ผู้หญิงคนนั้นเพิกเฉยต่อเจ้าของร้านและหันไปชื่นชมเย่ซิวแทน "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณ ฉันคงต้องแย่แน่ ๆ เลยค่ะ งั้นให้ฉันเลี้ยงคุณสักมื้อนะคะ"เจ้าของร้านแทบจะกระอักเลือดเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไมเธอถึงไปขอบคุณเจ้าหน้าอ่อนนั่นแทนล่ะ?เย่ซิวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งทักษะการแสดงของผู้หญิงคนนี้จะสมจริงกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ? นี่เกือบจะเทียบเท่ากับนักแสดงหน้าใหม่สมัยนี้แล้วในความเป็นจริง ผู้ชายหลายคนเมื่อเห็นเธอเขาก็ถึงกับเสียสติ จะสนใจอะไรที่ไหนอีก?ไม่เห็นเหรอว่าเจ้าของแผงขายอาหารนี้น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว?เขาส่ายหัว มื้อนี้กินต่อไม่ได้แล้ว เขาจึงลุกออกไปผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแพ้ ไล่ตามเขามา“พี่ชาย เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้เลย ฉันชื่อจางหมินหมิ่น คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”เจ้าของแผงขายอาหารตีอกชกหัวแล้วพูดว่า "โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด หล่อแล้วมันยิ่งใหญ่นักหรือไง"กลิ่นหอมแปลก ๆ โชยมาจากร่างกายของหญิงสาวท่าทีของเย่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าชั่วคราวพลางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น "แล้วคุณคิดจะตอบแทนผมยังไง?"จางหมิ
หน่วยนครหลวงเป็นหน่วยหัวกะทิที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศหลงเถิง และยังติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกของโลกอีกด้วยเย่ซิวรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังปฏิบัติหน้าที่กันแต่น่าแปลกตรงที่จังหวะเวลาที่พวกเขาปรากฏตัวมันบังเอิญเกินไปพอเขา 'ตกอยู่ในอันตราย' คนกลุ่มนี้ก็มาถึงทันทีผู้หญิงที่เป็นผู้นำโบกมือ "พาพวกเขาทั้งหมดกลับไปสอบปากคำ"เย่ซิวหรี่ตาลง ไม่ขัดขืน และปล่อยให้พวกเขาพาตัวไปอยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่กันแน่ตอนนี้เขาสงสัยว่าหน่วยนครหลวงอาจถูกแทรกแซงไปแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแล้วไม่นานเขาก็ถูกนำตัวไปที่ห้องมืดและถูกสอบปากคำเพียงลำพัง"ชื่อ"“เย่ซิว”“ทำไมมันถึงอยู่ในนั้นล่ะ?”“ผู้หญิงที่ชื่อจางหมินหมิ่นล่อลวงผมไปที่นั่น”……อีกฝ่ายเดินออกไปหลังจากถามคำถามอีกหลายสิบข้อหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็เดินกลับเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณไปได้แล้ว ต้องขอบคุณหัวหน้าของเรา ไม่อย่างนั้นนายไม่รอดแน่" เย่ซิวถามว่า "คนนั้นเป็นผู้หญิงใช่ไหม?"อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ หัวของเราไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ เธอย
จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่ชื่อฉีฉูฉู่ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดอยู่ข้าง ๆเธอสวมแจ็กเกตหนังและกางเกงหนัง รูปร่างของเธอน่าทึ่งมาก ส่วนโค้งเว้าบนร่างกายของเธอสมบูรณ์แบบเหนือจะบรรยายเธอถอดหมวกกันน็อกออกแล้วมองเย่ซิวด้วยสีหน้าเย็นชา "ฉันจะไปในเมือง ขึ้นรถสิ"น้ำเสียงนั้นมีกลิ่นอายของอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้เย่ซิวมองดูใบหน้าอันไร้ที่ติของเธอ แล้วจึงเข้าใจทุกอย่างเขาเห็นความคล้ายคลึงของฉีตังกั๋วบนใบหน้าของเธอประกอบกับการที่พวกเขามีนามสกุลเหมือนกัน ความจริงนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยเนื่องจากฉีตังกั๋วไม่สามารถงัดข้อกับเย่ซิวได้ตรง ๆ ดังนั้นเขาจึงใช้กลยุทธ์สาวงาม ต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวที่ใช้วิธีเช่นนี้เข้าหาเขาหากไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งบรรลุและมีพลังจิต เขาอาจถูกหลอก และพัฒนาความรู้สึกต่อฉีฉูฉู่ไปไกลจริง ๆอย่างไรก็ตาม ตอนนี้บทบาทของนักล่าและเหยื่อได้สลับกันแล้วเขายิ้มและขึ้นรถไปโดยไม่ลังเลบึ้น!ฉีฉูฉู่บิดคันเร่ง แล้วมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งออกไป"อ๊าาา!"เย่ซิวจงใจตะโกนออกมา จากนั้นก็ยกสองแขนโอบแขนรอบเอวเรียวนุ่มเด้งของฉีฉูฉู่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย จ
ในวิลล่า ไป๋อวี้เตี๋ยซึ่งถูกทรมานมาหลายเดือน ดูน่าสังเวชเหลือเกินเดิมทีเธออาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แต่ต่อมาอาจารย์ของเธอได้พาเธอมาที่เมืองหลวงเธอได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย เธอคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า "อาจารย์อาเล็ก ปล่อยฉันไปเถอะ"ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก ถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ จากอาจารย์ของเธอ ตอนนี้เธอหมดสภาพจริง ๆแต่แทนที่จะแสดงความเมตตา แต่ในทางกลับกัน เธอยังหัวเราะพร้อมกับดึงไป๋อวี้เตี๋ย "เมื่อคืนนี้อาจารย์อาเล็กคิดเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เธอจะต้องชอบแน่ ๆ"ไป๋อวี้เตี๋ยไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นรน ทำได้เพียงปล่อยให้อาจารย์ของเธอลากเข้าไปในห้องน้ำเธอถูกผลักลงในอ่างอาบน้ำ และอาจารย์ของเธอก็ถือกล่องสองใบมาวางไว้ตรงหน้าภายในกล่องมีตัวหนีบและมีดเล็ก ๆ หลายเล่ม ส่องประกายเย็นวาบภายใต้แสงไฟอีกกล่องหนึ่งมีแมลงสีดำเล็ก ๆ จำนวนมาก ทั้งดูน่าเกลียดและน่ากลัวใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเหมือนคนจิตวิปริต "ฉันจะเฉือนเธอสี่สิบเก้าครั้งแล้วเอาแมลงใส่ลงไปในแผล”“แมลงพวกนี้จะหลั่งสารพิเศษที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนมวลเมฆ พวกมันจะ
เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ล้างหน้าสักหน่อยเถอะ"เขาเดินออกจากห้องน้ำและไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเหตุผลที่ช่วยเธอก็เพราะการลงโทษที่ไป๋อวี้เตี๋ยได้รับในช่วงเวลานี้นั้นเพียงพอแล้วยิ่งกว่านั้นเธอเองก็เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ด้วยเมื่อธุรกิจของเย่ซิวขยายเติบโตขึ้น คนที่ไม่พอใจเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันเขาจำเป็นต้องวางแผนเผื่อไว้สำหรับคนรอบข้างและหายอดฝีมือมาปกป้องคนของเขานั่นเป็นเหตุผลที่เขาปรากฏตัวในตอนที่ไป๋อวี้เตี๋ยสิ้นหวังมากที่สุดและให้ความหวังกับเธอเขายังใช้วิชาต่าง ๆ เพื่อข่มปรามให้เธอหวั่นเกรงอีกด้วยตอนนี้ในใจของไป๋อวี้เตี๋ย เย่ซิวกลายเป็นคนลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ต่อให้เธอจะมีความกล้าหาญมากกว่านี้สักร้อยเท่า เธอก็ไม่มีวันกล้าที่จะมีเจตนาร้ายต่อเย่ซิวอีกแล้วเสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำไป๋อวี้เตี๋ยใช้แชมพูและเจลอาบน้ำเกือบครึ่งขวดขัดผิวของเธออย่างแรง เพื่อพยายามกำจัดความทรมานและความโสมมที่เธอต้องเผชิญในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอไม่กล้าอาบน้ำนานเพราะกลัวว่าเย่ซิวจะต้องรอนานเกินไปหลังจากอาบน้ำได้ห้านาที เธอก็เพิ่งรู้ว่าเธอไม่ได้นำเสื้อผ้าเข้ามาด้วยเธอใช้ผ้าขนหนูเช
โรงแรมเก็นติ้ง ห้องหกศูนย์แปดห้องนี้เป็นห้องหรูขนาดเกือบห้าร้อยตารางเมตรมีทั้งบ่อน้ำพุร้อน คาราโอเกะ ผับ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนอกจากนี้ยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักอีกด้วยเซี่ยซิ่วซิ่วมาถึงก่อนเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอกลับบ้านเพื่อไปเอาเสื้อผ้า จากนั้นเมื่อมาถึงโรงแรม เธอก็ส่งรหัสผ่านห้องให้กับเย่ซิวและอยู่ในห้องน้ำจนถึงตอนนี้เธอชำระล้างร่างกายอย่างพิถีพิถันจากบนลงล่าง ทั้งภายในและภายนอกจนสะอาดหมดจด ผิวของเธอขาวอมชมพูกระจ่างใสเปล่งปลั่ง แล้จึงฉีดพรมน้ำหอมราคาแพงและในที่สุดเธอก็สวมเสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกมาอย่างดีชุดนี้เป็นชุดที่เธอไม่เคยใส่มาก่อนกระโปรงสั้นสีขาว ดูโดดเด่นมากเมื่อประกอบกับรูปร่างที่เพรียวบางของเธอและใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า ทำให้ใครเห็นเป็นต้องเลือดกำเดาไหลแม้แต่พระภิกษุก็สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยได้หลังจากมองกระจกเต็มตัวอยู่นาน เซี่ยซิ่วซิ่วก็เม้มริมฝีปากแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกพอใจมากเธอต้องการให้เย่ซิวและตัวเธอเองมีค่ำคืนที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตเธอเปิดประตูด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขแล
เย่ซิวพาเด็กสาวไปที่ชานเมือง เข้าไปในป่าเขาแล้วปลุกเธอให้ตื่นหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังคิดหาหนทางตายอย่างเดียวเย่ซิวจับเด็กสาวไว้ด้วยมือขวาแล้วยื่นมือซ้ายออกไป "โลกนี้ยังสวยงามมากนะ ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองดูสิ"เหล่าผีเสื้อบินเข้ามาทีละตัว และบินรอบมือซ้ายของเย่ซิวร่างกายของเขาบริสุทธิ์ ใสสะอาดดุจคริสตัล กลิ่นที่เขาปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าเหล่าดอกไม้ทั้งปวงฝูงผีเสื้อบินรอบต้นไม้ใบเขียวที่ให้ร่มเงา หมู่ดอกไม้บานสะพรั่ง ผู้คนและธรรมชาติผสมผสานกันกลมกลืนเด็กสาวหยุดดิ้นและจ้องมองฉากนี้อย่างว่างเปล่าเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ และมีผีเสื้อสองสามตัวบินลงมาอยู่บนมือของเขาเขาค่อย ๆ ขยับแขนให้ผีเสื้อไปอยู่ข้างหน้าเธอ "ดูสิ น่ารักมากใช่ไหม?"ไกลออกไปมีกวางน้อยน่ารักสองสามตัวกำลังออกหาอาหารดูเหมือนว่ากวางเหล่านั้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่ซิว พวกมันจึงค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆด้านหลังของเขา มีกระต่ายสีขาวตัวน้อยห้าหรือหกตัวกระโดดมาที่เท้าของเขา หัวของเจ้ากระต่ายแนบถูไปมากับกางเกงของเขาอยู่อย่างนั้นในไม่ช้า กลิ่นอายของเย่ซิวก็ดึงดูดเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยจำนวนมากเข้ามาล้อมรอบเขาไว้ดวงต
“ถ้าอย่างนั้น...” จวงเสี่ยวหยิงยื่นนิ้วก้อยออกมา “เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันเถอะ”เย่ซิวยิ้ม "ได้เลย เกี่ยวก้อยสัญญา"เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วเย่ซิวจึงพาเธอกลับมาระหว่างทางเขาก็ถามเธอด้วยว่าเธออยากทำอะไรในอนาคตเด็กสาวบอกว่าเธออยากไปโรงเรียน เธออายุสิบหกปีแล้วแต่ความรู้ของเธอยังเทียบเด็กนักเรียนประถมไม่ได้เลย“นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าเธอหายดีแล้วฉันจะช่วยเธอสมัครเข้าเรียนเอง รัฐบาลจะจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมสำหรับปีสุดท้ายของเธอสำหรับค่าครองชีพและอื่น ๆ ฉันจะให้เธอยืมก่อน พอเธอหาเงินได้เมื่อไหร่ค่อยมาคืนฉันพร้อมดอกเบี้ยก็ได้”แน่นอนว่า เย่ซิวสามารถให้เงินเธอได้ แต่เขาคิดว่าเธอจะไม่ยอมรับแน่นอนเด็กคนนี้ที่ภายนอกอ่อนแอ แต่ภายในแข็งแกร่งมากจวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าหนักแน่นและพูดอย่างจริงจัง "ได้ค่ะ ขอบคุณนะพี่ชาย จากนี้ไป… ฉันขอเรียกคุณว่าพี่ชายได้ไหม?"“แน่นอน น้องสาวคนดีของฉัน”"ฮิฮิ พี่ชาย"เมื่อกลับไปบ้านของน่าหลันเหยียนหราน เธอก็ประหลาดใจเมื่อเห็นว่า จวงเสี่ยวหยิงอยู่ในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเทียบกับก่อนที่เธอจะออกไปในเวลาเดียวกัน ความชื่นชมของเธอที่มีต่
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ