ขณะที่สติของเธอเริ่มไม่ชัดเจนแล้ว และกำลังภายในไม่สามารถกดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และยาในร่างกายได้อีกชายชราทั้งหกคนนี้ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นเหมือนกับพยัคฆ์ฉีกยิ้มที่สามารถฆ่าคนให้ตายอย่างไร้ซุ่มเสียงเห็นว่าเธอกำลังจะดื่มอีกครั้ง เย่ซิวก็ลุกขึ้นแล้วผลักเธอลง "เธอพักเถอะ ฉันต่อเอง"เขาปลดปล่อยกำลังภายในเข้าไปในร่างของเธอแล้วขับสิ่งผิดปกติในร่างของเวินหว่านเอ๋อร์ออกไปอย่างเงียบ ๆประหนึ่งถูกน้ำเย็นรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทันใดนั้นเธอก็ตื่นตัวมากยิ่งขึ้นอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกเย่ซิวหยุดไว้ "พักเถอะ"เขามองไปที่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าทั้งหกด้วยท่าทางสงบ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "พวกคุณกล้าดื่มกับผมไหมล่ะ ผมดื่มแก้วใหญ่ ส่วนพวกคุณครึ่งแก้วก็พอ"เขาตัดสินใจแล้วที่จะให้บทเรียนแก่ชายชราทั้งหกคนนี้ทั้งหกคนมองหน้ากัน และพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัวพวกเขาล้วนมองออกว่าเย่ซิวเป็นม้าพยศที่ปราบให้เชื่องไม่ได้ง่าย ๆถ้าคุณคิดที่จะกำราบให้มันเชื่อฟัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลบคมเขี้ยวของมันให้ทื่อก่อน หลิวหั่วหัวเราะเบา ๆ และพูดขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเริ่มเป็นคนแรก"เขาปรบมือ ก็มีคนข้างในยกไวน์หลายส
เย่ซิวเหลือบมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานเฟิงเธอดูอ่อนโยนและเหมือนจะว่าง่าย ผิวขาวผ่องดั่งหิมะ และมีดวงตาฉ่ำน้ำถ้าอยู่บนเตียง คงให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปไม่น้อยทีเดียวแต่เย่ซิวส่ายหัว "คู่ควงหญิงของคุณเทียบกับของผมไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือบุคลิก"หานเฟิงมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยังคงหน้าแดงอยู่ ท่าทางหญิงสาวเหมือนกำลังรอให้คนไปครอบครองนี่เป็นความงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ขนาดด้วยสถานะของเขา ความงามระดับนี้เองเขาก็ยังเล่นผ่านมือมาไม่มากนัก“งั้นฉันเพิ่มเงินให้อีกหนึ่งหมื่นล้านบาท”เขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะดื่มได้มากกว่านี้แล้วเย่ซิวยิ้ม "ตกลง!"ตอนนี้เขาขาดเงินอยู่พอดี การสร้างสวนยาเป็นเหมือนหลุมดำไร้ก้น เขาจึงไม่รังเกียจเลยว่าจะเงินจะมากขึ้นกว่านี้การแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้งเย่ซิวดื่มหนักมาก และไม่ให้โอกาสหานเฟิงได้หยุดพักหายใจ เขาดื่มไปขวดแล้วขวดเล่า ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตะลึงอ้าปากค้างโดยเฉพาะคู่ควงหญิงไม่กี่คนพวกนั้น เมื่อเห็นชายที่กล้าหาญองอาจแบบนี้ พวกเธอก็อดไม่ได้ที่เธอรู้สึกหวั่นไหว “อ้วก!!”หานเฟิงอาเจียนออกมาในที่สุด แต่เขาไม่ได้อาเจียนใส่คู่คว
สำหรับเขาแล้ว เย่ซิวได้อยู่ในสายตาสักนิดฉีตังกั๋วหัวเราะเบา ๆ และสั่งให้คนนำโต๊ะเสริมเข้ามาหลังจากที่เขานั่งลง ฉีตังกั๋วก็พูดกับเย่ซิวว่า “นี่คือสวีอิงที่เพิ่งกลับมาจากประเทศจ้านอิงตี้”“เด็กคนนี้น่าทึ่งมาก เขาเริ่มต้นกิจการด้วยสองมือเปล่า และในเวลาเพียงห้าปี เขาก็กลายเป็นหนึ่งในสิบคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศจ้านอิงตี้แล้ว”“กลับมาคราวนี้ จะเน้นกลับมาตั้งตัวในประเทศแล้ว”เย่ซิวยังคงไม่พูดอะไร มองทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ อยากจะดูว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้คิดจะทำอะไรกันแน่สวีอิงพูดอย่างสุภาพว่า "ชมกันเกินไปแล้วครับ อยู่ต่อหน้าคุณ ผมไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งนั้น"สมาชิกทั้งหกคนของหอการค้าต่างก็พึงพอใจกับสวีอิงมากเมื่อเทียบกับทัศนคติที่แสนพยศของเย่ซิว สวีอิงนั้นทั้งถ่อมตัวและสุภาพฉีตังกั๋วพูดว่า "ฉันรู้ดีว่าความสามารถของนายนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสุภาพมากเกินไปนักหรอก"จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เย่ซิว "นี่คือเย่ซิว พวกนายทำความรู้จักกันไว้สิ"“อืม” สวีอิงเพียงพยักหน้าให้เย่ซิวชนิดที่แทบจะมองไม่ออกเมื่อพิจารณาจากคำพูดและท่าทางของเขา ดูออกว่าเขาไม่เห็นเย่ซิวอยู่ในสายตาเลย
เปลือกตาของผู้หญิงคนนั้นตกลง และเสียงของเธอก็แผ่วเบามาก "ได้โปรดให้ทางรอดแก่ฉันด้วยเถอะนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปกับคุณในคืนนี้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับที่บ้านของฉันและบ้านสามีฉันอย่างแน่นอนและฉัน มีโอกาสสูงมากที่จะตาย”“โอ้?” เย่ซิวถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ฟังหน่อยสิ”“นี่คือกฎค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อย "ครอบครัวสามีของฉัน ใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งฉันมาเพื่อรับความโปรดปรานจากคุณหาน... "หลังจากได้ยินคำอธิบายของผู้หญิงคนนี้แล้ว เย่ซิวก็หัวเราะเยาะที่แท้เธอก็เพิ่งจะแต่งงานเมื่อวานนี้แต่สามีของเธอยังไม่ได้แตะต้องเธอเลย เธอยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ครบถ้วนเหตุผลในการทำเช่นนี้ก็เพราะหานเฟิงชอบภรรยาของคนอื่น และครอบครัวสามีของผู้หญิงคนนี้เองก็มีเจตนาที่จะประจบประแจงเขา“งั้นไปกันเถอะ ขึ้นรถ”ผู้หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าขอบคุณหลังจากขึ้นรถแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง ดูเขินอายเล็กน้อยหากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าเธอดูสง่างามและอ่อนหวานมาก ระหว่างคิ้วของเธอให้อารมณ์ของสาวจากเจียงหนานที่จะดูโศกเศร้าเล็กน้อยถ้าเพิ่มสถานะเป็นภรรยา ก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของคนที่มีรสนิยมพิเ
“เธอต้องรับสิ่งนี้ไว้ เพราะมันเป็นสินสอดในอนาคตที่ฉันจะมอบให้กับเธอ!”หลิ่วเมิ่งอิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอก้มหน้างุด ไม่กล้ามองเย่ซิวและได้แต่พูดอึก ๆ อัก ๆ ว่า "พี่ชาย...คุณ...คุณกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ..."เย่ซิวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่ของหลิ่วเมิ่งอิ๋น และอีกข้างโอบไหล่ของเซี่ยซิ่วซิ่ว "พวกเธอทั้งคู่เป็นผู้หญิงของผม ใครก็หนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!"น้ำเสียงนั้นครอบงำอย่างมาก แต่หญิงสาวทั้งสองกลับมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนี้นี่ถือเป็นคำสัญญาของเย่ซิวที่ให้ต่อพวกเธอทั้งสองคนแทนที่จะกลับบ้าน เขาพาพวกเธอไปที่บริษัทโดยตรงณ ใจกลางเมืองของเมืองหลวง สถานที่นี้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากอาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มาเยือน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงตกตะลึงมากมีอาคารหลายแห่งที่เธอเคยเห็นผ่านทางโทรทัศน์เท่านั้น“นั่นคือตึกอวิ๋นติ่ง ได้ข่าวว่าค่าเช่าเดือนละหนึ่งพันล้านเลย จริงไหม?”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่อาคารนั้นตอนนี้เป็นของฉันแล้ว"หลิ่วเมิ่งอิ๋นอุทาน ดวงตาโตของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่โลภเย่ซิวจับมือของพวกเธอแล้วเดินเข้าไป
ไม่ว่าเจ้านายคนใหม่ที่เข้ามาจะเป็นใคร พวกเขาก็ล้วนต่อต้านทั้งหมดด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้และพวกเขาก็ไม่กลัวด้วยว่าเจ้านายคนใหม่จะโกรธแม้ว่าคุณจะโกรธ แล้วจะยังไงล่ะ?ถ้าไม่มีพวกเขา ครึ่งหนึ่งของบริษัทก็จะเป็นอัมพาตในทันที!คนเหล่านี้จึงมั่นใจเป็นอย่างมากเย่ซิวจิบชาแล้วพูดอย่างสบายอารมณ์ "แล้วถ้าฉันดึงดันจะมอบตำแหน่งให้ทั้งสองคนนี้ให้ได้ล่ะ?"“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการลาออก”“ถูกต้อง ฉันก็จะลาออกด้วย!”“ขอร้องเถอะครับเจ้านาย ได้โปรดถอนคำสั่งกลับไปด้วย พวกเราพนักงานเก่าไม่อยากเห็นบริษัทถูกทำลายจริง ๆ !”…… พวกเขาแต่ละคนพูดด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น หากเปลี่ยนเป็นคนนอกที่ไม่รู้แล้วมาเห็นฉากนี้เข้า คงได้คิดว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อบริษัทอย่างมากเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่างก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้ากังวลเย่ซิวกวาดตามองผู้คนที่ยืนหยัดเพื่อต่อต้านทีละคน ๆ แล้วยิ้ม "เอาล่ะ ผมอนุมัติการลาออกของพวกคุณ”“ทุกคนช่างสมกับที่เป็นผู้อาวุโสของบริษัท คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทก่อนใดอื่นทั้งหมด”“ในเมื่อพวกคุณเสนอตัวที่จะลาออกด
ด้วยการที่มีสาวเพิ่มมาสองคนอย่างกะทันหัน ภายในห้องก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันทีไป๋อวี้เจี๋ยสามารถลุกจากเตียงมาเดินได้แล้วรอยแผลไหม้ที่มือของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็หายดีแล้วเช่นกัน ใบหน้าของเธอจึงแสดงความมั่นใจอีกครั้งเมื่อเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นนอกจากจะรู้สึกมีความสุขแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกเศร้าโศกข้างกายเย่ซิวมีสาวสวยมากขึ้นเรื่อย ๆเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยและหลิวอวิ้นเห็นเด็กผู้หญิงทั้งสอง พวกเธอก็พลันตกใจมากผิวของทั้งคู่ช่างไร้ที่ติ ราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้นพวกเธอยังงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์โดยเฉพาะหลิ่วเมิ่งอิ๋น ด้วยหน้าอกที่น่าประทับใจของเธอซึ่งโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ทำให้เหล่าสาว ๆ รู้สึกประหม่าอย่างมากมัน 'น่าเกรงขาม' เกินไป'การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น' ที่เย่ซิวกังวลนั้นดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นสาว ๆ เหล่านี้มีนิสัยที่แตกต่างกัน เมื่อมารวมตัวกันก็พูดคุยกันไม่หยุดหย่อนแต่เย่ซิวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขามาที่นี่ หรือว่าทุกคนเข้ากันได้อย่างราบรื่นจริง ๆอย่างไรก็ตาม วันดี ๆ ของเขากำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าที่โต๊ะอาหารเย็น เมื่อทุกคนเกือบจะกินข้าวกันเสร็จแล้ว ไป๋อวี้เจี
ทันใดนั้นเย่ซิวก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และความโกรธเล็กน้อยในใจของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรก็ตาม เขายังคงบีบคางของเธอแล้วเอ่ยว่า "ห้ามทะเลาะกันอีก อีกไม่กี่วัน หลังจากที่คุณหายดีแล้ว คุณก็กลับบ้านได้"โอ้"ไป๋อวี้เจี๋ยเชื่อฟัง เธอกลอกตาไปมา ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เย่ซิวไม่สนใจและชี้ไปที่เตียง "ไปนอนตรงนั้น ผมจะฝังเข็มให้"ไป๋อวี้เจี๋ยกะพริบตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ "รับทราบค่ะนายท่าน ไม่ต้องทำเบา ๆ นะคะ"ความโกรธของเย่ซิวปะทุขึ้นอีกครั้งทันที……ในร้านอาหารเล็ก ๆ ภายในห้องส่วนตัว มีคนนั่งอยู่สามคนหากเวินหว่านเอ๋อร์อยู่ที่นี่ เธอคงจะจำคนสามคนนี้ได้ทันที เพราะหนึ่งในนั้นคือมือขวาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเธอเอง อีกสองคนคือคู่แข่งตัวฉกาจของเธออย่าง หนานหวัง[footnoteRef:0]และตาวหวัง[footnoteRef:1] [0: หนานหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งแดนใต้] [1: ตาวหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งมีด] หนานหวังเป็นผู้ชายที่ดูอ่อนโยน ในขณะที่ตาวหวังมีหน้าตาที่ดุร้าย สวมเสื้อแขนสั้นและกล้ามเนื้อปูดโปนที่ปรึกษาเทไวน์ลงในแก้วให้สองคนนั้น และพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "คุณสองคน ผมมีข้อเ
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้