ยิ่งมีเส้นชีพจรปฐพีทั้งเก้าเส้นมารวมตัวกัน ซึ่งก็ถูกเย่ซิวดูดซับไว้ทั้งหมดร่างกายและกำลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ อีกเพียงแค่หนึ่งก้าวกำลังภายในก็จะตกผลึกและก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น!เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเย่ซิวนักก็ได้รับพรบางอย่างไปเช่นกันพลังยุทธของเธอหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานหลายปีแล้ว ตอนนี้เองถึงเพิ่งจะคลายตัวลง จากนั้นก็ค่อย ๆ ทะลวงเข้าสู่จอมยุทธ์ขั้นกลางระดับเจ็ดอย่างเป็นธรรมชาติ!เวินหว่านเอ๋อร์ทั้งประหลาดใจและเต็มไปด้วยความยินดี คราวนี้สายตาที่เธอมองไปทางเย่ซิว หลงเหลือเพียงความเคารพและหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งเท่านั้นความคิดหมุนวนไป ทันใดนั้นเธอก็ก้าวขึ้นไปคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมากว่า "ดิฉันเวินหว่านเอ๋อร์ ยินดีที่จะติดตามเป็นสาวใช้คอยยกน้ำชาและปรนนิบัติของคุณชายเย่ค่ะ!"เธอเองก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวไม่น้อยหลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งและความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิว เธอก็ตัดสินใจได้ในพริบตายินดีจะละทิ้งสถานะราชินีของโลกใต้ดิน และคุกเข่าลงตรงหน้าเขาโดยไม่ลังเลเย่ซิวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ตามคำอธิบายของเย่ซิว โครงการนี้สามารถสร้างรายได้ให้เธออย่างน้อยหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินซวงจึงตอบตกลง และบอกว่าจะมาเมืองหลวงเพื่อพูดคุยกับเย่ซิวด้วยตนเองหลังจากวางสายโทรศัพท์ แล้วเย่ซิวก็มองไปที่ชายคนที่เดินเข้ามาหาเขาซึ่งรอบตัวแผ่กลิ่นอายอันตราย“ฉันแนะนำให้แกอยู่ให้ห่างจากเธอ!” ชายคนนั้นขู่ "ไม่อย่างนั้นจุดจบของแกจะเลวร้ายอย่างแน่นอน!"เย่ซิวถามอย่างสงสัย "คุณหมายถึงใคร?"“ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ไง!” เขาพูดอย่างเย็นชา “เธอเป็นของฉัน ใครก็ตามที่กล้าเข้าใกล้เธอจะต้องตาย อย่าหาว่าฉันที่ไม่เตือนแก!”หลังจากพูดอย่างนั้น กลิ่นอายที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งก็ปะทุออกมาจากร่างของเขาเมื่อคิดว่าตัวเองข่มขู่ให้เย่ซิวกลัวสำเร็จแล้ว เขาจึงหันหลังกลับและจากไปเย่ซิวส่ายหัวและไม่ได้สนใจมันอีกระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็โทรออกอีกสองสามครั้งเซี่ยซิ่วซิ่วและคนอื่น ๆ ออกเดินทางแล้ว และจะมาถึงสนามบินในตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้เฉิงเฟิงจะมาถึงพรุ่งนี้เช่นกัน แต่จะช้ากว่านิดหน่อยเมื่อเวลาหกโมงเย็น เวินหว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูบ้านของเย่ซิวตรงเวลา เธอลงจากรถมาทักทายเขาก่อนเมื่อเย่ซิวเห็นชุดของเธอ เขาก็อ
เมื่อเขายืนอยู่เคียงข้างเวินหว่านเอ๋อร์ ถือเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างลงตัว ทำให้ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกอิจฉาพ่อบ้านหนุ่มคนนั้น พาทั้งสองคนขึ้นไปที่ชั้นบนสุด เสิร์ฟของว่างและผลไม้ จากนั้นโค้งคำนับแล้วถอยออกไปเวินหว่านเอ๋อร์หยิบองุ่นขึ้นมา ปอกเปลือกยื่นไปที่ปากของเย่ซิว เธอดูอ่อนโยนอย่างมากบ่ายวันนี้ เธอฝึกครึ่งแรกของฝ่ามือมหาวัชระที่เย่ซิวสอนที่บ้านวิชาสายนอกอันทรงพลังนี้เหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก หลังจากฝึกแค่สองสามครั้ง ความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์ของทักษะฝ่ามือนี้ด้วยตัวเองแล้ว เธอก็คาดหวังครึ่งหลังของมันมากดังนั้น นอกจากเรือนร่างของเธอเองแล้ว เวินหว่านเอ๋อร์จึงตัดสินใจใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมีเพื่อรับใช้คนตรงหน้า เพื่อที่เธอจะได้รับทักษะที่เหลือนี้มาฝึกโดยเร็วที่สุดเย่ซิวกินองุ่นในคำเดียว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ และยกมุมปากขึ้น "ยังไม่มากันเลยแฮะ หรือกำลังเตรียมข่มขู่ฉันอยู่?"เวินหว่านเอ๋อร์พูดว่า "คุณชาย โปรดอย่าโกรธไปเลยค่ะ”“หอการค้าไป๋ชวนนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ความมั่งคั่งของสมาชิกทุกคนไม่ได้ด้อยไปกว่าความมั่งคั่งของประเทศขนาดกลางประเทศหนึ่งสักนิด”
เวินหว่านเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจในตัวเย่ซิวมากเขาไม่ได้มองเธอว่าเป็นทาสหรือคนรับใช้ของเขาเลยจริง ๆอุปนิสัยของเธอคือ คุณเคารพฉันหนึ่งคืบ ฉันก็จะเคารพคุณกลับหนึ่งศอกยกมือขึ้นไปกระตุกแขนเสื้อของเย่ซิวเบา ๆ จากนั้นกระซิบเสียงเบาว่า "คุณชายคะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันยืนได้"เย่ซิวตบหลังมือของเธอเบา ๆ แล้วมองตรงไปที่ชายที่กำลังคุกคามเขา “ถ้าคุณไม่ยอมให้เธอนั่งลง งั้นวันนี้ผมจะหักขาทั้งสองข้างของคุณทิ้งซะ!"คนเหล่านี้ตั้งใจมาสาย พวกเขาแค่อยากจะใช้วิธีนี้แสดงถึงอำนาจของตัวเอง เพื่อให้ได้เปรียบในการเจรจาไม่ใช่เหรอ?ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย ในแง่ของอำนาจ จะกลายเป็นว่าด้อยกว่าพวกเขาในทันทีชายคนนั้นมองเย่ซิวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร“พอแล้ว” กระทั่งบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น จู่ ๆ ชายที่อายุมากที่สุดในกลุ่มก็พูดขึ้นว่า “ทุกคนสามัคคีกันไว้ดีที่สุด ใครก็ได้ ไปยกเก้าอี้มาเพิ่มอีกตัวหนึ่ง”เมื่อชายชราคนนี้เข้ามาแทรกแซง ความขัดแย้งพลันก็ถูกแก้ไขมีคนยกเก้าอี้เข้ามา เวินหว่านเอ๋อร์จึงนั่งลงข้าง ๆ เย่ซิว มองไปที่เขาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายได้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ มองเวินหว่านเอ๋อร์อย
ขณะที่สติของเธอเริ่มไม่ชัดเจนแล้ว และกำลังภายในไม่สามารถกดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และยาในร่างกายได้อีกชายชราทั้งหกคนนี้ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นเหมือนกับพยัคฆ์ฉีกยิ้มที่สามารถฆ่าคนให้ตายอย่างไร้ซุ่มเสียงเห็นว่าเธอกำลังจะดื่มอีกครั้ง เย่ซิวก็ลุกขึ้นแล้วผลักเธอลง "เธอพักเถอะ ฉันต่อเอง"เขาปลดปล่อยกำลังภายในเข้าไปในร่างของเธอแล้วขับสิ่งผิดปกติในร่างของเวินหว่านเอ๋อร์ออกไปอย่างเงียบ ๆประหนึ่งถูกน้ำเย็นรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทันใดนั้นเธอก็ตื่นตัวมากยิ่งขึ้นอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกเย่ซิวหยุดไว้ "พักเถอะ"เขามองไปที่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าทั้งหกด้วยท่าทางสงบ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "พวกคุณกล้าดื่มกับผมไหมล่ะ ผมดื่มแก้วใหญ่ ส่วนพวกคุณครึ่งแก้วก็พอ"เขาตัดสินใจแล้วที่จะให้บทเรียนแก่ชายชราทั้งหกคนนี้ทั้งหกคนมองหน้ากัน และพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัวพวกเขาล้วนมองออกว่าเย่ซิวเป็นม้าพยศที่ปราบให้เชื่องไม่ได้ง่าย ๆถ้าคุณคิดที่จะกำราบให้มันเชื่อฟัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลบคมเขี้ยวของมันให้ทื่อก่อน หลิวหั่วหัวเราะเบา ๆ และพูดขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเริ่มเป็นคนแรก"เขาปรบมือ ก็มีคนข้างในยกไวน์หลายส
เย่ซิวเหลือบมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานเฟิงเธอดูอ่อนโยนและเหมือนจะว่าง่าย ผิวขาวผ่องดั่งหิมะ และมีดวงตาฉ่ำน้ำถ้าอยู่บนเตียง คงให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปไม่น้อยทีเดียวแต่เย่ซิวส่ายหัว "คู่ควงหญิงของคุณเทียบกับของผมไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือบุคลิก"หานเฟิงมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยังคงหน้าแดงอยู่ ท่าทางหญิงสาวเหมือนกำลังรอให้คนไปครอบครองนี่เป็นความงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ขนาดด้วยสถานะของเขา ความงามระดับนี้เองเขาก็ยังเล่นผ่านมือมาไม่มากนัก“งั้นฉันเพิ่มเงินให้อีกหนึ่งหมื่นล้านบาท”เขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะดื่มได้มากกว่านี้แล้วเย่ซิวยิ้ม "ตกลง!"ตอนนี้เขาขาดเงินอยู่พอดี การสร้างสวนยาเป็นเหมือนหลุมดำไร้ก้น เขาจึงไม่รังเกียจเลยว่าจะเงินจะมากขึ้นกว่านี้การแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้งเย่ซิวดื่มหนักมาก และไม่ให้โอกาสหานเฟิงได้หยุดพักหายใจ เขาดื่มไปขวดแล้วขวดเล่า ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตะลึงอ้าปากค้างโดยเฉพาะคู่ควงหญิงไม่กี่คนพวกนั้น เมื่อเห็นชายที่กล้าหาญองอาจแบบนี้ พวกเธอก็อดไม่ได้ที่เธอรู้สึกหวั่นไหว “อ้วก!!”หานเฟิงอาเจียนออกมาในที่สุด แต่เขาไม่ได้อาเจียนใส่คู่คว
สำหรับเขาแล้ว เย่ซิวได้อยู่ในสายตาสักนิดฉีตังกั๋วหัวเราะเบา ๆ และสั่งให้คนนำโต๊ะเสริมเข้ามาหลังจากที่เขานั่งลง ฉีตังกั๋วก็พูดกับเย่ซิวว่า “นี่คือสวีอิงที่เพิ่งกลับมาจากประเทศจ้านอิงตี้”“เด็กคนนี้น่าทึ่งมาก เขาเริ่มต้นกิจการด้วยสองมือเปล่า และในเวลาเพียงห้าปี เขาก็กลายเป็นหนึ่งในสิบคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศจ้านอิงตี้แล้ว”“กลับมาคราวนี้ จะเน้นกลับมาตั้งตัวในประเทศแล้ว”เย่ซิวยังคงไม่พูดอะไร มองทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ อยากจะดูว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้คิดจะทำอะไรกันแน่สวีอิงพูดอย่างสุภาพว่า "ชมกันเกินไปแล้วครับ อยู่ต่อหน้าคุณ ผมไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งนั้น"สมาชิกทั้งหกคนของหอการค้าต่างก็พึงพอใจกับสวีอิงมากเมื่อเทียบกับทัศนคติที่แสนพยศของเย่ซิว สวีอิงนั้นทั้งถ่อมตัวและสุภาพฉีตังกั๋วพูดว่า "ฉันรู้ดีว่าความสามารถของนายนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสุภาพมากเกินไปนักหรอก"จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เย่ซิว "นี่คือเย่ซิว พวกนายทำความรู้จักกันไว้สิ"“อืม” สวีอิงเพียงพยักหน้าให้เย่ซิวชนิดที่แทบจะมองไม่ออกเมื่อพิจารณาจากคำพูดและท่าทางของเขา ดูออกว่าเขาไม่เห็นเย่ซิวอยู่ในสายตาเลย
เปลือกตาของผู้หญิงคนนั้นตกลง และเสียงของเธอก็แผ่วเบามาก "ได้โปรดให้ทางรอดแก่ฉันด้วยเถอะนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปกับคุณในคืนนี้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับที่บ้านของฉันและบ้านสามีฉันอย่างแน่นอนและฉัน มีโอกาสสูงมากที่จะตาย”“โอ้?” เย่ซิวถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ฟังหน่อยสิ”“นี่คือกฎค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อย "ครอบครัวสามีของฉัน ใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งฉันมาเพื่อรับความโปรดปรานจากคุณหาน... "หลังจากได้ยินคำอธิบายของผู้หญิงคนนี้แล้ว เย่ซิวก็หัวเราะเยาะที่แท้เธอก็เพิ่งจะแต่งงานเมื่อวานนี้แต่สามีของเธอยังไม่ได้แตะต้องเธอเลย เธอยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ครบถ้วนเหตุผลในการทำเช่นนี้ก็เพราะหานเฟิงชอบภรรยาของคนอื่น และครอบครัวสามีของผู้หญิงคนนี้เองก็มีเจตนาที่จะประจบประแจงเขา“งั้นไปกันเถอะ ขึ้นรถ”ผู้หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าขอบคุณหลังจากขึ้นรถแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง ดูเขินอายเล็กน้อยหากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าเธอดูสง่างามและอ่อนหวานมาก ระหว่างคิ้วของเธอให้อารมณ์ของสาวจากเจียงหนานที่จะดูโศกเศร้าเล็กน้อยถ้าเพิ่มสถานะเป็นภรรยา ก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของคนที่มีรสนิยมพิเ
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ
“บ้าเอ๊ย! ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?!”ผู้รับผิดชอบฐานลับถอยออกมาจากวงต่อสู้ยืนมองเย่ซิวกับพรีเอลล์ที่กำลังถล่มศัตรูอย่างดุเดือด ทำให้ใจเขารู้สึกสั่นสะท้านแต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมทันที “ยังไงซะ พวกแกก็อย่าหวังว่าจะหนีออกไปได้เลย”สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปุ่มอีกอันหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ปุ่มนี้คือสวิตช์สำหรับทำลายล้างตัวเองของฐานลับนี้!ใต้ดินมีการฝังระเบิดจำนวนมากไว้ เมื่อกดปุ่มจะเกิดการระเบิดที่รุนแรงจนสามารถเขย่าฟ้าสะเทือนดินได้เขาประเมินสถานการณ์ในใจด้วยพลังการต่อสู้ที่สองคนนี้แสดงออกมา แม้ระเบิดทั้งหมดจะถูกจุดชนวนก็อาจจะยังไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้แต่ถึงตายก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวเลยอย่างน้อยแค่เก็บตัวอย่างเลือดหรือชิ้นส่วนเนื้อเยื่อมาเพื่อการวิจัยก็เพียงพอแล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็หันหลังวิ่งออกไปทันทีก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่เขาเร่งเครื่องจนสุด ขี่ออกไปด้วยความเร็วสูงจนเสียงเครื่องยนต์คำรามก้อง เมื่ออยู่ห่างออกมาราวยี่สิบกิโลเมตรแล้ว เขาก็หยิบสวิตช์ระเบิดขึ้นมากดอย่างแรงตูม! ตูม! ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นจนแก้วหูแทบ
พรีเอลล์เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้คิดจะแย่งสร้อยไปจากเธอจึงแอบถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากใต้หน้ากากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตูม!ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งเรือก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอาคมป้องกันด้านนอกถูกทำลายลงแล้วและก็เป็นจังหวะที่พวกเขาหาของมีค่าทั้งหมดในห้องเสร็จพอดีเย่ซิวโยนหอกยาวเล่มหนึ่งให้พรีเอลล์ ส่วนตัวเองก็คว้าหอกอีกเล่มเอาไว้ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมกันพวกเขาเจอกับกลุ่มทหารชุดแรกที่เพิ่งบุกเข้ามาทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ทันทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ “พวกแกเป็น…”“อ๊าก!!”ทั้งสองพุ่งเข้าใส่โดยไม่รอให้ใครพูดจบเสียงไซเรนดังสนั่นไปทั่วด้านนอกทหารฝีมือดีจำนวนมากรีบวิ่งเข้ามาพร้อมใช้อาวุธในมือยิงโจมตีไม่ยั้งชายชราในกลุ่มผู้บังคับบัญชาผู้มีผมสีขาวแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์มองพวกเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง “เป็นไปได้ยังไง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมในเรือถึงยังมีคนรอดชีวิตได้?”ผู้รับผิดชอบฐานลับร้องตะโกนพลางถอยหลัง พร้อมกับหยิบอุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนภัยออกมากดอย่างแรง“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ แม้ต้องสละชีวิตก็ต้องหยุดพวกมันไว้ พวกมันอาจมีความลับเกี่ยวกับการมีชีวิตอมตะก็เป็นได้”พวกเ
เย่ซิวใช้เวลาสองสามนาทีในการถอดรหัสอักขระบนประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องเป็นคนแรกทันทีที่เข้าไป เขาก็เห็นผู้หญิงสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่กลางห้องผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในท้องของอีกคน ส่วนอีกคนก็เสียบมือทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอพรีเอลล์รีบวิ่งไปดูใกล้ ๆ แล้วสำรวจดูอย่างละเอียดผู้หญิงทั้งสองคนดูสวยมาก และจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นเจ้าหญิงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่พวกเธอก็ยังคงแผ่รัศมีความสง่างามตามธรรมชาติออกมา“นี่มันอะไรกัน?”พรีเอลล์หยิบของที่คล้ายเข็มทิศออกมาจากมือของผู้หญิงคนหนึ่ง มันเต็มไปด้วยอักขระที่ซับซ้อนเย่ซิวเหลือบมองแค่ครั้งเดียวก็เอ่ยขึ้น “นี่น่าจะเป็นศูนย์ควบคุมของทั้งเรือลำนี้คาดว่าตอนที่เจ้าของเรือลำนี้ถูกเล่นงาน และตอนที่กำลังจะตาย เขาน่าจะเปิดใช้งานอาคมของเรือ ทำให้เรือล่มทั้งลำไปพร้อมกัน”พรีเอลล์มองเขาด้วยสายตาชื่นชม ดวงตาเป็นประกาย “ว้าว นายนี่เก่งจริง ๆ สุดยอด ฉันชอบนายมากเลย”เย่ซิวยังคงสีหน้าราบเรียบ “ประจบไปก็เปล่าประโยชน์ ยังไงของที่ได้มาก็ต้องแบ่งตามที่ตกลงกันไว้”เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ถึงแ
ทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างมาก“โชคดีมากที่เจอวัสดุแบบนี้”หลังจากเปิดห้องติดต่อกันสิบกว่าห้องโดยไม่มีอะไรเลย ในที่สุดเย่ซิวก็พบของในห้องหนึ่งที่ดูหรูหรากว่าห้องอื่น ๆเจ้าของห้องนี้น่าจะมีสถานะค่อนข้างสูงดูได้จากขนาดห้องและการตกแต่งภายในเจ้าของห้องเป็นชายวัยกลางคน บนนิ้วมีแหวนผนึกของสวมอยู่แต่แหวนนี้มีขนาดเล็กกว่าแหวนของเย่ซิว มีพื้นที่เพียงหนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้นในแหวนผนึกของมีอุปกรณ์เวทมนตร์อยู่หลายชิ้นและยังมีวัสดุอีกจำนวนไม่น้อย โดยของที่มีมูลค่าสูงที่สุดคือแร่สีเหลืองดินขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งแร่ชนิดนี้เป็นวัสดุสำคัญมากชนิดหนึ่งในการหลอมสร้างร่างแยกธาตุดินพรีเอลล์มองแหวนผนึกของด้วยสายตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยด้วยสายตาปิ๊ง ๆ “ให้ฉันได้ไหม”“ไว้ค่อยคุยกันตอนออกไปข้างนอก” เย่ซิวตอบแบบขอไปที ของล้ำค่าแบบนี้จะให้เธอได้ยังไงล่ะ?หากมีแหวนผนึกของแบบนี้มากขึ้น ในอนาคตเวลามีการต่อสู้ เขาจะสามารถแอบส่งอุปกรณ์พวกนี้ไปที่สนามรบได้โดยไม่มีใครรู้และปล่อยออกมาในครั้งเดียวโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัว รับรองได้เลยว่าจะทำให้ศัตรูประหลาดใจอย่างแน่นอน“ไม่เอาน่า เอามาให้ฉันเถอะนะ” พรีเอลล์เอ่
ภายในเรือลำใหญ่ไม่ได้มืดมิดอย่างที่คิดไว้ แต่กลับสว่างไสวอย่างมากบนเพดานเรือประดับด้วยไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสว่างนิรันดร์ไม่เคยดับพวกเขาเห็นนักรบที่สวมเกราะหรูหรา ถือหอกยาว ยืนอยู่ตามตำแหน่งเฉพาะแม้พวกเขาจะเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่ยังคงแผ่รังสีแห่งพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวเพียงแค่ได้มองเมื่อพรีเอลล์เห็นภาพเบื้องหน้า เธอก็กรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพุ่งเข้าไปทันที และเอื้อมมือไปสัมผัสชุดเกราะเบา ๆ “นี่คือเกราะเวทมนตร์ที่ทำจากมิธริล[footnoteRef:0]ซึ่งเป็นวัสดุหายากล้ำค่า [0: เป็นโลหะในจินตนาการจากนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง] ฉันเคยเห็นเกราะเวทมนตร์ที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่งในงานประมูลและมันถูกประมูลไปในราคาหลายหมื่นล้านแต่ที่นี่มีเกราะที่สมบูรณ์กว่าร้อยชุด ถ้านำไปขายจะได้เงินเท่าไหร่กันนะ”แม้ว่าครอบครัวของเธอจะร่ำรวย แต่เธอก็ไม่อาจมองข้ามทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลนี้ได้ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงส่วนที่อยู่ด้านนอกเท่านั้น หากเดินเข้าไปข้างในอาจมีของล้ำค่าอีกมากมาย ไม่แปลกเลยที่เธอจะแสดงอาการตื่นเต้นจนเกินตัวเย่ซิวเดินไปที่ร่างของนักรบคนหนึ่งก่อนจะใช้
พวกเขามีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยิงได้ไกลสุดหนึ่งหมื่นเก้าพันกิโลเมตรและนี่คือข้อมูลที่เปิดเผยออกมา ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจมีอาวุธที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้ซ่อนอยู่ในเงามืดก็เป็นได้ด้วยพลังของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถเดินทางได้ถึงวันละสามพันกิโลเมตรจนกระทั่งเช้าวันต่อมา ทั้งสองก็มาถึงป่าทึบแห่งหนึ่งทันทีที่ถึงพื้น เย่ซิวก็จับตัวพรีเอลล์ไว้แน่นก่อนหน้านี้บนกระบี่หงส์โบยบิน เธอเอาแต่พูดจายั่วโมโหไม่หยุดจนทำให้เขาเสียสมาธิเย่ซิวจึงอดทนไว้ตลอดทางเพื่อจะเดินทางได้ต่อ แต่ตอนนี้ถึงเวลาหยุดพักแล้ว และก็ถึงเวลาที่เขาจะสั่งสอนเธอให้รู้จักบทเรียนที่ลืมไม่ลงจากนั้นพื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวสองชั่วโมงผ่านไป เย่ซิวก็ฟื้นฟูพลังกลับมาเต็มที่ส่วนพรีเอลล์ตอนนี้สภาพกลายเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วไร้เรี่ยวแรงเย่ซิวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินทางต่อไปอีกหนึ่งวันครึ่งต่อมา พวกเขาก็มาถึงประเทศจ้านอิงตี้พรีเอลล์ที่ดูเหมือนจะกลับมามีเรี่ยวแรงแล้ว แต่ท่าทางของเธอดูเรียบร้อยกว่าตอนก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดผู้หญิงคนนี้สมควรโดนปราบให้เข็ดจริง ๆ หลังจากโดนเย่ซิวสั่งสอนอย่างหนักหน่วง เธอก็
พูทเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจระหว่างเดินปากก็พึมพำไม่หยุดว่าพอน้องสาวโตแล้วก็อยู่ด้วยไม่ได้ พอมีแฟนก็ไม่สนใจพี่ชายตัวเองเลยพรีเอลล์โมโหจนกัดฟันแล้วเตะเขาไปหนึ่งทีหลังจากก้างขวางคอชิ้นใหญ่จากไป พรีเอลล์ก็มองเย่ซิวด้วยสายตาท้าทาย “เมื่อกี้ไม่นับ มาสู้กันใหม่อีกรอบ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะชนะนายไม่ได้”จากท่าทางของเธอก็พอมองออกว่าพรีเอลล์เป็นคนที่มีจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันสูงมากและอยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องเย่ซิวดูเวลา “ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เป้าหมายหลักของเราคือไปดูสถานการณ์ของเรือลำนั้นก่อน”“ไม่ได้ ต้องรู้ผลแพ้ชนะก่อน ไม่งั้นฉันจะหงุดหงิด ”เย่ซิวจึงต้องยอมทำตามที่เธอต้องการอย่างจนปัญญาเพื่อไม่ให้เสียเวลา เย่ซิวจึงใช้พลังเต็มที่ตั้งแต่เริ่ม ทำให้พรีเอลล์โดนจัดการจนแทบไม่เหลือแรงจะสู้เพียงแค่สิบนาทีเธอก็ยอมแพ้“ฉันไม่เอาแล้ว”“ทำไมนายถึงเก่งขนาดนี้?”“พี่ชายฉันผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ”……ถ้าพูทมาเห็นฉากนี้ เขาคงจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจน้องสาวคนนี้เป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นเธอยอมใครง่าย ๆ มาก่อนเลยแต่ตอนนี้กลับถูกเย่ซิวจัดการจ
มีลักษณะคล้ายกับแผนภาพแปดทิศแต่ดูซับซ้อนกว่ามากจากนั้นจึงเขียนเนื้อหาของสัญญาไว้ด้านข้าง เย่ซิวมองสองพี่น้องที่ดูประหลาดใจพลางอธิบายว่า “แค่พวกคุณหยดเลือดลงไปบนนี้ สัญญาก็จะเสร็จสมบูรณ์ ถ้าเกิดละเมิดสัญญาขึ้นมา เบาหน่อยก็จะกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต ถ้าหนักหน่อยก็ตายคาที่”“มันมีพลังถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” พรีเอลล์เอ่ยถาม“แน่นอน”พี่น้องสองคนยังคงลังเลแต่ก็ยอมหยดเลือดลงบนสัญญา จากนั้นเย่ซิวก็ทำตามเช่นกันสัญญาส่งแสงแปลกประหลาดออกมาโดยแยกเป็นสามส่วน ก่อนจะซึมเข้าสู่ร่างกายของทั้งสามคนในใจพวกเขาก็เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้นมาโดยทันที หากละเมิดขึ้นมาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลสองพี่น้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอแค่สร้างความเชื่อใจกันได้ก็เพียงพอแล้วพรีเอลล์มองไปยังพี่ชายของเธอ “พี่ว่าเราบอกเรื่องนั้นเขาไปดีไหม อาจจะได้อะไรกลับมาก็ได้”พูทดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยกับเย่ซิว “มีโอกาสครั้งใหญ่รออยู่ ขึ้นอยู่กับว่านายจะมีความสามารถพอที่จะคว้ามันไว้ได้หรือเปล่าเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของประเทศจ้านอิงตี้เลยนะ ถ้าตระกูลเราไม่มีพื้นฐานดีก็คงไม่มีทางรู้ได้”เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจในทั