เสวี่ยเหมยมีศัตรูตัวฉกาจที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เด็กคนคนนั้นชอบที่จะแข่งขันกับเธอไปเสียทุกอย่างอะไรที่เสวี่ยเหมยชอบ เธอคนนั้นก็จะฉกฉวยเอามาให้ได้แต่ถ้าเธอแย่งมาไม่ได้ เธอก็จะทำลายมันซะณ เมืองหลวง ในวิลล่าที่ตกแต่งอย่างหรูหราผู้หญิงประหลาดคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา มองดูสัตว์เลี้ยงสองตัวของเธอต่อสู้กันด้วยความสนใจสัตว์เลี้ยงสองตัวนั้นไม่ใช่แมวหรือสุนัข แต่เป็นจิ้งจอกสองตัวที่ดุร้ายไม่ธรรมดาด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับวัวและกรงเล็บอันแหลมคม มันสามารถฉีกแผ่นเหล็กออกจากกันได้อย่างง่ายดายผู้หญิงธรรมดา ๆ คงตกใจกลัวแทบตายเมื่อเห็นฉากนี้แต่เธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ไม่หวาดกลัวเลยสักนิดในยุทธภพ มีคำกล่าวว่า จิ้งจอกสามารถเอาชนะปรมาจารย์ได้แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดูอ่อนเยาว์ แต่จริง ๆ เธออยู่ในวัยสามสิบแล้วผิวของเธอเรียบเนียนและนุ่มนวลราวกับเต้าหู้ เอวของเธอเล็กเรียวบางเธอสวมกระโปรงสั้นที่ดูเซ็กซี่และร้อนแรงเธอเป็นคนที่น่ากลัวมาก แต่ภายในเมืองหลวง มีน้อยคนนักที่จะรู้จักเธอ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกคำราม!สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวดูเหมือนว่าจะได้ผู้ชนะแล้วตัวที่ชนะเดิน
ผู้หญิงคนนี้มีพลังมหาศาลที่ไม่อาจทำลายได้!อาชูร่าเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็ออกมาและเดินไปอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเมื่อเธอสวมชุดกระโปรงพับจีบและถุงน่องสีขาว คลื่นแห่งความเยาว์วัยที่ไม่อาจต้านทานได้พุ่งเข้ามาหาเธอเธอรวบผมเป็นทรงหางม้า ดูอ่อนเยาว์และน่าหลงใหลยิ่งขึ้นขาสวยคู่นั้นยาวเรียวราวกับตะเกียบรูปลักษณ์นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ชายที่มีความชื่นชอบเป็นพิเศษเธอหัวเราะคิกคักหน้ากระจก จากนั้นหันหลังเดินออกไปใครจะคิดว่า อาชูร่าผู้ครองโลกใต้ดินและทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อเอ่ยถึง จะมีรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาเช่นนี้อีกด้านหนึ่ง เย่ซิวกำลังไปที่โรงงานหินดิบโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองและค่อนข้างไกลในรถ วิชาลับผุดขึ้นมาในใจของเย่ซิววิชาเนตรเทวะ! วิชาลับนี้ทำให้การมองเห็นสามารถมองทะลุผ่านกำแพง เสื้อผ้า และอื่น ๆ ได้ ซึ่งเผยให้เห็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสิ่งต่าง ๆเขาคุ้นเคยกับวิธีการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว แต่มันค่อนข้างยากกว่าทักษะล่องหนแต่สำหรับเย่ซิว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในรถ เย่ซิวล้มเหลวอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบครั้ง กำลังภายในของเขาหมดลงอย่างสิ้นเชิง
เย่ซิวหันหน้าไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอสูงเกือบเท่าไหล่ของเขา ดูฉลาดและน่ารัก ผมของเธอรวบเป็นทรงหางม้า อกอิ่มโดดเด่น เอวเพรียวบาง ขาเรียวเล็ก ความประทับใจแรกพบของเธอนั้นสะดุดตาและน่าทึ่งมาก ผู้ชายหลายคนมองดูเธออย่างหลงใหลและอยากจะกลืนกินเธอลงไปทันทีเย่ซิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "น้องสาวมีอะไรให้ช่วยเหรอ?"ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเขินอาย "ตอนที่ออกมาฉันลืมหยิบเงินมาด้วย คุณให้ฉันยืมสักสองพันห้าร้อยได้ไหม ฉันอยากซื้อหินก้อนนั้น"เธอชี้ไปที่หินที่ไม่เด่นบนแผงลอยเย่ซิวใช้วิชาเนตรเทวะเพื่อดูอย่างเงียบ ๆก้อนหินนั้นไม่มีอะไรเลย เขาจึงแนะนำว่า "น้องสาว คุณควรตั้งใจเรียนนะ อย่าเล่นอะไรพวกนี้เลย การพนันมีแต่จะขาดทุนทั้งนั้น"ผู้หญิงคนนั้นมุ่ย "พี่ชาย ปีนี้ฉันอายุยี่สิบปีแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะคืนเงินให้คุณแน่นอน งั้นเรามาเพิ่มเพื่อนในไลน์กันดีกว่า"ไม่ใช่ว่าเย่ซิวไม่เต็มใจที่จะให้ยืมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ แต่เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย ไม่ว่าเธอจะสวยมากแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะให้ยืมเงินง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและปฏิเสธดวงตาของผู้หญิงคนนั้นสว่างขึ้นเล
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที และเธอคงคิดไปเอง“หืม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายขี้เหนียวขนาดนี้มาก่อนเลย แค่สองพันห้ายังไม่ให้ยืมด้วยซ้ำ!”เสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้นชายคนหนึ่งแต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ดหลายคนชายคนนี้ดูเหมือนอายุสี่สิบเศษ อ้วนท้วน และมีดวงตาเล็กคล้ายถั่วเขียวที่ส่อแววหื่นกามเขาเดินเข้าไปด้วยร่างกระเพื่อมย้วยและมองไปด้านข้างของเย่ซิว "ดูสิว่าแกยาจกขนาดไหน น้องสาวสุดสวยคนนี้ขอยืมแค่เงินสองพันห้าแกยังไม่ให้เลย แล้วยังมีหน้ากล้ามาเสี่ยงโชคกับหินอีกเหรอ?!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปมองอาชูร่าแล้วหัวเราะซุกซน "น้องสาว พี่ชายคนนี้จะให้เธอยืมเอง ถ้าเธอชอบหยกชิ้นไหน ฉันจะซื้อให้หมดเลย"อาชูร่ายิ้ม "ขอบคุณมากนะคะ ฉันอยากได้อันนี้ แล้วก็อันนั้น..."เธอเลือกหินแปดเก้าก้อนติดต่อกัน รวมแล้วมูลค่ามหาศาลชายอ้วนโบกมือใหญ่ เขาซื้อมันโดยไม่ลังเลเลยเย่ซิวมองดูอาชูร่าอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหันหลังกลับไปยังแผงอื่นส่วนชายอ้วนคนนั้นเขาก็ไม่สนใจมังกรจะสนใจเสียงกบเสียงเขียดได้อย่างไร?แน่นอนว่าหากเขากล้ายั่วยุอีก จุดจบก็มีแต่ความอนาถเท่านั้นเย
ชายอ้วนจงใจอวดตัวต่อหน้าอาชูร่า เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็เยาะเย้ยและพูดว่า “แน่นอน ฉันย่อมรักษาคำพูด! แต่ถ้านายไม่สามารถตัดของดีออกมาได้ งั้นนายก็ต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกฉันว่า 'พ่อ' สามครั้ง!”อาชูร่าทำทีไร้เดียงสา มองไปที่ชายอ้วนด้วยไฟโทสะ แทบอยากจะฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามามุงดูไม่ว่าเมื่อใด ความขัดแย้งที่เกิดโดยมีหญิงงามเป็นตัวตั้ง ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเย่ซิวซึ่งเป็นคนธรรมดากำลังซื้อ 'หินขยะ' สามก้อนในคราวเดียว ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเขา แอบนินทาเขาลับหลังว่าสมองคงถูกลาเตะจนไม่สมประกอบ มีเงินเยอะเกินไปเลยไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนการพนันหินย่อมมีผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินผู้คนมารวมตัวกันที่แผงขายมากขึ้นเรื่อย ๆชายวัยกลางคนสิบคนที่รับหน้าที่ตัดหิน กำลังถือเครื่องมือและตัดตามคำแนะนำของเย่ซิว โดยตัดหินก้อนที่เล็กที่สุดในบรรดาหินทั้งสามก้อนก่อนหลังจากตัดออกแล้ว ภายในและภายนอกยังคงเหมือนกันทุกประการฉับพลันเสียงโห่ก็ดังขึ้นชายอ้วนหัวเราะลั่น ใบหน้าเข้าเต็มไปด้วยการเสียดสี "ฉันบอกแล้วไง ไม่มีทางเป็นขอ
ในอดีตมีหลายกรณีที่การตัดหินในครั้งแรกเจอหยกที่สวยงาม แต่เมื่อตัดครั้งที่สอง หินนั้นก็กลายเป็นหินขยะก้อนหนึ่ง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็ตัดหินก้อนนี้ออกเป็นเก้าส่วนเท่า ๆ กัน” เย่ซิวพูดคิดที่จะปรับพื้นที่อันตรายนั้น ใช้หยกสีม่วงเก้าชิ้นก็เพียงพอแล้วช่างตัดหินพยักหน้าหนัก ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้นทำงานอยู่ที่นี่มาก็หลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดเจอหยกสีม่วง!ขณะที่เขาตัดหินอย่างระมัดระวัง ทุกคนก็พากันกลั้นหายใจทั่วทั้งสนาม เหลือเพียงเสียงเครื่องตัดเสียงเดียวเท่านั้นเมื่อหินก้อนแรกถูกตัดออกมา สีม่วงที่กว้างใหญ่นั้นก็ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจแม้ว่าหินก้อนส่วนอื่น ๆ จะกลายเป็นหินขยะทั้งหมด แต่แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านแล้ว!ชายอ้วนเบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงดวงตาของอาชูร่าเป็นประกาย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่ซิวซ้ำ ๆ ในดวงตา ประกายบางอย่างที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดวาบผ่านเย่ซิวสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอ จึงหันกลับมาและมองตอบไปด้วยรอยยิ้มอาชูร่าก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ดูน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันหินหยกสีม่วง ค่อย ๆ ถูกตัดออกมาทั้งหมดหินหลาย
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรกับที่ผมจะมอบหยกสีม่วงให้ด้วยเหรอ?!”ทุกคนในที่เกิดเหตุ มองเย่ซิวด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมากพวกเขาทั้งหมดมองเขาเหมือนกำลังมองคนงี่เง่า“หมอนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า 'หนานหวัง' หมายถึงอะไร?”“บ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”ชายอ้วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแต่เสียงหัวเราะนั้นเย็นชามาก "ไอ้เดรัจฉานน้อย แกกล้ามาก ใครก็ได้ มาหักมือและเท้าของมันแล้วเทปูนเข้าไปในปากของมันซะ ฉันอยากให้มันตายอย่างทรมานที่สุด!"ด้านหลังชายอ้วน มีบอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนเดินออกมาด้วยสีหน้าดุร้ายพวกเขาไม่เสียเวลา ซัดหมัดที่ใหญ่เท่ากับหม้อต้มไปทางเย่ซิวทันทีหลายคนเบือนหน้าหนี ทนมองเหตุการณ์นองเลือดที่จะตามมาไม่ไหวชายอ้วนมีแต่รอยยิ้มโหดร้ายบนใบหน้าของเขาแต่รอยยิ้มนั้น กลับกลายเป็นความตื่นตะลึงในวินาทีต่อมาเมื่อพิจารณาจากขนาดตัวของทั้งสองฝ่าย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแต่ผลลัพธ์ก็คือบอดี้การ์ดทั้งสอง ถูกคนที่ชื่อเย่ซิวคนนี้หักมือและเตะจนกระเด็นออกไปฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งเย่ซิวเดินไปหาชายอ้วนด้วยใบหน้
แต่บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจมาก กลายเป็นราชินีผู้โดดเดี่ยวที่สามารถกุมชะตาชีวิตของผู้คนนับพันนับหมื่นในอดีต ทุกครั้งที่เธอปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็มักจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่เสมออย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับสงบมากตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ต่อจิตสังหารจากตัวเธอเลยไม่ว่าจิตสังหารของเธอจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เย่ซิวสั่งสมจากการสังหารศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบได้เมื่อเห็นเย่ซิ่วสงบมาก เวินหว่านเอ๋อร์ก็กัดฟันและปลดปล่อยจิตสังหารของเธอทั้งหมดคราวเดียวราวกับคลื่นยักษ์กระเพื่อมขึ้นจากพื้นราบ โหมซัดและร้องคำราม หวังจะกลืนกินเย่ซิวและลากเขาลงไปสู่ก้นบึ้งแต่เขาก็ยังเป็นเหมือนเสาค้ำสมุทร ไม่ว่าคลื่นทะเลจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็ยังคงไม่ไหวติงจิตสังหาร ค่อย ๆ ถูกลบหายไปเวินหว่านเอ๋อร์ฉีกยิ้มมีเสน่ห์ เธอพูดไปด้วยเสียงหวาน "ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณน่ะ ได้ยินมาว่าคืนนี้คุณจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง พาฉันไปด้วยได้ไหมคะ?"เหตุผลหลัก ๆ ที่เธอมาติดต่อกับเย่ซิว ก็เพราะหอการค้าไป๋ชวนเธออยากจะเข้าร่วมมานานแล้วแต่เนื่องจากสถานะของตัวเอง จะบีบตัวเข้าไป
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ