ผู้หญิงคนนี้มีพลังมหาศาลที่ไม่อาจทำลายได้!อาชูร่าเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็ออกมาและเดินไปอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเมื่อเธอสวมชุดกระโปรงพับจีบและถุงน่องสีขาว คลื่นแห่งความเยาว์วัยที่ไม่อาจต้านทานได้พุ่งเข้ามาหาเธอเธอรวบผมเป็นทรงหางม้า ดูอ่อนเยาว์และน่าหลงใหลยิ่งขึ้นขาสวยคู่นั้นยาวเรียวราวกับตะเกียบรูปลักษณ์นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ชายที่มีความชื่นชอบเป็นพิเศษเธอหัวเราะคิกคักหน้ากระจก จากนั้นหันหลังเดินออกไปใครจะคิดว่า อาชูร่าผู้ครองโลกใต้ดินและทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อเอ่ยถึง จะมีรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาเช่นนี้อีกด้านหนึ่ง เย่ซิวกำลังไปที่โรงงานหินดิบโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองและค่อนข้างไกลในรถ วิชาลับผุดขึ้นมาในใจของเย่ซิววิชาเนตรเทวะ! วิชาลับนี้ทำให้การมองเห็นสามารถมองทะลุผ่านกำแพง เสื้อผ้า และอื่น ๆ ได้ ซึ่งเผยให้เห็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสิ่งต่าง ๆเขาคุ้นเคยกับวิธีการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว แต่มันค่อนข้างยากกว่าทักษะล่องหนแต่สำหรับเย่ซิว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในรถ เย่ซิวล้มเหลวอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบครั้ง กำลังภายในของเขาหมดลงอย่างสิ้นเชิง
เย่ซิวหันหน้าไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอสูงเกือบเท่าไหล่ของเขา ดูฉลาดและน่ารัก ผมของเธอรวบเป็นทรงหางม้า อกอิ่มโดดเด่น เอวเพรียวบาง ขาเรียวเล็ก ความประทับใจแรกพบของเธอนั้นสะดุดตาและน่าทึ่งมาก ผู้ชายหลายคนมองดูเธออย่างหลงใหลและอยากจะกลืนกินเธอลงไปทันทีเย่ซิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "น้องสาวมีอะไรให้ช่วยเหรอ?"ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเขินอาย "ตอนที่ออกมาฉันลืมหยิบเงินมาด้วย คุณให้ฉันยืมสักสองพันห้าร้อยได้ไหม ฉันอยากซื้อหินก้อนนั้น"เธอชี้ไปที่หินที่ไม่เด่นบนแผงลอยเย่ซิวใช้วิชาเนตรเทวะเพื่อดูอย่างเงียบ ๆก้อนหินนั้นไม่มีอะไรเลย เขาจึงแนะนำว่า "น้องสาว คุณควรตั้งใจเรียนนะ อย่าเล่นอะไรพวกนี้เลย การพนันมีแต่จะขาดทุนทั้งนั้น"ผู้หญิงคนนั้นมุ่ย "พี่ชาย ปีนี้ฉันอายุยี่สิบปีแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะคืนเงินให้คุณแน่นอน งั้นเรามาเพิ่มเพื่อนในไลน์กันดีกว่า"ไม่ใช่ว่าเย่ซิวไม่เต็มใจที่จะให้ยืมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ แต่เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย ไม่ว่าเธอจะสวยมากแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะให้ยืมเงินง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและปฏิเสธดวงตาของผู้หญิงคนนั้นสว่างขึ้นเล
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที และเธอคงคิดไปเอง“หืม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายขี้เหนียวขนาดนี้มาก่อนเลย แค่สองพันห้ายังไม่ให้ยืมด้วยซ้ำ!”เสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้นชายคนหนึ่งแต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ดหลายคนชายคนนี้ดูเหมือนอายุสี่สิบเศษ อ้วนท้วน และมีดวงตาเล็กคล้ายถั่วเขียวที่ส่อแววหื่นกามเขาเดินเข้าไปด้วยร่างกระเพื่อมย้วยและมองไปด้านข้างของเย่ซิว "ดูสิว่าแกยาจกขนาดไหน น้องสาวสุดสวยคนนี้ขอยืมแค่เงินสองพันห้าแกยังไม่ให้เลย แล้วยังมีหน้ากล้ามาเสี่ยงโชคกับหินอีกเหรอ?!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปมองอาชูร่าแล้วหัวเราะซุกซน "น้องสาว พี่ชายคนนี้จะให้เธอยืมเอง ถ้าเธอชอบหยกชิ้นไหน ฉันจะซื้อให้หมดเลย"อาชูร่ายิ้ม "ขอบคุณมากนะคะ ฉันอยากได้อันนี้ แล้วก็อันนั้น..."เธอเลือกหินแปดเก้าก้อนติดต่อกัน รวมแล้วมูลค่ามหาศาลชายอ้วนโบกมือใหญ่ เขาซื้อมันโดยไม่ลังเลเลยเย่ซิวมองดูอาชูร่าอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหันหลังกลับไปยังแผงอื่นส่วนชายอ้วนคนนั้นเขาก็ไม่สนใจมังกรจะสนใจเสียงกบเสียงเขียดได้อย่างไร?แน่นอนว่าหากเขากล้ายั่วยุอีก จุดจบก็มีแต่ความอนาถเท่านั้นเย
ชายอ้วนจงใจอวดตัวต่อหน้าอาชูร่า เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็เยาะเย้ยและพูดว่า “แน่นอน ฉันย่อมรักษาคำพูด! แต่ถ้านายไม่สามารถตัดของดีออกมาได้ งั้นนายก็ต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกฉันว่า 'พ่อ' สามครั้ง!”อาชูร่าทำทีไร้เดียงสา มองไปที่ชายอ้วนด้วยไฟโทสะ แทบอยากจะฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามามุงดูไม่ว่าเมื่อใด ความขัดแย้งที่เกิดโดยมีหญิงงามเป็นตัวตั้ง ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเย่ซิวซึ่งเป็นคนธรรมดากำลังซื้อ 'หินขยะ' สามก้อนในคราวเดียว ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเขา แอบนินทาเขาลับหลังว่าสมองคงถูกลาเตะจนไม่สมประกอบ มีเงินเยอะเกินไปเลยไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนการพนันหินย่อมมีผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินผู้คนมารวมตัวกันที่แผงขายมากขึ้นเรื่อย ๆชายวัยกลางคนสิบคนที่รับหน้าที่ตัดหิน กำลังถือเครื่องมือและตัดตามคำแนะนำของเย่ซิว โดยตัดหินก้อนที่เล็กที่สุดในบรรดาหินทั้งสามก้อนก่อนหลังจากตัดออกแล้ว ภายในและภายนอกยังคงเหมือนกันทุกประการฉับพลันเสียงโห่ก็ดังขึ้นชายอ้วนหัวเราะลั่น ใบหน้าเข้าเต็มไปด้วยการเสียดสี "ฉันบอกแล้วไง ไม่มีทางเป็นขอ
ในอดีตมีหลายกรณีที่การตัดหินในครั้งแรกเจอหยกที่สวยงาม แต่เมื่อตัดครั้งที่สอง หินนั้นก็กลายเป็นหินขยะก้อนหนึ่ง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็ตัดหินก้อนนี้ออกเป็นเก้าส่วนเท่า ๆ กัน” เย่ซิวพูดคิดที่จะปรับพื้นที่อันตรายนั้น ใช้หยกสีม่วงเก้าชิ้นก็เพียงพอแล้วช่างตัดหินพยักหน้าหนัก ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้นทำงานอยู่ที่นี่มาก็หลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดเจอหยกสีม่วง!ขณะที่เขาตัดหินอย่างระมัดระวัง ทุกคนก็พากันกลั้นหายใจทั่วทั้งสนาม เหลือเพียงเสียงเครื่องตัดเสียงเดียวเท่านั้นเมื่อหินก้อนแรกถูกตัดออกมา สีม่วงที่กว้างใหญ่นั้นก็ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจแม้ว่าหินก้อนส่วนอื่น ๆ จะกลายเป็นหินขยะทั้งหมด แต่แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านแล้ว!ชายอ้วนเบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงดวงตาของอาชูร่าเป็นประกาย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่ซิวซ้ำ ๆ ในดวงตา ประกายบางอย่างที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดวาบผ่านเย่ซิวสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอ จึงหันกลับมาและมองตอบไปด้วยรอยยิ้มอาชูร่าก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ดูน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันหินหยกสีม่วง ค่อย ๆ ถูกตัดออกมาทั้งหมดหินหลาย
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรกับที่ผมจะมอบหยกสีม่วงให้ด้วยเหรอ?!”ทุกคนในที่เกิดเหตุ มองเย่ซิวด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมากพวกเขาทั้งหมดมองเขาเหมือนกำลังมองคนงี่เง่า“หมอนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า 'หนานหวัง' หมายถึงอะไร?”“บ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”ชายอ้วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแต่เสียงหัวเราะนั้นเย็นชามาก "ไอ้เดรัจฉานน้อย แกกล้ามาก ใครก็ได้ มาหักมือและเท้าของมันแล้วเทปูนเข้าไปในปากของมันซะ ฉันอยากให้มันตายอย่างทรมานที่สุด!"ด้านหลังชายอ้วน มีบอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนเดินออกมาด้วยสีหน้าดุร้ายพวกเขาไม่เสียเวลา ซัดหมัดที่ใหญ่เท่ากับหม้อต้มไปทางเย่ซิวทันทีหลายคนเบือนหน้าหนี ทนมองเหตุการณ์นองเลือดที่จะตามมาไม่ไหวชายอ้วนมีแต่รอยยิ้มโหดร้ายบนใบหน้าของเขาแต่รอยยิ้มนั้น กลับกลายเป็นความตื่นตะลึงในวินาทีต่อมาเมื่อพิจารณาจากขนาดตัวของทั้งสองฝ่าย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแต่ผลลัพธ์ก็คือบอดี้การ์ดทั้งสอง ถูกคนที่ชื่อเย่ซิวคนนี้หักมือและเตะจนกระเด็นออกไปฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งเย่ซิวเดินไปหาชายอ้วนด้วยใบหน้
แต่บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจมาก กลายเป็นราชินีผู้โดดเดี่ยวที่สามารถกุมชะตาชีวิตของผู้คนนับพันนับหมื่นในอดีต ทุกครั้งที่เธอปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็มักจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่เสมออย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับสงบมากตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ต่อจิตสังหารจากตัวเธอเลยไม่ว่าจิตสังหารของเธอจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เย่ซิวสั่งสมจากการสังหารศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบได้เมื่อเห็นเย่ซิ่วสงบมาก เวินหว่านเอ๋อร์ก็กัดฟันและปลดปล่อยจิตสังหารของเธอทั้งหมดคราวเดียวราวกับคลื่นยักษ์กระเพื่อมขึ้นจากพื้นราบ โหมซัดและร้องคำราม หวังจะกลืนกินเย่ซิวและลากเขาลงไปสู่ก้นบึ้งแต่เขาก็ยังเป็นเหมือนเสาค้ำสมุทร ไม่ว่าคลื่นทะเลจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็ยังคงไม่ไหวติงจิตสังหาร ค่อย ๆ ถูกลบหายไปเวินหว่านเอ๋อร์ฉีกยิ้มมีเสน่ห์ เธอพูดไปด้วยเสียงหวาน "ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณน่ะ ได้ยินมาว่าคืนนี้คุณจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง พาฉันไปด้วยได้ไหมคะ?"เหตุผลหลัก ๆ ที่เธอมาติดต่อกับเย่ซิว ก็เพราะหอการค้าไป๋ชวนเธออยากจะเข้าร่วมมานานแล้วแต่เนื่องจากสถานะของตัวเอง จะบีบตัวเข้าไป
“ฉันจะฆ่าไอ้เดรัจฉานน้อยนั่นด้วยมือของฉันเองให้ได้!”ภายในตรอก ชายอ้วนคนหนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บสองคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธผู้หญิงที่เอวเพรียวและหุ่นร้อนแรงมากคนหนึ่งในชุดกางเกงขาสั้นเดินมาหาเขาชายอ้วนกลืนน้ำลายทันที เขาหยุดหญิงสาวแล้วหัวเราะ "สาวน้อย ไปเล่นกับพี่ชายสักคืนสิ"พรวด!ผู้หญิงคนนี้คล้ายกับไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่กลับมีเลือดสามสายพุ่งออกมาพร้อมกัน ร่างสามร่างล้มลงต่อหน้าเธอและเสียชีวิตคาที่หญิงหุ่นร้อนแรงคนนี้ เดินบิดเอวราวกับงูน้ำอันเย้ายวนแล้วจากไปอย่างสงบ……เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งถูกเอาเปรียบ โกรธมากจนต้องกำหมัดแน่น "คุณคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าคุณจริง ๆ?"เย่ซิวยิ้มอย่างไม่ยี่หระ เพียงหันหลังแล้วเดินจากไปแผ่นหลังเขาโล่งไร้ซึ่งการป้องกันเวินหว่านเอ๋อร์เตรียมพร้อมที่จะลงมือจัดการแล้วตลอดทั้งชีวิตของเธอ ไม่เคยถูกใครดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อนขณะที่เธอกำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เย่ซิว หักกระดูกของเขาสักสองสามท่อน ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความตกใจเย่ซิวเหมือนจะไร้การป้องกัน แผ่นหลังเปิดโล่ง มีจุดให้ลงมือหลายจุดมาก แต
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค