เย่ซิวเหลือบมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานเฟิงเธอดูอ่อนโยนและเหมือนจะว่าง่าย ผิวขาวผ่องดั่งหิมะ และมีดวงตาฉ่ำน้ำถ้าอยู่บนเตียง คงให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปไม่น้อยทีเดียวแต่เย่ซิวส่ายหัว "คู่ควงหญิงของคุณเทียบกับของผมไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือบุคลิก"หานเฟิงมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยังคงหน้าแดงอยู่ ท่าทางหญิงสาวเหมือนกำลังรอให้คนไปครอบครองนี่เป็นความงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ขนาดด้วยสถานะของเขา ความงามระดับนี้เองเขาก็ยังเล่นผ่านมือมาไม่มากนัก“งั้นฉันเพิ่มเงินให้อีกหนึ่งหมื่นล้านบาท”เขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะดื่มได้มากกว่านี้แล้วเย่ซิวยิ้ม "ตกลง!"ตอนนี้เขาขาดเงินอยู่พอดี การสร้างสวนยาเป็นเหมือนหลุมดำไร้ก้น เขาจึงไม่รังเกียจเลยว่าจะเงินจะมากขึ้นกว่านี้การแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้งเย่ซิวดื่มหนักมาก และไม่ให้โอกาสหานเฟิงได้หยุดพักหายใจ เขาดื่มไปขวดแล้วขวดเล่า ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตะลึงอ้าปากค้างโดยเฉพาะคู่ควงหญิงไม่กี่คนพวกนั้น เมื่อเห็นชายที่กล้าหาญองอาจแบบนี้ พวกเธอก็อดไม่ได้ที่เธอรู้สึกหวั่นไหว “อ้วก!!”หานเฟิงอาเจียนออกมาในที่สุด แต่เขาไม่ได้อาเจียนใส่คู่คว
สำหรับเขาแล้ว เย่ซิวได้อยู่ในสายตาสักนิดฉีตังกั๋วหัวเราะเบา ๆ และสั่งให้คนนำโต๊ะเสริมเข้ามาหลังจากที่เขานั่งลง ฉีตังกั๋วก็พูดกับเย่ซิวว่า “นี่คือสวีอิงที่เพิ่งกลับมาจากประเทศจ้านอิงตี้”“เด็กคนนี้น่าทึ่งมาก เขาเริ่มต้นกิจการด้วยสองมือเปล่า และในเวลาเพียงห้าปี เขาก็กลายเป็นหนึ่งในสิบคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศจ้านอิงตี้แล้ว”“กลับมาคราวนี้ จะเน้นกลับมาตั้งตัวในประเทศแล้ว”เย่ซิวยังคงไม่พูดอะไร มองทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ อยากจะดูว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้คิดจะทำอะไรกันแน่สวีอิงพูดอย่างสุภาพว่า "ชมกันเกินไปแล้วครับ อยู่ต่อหน้าคุณ ผมไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งนั้น"สมาชิกทั้งหกคนของหอการค้าต่างก็พึงพอใจกับสวีอิงมากเมื่อเทียบกับทัศนคติที่แสนพยศของเย่ซิว สวีอิงนั้นทั้งถ่อมตัวและสุภาพฉีตังกั๋วพูดว่า "ฉันรู้ดีว่าความสามารถของนายนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสุภาพมากเกินไปนักหรอก"จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เย่ซิว "นี่คือเย่ซิว พวกนายทำความรู้จักกันไว้สิ"“อืม” สวีอิงเพียงพยักหน้าให้เย่ซิวชนิดที่แทบจะมองไม่ออกเมื่อพิจารณาจากคำพูดและท่าทางของเขา ดูออกว่าเขาไม่เห็นเย่ซิวอยู่ในสายตาเลย
เปลือกตาของผู้หญิงคนนั้นตกลง และเสียงของเธอก็แผ่วเบามาก "ได้โปรดให้ทางรอดแก่ฉันด้วยเถอะนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปกับคุณในคืนนี้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับที่บ้านของฉันและบ้านสามีฉันอย่างแน่นอนและฉัน มีโอกาสสูงมากที่จะตาย”“โอ้?” เย่ซิวถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ฟังหน่อยสิ”“นี่คือกฎค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อย "ครอบครัวสามีของฉัน ใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งฉันมาเพื่อรับความโปรดปรานจากคุณหาน... "หลังจากได้ยินคำอธิบายของผู้หญิงคนนี้แล้ว เย่ซิวก็หัวเราะเยาะที่แท้เธอก็เพิ่งจะแต่งงานเมื่อวานนี้แต่สามีของเธอยังไม่ได้แตะต้องเธอเลย เธอยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ครบถ้วนเหตุผลในการทำเช่นนี้ก็เพราะหานเฟิงชอบภรรยาของคนอื่น และครอบครัวสามีของผู้หญิงคนนี้เองก็มีเจตนาที่จะประจบประแจงเขา“งั้นไปกันเถอะ ขึ้นรถ”ผู้หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าขอบคุณหลังจากขึ้นรถแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง ดูเขินอายเล็กน้อยหากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่าเธอดูสง่างามและอ่อนหวานมาก ระหว่างคิ้วของเธอให้อารมณ์ของสาวจากเจียงหนานที่จะดูโศกเศร้าเล็กน้อยถ้าเพิ่มสถานะเป็นภรรยา ก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของคนที่มีรสนิยมพิเ
“เธอต้องรับสิ่งนี้ไว้ เพราะมันเป็นสินสอดในอนาคตที่ฉันจะมอบให้กับเธอ!”หลิ่วเมิ่งอิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอก้มหน้างุด ไม่กล้ามองเย่ซิวและได้แต่พูดอึก ๆ อัก ๆ ว่า "พี่ชาย...คุณ...คุณกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ..."เย่ซิวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่ของหลิ่วเมิ่งอิ๋น และอีกข้างโอบไหล่ของเซี่ยซิ่วซิ่ว "พวกเธอทั้งคู่เป็นผู้หญิงของผม ใครก็หนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!"น้ำเสียงนั้นครอบงำอย่างมาก แต่หญิงสาวทั้งสองกลับมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนี้นี่ถือเป็นคำสัญญาของเย่ซิวที่ให้ต่อพวกเธอทั้งสองคนแทนที่จะกลับบ้าน เขาพาพวกเธอไปที่บริษัทโดยตรงณ ใจกลางเมืองของเมืองหลวง สถานที่นี้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากอาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มาเยือน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงตกตะลึงมากมีอาคารหลายแห่งที่เธอเคยเห็นผ่านทางโทรทัศน์เท่านั้น“นั่นคือตึกอวิ๋นติ่ง ได้ข่าวว่าค่าเช่าเดือนละหนึ่งพันล้านเลย จริงไหม?”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่อาคารนั้นตอนนี้เป็นของฉันแล้ว"หลิ่วเมิ่งอิ๋นอุทาน ดวงตาโตของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่โลภเย่ซิวจับมือของพวกเธอแล้วเดินเข้าไป
ไม่ว่าเจ้านายคนใหม่ที่เข้ามาจะเป็นใคร พวกเขาก็ล้วนต่อต้านทั้งหมดด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้และพวกเขาก็ไม่กลัวด้วยว่าเจ้านายคนใหม่จะโกรธแม้ว่าคุณจะโกรธ แล้วจะยังไงล่ะ?ถ้าไม่มีพวกเขา ครึ่งหนึ่งของบริษัทก็จะเป็นอัมพาตในทันที!คนเหล่านี้จึงมั่นใจเป็นอย่างมากเย่ซิวจิบชาแล้วพูดอย่างสบายอารมณ์ "แล้วถ้าฉันดึงดันจะมอบตำแหน่งให้ทั้งสองคนนี้ให้ได้ล่ะ?"“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการลาออก”“ถูกต้อง ฉันก็จะลาออกด้วย!”“ขอร้องเถอะครับเจ้านาย ได้โปรดถอนคำสั่งกลับไปด้วย พวกเราพนักงานเก่าไม่อยากเห็นบริษัทถูกทำลายจริง ๆ !”…… พวกเขาแต่ละคนพูดด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น หากเปลี่ยนเป็นคนนอกที่ไม่รู้แล้วมาเห็นฉากนี้เข้า คงได้คิดว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อบริษัทอย่างมากเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่างก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้ากังวลเย่ซิวกวาดตามองผู้คนที่ยืนหยัดเพื่อต่อต้านทีละคน ๆ แล้วยิ้ม "เอาล่ะ ผมอนุมัติการลาออกของพวกคุณ”“ทุกคนช่างสมกับที่เป็นผู้อาวุโสของบริษัท คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทก่อนใดอื่นทั้งหมด”“ในเมื่อพวกคุณเสนอตัวที่จะลาออกด
ด้วยการที่มีสาวเพิ่มมาสองคนอย่างกะทันหัน ภายในห้องก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันทีไป๋อวี้เจี๋ยสามารถลุกจากเตียงมาเดินได้แล้วรอยแผลไหม้ที่มือของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็หายดีแล้วเช่นกัน ใบหน้าของเธอจึงแสดงความมั่นใจอีกครั้งเมื่อเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นนอกจากจะรู้สึกมีความสุขแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกเศร้าโศกข้างกายเย่ซิวมีสาวสวยมากขึ้นเรื่อย ๆเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยและหลิวอวิ้นเห็นเด็กผู้หญิงทั้งสอง พวกเธอก็พลันตกใจมากผิวของทั้งคู่ช่างไร้ที่ติ ราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้นพวกเธอยังงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์โดยเฉพาะหลิ่วเมิ่งอิ๋น ด้วยหน้าอกที่น่าประทับใจของเธอซึ่งโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ทำให้เหล่าสาว ๆ รู้สึกประหม่าอย่างมากมัน 'น่าเกรงขาม' เกินไป'การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น' ที่เย่ซิวกังวลนั้นดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นสาว ๆ เหล่านี้มีนิสัยที่แตกต่างกัน เมื่อมารวมตัวกันก็พูดคุยกันไม่หยุดหย่อนแต่เย่ซิวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขามาที่นี่ หรือว่าทุกคนเข้ากันได้อย่างราบรื่นจริง ๆอย่างไรก็ตาม วันดี ๆ ของเขากำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าที่โต๊ะอาหารเย็น เมื่อทุกคนเกือบจะกินข้าวกันเสร็จแล้ว ไป๋อวี้เจี
ทันใดนั้นเย่ซิวก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และความโกรธเล็กน้อยในใจของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรก็ตาม เขายังคงบีบคางของเธอแล้วเอ่ยว่า "ห้ามทะเลาะกันอีก อีกไม่กี่วัน หลังจากที่คุณหายดีแล้ว คุณก็กลับบ้านได้"โอ้"ไป๋อวี้เจี๋ยเชื่อฟัง เธอกลอกตาไปมา ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เย่ซิวไม่สนใจและชี้ไปที่เตียง "ไปนอนตรงนั้น ผมจะฝังเข็มให้"ไป๋อวี้เจี๋ยกะพริบตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ "รับทราบค่ะนายท่าน ไม่ต้องทำเบา ๆ นะคะ"ความโกรธของเย่ซิวปะทุขึ้นอีกครั้งทันที……ในร้านอาหารเล็ก ๆ ภายในห้องส่วนตัว มีคนนั่งอยู่สามคนหากเวินหว่านเอ๋อร์อยู่ที่นี่ เธอคงจะจำคนสามคนนี้ได้ทันที เพราะหนึ่งในนั้นคือมือขวาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเธอเอง อีกสองคนคือคู่แข่งตัวฉกาจของเธออย่าง หนานหวัง[footnoteRef:0]และตาวหวัง[footnoteRef:1] [0: หนานหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งแดนใต้] [1: ตาวหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งมีด] หนานหวังเป็นผู้ชายที่ดูอ่อนโยน ในขณะที่ตาวหวังมีหน้าตาที่ดุร้าย สวมเสื้อแขนสั้นและกล้ามเนื้อปูดโปนที่ปรึกษาเทไวน์ลงในแก้วให้สองคนนั้น และพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "คุณสองคน ผมมีข้อเ
บุคคลที่ที่ปรึกษาให้ไปจัดการวางทุ่นระเบิดนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของหนานหวังมานานแล้วในห้องส่วนตัว ที่ปรึกษายืนขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ"เวินหว่านเอ๋อร์กำลังจะพยักหน้า แต่จู่ ๆ ความรู้สึกถึงวิกฤตอันรุนแรงก็แล่นเข้ามาในหัวใจของเธอนี่คือความสามารถที่เธอได้มาในฐานะจอมยุทธระดับเจ็ดร่างกายของเธอเริ่มหมุนเวียนกำลังภายในอันทรงพลัง และกระจายไปทั่วร่างกายโดยสัญชาตญาณเมื่อการหมุนเวียนพลังใกล้จะเสร็จสิ้น เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในขอบเขตการมองเห็นของเธอ และเสียงระเบิดในหูเกือบจะทำให้แก้วหูของเธอแตกตู้ม ตู้ม ตู้ม!ลานบ้านไร่ทั้งหมดถูกระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ!ตาวหวังและหนานหวังจ้องมองอย่างตั้งใจไปที่เปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็เห็นเงาดำพุ่งออกมาจากด้านในตาวหวังตะโกน "ตามไป!"“อย่าปล่อยให้นางนั่นหนีไปได้!”ทั้งสองคนรีบออกไปก่อน ตามมาด้วยยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา"อัก!"ในขณะที่เวินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังวิ่งอยู่นั้น เธอก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และการมองเห็นของเธอก็มืดลงเสื้อผ้าของเธอขาดรุ่งริ่ง และผิวหนังที่เผยออกมาก็ไหม้เกรียมเป
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ