ภายในนั้นคือหยกสีแดงเลือดที่มีรูปทรงขรุขระ!“หรือว่า…” เซี่ยซิ่วซิ่วมองหัวหน้าคนงานอย่างไม่อยากเชื่อหัวหน้าคนงานหยิบไฟฉายพลังงานสูงที่พกติดตัวมาส่องลงไปในหลุมลึก “คุณลองดูครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วโน้มตัวมองลงไปด้านล่างสายตาเธอในตอนนี้ดีมาก ทำให้สามารถเห็นร่องรอยของแร่หยกที่ถูกขุดขึ้นมาได้อย่างชัดเจนด้านล่างนี้กลับมีเหมืองหยกซ่อนอยู่!เซี่ยซิ่วซิ่วตระหนักได้ทันทีว่านี่คือเรื่องใหญ่ จึงหันไปถามหัวหน้าคนงานว่า “มีคนรู้เรื่องนี้กี่คน?”“รวมผมด้วยก็มีทั้งหมดสิบสามคนครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้า “โอเค เรียกทุกคนให้มาที่นี่”หัวหน้าคนงานรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พาทุกคนที่รู้เรื่องมารวมตัวกันเซี่ยซิ่วซิ่วไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเอ่ยขึ้นมาตรง ๆ เลยว่า“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ห้ามให้หลุดออกไปเป็นอันขาด นับตั้งแต่นี้ต่อไป พวกนายทั้งสิบสามคนจะต้องถูกแยกตัว และห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อเรื่องนี้จัดการเสร็จเรียบร้อย ทุกคนจะได้รับค่าชดเชยคนละห้าสิบล้าน!” หลาย ๆ คนในที่นี้พอได้ยินว่าต้องถูกแยกตัวก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อได้ยินว่ามีค่าตอบแทนถึงห้าสิบล้าน ความไม่พอใ
เหมืองที่สามารถก่อเกิดหยกโลหิตได้ ย่อมต้องมีพลังวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์อยู่ภายในถึงขั้นที่ว่าอาจมีโอกาสขุดพบศิลาวิญญาณในนั้นอีกด้วยเย่ซิวไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงแค่บอกให้เซี่ยซิ่วซิ่วเพิ่มกำลังคนเพื่อคุ้มกันพื้นที่นั้น และเขาจะรีบกลับไปโดยเร็วหลังจากวางสาย เย่ซิวก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เขานำขวดน้ำเต้าเมามายจากจุดตันเถียนขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันใดนั้น ร่างกายก็รู้สึกอบอุ่น พลังในร่างกายได้รับการหลอมรวมและเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณหล่อเลี้ยงตันเถียนถึงแม้พลังวิญญาณในตันเถียนจะเต็มแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทะลวงขั้นต่อไปได้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงชั้นพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น จำเป็นต้องใช้เวลาและแรงกดดันอย่างมหาศาลเพื่อทะลวงข้ามผ่านมันไปเขาเก็บน้ำเต้า จากนั้นจึงลงจากเขามายังพื้นที่ก่อสร้างคนของประเทศหลงเถิงทำงานได้อย่างรวดเร็วดีมากเพียงไม่กี่วันก็สร้างฐานรากเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้เหล่าคนงานเริ่มประกอบตัวบ้านกันแล้วการก่อสร้างบ้านนี้ไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิม แต่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติขนส่งจะนำชิ้นส่วนที่ประกอบเสร็จจากโรงงานมา ที่เหลือเพียงแค่ประกอบง่าย ๆ ก็สามารถใช้งานได้แล้วคุณสมบัติทนทาน
นอกจากนี้ เงินที่เหลือยังสามารถใช้ซื้ออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงเพื่อสร้างความน่าเกรงขามได้อีกด้วยเฉินซิ่วน่ารู้สึกใจหาย “คุณเย่จะไปแล้วเหรอคะ?”เย่ซิวพยักหน้า “อีกสองวันก็จะไปแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้เสมอนะ”เฉินซิ่วน่ารู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่แสดงอะไรออก เพียงเอ่ยด้วยความจริงจัง “วางใจได้เลยค่ะ ครั้งหน้าที่คุณกลับมา ที่นี่จะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!”วันถัดมาตอนเที่ยง บ้านหลังแรกก็สร้างเสร็จเรียบร้อยหลังคาบ้านติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ น้ำที่ใช้ในบ้านก็มาจากน้ำพุบนภูเขาเฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว และข้าวของต่าง ๆ ในบ้านก็ถูกขนส่งมาจากประเทศหลงเถิงค่าใช้จ่ายทั้งหมดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เย่ซิวได้รับมาแล้ว ถือเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้นผู้หญิงและเด็ก ๆ ในหมู่บ้านต่างพากันยืนมองบ้านทันสมัยที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันด้วยความตะลึงงันแต่ละคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ไม่กล้าก้าวเข้าไป กลัวจะทำให้ของข้างในสกปรกเย่ซิวหัวเราะ “ไม่ต้องเกรงใจนะ นี่เป็นบ้านของพวกเธอแล้ว เลือกห้องของตัวเองได้ตามหมายเลขบ้านที่ได้รับเลย”เฉินซิ่วน่าก็พูดเสริมอีกคำ เหล่าคนในหมู่บ้านจึงพากันร้อง
บนเครื่องบินจากประเทศหยวนมุ่งสู่ประเทศหลงเถิงเย่ซิวนั่งที่นั่งเฟิร์สคลาส พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพงหญ้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน…ด้วยใบหน้าที่ปรากฏความอิ่มเอมใจเขากลับมาเพียงลำพัง โดยปล่อยให้ถังต้าไห่คอยดูแลสถานการณ์ที่นั่น ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ถังต้าไห่ทำงานได้ดีมาก เย่ซิวจึงให้รางวัลเขาด้วยโอสถเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาสามารถช่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแต่สิ่งที่เย่ซิวคาดไม่ถึงเลยก็คือ การเดินทางมาประเทศหยวนในครั้งนี้และการบ่มเพาะเฉินซิ่วน่าในช่วงเวลาสั้น ๆ จะกลายเป็นความประหลาดใจที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต“หืม ตรงนี้มีคนอื่นอยู่ด้วยเหรอ!” ชายหนุ่มที่แต่งตัวจัดจ้าน ผมสีฉูดฉาด เจาะหู สวมแจ็กเกตหนัง ท่าทางหยิ่งยโสได้เดินเข้ามาเมื่อเห็นเย่ซิว ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที เขาเดินตรงเข้ามาหาเย่ซิว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจว่า “คนอย่างพวกนายนี่น่ารำคาญจริง ๆ ไปไหนก็เจอทุกที่ รีบไสหัวไปซะ อย่ามาขวางทางฉัน!”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณจำคนผิดแล้วล่ะ”อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ “ยังจะเถียงอีก พวกแฟนคลับคลั่งแบบนี้น่ารังเกียจสิ้นดี!”แววตาเย่ซิวฉายแววเย
“บริษัทสตาร์รี่สกาย?” เย่ซิวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วแน่นใครกันนะที่คิดจะจ้างคนอย่างหมอนี่มาเป็นพรีเซนเตอร์?ท่าทีที่เย่ซิวแสดงออก ทำให้หลี่คุนนึกว่าเขากำลังกลัวเขาเริ่มยิ้มเยาะอย่างได้ใจ “เริ่มกลัวแล้วสินะ ถ้ากลัวแล้วก็รีบไสหัวไปซะ แล้วฉันจะเมตตายอมปล่อยแกไปสักครั้ง”เย่ซิวส่ายหน้า “นายไม่จำเป็นต้องไปบริษัทสตาร์รี่สกายหรอก เพราะบริษัทคงไม่จ้างคนอย่างนายเป็นพรีเซนเตอร์แน่ ๆ”หลี่คุนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “นายล้อฉันเล่นอยู่หรือเปล่า? คิดว่าตัวเองเป็นใคร หรือว่าคิดว่าตัวเองเป็นประธานของบริษัทสตาร์รี่สกายกันล่ะ!”เย่ซิวพยักหน้าอย่างจริงจัง “นายเดาถูกแล้ว ฉันเป็นประธานบริษัท”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”หลี่คุนและพนักงานต้อนรับหัวเราะไม่หยุด สายตาพวกเขามองเย่ซิวราวกับมองคนบ้าผ่านไปสักพัก หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว หลี่คุนก็เชิดหน้าเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ดูสารรูปนายสิ แต่งตัวกระจอกขนาดนี้ ทั้งตัวรวมกันคงไม่เกินห้าพันหรอกถ้านายเป็นประธานของบริษัทสตาร์รี่สกายล่ะก็ ฉันจะคุกเข่าลงเลียรองเท้าให้นายตรงนี้เลย!”พนักงานต้อนรับหยุดหัวเราะก่อนจะส่งเสียงเตือน “คุณคะ นี่เป็นคำถามครั้
ด้านนอกสนามบินเมืองหลวงมีกลุ่มคนมากมายกำลังเบียดเสียดกันอยู่พวกเขาถือป้ายหลากสีพร้อมข้อความที่คล้าย ๆ กันเขียนไว้ว่า‘คุนคุน ฉันรักคุณ’‘คุนคุนเจ๋งที่สุด’‘คุนคุนมีพรสวรรค์ล้นเหลือ’……ทางสนามบินจึงต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากมาควบคุมความสงบเรียบร้อยและที่ห้องรับรองวีไอพีของสนามบิน อวี่เฟยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นเธอไม่ได้มาที่นี่เพราะหลี่คุน แต่บังเอิญต้องมาตรวจสอบสายการบินของบริษัทที่เธอถือหุ้นพอดีใช่แล้ว เที่ยวบินที่หลี่คุนนั่งมาเป็นของสายการบินที่อวี่เฟยเฟยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เธอกวาดตาดูผลประกอบการของสายการบินก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจจากนั้นก็หันไปมองทางประตูพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนพวกนั้นบ้ากันเกินไปแล้ว”ผู้จัดการสนามบินยิ้มเจื่อน “ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ตอนนี้รสนิยมของคนทั่วไปบิดเบือนไปมากไม่ชอบผู้ชายที่มีความเป็นชายแท้แล้ว แต่กลับชอบผู้ชายที่ดูนุ่มนวลแทน”อวี่เฟยเฟยส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างไม่อยากใส่ใจอะไรมากไปกว่านั้นเครื่องบินลงจอดแล้วประตูเครื่องเปิดออก เย่ซิวลุกขึ้นยืนและก้าวออกไปด้านนอกทันทีที่ออกไป เขาก็เห็นกลุ่มแฟนคลับมากมายด้านนอกกำลังต
ผู้จัดการมีสีหน้ามืดครึ้ม เบี่ยงตัวไปด้านข้างและพูดว่า "ท่านนี้คือประธานอวี่ เธอได้ยินเรื่องของคุณ ก็เลยมาที่นี่ด้วยตนเอง"แอร์โฮสเตสตกใจมาก เมื่อเธอเห็นอวี่เฟยเฟยยังเด็กมากขนาดนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสงสัยว่าเธอเกาะผู้ชายจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไรก็ตาม เธอไม่กล้าที่จะแสดงออกผ่านสีหน้า และแสร้งทำเป็นรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง "ขอบคุณบอสที่ตัดสินใจแทนฉัน"อวี่เฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เธอโอเคไหม?"แอร์โฮสเตสส่ายหัวของเธออวี่เฟยเฟยถามว่า "คนลามกนั่นอยู่ที่ไหน พาฉันไปดูหน่อย ถ้าเป็นเรื่องจริงเขาต้องชดใช้!"แอร์โฮสเตสก้าวออกไปและชี้ไปที่เย่ซิวซึ่งอยู่ในระยะไกล "คนนั้นแหละค่ะ"อวี่เฟยเฟยมองไปยังทิศทางที่นิ้วของเธอชี้ ฉับพลันร่างกายอันชดช้อยของเธอก็สั่นสะท้าน จากนั้นเธอก็จ้องมองแอร์โฮสเตสด้วยสีหน้าน่าเกลียด "เธอแน่ใจเหรอ?"แอร์โฮสเตสไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยผิดปกติไป และพูดอย่างหนักแน่นว่า "เป็นเขาค่ะ เขานี่แหละที่พยายามจะลวนลามฉันบนเครื่องบินยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดอย่างไร้ยางอายด้วยว่าเขาเป็นประธานบริษัทสตาร์รี่สกาย น่าขำจริง ๆ”อวี่เฟยเฟยกำหมัดของเธอแน่นใ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายประธาน เป็นหลี่คุน หลี่คุนต่างหากที่ขู่ให้ฉันทำเช่นนี้!”เมื่อต้องเผชิญกับการเลือกระหว่างไอดอลและอนาคตของตัวเอง แอร์โฮสเตสตัดสินใจเลือกอนาคตของเธออย่างไม่ลังเลหลี่คุนตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงชายที่เขาเยาะเย้ยเมื่อกี้นี้ มีภูมิหลังที่น่ากลัวเช่นนี้เลยเหรอ?เขาอยากที่จะตบตัวเองสักสองครั้งหลังจากได้ยินสิ่งที่แอร์โฮสเตสพูด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น "ไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าคุณหวังใช้เต้าไต่ ยัดเยียดตัวเองมาให้ผม ผมไม่ได้ข่มขู่คุณ!"แอร์โฮสเตสโกรธมาก "คุณนั่นแหละที่ข่มขู่ฉัน!"ทั้งสองคนทะเลาะกันหนักเย่ซิวไม่มีเวลามาฟังพวกเขาตะโกนใส่กัน ตัดสินใจ ออกคำสั่งจัดการพวกเขาด้วยคำพูดที่เย็นชาอย่างมากก่อนอื่นเขามองไปที่แอร์โฮสเตส "คุณไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ศีลธรรมต่ำตม บริษัทขอยุติการจ้างงานกับคุณนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนอกจากนี้ คุณยังใส่ร้ายผู้อื่น ตามกฎหมายคุณจะต้องถูกจำคุกหนึ่งปีไม่ต้องเล่นลิ้น บนเครื่องบินมีกล้องวงจรปิด แก้ตัวไปก็มีแต่จะทำให้โทษของคุณหนักขึ้นเท่านั้น”ปึก!ขาของแอร์โฮสเตสอ่อนแรง เธอทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าซีดขาว ดูสิ้นหวังมากเย่ซิวมองไปที่หลี่
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ