บนเครื่องบินจากประเทศหยวนมุ่งสู่ประเทศหลงเถิงเย่ซิวนั่งที่นั่งเฟิร์สคลาส พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพงหญ้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน…ด้วยใบหน้าที่ปรากฏความอิ่มเอมใจเขากลับมาเพียงลำพัง โดยปล่อยให้ถังต้าไห่คอยดูแลสถานการณ์ที่นั่น ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ถังต้าไห่ทำงานได้ดีมาก เย่ซิวจึงให้รางวัลเขาด้วยโอสถเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาสามารถช่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแต่สิ่งที่เย่ซิวคาดไม่ถึงเลยก็คือ การเดินทางมาประเทศหยวนในครั้งนี้และการบ่มเพาะเฉินซิ่วน่าในช่วงเวลาสั้น ๆ จะกลายเป็นความประหลาดใจที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต“หืม ตรงนี้มีคนอื่นอยู่ด้วยเหรอ!” ชายหนุ่มที่แต่งตัวจัดจ้าน ผมสีฉูดฉาด เจาะหู สวมแจ็กเกตหนัง ท่าทางหยิ่งยโสได้เดินเข้ามาเมื่อเห็นเย่ซิว ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที เขาเดินตรงเข้ามาหาเย่ซิว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจว่า “คนอย่างพวกนายนี่น่ารำคาญจริง ๆ ไปไหนก็เจอทุกที่ รีบไสหัวไปซะ อย่ามาขวางทางฉัน!”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณจำคนผิดแล้วล่ะ”อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ “ยังจะเถียงอีก พวกแฟนคลับคลั่งแบบนี้น่ารังเกียจสิ้นดี!”แววตาเย่ซิวฉายแววเย
“บริษัทสตาร์รี่สกาย?” เย่ซิวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วแน่นใครกันนะที่คิดจะจ้างคนอย่างหมอนี่มาเป็นพรีเซนเตอร์?ท่าทีที่เย่ซิวแสดงออก ทำให้หลี่คุนนึกว่าเขากำลังกลัวเขาเริ่มยิ้มเยาะอย่างได้ใจ “เริ่มกลัวแล้วสินะ ถ้ากลัวแล้วก็รีบไสหัวไปซะ แล้วฉันจะเมตตายอมปล่อยแกไปสักครั้ง”เย่ซิวส่ายหน้า “นายไม่จำเป็นต้องไปบริษัทสตาร์รี่สกายหรอก เพราะบริษัทคงไม่จ้างคนอย่างนายเป็นพรีเซนเตอร์แน่ ๆ”หลี่คุนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “นายล้อฉันเล่นอยู่หรือเปล่า? คิดว่าตัวเองเป็นใคร หรือว่าคิดว่าตัวเองเป็นประธานของบริษัทสตาร์รี่สกายกันล่ะ!”เย่ซิวพยักหน้าอย่างจริงจัง “นายเดาถูกแล้ว ฉันเป็นประธานบริษัท”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”หลี่คุนและพนักงานต้อนรับหัวเราะไม่หยุด สายตาพวกเขามองเย่ซิวราวกับมองคนบ้าผ่านไปสักพัก หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว หลี่คุนก็เชิดหน้าเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ดูสารรูปนายสิ แต่งตัวกระจอกขนาดนี้ ทั้งตัวรวมกันคงไม่เกินห้าพันหรอกถ้านายเป็นประธานของบริษัทสตาร์รี่สกายล่ะก็ ฉันจะคุกเข่าลงเลียรองเท้าให้นายตรงนี้เลย!”พนักงานต้อนรับหยุดหัวเราะก่อนจะส่งเสียงเตือน “คุณคะ นี่เป็นคำถามครั้
ด้านนอกสนามบินเมืองหลวงมีกลุ่มคนมากมายกำลังเบียดเสียดกันอยู่พวกเขาถือป้ายหลากสีพร้อมข้อความที่คล้าย ๆ กันเขียนไว้ว่า‘คุนคุน ฉันรักคุณ’‘คุนคุนเจ๋งที่สุด’‘คุนคุนมีพรสวรรค์ล้นเหลือ’……ทางสนามบินจึงต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากมาควบคุมความสงบเรียบร้อยและที่ห้องรับรองวีไอพีของสนามบิน อวี่เฟยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นเธอไม่ได้มาที่นี่เพราะหลี่คุน แต่บังเอิญต้องมาตรวจสอบสายการบินของบริษัทที่เธอถือหุ้นพอดีใช่แล้ว เที่ยวบินที่หลี่คุนนั่งมาเป็นของสายการบินที่อวี่เฟยเฟยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เธอกวาดตาดูผลประกอบการของสายการบินก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจจากนั้นก็หันไปมองทางประตูพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนพวกนั้นบ้ากันเกินไปแล้ว”ผู้จัดการสนามบินยิ้มเจื่อน “ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ตอนนี้รสนิยมของคนทั่วไปบิดเบือนไปมากไม่ชอบผู้ชายที่มีความเป็นชายแท้แล้ว แต่กลับชอบผู้ชายที่ดูนุ่มนวลแทน”อวี่เฟยเฟยส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างไม่อยากใส่ใจอะไรมากไปกว่านั้นเครื่องบินลงจอดแล้วประตูเครื่องเปิดออก เย่ซิวลุกขึ้นยืนและก้าวออกไปด้านนอกทันทีที่ออกไป เขาก็เห็นกลุ่มแฟนคลับมากมายด้านนอกกำลังต
ผู้จัดการมีสีหน้ามืดครึ้ม เบี่ยงตัวไปด้านข้างและพูดว่า "ท่านนี้คือประธานอวี่ เธอได้ยินเรื่องของคุณ ก็เลยมาที่นี่ด้วยตนเอง"แอร์โฮสเตสตกใจมาก เมื่อเธอเห็นอวี่เฟยเฟยยังเด็กมากขนาดนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสงสัยว่าเธอเกาะผู้ชายจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไรก็ตาม เธอไม่กล้าที่จะแสดงออกผ่านสีหน้า และแสร้งทำเป็นรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง "ขอบคุณบอสที่ตัดสินใจแทนฉัน"อวี่เฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เธอโอเคไหม?"แอร์โฮสเตสส่ายหัวของเธออวี่เฟยเฟยถามว่า "คนลามกนั่นอยู่ที่ไหน พาฉันไปดูหน่อย ถ้าเป็นเรื่องจริงเขาต้องชดใช้!"แอร์โฮสเตสก้าวออกไปและชี้ไปที่เย่ซิวซึ่งอยู่ในระยะไกล "คนนั้นแหละค่ะ"อวี่เฟยเฟยมองไปยังทิศทางที่นิ้วของเธอชี้ ฉับพลันร่างกายอันชดช้อยของเธอก็สั่นสะท้าน จากนั้นเธอก็จ้องมองแอร์โฮสเตสด้วยสีหน้าน่าเกลียด "เธอแน่ใจเหรอ?"แอร์โฮสเตสไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยผิดปกติไป และพูดอย่างหนักแน่นว่า "เป็นเขาค่ะ เขานี่แหละที่พยายามจะลวนลามฉันบนเครื่องบินยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดอย่างไร้ยางอายด้วยว่าเขาเป็นประธานบริษัทสตาร์รี่สกาย น่าขำจริง ๆ”อวี่เฟยเฟยกำหมัดของเธอแน่นใ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายประธาน เป็นหลี่คุน หลี่คุนต่างหากที่ขู่ให้ฉันทำเช่นนี้!”เมื่อต้องเผชิญกับการเลือกระหว่างไอดอลและอนาคตของตัวเอง แอร์โฮสเตสตัดสินใจเลือกอนาคตของเธออย่างไม่ลังเลหลี่คุนตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงชายที่เขาเยาะเย้ยเมื่อกี้นี้ มีภูมิหลังที่น่ากลัวเช่นนี้เลยเหรอ?เขาอยากที่จะตบตัวเองสักสองครั้งหลังจากได้ยินสิ่งที่แอร์โฮสเตสพูด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น "ไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าคุณหวังใช้เต้าไต่ ยัดเยียดตัวเองมาให้ผม ผมไม่ได้ข่มขู่คุณ!"แอร์โฮสเตสโกรธมาก "คุณนั่นแหละที่ข่มขู่ฉัน!"ทั้งสองคนทะเลาะกันหนักเย่ซิวไม่มีเวลามาฟังพวกเขาตะโกนใส่กัน ตัดสินใจ ออกคำสั่งจัดการพวกเขาด้วยคำพูดที่เย็นชาอย่างมากก่อนอื่นเขามองไปที่แอร์โฮสเตส "คุณไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ศีลธรรมต่ำตม บริษัทขอยุติการจ้างงานกับคุณนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนอกจากนี้ คุณยังใส่ร้ายผู้อื่น ตามกฎหมายคุณจะต้องถูกจำคุกหนึ่งปีไม่ต้องเล่นลิ้น บนเครื่องบินมีกล้องวงจรปิด แก้ตัวไปก็มีแต่จะทำให้โทษของคุณหนักขึ้นเท่านั้น”ปึก!ขาของแอร์โฮสเตสอ่อนแรง เธอทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าซีดขาว ดูสิ้นหวังมากเย่ซิวมองไปที่หลี่
กริ๊งกริ๊งกริ๊ง!ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเบอร์โทรเข้า หัวใจก็เต้นตึก ๆ ตัก ๆ“ฮัลโหล ประธาน คุณโทรหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”จางหลี่ด่ากราดอย่างฉุนเฉียว "ไอ้โง่ ไม่มีสมองหรือไง กล้าไปทำให้บริษัทสตาร์รี่สกายขุ่นเคืองใจซะได้!ตอนนี้ฉันขอแจ้งให้นายทราบอย่างเป็นทางการว่า สัญญาของนายได้ถูกยกเลิกแล้ว!”หลี่คุนตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้วเขาพยายามโทรกลับไป แต่พบว่าโทรไม่ติด และเบอร์ก็โดนบล็อกไปแล้วด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงโทรหาผู้จัดการของเขา จากนั้นฝ่ายนั้นก็รับสายแต่แทนที่จะพูดด้วยความเคารพต่อเขาเหมือนเมื่อก่อน กลับพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบว่า“เป็นบ้าอะไรเนี่ย บริษัทยกเลิกสัญญากับนายไปแล้ว นายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ประตูของบริษัทอีกแม้เพียงครึ่งก้าวและก็อย่าคิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากบริษัทมีอำนาจเหนือคุณเยอะ”หลี่คุนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ผลกระทบในครั้งนี้รุนแรงมากสำหรับเขา จนเขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา“ฉันยังมีแฟนคลับอยู่ยี่สิบล้านคน และยังมีโอกาสคัมแบ็กกลับมา!”ทันทีที่เ
เนื่องจากได้มีการค้นพบเหมืองหินหยกบริเวณนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วจึงได้จัดเตรียมคนจำนวนมากขึ้น จากนั้นอพยพย้ายผู้เช่าในอาคารใกล้เคียงหลายแห่งออกไปโดยให้ย้ายไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น แต่ค่าเช่าก็ยังเหมือนกับที่นี่ เพราะส่วนต่างที่เกินมาบริษัทสตาร์รี่สกายจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าบริษัทสตาร์รี่สกายในปัจจุบันมีรายได้มหาศาลต่อวัน ฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการจ่ายค่าเช่าจำนวนนี้ในไซต์งานก่อสร้าง มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือหลายร้อยคนที่คอยเฝ้าอยู่ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัวตนอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่สถานที่นี้จากในความมืด“วิชาล่องหน!”ชายที่อยู่ในความมืดผู้นั้น ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนคนหนึ่งเขาล่องหนปกปิดกาย จากนั้นเดินผ่านเหล่าจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่เดินไปมาอยู่อย่างชิวๆ เมื่อมาถึงหลุมใหญ่แล้ว จึงกระโดดลงไปเขาร่อนลงไปที่ก้นหลุมอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นฉากตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็แสดงสีหน้าดีใจมาก "ถึงกับเป็น..."......“เยี่ยมมาก ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเย่ซิว เซี
เขย่าสมบัติเวทมนตร์ให้แรง เพื่อทำการฝึกให้เซี่ยซิ่วซิ่วแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตอยู่จำนวนมากแล้วหยกเหล่านี้แทบไม่มีสิ่งเจือปน นับได้ว่ามีคุณภาพสูงสุดใต้ดินนั้นถูกเย่ซิวขุดเป็นทางเดินยาวกว่าสิบเมตรเขาใช้คาถาสร้างเสาหลายต้นรอบ ๆ ตัวเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าทางเดินนี้จะพังทลายลงมาเซี่ยซิ่วซิ่วเช็ดปากของเธอ แล้วเดินตามเย่ซิวไปหลังจากจ่าย 'ค่าตอบแทน' ไปแล้ว เธอก็ได้รู้ว่าเย่ซิวได้ก้าวข้ามจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว และเข้าสู่ระดับผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในตำนานเรื่องนี้ทำให้เธอตกใจและภูมิใจมากยิ่งขึ้นผู้ชายของตัวเองเป็นคนทรงพลังที่สุดในโลกไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบผู้ชายแข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในยีนในสายเลือด“ติ๊ง!”เย่ซิวแทงกระบี่ของเขาไปข้างหน้า แต่คราวนี้เขาเผชิญกับแรงต้าน เสียงที่กระจ่างใสดังออกมาเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ และพบว่าได้ขุดเจอสิ่งที่แตกต่างออกไปแล้วมันเป็นแร่สีแดงเพลิงขนาดประมาณฝ่ามือที่ส่งความร้อนออกมากระบี่หงส์โบยบินในมือของเขาสั่นทันที บังเกิดความรู้สึกเร่งเร้าหัวใจของเย่ซิวไหววูบ เขามองลงไปที่กระบี่หงส์โบยบิน "แกอยากได้หินก้อนนั้น?"
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ