก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกพื้นที่ที่เขาเหยียบย่างเต็มไปด้วยความตา
เย่ซิวปล่อยพลังออกมาบางส่วนแค่พอทำให้อาโม่เค่อและหัวหน้ากองกำลังหมีสงครามได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นจากนั้นเขาก็หันไปมองเฉินซิ่วน่า “หมายความว่ายังไง?”เฉินซิ่วน่ารีบตอบอย่างรีบร้อน “บรรพบุรุษของอาโม่เค่อมีสมบัติล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง เชื่อกันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค หลายคนต่างรู้เรื่องนี้ดีค่ะ”“อ๋อ?” เย่ซิวหันไปจ้องมองอาโม่เค่อด้วยความสนใจ “บอกมาสิ ว่าสิ่งนั้นอยู่ที่ไหน”อาโม่เค่อไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอยู่ใกล้ความตายขนาดนี้มาก่อน ความโอหังในอดีตมลายหายไปหมดสิ้น สิ่งที่คิดได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือจะเอาตัวรอดยังไงเขาเอ่ยถามเสียงสั่น “ถ้าผมยอมมอบให้ คุณจะปล่อยผมไปไหม?”“ตกลง” เย่ซิวพยักหน้าหัวหน้ากองกำลังหมีสงครามที่อยู่ด้านข้างรีบก้มกราบขอความเมตตาจากเย่ซิวด้วยเช่นกัน เย่ซิวปรายตามองเขา “บอกมาสิว่าแกมีค่าอะไร”“ผะ...ผมมีห้าร้อยล้านเหรียญจ้านอิงในธนาคารยูนิเวิร์ส ผมยกให้คุณทั้งหมด!”เหรียญจ้านอิงเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับเหรียญหลงเถิงอยู่ที่หนึ่งต่อสาม เย่ซิวจึงให้เลขบัญชีธนาคารยูนิเวิร์สของเขา “โอนมาสิ”หัวหน้ากองกำลังหมีสงครามเอ
เย่ซิวสูดลมหายใจลึก กลิ่นสุราหอมกรุ่นอบอวลชวนให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วร่าง แถมพลังวิญญาณในตัวยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยและสุรานี้ยิ่งเห็นผลชัดกว่าเดิมกับตัวอาโม่เค่อแผลบนแขนเขาสมานตัวรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดด้วยความเดือดพล่านในใจ ข้างในนั้นต้องมีสิ่งที่หายากและไม่มีใครเทียบได้ ถ้าหากตนได้กินเข้าไป อาจจะทำให้แข็งแกร่งเหมือนชายคนนี้ก็เป็นได้เย่ซิวลองดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง สุราหอมหวานแผ่กระจายทั่วทั้งปาก เต็มไปด้วยรสชาติของรสสัมผัส ทุกส่วนของร่างกายรู้สึกเหมือนถูกห้อมล้อมด้วยเตาไฟ พร้อมกับความรู้สึกมึนเมาและล่องลอยไปในอากาศแค่การดื่มเพียงอึกเดียวกลับประหยัดเวลาฝึกฝนไปได้สี่ถึงห้าเดือนเลยทีเดียว!เย่ซิวกัดนิ้วหยดเลือดเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ข้อมูลมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในหัว ทำให้เขารู้วิธีใช้สมบัติเวทมนตร์นี้ทันที ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถนำสิ่งของที่มีพลังงานต่าง ๆ เช่น สมุนไพร งูพิษ และอื่น ๆ ใส่เข้าไปได้ จากนั้นเมื่อผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง น้ำสุราก็จะอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณสุราชนิดนี้มีสรรพคุณอันทรงพลัง ช่วยเสริมกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้มีอายุยืนย
“ขอขอบคุณท่านผู้มีพระคุณ พวกเราจะไม่มีวันลืมพระคุณนี้เลยตลอดชีวิต”ผู้หญิงในหมู่บ้านทั้งหมดคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งวางแนบอก แสดงความเคารพสูงสุดแก่เย่ซิว สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้และศรัทธาอย่างแรงกล้า หากเย่ซิ่วจะขอให้พวกเธอมาปรนนิบัติในคืนนี้ก็คงไม่มีใครขัดขืนต้องรู้ไว้ว่าก่อนหน้านี้ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างรังเกียจและเกลียดชังผู้ชายจากข้างนอกอย่างมาก หากพบเจอเมื่อไรก็คิดจะฆ่าทิ้งเสียทุกครั้งเย่ซิวเผยสีหน้าอ่อนโยน ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้น “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ สองกองทหารรับจ้างนั้นถูกกำจัดไปหมดแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีสิ่งใดมาคุกคามความปลอดภัยของพวกเธออีก”หญิงสาวในหมู่บ้านต่างลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเฉินซิ่วน่าที่มองเย่ซิวด้วยแววตาที่แฝงความรู้สึกบางอย่างที่ลึกซึ้งมากขึ้นจังหวะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์จากถังต้าไห่ก็ดังขึ้น“ท่านประมุข ตอนนี้จัดการเรื่องที่ท่านมอบหมายเรียบร้อยแล้วครับ ทางประเทศหยวนยินดีกับการลงทุนของพวกเราอย่างยิ่ง ถึงกับอนุมัติทุกขั้นตอนผ่านช่องทางพิเศษโดยตรงเลย”“อืม” เย่ซิวพยักหน้า “ให้รีบส่งคนมาทันที นอกจากทีมงานก่อสร้างแล้ว
เย่ซิวเปิดหน้าต่าง จากนั้นกระบี่หงส์โบยบินพลันพุ่งทะยานออกไป เขากระโดดอีกครั้งเพื่อขึ้นไปยืนบนตัวกระบี่ เย่ซิวเปลี่ยนกระบวนท่ากระบี่พร้อมกับเอ่ยเสียงต่ำว่า “กระบี่จงบิน!”กระบี่หงส์โบยบินพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะทิ้งเส้นโค้งงดงามไว้ในยามค่ำคืนสายลมกรรโชกใส่ใบหน้า ทิวทัศน์เบื้องล่างพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวใช้คาถาล่องหน เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ถูกดาวเทียมจับภาพได้เขาบินด้วยความเร็วเต็มพิกัด เร็วทะลุความเร็วเสียงไปอย่างง่ายดายหากมีการสู้รบระหว่างสองกองทัพ เขาสามารถพุ่งทะลวงเข้าโจมตีแนวรบศัตรูได้โดยที่ฝ่ายตรงข้ามอาจไม่มีเวลาตั้งตัวเย่ซิวรู้สึกได้ถึงความฮึกเหิมที่แผ่ซ่านออกมาจากใจเขาสามารถท่องเที่ยวไปทุกหนแห่งในโลกใบนี้อย่างอิสระได้ตามใจปรารถนา!หลังจากสัมผัสชีวิตเซียนกระบี่โบราณไปสักพักหนึ่ง เย่ซิวก็กลับสู่ที่พักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เย่ซิวใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนวิชายุทธ์กระบี่ล่องลอยและเรียนรู้วิชาต่าง ๆมีหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากเช่นวิชาสมานบาดแผลที่บางครั้งก็แสดงผลลัพธ์ได้อย่างน่าทึ่ง โดยสามารถหยุดเลือดได้ภายในไม่กี่วินาทียังมีวิช
หญิงสาวและเด็ก ๆ ในหมู่บ้านต่างรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นผู้คนแต่งตัวภูมิฐานมากมายชายชราผู้หนึ่งที่ดูมั่งคั่งที่อยู่ไกลออกไปนั้น พวกเธอเคยเห็นเขาผ่านจอโทรทัศน์ขาวดำในเมืองตอนที่ไปตลาดนั่นคือมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศหยวนนี่นา!สำหรับพวกเธอแล้ว เขาคือคนที่อยู่บนจุดสูงสุดที่ยากจะเอื้อมถึงและคนที่สามารถพูดคุยหัวเราะกับมหาเศรษฐีอย่างสนิทสนมได้ ก็น่าจะมีสถานะพอ ๆ กับเขาหรือเปล่า? และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พวกเธอก็ดูไร้ค่าไปเลย จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไม่นานนัก ความตึงเครียดของพวกเธอก็เพิ่มขึ้นทันทีชายชราที่คุยและหัวเราะกับมหาเศรษฐีกำลังเดินตรงมาทางนี้ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังเย่ซิวและโค้งคำนับ “ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะครับท่านประมุข!” ภายใต้สายตาที่ไม่อยากเชื่อของพวกเธอชายชราที่ดูเหมือนจะมีฐานะเทียบเท่ากับมหาเศรษฐีกลับโค้งคำนับให้ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงเพียงไม่กี่วัน นั่นหมายความว่าสถานะและอำนาจของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่ามหาเศรษฐีอีกเหรอ?!หลิวซื่อถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะส่ายหัวสุดแรงด้วยความสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า ชายชราที่เขาต้องระแวดระวังทุกฝีก้าว กลับแสดงความเคารพต
หลังจากที่ได้รู้จักกับเฉินซิ่วน่าได้ไม่นาน เย่ซิวก็ได้ครอบครองสมบัติเวทมนตร์ที่สุดยอดอย่างน้ำเต้าเมามายแล้วหลิวซื่อเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงหันไปมองถังต้าไห่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เมื่อกี้หากถังต้าไห่ไม่เตือนเขาไว้ก่อน บัลลังก์เศรษฐีอันดับหนึ่งของเขาคงไม่ปลอดภัยอีกต่อไปกล่องหลายใบถูกยกมาวางเรียงราย จากนั้นเย่ซิวก็เดินเข้าไปเปิดดูภายในมีทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันฝรั่งทอด ขนมเส้นเผ็ด และขนมขบเคี้ยวอื่น ๆนอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้า รองเท้า แชมพู และสบู่อีกด้วยของเหล่านี้ถือว่าเป็นของธรรมดาทั่วไปในประเทศหลงเถิง แต่สำหรับที่นี่ หลายคนอาจไม่มีโอกาสได้ใช้แม้จะเป็นปีละครั้งก็ตามเย่ซิวหันไปเอ่ยกับเฉินซิ่วน่า “เอาของพวกนี้ไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้เลย”เฉินซิ่วน่ามองของในกล่องด้วยความดีใจและตื้นตันใจเหล่าผู้หญิงและเด็กในหมู่บ้านเมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ ก็ส่งเสียงเฮลั่นด้วยความยินดีพวกผู้หญิงมองเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่อย่างไม่วางตา ส่วนเด็ก ๆ ก็ตาลุกวาวกับขนมตรงหน้า แต่ไม่มีใครเข้ามาแย่งกัน ทุกคนเพียงแค่ยืนมองเท่านั้นเฉินซิ่วน่าให้คนช่วยแจกจ่ายของออกไป ส่วนคนท
เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอ เขาเพียงแค่อยากพิสูจน์ว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเฉินซิ่วน่ามีท่าทีเขินอายอย่างหาได้ยาก แต่ก็ยังดูมีความกล้ากว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย เธอพยักหน้าและตอบรับ “ค่ะ”ตกดึกคืนนั้น ทั้งสองก็นอนอยู่ในห้องเดียวกันเฉินซิ่วน่ารู้สึกตื่นเต้น แต่ทว่าเย่ซิวเพียงแค่จับมือเธอเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากกว่านั้นซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมา‘ทำไมคุณเย่นิ่งขนาดนี้ล่ะ หรือว่าเขารังเกียจฉัน? แล้วเขาจะให้ฉันมาอยู่กับเขาทำไม? หรือว่าเขาอยากให้ฉันเป็นฝ่ายรุกก่อน?’ในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็กำลังสังเกตโชคชะตาของทั้งสอง ตอนนี้มันเริ่มเกี่ยวพันกันทีละเล็กละน้อยและค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเติบโตจริง ๆและมันก็ไม่ใช่การเติบโตแบบแย่งชิง หากแต่เป็นการเติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุลมันต้องมีความหมายอะไรแน่เย่ซิวไม่เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังมากนัก แต่สำหรับเขาแล้วก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฉินซิ่วน่าดูยุกยิกเล็กน้อย จึงเอ่ยขึ้นว่า “ดึกแล้ว นอนได้แล้วล่ะ”เฉินซ
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ