“ฉันผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”“เมื่อกี้คุณยังอวดดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”“ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อวดดีคนหนึ่ง ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ สามี~”“ก็ได้ ครั้งนี้จะยกโทษให้แล้วกัน”เย่ซิวหยุดและนอนลงข้าง ๆ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลู่เสวี่ยเอ๋อร์นอนมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาอบอุ่น ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความสุขและความตื้นตันใจหลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย ในที่สุดเธอก็ได้เป็นของผู้ชายคนนี้โดยสมบูรณ์สักทีไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงอีกกี่คนในอนาคต แต่หยางดั้งเดิมของเขาได้มอบให้กับเธอ นั่นก็เพียงพอแล้วพลังการฟื้นฟูของระดับปรมาจารย์นั้นทรงพลังมากเย่ซิววางแผนที่จะเรียนรู้วิชาที่เหลือในตำราวิชายุทธลับร่างกายของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถูกห่อด้วยผ้าห่ม เหลือเพียงศีรษะที่โผล่อยู่ด้านนอกเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซิวสิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือการได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มเย่ซิวมาที่บ้านอีกหลังหนึ่งเพื่อหยิบตำราวิชายุทธลับออกมาหลังจากทะลวงสู่ช่วงสร้างพื้นฐานแล้ว เขาก็พบว่าความคิดความอ่านของเขาพัฒนาขึ้นมากเช่นกันการเรียนรู้คาถาเหล่านี้ง่ายกว่าเดิมมากวิชาแรกคือวิชาทะลุกำแพง
“เย่ซิว!”สวีอิงอุทานออกมา เขามีสภาพตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเขานึกว่าคงไม่มีใครเป็นพวกของเย่ซิวเย่ซิวนั่งลงและมองไปที่สวีอิงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น "เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?"สวีอิงอยากลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกตาวหวังกดให้คุกเข่าลงสวีอิงทั้งอัดอั้นทั้งโกรธแค้นเด็กหนุ่มที่เขาเคยดูถูกดูแคลน ตอนนี้กลายเป็นคนที่เขาต้องคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมอง“ฮู่ฮู่ฮู่!”เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสงบสติอารมณ์สวีอิงยังคงมีฝีมืออยู่บ้าง สามารถกลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและมองไปที่เย่ซิว"บอกมา แกต้องการอะไร!"สวีอิงต้องการทำให้เย่ซิวใจเย็นลงก่อน จากนั้นค่อยหาทางตอบโต้หลังจากตนเองสะสางปัญหาได้แล้วเย่ซิวไม่ตอบ แต่ถามไปว่า "คุณคิดว่าชีวิตของคุณมีค่าแค่ไหน?"สวีอิงหัวเราะเสียงดัง "ฉันไม่ใช่แมวใช่หมา ถ้าแกกล้าฆ่าฉันอย่างเอิกเกริก แกก็มีราคาที่ต้องจ่ายแน่นอน"เย่ซิวยอมรับว่าเขาพูดถูกตอนนี้สังคมถูกปกครองด้วยกฎหมายมันคงจะดีกว่านี้ถ้าสวีอิงเป็นคนในยุทธภพแต่เขาไม่ใช่ เขาเป็นลูกหลานของตระกูลเศรษฐี ซึ่งใหญ่โตกว่าตระกูลเย่เสียอีกหากเขาถูกฆ่าตอนนี้ ราคาที่เย่ซิวต้องจ่ายคงหนักหน่วงแน่นอนอีกอ
เย่ซิวยิ้ม สองมือไพล่หลัง และทำมือเป็นสัญลักษณ์อย่างเงียบ ๆ แสงประหลาดแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา เสียงของเขาเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เขากำลังร่ายคาถาสะกดจิต“ตระกูลเศรษฐีแบบพวกคุณไม่มีสายสัมพันธ์กับคนในครอบครัวมากนัก”“และตอนนี้คุณก็แทบไม่เหลืออะไรเลย อย่าคิดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอีก คุณจะถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้น คุณจะถูกกระชากลงสวรรค์ตกลงสู่พื้น และจะถูกผู้คนนับไม่ถ้วนดูถูกเหยียดหยามคนที่เคยถูกคุณดูถูกหรือเคยถูกคุณรังแกในอดีตจะกลับเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมคุณนี่คือชีวิตที่คุณต้องการงั้นเหรอ?หากคุณตกลงที่จะร่วมมือกับผม ในอนาคตเมื่อคุณเข้าควบคุมตระกูลสวีได้ ผมสัญญาว่าจะเอาทรัพย์สินออกไปเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นแม้เหลือเพียงครึ่งเดียวก็เพียงพอให้คุณสบายไปทั้งชาติ”ดวงตาของสวีอิงยังคงแสดงถึงความขัดขืนวิชาสะกดจิตไม่ใช่จะได้ผลไปเสียทุกครั้งหากเป้าหมายมีจิตใจที่กล้าแข็งแกร่ง ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ยากมากแน่นอนว่าความแน่วแน่ของสวีอิงอยู่ได้ไม่นานนักวันนี้เขาโดนอัดไปหลายครั้ง บวกกับอาการบาดเจ็บที่มี ความแน่วแน่ของเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนคำพูดของเ
‘เสวี่ยเอ๋อร์บอกฉันว่าเมื่อคืนนายกับเธอ... คนที่สองต้องเป็นฉัน ฉันจะรอนายอยู่ที่โรงแรมเก็นติ้งห้อง ศูนย์แปด เวลาสองทุ่ม แล้วเจอกัน’ เซี่ยซิ่วซิ่วส่งมาถ้าลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นดอกกุหลาบ เซี่ยซิ่วซิ่วก็เป็นดอกเหมยเธอดูบอบบางแต่จริง ๆ แล้วแข็งแกร่งมากสำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เอ่ยปาก เย่ซิวก็ไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่นอนเขายิ้มและส่งข้อความตอบตกลงกับเธอที่บริษัท เซี่ยซิ่วซิ่วทั้งดีใจและกังวลในเวลาเดียวกันหลังจากได้รับคำตอบจากเย่ซิวเธอโทรหาเลขาเพื่อบอกว่าคืนนี้ตนเองจะเลิกงานเร็วเธอต้องการใช้เวลาแต่งตัวและแสดงด้านที่งดงามที่สุดของเธอต่อหน้าเย่ซิว…… “เถ้าแก่ เอาบะหมี่หนึ่งชาม เนื้อผัดซอสหนึ่งจาน แล้วก็ซุปแกะหนึ่งถ้วย เอาแบบพิเศษนะ”เย่ซิวนั่งอยู่ในร้านอาหาร สั่งอาหารแล้วนั่งรอช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขารู้ว่ามีคนแอบสะกดรอยตามมาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้กระโตกกระตากถึงเวลาจะได้รู้จริง ๆ แล้วใครคือคนที่กำลังคิดร้ายอยู่เบื้องหลัง“จะวิ่งไปไหน!”“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”เสียงดังโหวกเหวกมาจากด้านนอกเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนเธออายุราวยี่สิบสามถึงยี่สิบสี่ปี
ผู้หญิงคนนั้นเพิกเฉยต่อเจ้าของร้านและหันไปชื่นชมเย่ซิวแทน "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณ ฉันคงต้องแย่แน่ ๆ เลยค่ะ งั้นให้ฉันเลี้ยงคุณสักมื้อนะคะ"เจ้าของร้านแทบจะกระอักเลือดเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไมเธอถึงไปขอบคุณเจ้าหน้าอ่อนนั่นแทนล่ะ?เย่ซิวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งทักษะการแสดงของผู้หญิงคนนี้จะสมจริงกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ? นี่เกือบจะเทียบเท่ากับนักแสดงหน้าใหม่สมัยนี้แล้วในความเป็นจริง ผู้ชายหลายคนเมื่อเห็นเธอเขาก็ถึงกับเสียสติ จะสนใจอะไรที่ไหนอีก?ไม่เห็นเหรอว่าเจ้าของแผงขายอาหารนี้น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว?เขาส่ายหัว มื้อนี้กินต่อไม่ได้แล้ว เขาจึงลุกออกไปผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแพ้ ไล่ตามเขามา“พี่ชาย เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้เลย ฉันชื่อจางหมินหมิ่น คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”เจ้าของแผงขายอาหารตีอกชกหัวแล้วพูดว่า "โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด หล่อแล้วมันยิ่งใหญ่นักหรือไง"กลิ่นหอมแปลก ๆ โชยมาจากร่างกายของหญิงสาวท่าทีของเย่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าชั่วคราวพลางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น "แล้วคุณคิดจะตอบแทนผมยังไง?"จางหมิ
หน่วยนครหลวงเป็นหน่วยหัวกะทิที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศหลงเถิง และยังติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกของโลกอีกด้วยเย่ซิวรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังปฏิบัติหน้าที่กันแต่น่าแปลกตรงที่จังหวะเวลาที่พวกเขาปรากฏตัวมันบังเอิญเกินไปพอเขา 'ตกอยู่ในอันตราย' คนกลุ่มนี้ก็มาถึงทันทีผู้หญิงที่เป็นผู้นำโบกมือ "พาพวกเขาทั้งหมดกลับไปสอบปากคำ"เย่ซิวหรี่ตาลง ไม่ขัดขืน และปล่อยให้พวกเขาพาตัวไปอยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่กันแน่ตอนนี้เขาสงสัยว่าหน่วยนครหลวงอาจถูกแทรกแซงไปแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแล้วไม่นานเขาก็ถูกนำตัวไปที่ห้องมืดและถูกสอบปากคำเพียงลำพัง"ชื่อ"“เย่ซิว”“ทำไมมันถึงอยู่ในนั้นล่ะ?”“ผู้หญิงที่ชื่อจางหมินหมิ่นล่อลวงผมไปที่นั่น”……อีกฝ่ายเดินออกไปหลังจากถามคำถามอีกหลายสิบข้อหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็เดินกลับเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณไปได้แล้ว ต้องขอบคุณหัวหน้าของเรา ไม่อย่างนั้นนายไม่รอดแน่" เย่ซิวถามว่า "คนนั้นเป็นผู้หญิงใช่ไหม?"อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ หัวของเราไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ เธอย
จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่ชื่อฉีฉูฉู่ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดอยู่ข้าง ๆเธอสวมแจ็กเกตหนังและกางเกงหนัง รูปร่างของเธอน่าทึ่งมาก ส่วนโค้งเว้าบนร่างกายของเธอสมบูรณ์แบบเหนือจะบรรยายเธอถอดหมวกกันน็อกออกแล้วมองเย่ซิวด้วยสีหน้าเย็นชา "ฉันจะไปในเมือง ขึ้นรถสิ"น้ำเสียงนั้นมีกลิ่นอายของอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้เย่ซิวมองดูใบหน้าอันไร้ที่ติของเธอ แล้วจึงเข้าใจทุกอย่างเขาเห็นความคล้ายคลึงของฉีตังกั๋วบนใบหน้าของเธอประกอบกับการที่พวกเขามีนามสกุลเหมือนกัน ความจริงนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยเนื่องจากฉีตังกั๋วไม่สามารถงัดข้อกับเย่ซิวได้ตรง ๆ ดังนั้นเขาจึงใช้กลยุทธ์สาวงาม ต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวที่ใช้วิธีเช่นนี้เข้าหาเขาหากไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งบรรลุและมีพลังจิต เขาอาจถูกหลอก และพัฒนาความรู้สึกต่อฉีฉูฉู่ไปไกลจริง ๆอย่างไรก็ตาม ตอนนี้บทบาทของนักล่าและเหยื่อได้สลับกันแล้วเขายิ้มและขึ้นรถไปโดยไม่ลังเลบึ้น!ฉีฉูฉู่บิดคันเร่ง แล้วมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งออกไป"อ๊าาา!"เย่ซิวจงใจตะโกนออกมา จากนั้นก็ยกสองแขนโอบแขนรอบเอวเรียวนุ่มเด้งของฉีฉูฉู่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย จ
ในวิลล่า ไป๋อวี้เตี๋ยซึ่งถูกทรมานมาหลายเดือน ดูน่าสังเวชเหลือเกินเดิมทีเธออาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แต่ต่อมาอาจารย์ของเธอได้พาเธอมาที่เมืองหลวงเธอได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย เธอคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า "อาจารย์อาเล็ก ปล่อยฉันไปเถอะ"ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก ถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ จากอาจารย์ของเธอ ตอนนี้เธอหมดสภาพจริง ๆแต่แทนที่จะแสดงความเมตตา แต่ในทางกลับกัน เธอยังหัวเราะพร้อมกับดึงไป๋อวี้เตี๋ย "เมื่อคืนนี้อาจารย์อาเล็กคิดเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เธอจะต้องชอบแน่ ๆ"ไป๋อวี้เตี๋ยไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นรน ทำได้เพียงปล่อยให้อาจารย์ของเธอลากเข้าไปในห้องน้ำเธอถูกผลักลงในอ่างอาบน้ำ และอาจารย์ของเธอก็ถือกล่องสองใบมาวางไว้ตรงหน้าภายในกล่องมีตัวหนีบและมีดเล็ก ๆ หลายเล่ม ส่องประกายเย็นวาบภายใต้แสงไฟอีกกล่องหนึ่งมีแมลงสีดำเล็ก ๆ จำนวนมาก ทั้งดูน่าเกลียดและน่ากลัวใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเหมือนคนจิตวิปริต "ฉันจะเฉือนเธอสี่สิบเก้าครั้งแล้วเอาแมลงใส่ลงไปในแผล”“แมลงพวกนี้จะหลั่งสารพิเศษที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนมวลเมฆ พวกมันจะ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ