เย่ซิวพาเด็กสาวไปที่ชานเมือง เข้าไปในป่าเขาแล้วปลุกเธอให้ตื่นหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังคิดหาหนทางตายอย่างเดียวเย่ซิวจับเด็กสาวไว้ด้วยมือขวาแล้วยื่นมือซ้ายออกไป "โลกนี้ยังสวยงามมากนะ ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองดูสิ"เหล่าผีเสื้อบินเข้ามาทีละตัว และบินรอบมือซ้ายของเย่ซิวร่างกายของเขาบริสุทธิ์ ใสสะอาดดุจคริสตัล กลิ่นที่เขาปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าเหล่าดอกไม้ทั้งปวงฝูงผีเสื้อบินรอบต้นไม้ใบเขียวที่ให้ร่มเงา หมู่ดอกไม้บานสะพรั่ง ผู้คนและธรรมชาติผสมผสานกันกลมกลืนเด็กสาวหยุดดิ้นและจ้องมองฉากนี้อย่างว่างเปล่าเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ และมีผีเสื้อสองสามตัวบินลงมาอยู่บนมือของเขาเขาค่อย ๆ ขยับแขนให้ผีเสื้อไปอยู่ข้างหน้าเธอ "ดูสิ น่ารักมากใช่ไหม?"ไกลออกไปมีกวางน้อยน่ารักสองสามตัวกำลังออกหาอาหารดูเหมือนว่ากวางเหล่านั้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่ซิว พวกมันจึงค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆด้านหลังของเขา มีกระต่ายสีขาวตัวน้อยห้าหรือหกตัวกระโดดมาที่เท้าของเขา หัวของเจ้ากระต่ายแนบถูไปมากับกางเกงของเขาอยู่อย่างนั้นในไม่ช้า กลิ่นอายของเย่ซิวก็ดึงดูดเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยจำนวนมากเข้ามาล้อมรอบเขาไว้ดวงต
“ถ้าอย่างนั้น...” จวงเสี่ยวหยิงยื่นนิ้วก้อยออกมา “เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันเถอะ”เย่ซิวยิ้ม "ได้เลย เกี่ยวก้อยสัญญา"เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วเย่ซิวจึงพาเธอกลับมาระหว่างทางเขาก็ถามเธอด้วยว่าเธออยากทำอะไรในอนาคตเด็กสาวบอกว่าเธออยากไปโรงเรียน เธออายุสิบหกปีแล้วแต่ความรู้ของเธอยังเทียบเด็กนักเรียนประถมไม่ได้เลย“นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าเธอหายดีแล้วฉันจะช่วยเธอสมัครเข้าเรียนเอง รัฐบาลจะจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมสำหรับปีสุดท้ายของเธอสำหรับค่าครองชีพและอื่น ๆ ฉันจะให้เธอยืมก่อน พอเธอหาเงินได้เมื่อไหร่ค่อยมาคืนฉันพร้อมดอกเบี้ยก็ได้”แน่นอนว่า เย่ซิวสามารถให้เงินเธอได้ แต่เขาคิดว่าเธอจะไม่ยอมรับแน่นอนเด็กคนนี้ที่ภายนอกอ่อนแอ แต่ภายในแข็งแกร่งมากจวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าหนักแน่นและพูดอย่างจริงจัง "ได้ค่ะ ขอบคุณนะพี่ชาย จากนี้ไป… ฉันขอเรียกคุณว่าพี่ชายได้ไหม?"“แน่นอน น้องสาวคนดีของฉัน”"ฮิฮิ พี่ชาย"เมื่อกลับไปบ้านของน่าหลันเหยียนหราน เธอก็ประหลาดใจเมื่อเห็นว่า จวงเสี่ยวหยิงอยู่ในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเทียบกับก่อนที่เธอจะออกไปในเวลาเดียวกัน ความชื่นชมของเธอที่มีต่
เมื่อจวงเสี่ยวหยิงดูแลตัวเองอย่างจริงจัง รูปร่างหน้าตาของเธอก็ดีขึ้นมาอีกระดับทันทีเธอสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร สวมกระโปรงฟูฟ่องและถุงน่องสีขาวผมนุ่มลื่นของเธอพาดอยู่บนไหล่ ดวงตาของเธอกลมโตและเปล่งประกายราวกับอัญมณีข้อเสียอย่างเดียวคือเธอผอมเกินไปและค่อนข้างขาดสารอาหารเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับอาหารจานสุดท้าย เมื่อเขาเห็นจวงเสี่ยวหยิง เขาก็ชื่นชมเธออย่างจริงใจ "ไม่คิดเลยว่าน้องสาวของฉันจะสวยขนาดนี้"จวงเสี่ยวหยิงเกาหัวอย่างเขินอายแต่ในไม่ช้า เธอก็ถูกดึงดูดด้วยโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ดวงตาของเธอเป็นประกาย "ว้าว มันดูน่าอร่อยมากเลย"น่าหลันเหยียนหรานก็เบิกตากว้างและค่อนข้างตกใจเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "นั่งลงแล้วกินข้าวกันเถอะ"สาวสวยทั้งสอง คนหนึ่งตัวใหญ่คนหนึ่งตัวเล็ก แทบรอไม่ไหวที่จะนั่งลงจวงเสี่ยวหยิงหยิบตะเกียบขึ้นคีบชิ้นหนึ่งมาทานแล้วอุทานว่า "ว้าว อร่อยมากเลย"น่าหลันเหยียนหรานกัดแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารระเบิดในปาก กระตุ้นต่อมรับรสของเธอได้อย่างบ้าคลั่ง จนหนังศีรษะของเธอชาวาบเธอไม่เคยได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตของเธอจากนั้นเธอก็ไม่สนใจเรื่อง
เขาไม่ได้จะลงมือทันที แต่เตรียมที่จะสังเกตก่อนผู้คนเริ่มเข้ามากันเรื่อย ๆฉีฉูฉู่แทบจะดึงดูดทุกคนที่เข้ามาในทันทีช่วยไม่ได้ ก็เธอสวยเกินไปน่ะสิ บุคลิกของเธอโดดเด่นมาก ท่าทางสง่าราวกับราชินีสิ่งนี้จะทำให้ผู้ชายบางคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพิชิตเธอชายวัยกลางคนในชุดสูทเรียบร้อยไร้ที่ติ เขาเดินเข้าไปพร้อมกับแก้วไวน์ในมือด้วยรูปลักษณ์และรูปร่างที่สมบูรณ์แบบนี่คือผู้ชายที่มีเสน่ห์มากและมีแรงดึงดูดร้ายแรงสำหรับสาวน้อยที่เพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกรักครั้งแรก“คนสวย ผมขอดื่มด้วยคนได้ไหม?”ฉีฉูฉู่ไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ เธอแค่พูดว่า “ออกไป”มองแวบแรก ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกช่ำชองเรื่องโรแมนติก เขาจึงไม่กังวลอะไร และตั้งใจที่จะเปลี่ยนวิธีการเข้าหาใหม่แต่ฉีฉูฉู่ไม่ให้โอกาสเขาเลย เธอยืนขึ้นและเตะเขาจนกระเด็นออกไปตลอดทางนั้นทั้งโต๊ะและเครื่องดื่มถูกกระแทกกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่เธอก็เตะชายคนนั้นต่อหน้าเย่ซิวไปแล้วเย่ซิวกำลังดื่มคนเดียว เขาเอนกายพิงโซฟาพร้อมหลับตาลงครึ่งหนึ่ง ดูไม่แยแสต่อโลก สิ่งนี้ทำให้ฉีฉูฉู่กัดฟันด้วย
“ถ้าคุณช่วยฉันในครั้งนี้ ฉันจะจูบคุณ!”ถ้าผู้ชายคนอื่นได้ยินคำพูดของฉีฉูฉู่พวกเขาคงจะตื่นเต้นมากจนไปไม่เป็นเลยแต่เย่ซิวกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นเลยสักนิด และเขาก็พูดในลักษณะที่เกินจริง "นี่คุณคิดจะเอาเปรียบผมหลังจากที่ผมช่วยคุณอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"ฉีฉูฉู่โกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายที่น่ารำคาญแบบนี้กันนะ!เย่ซิวผลักเธอออก และฉีฉูฉู่ก็ต้องฉายเดี่ยวสู้กับกลุ่มชายร่างบึกบึนด้วยตัวเองเย่ซิวเทไวน์อีกแก้วแล้วดื่มช้า ๆ ราวกับว่าเขากำลังชมการแสดงดี ๆฉีฉูฉู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธอยู่แล้ว และมื่อเห็นว่าเย่ซิวมองเธอราวกับเป็นธาตุอากาศ เธอก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นไปอีกการโจมตีของเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และไม่นาน ทุกคนก็ถูกเธอกวาดเรียบไปกองอยู่บนพื้นหลังจากกลับมาสงบอีกครั้ง เธอก็รู้สึกหงุดหงิดมากและจ้องมองไปที่เย่ซิวอย่างฉุนเฉียวผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ทำให้แผนของเธอพังไม่เป็นท่าเธอมองดูใบหน้าที่เริงร่าของเย่ซิว และยิ่งเธอมองมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาสมควรโดนอัดสักที และในที่สุดความโกรธของเธอก็กลายเป็นความกล้าไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หว่านล้อมเขาก่อนแล้วค่อยจัดกา
“ออกไปซะ ฝันไปเถอะ!”จู่ ๆ เย่ซิวก็ยกเท้าขวาของเธอขึ้นในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า ความยืดหยุ่นของร่างกายของเธออยู่เหนือมาตรฐานโดยธรรมชาติเย่ซิวถอดรองเท้าของเธอออกแล้วดึงผมของเธอออกมาสองสามเส้น จากนั้นก็ใช้เส้นผมจักจี้ใต้ฝ่าเท้าของเธอร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นไหว และร่างกายของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างควบคุมไม่ได้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบการจักจี้ และฉีฉูฉู่ก็ไม่มีข้อยกเว้นยิ่งกว่านั้นเย่ซิวยังใช้พลังวิญญาณด้วย 'พลังทำลาย' จึงยิ่งมากกว่าเดิมฉีฉูฉู่ทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีจากนั้นเธอก็ทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า "หยุดได้แล้ว ปล่อยฉัน จักจี้จะตายอยู่แล้ว..."ที่ฝ่าเท้านั้นมีเส้นประสาทมากมาย และหลังจากที่เย่ซิวใช้พลังวิญญาณมันก็ยิ่งทำให้เธอจักจี้ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า“นี่มันไม่ใช่หลักการของจอมยุทธ์เลยสักนิด รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิ ฮิ ๆ ๆ...”เธอหัวเราะหนักมากจนน้ำตาแทบจะไหล พร้อมกับสบถด่าเย่ซิวไม่หยุดเธอไม่เคยพูดคำหยาบคายมาก่อน และคำที่เธอสบถด่าไม่หยุดก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเย่ซิวเลยในทางตรงกันข้าม ตัวเธอต่างหากที่ถูกจักจี้ไม่หยุด และร่างกายของเธอก็แทบจะทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหั
หญิงวัยกลางคนคนนี้อาจเป็นคนสมาชิกสุดท้ายของสำนักผาสุกแล้วเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอมีข้อจำกัด เธอจึงถูกไม่สามารถใช้เสน่ห์ขัดขวางรัฐบาลได้ด้วยตัวเองเหมือนที่เคยขัดขวางราชสำนักในสมัยโบราณดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉีฉูฉู่ฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นชุดโยคะที่เน้นรูปร่างของเธอ และนั่งตัวตรง ท่าทีดูตั้งใจฟังหญิงวัยกลางคนเริ่มอธิบายให้เธอฟัง ค่อย ๆ เริ่มจากหลักการพื้นฐานง่าย ๆ ไปสู่หลักการที่ซับซ้อนฉีฉูฉู่ฉลาดมาก เธอจำทุกอย่างได้จากการฟังเพียงครั้งเดียวส่วนเรื่องของเส้นลมปราณในร่างกายและอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับห้า ย่อมมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้มาอย่างยาวนานแล้วหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนได้แนะนำฉีฉูฉู่ให้ฝึกท่าทางต่าง ๆแต่ละท่าก็สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ตั้งขึ้นมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเย่ซิวแอบเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างมาก และเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเช่นกันมีหลายท่าทางที่เขาเองก็นึกไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงจดจำเอาไว้แล้วไม่รู้ทำไม แต่จู่ ๆ ใบหน้าสวยของหลัวอีอีก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาเย่ซิวส่ายหัวอย่างแรง แอบคิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ไม่ได้เขาหย
สาว ๆ หลายคนไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานกันหมดทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นสายของอวี่เฟยเฟยเย่ซิวกดรับสาย และเสียงสดใสราวกับระฆังเงินของอวี่เฟยเฟยที่ก็ดังมาจากปลายสาย "คุณเย่ คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?"“ไม่หรอก ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างโทรมาหาผมได้ล่ะ?”อวี่เฟยเฟยยิ้มและพูดว่า "เที่ยวบินของฉันรอบนี้มาที่เมืองหลวงแล้วจะอยู่ที่นี่สักหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็เลยสงสัยว่าคุณจะว่างหรือเปล่า ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อน่ะค่ะ"น้ำเสียงของเธอเจือความกังวลใจเย่ซิวคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ได้สิ แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว? ผมจะไปหาคุณเอง"“ฉันอยู่ที่ชั้นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่” น้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยดูตื่นเต้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ขับรถไปที่นั่นที่ชั้นหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่ อวี่เฟยเฟยยืนอยู่นั้นด้วยท่าทีสง่างาม ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลนานแล้วที่เธอไม่ได้เจอเย่ซิว เธอจึงใจร้อนขึ้นมานิดหน่อยข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ เมื่อเธอออกไปไหนเธอจะถูกเข้าหาเสมอไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เธอยืนอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ มีผู้ชายหกคนเข้ามาคุยกับเธอเธอไม่มีทางเลือก
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค