ไม่นานหลังจากนั้นเย่ซิวก็ได้เมล็ดพันธุ์สมุนไพรมาหลายชนิดแน่นอนว่านี่ยังไม่เพียงพอ ระหว่างที่สาว ๆ ช้อปปิ้ง เขาเองก็ซื้อของระหว่างทางบ้างนิดหน่อยเช่นกัน “หืม? นี่มัน!”ตอนที่เย่ซิวกำลังจะเดินออกไป สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร้านค้าแห่งหนึ่งที่แผงขายด้านนอกมีสมุนไพรที่ค่อนข้างเหี่ยวและมีสีเหลืองรูปร่างของใบไม้นั้นคล้ายงู วางอยู่ตรงนั้นอย่างระเกะระกะเย่ซิวเหลือบมองอีกสองสามครั้งและรู้สึกดีใจมากเขาจำที่มาของสมุนไพรนี้ได้ มันเรียกว่า 'ว่านทีฆชาติ'[footnoteRef:0] [0: ทีฆชาติ' หมายถึง งู] นี่เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการปรับแต่งโอสถฟื้นฟู ซึ่งเขาเคยเห็นในหนังสือเท่านั้นโอสถฟื้นฟูขนาดเล็กสามารถเพิ่มพลังของจอมยุทธได้เป็นเวลาสิบปีคนหนึ่งสามารถกินได้ถึงห้าเม็ดแม้ว่าฤทธิ์จะลดลงตามจำนวนครั้งที่กินเข้าไป แต่หลังจากกินไปห้าเม็ดแล้ว ก็ยังสามารถเพิ่มพลังได้อีกยี่สิบห้าปีหากเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถฟื้นฟูขนาดเล็กจำนวนมากได้และกระจายข่าวออกไป เหล่าจอมยุทธ์ในยุทธภพนับไม่ถ้วนจะมาขอเข้าร่วมกับเขาเขาเดินเข้าไปถามเจ้าของร้านโดยไม่พูดเรื่องอื่นไร้สาระ "เครื่องยาสมุนไพรนี่ขายยังไงครับ?"เจ
“นี่ นี่มัน นี่มัน...”เมื่อเห็นว่าอาการที่เรื้อรังมานานบนขาขวาของตนมลายหายไปแล้ว เจ้าของร้านก็กระทืบเท้าอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า และก้มหัวลงกับพื้นพูดว่า "ขอบคุณผู้มีพระคุณสำหรับความเมตตานี้!"เย่ซิวยืนขึ้นและรับคำขอบคุณอย่างสุขุม"ครับ ลุกขึ้นเถอะ"เจ้าของร้านค่อย ๆ ลุกขึ้น และทัศนคติของเขาที่มีต่อเย่ซิวนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขามีความเคารพอย่างมาก "ผู้มีพระคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการเครื่องยาสมุนไพรอะไรเท่าไหร่ ฉันจะจัดหาให้คุณ ส่วนสมุนไพรในร้านนี้ทั้งหมดฉันขอยกให้คุณเลยแล้วกัน”หลังจากถามแล้วเขาจึงรู้ว่าเบื้องหลังเจ้าของร้านคนนี้มีทีมรวบรวมสมุนไพรมากกว่าห้าสิบคน พวกเขามีประสบการณ์มากมายและมักจะขุดแต่ของดี ๆเย่ซิวขอหมายเลขโทรศัพท์ของเขาและซื้อทุกอย่างที่เขาชอบในร้าน รวมถึงว่านทีฆชาติด้วยว่านทีฆชาตินี้ดูภายนอกนั้นเหมือนจะเหี่ยวตายอยู่แล้ว แต่เขามีทักษะลับเฉพาะที่สามารถคืนชีพให้ว่านนี้ได้หลังจากเดินซื้อของรอบ ๆ ก็มีถุงใบใหญ่ทั้งหมดหกใบ โดยที่สาว ๆ ทั้งสามคนถือถุงกันคนละสองใบ ในขณะที่เย่ซิวนั้นไม่ได้ถืออะไรเ
พวกเขาอยากจะออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างมานานแล้ว แต่คำว่าไม่มีโอกาสขัดขวางพวกเขาไว้ ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็สมหวังตามความปรารถนาแล้วรากฐานของตระกูลสวีนั้นลึกซึ้งกว่าของตระกูลเย่ที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก!ราชาทั้งสองพูดพร้อมกัน "พวกเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อตระกูลสวีครับ!"สวีอิงยิ้ม "ต่อไปงานหลักจองพวกคุณคือจับตาดูเย่ซิวและรายงานทุกการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าวส่วนเงินทุนสำหรับแผนนี้ ผมจะโอนให้พวกคุณก่อนสองพันล้าน”ราชาทั้งสองยอมรับข้อเสนอสวีอิงจิบชาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม "เย่ซิว แกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? อยู่รอดให้ถึงเดือนก่อนเถอะ"……“เฮ้อ ในที่สุดก็ช่วยชีวิตเธอไว้ได้”ภายในวิลล่า เย่ซิวปาดเหงื่อ และมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีด แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกในห้องเปิดแอร์ไว้ที่ยี่สิบเจ็ดองศา ไม่เช่นนั้นเวินหว่านเอ๋อร์ที่เหลือเสื้อผ้าเพียงน้อยนิดและร่างกายอ่อนแอเช่นนี้คงทนไม่ไหวแน่หลังจากพยายามช่วยเหลือนานกว่าสองชั่วโมง เธอก็ถูกดึงขึ้นมาจากเหวแห่งความตายจากนั้นเขาก็ใช้ครีมผิวหยกที่เพิ่งผสมไว้ก่อนหน้านี้ทาลงแผลไฟไหม้ทั่วร่างกายของ
เวินหว่านเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่เพดาน รู้สึกสับสนอยู่พักหนึ่งความเจ็บปวดสาหัสที่พุ่งออกมาจากร่างกายของเธอทันทีทำให้ความทรงจำของเธอหลั่งไหลกลับมาราวกับกระแสน้ำ“ฉัน… ยังไม่ตาย”“คุณโชคดีแล้วที่ได้เจอกัน”เย่ซิวนั่งอยู่บนขอบเตียง เขาจับมือที่เย็นเฉียบของเธอพลางส่งกำลังภายในเข้าไปหล่อเลี้ยง 'สภาพ' ไร้ชีวิตของเธอ และถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"เวินหว่านเอ๋อร์หันไปมองเย่ซิวและฝืนเหยียดยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ "ฉันถูกหักหลัง..."เธอบอกเย่ซิวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเดิมที่เธอคิดว่าเย่ซิวจะตำหนิเธอ แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวแล้วเขาก็ยังคงสงบ "ไม่จำเป็นต้องกังวล แค่ดูแลตัวเองให้หายดีก็พอ"เวินหว่านเอ๋อร์ตกตะลึง "คุณไม่โทษฉันเหรอ? ถ้าฉันระมัดระวังมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ตราบใดที่คุณหายดี ถ้าคุณหายดีเมื่อไหร่ผมจะพาคุณไปทวงของของคุณคืน"บางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บและความอ่อนแอของเธอ เวินหว่านเอ๋อร์รู้สึกอ่อนไหวและซาบซึ้งได้ง่าย ๆ ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสะเทือนใจ ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา และส่งเสียงส
“พี่สาว?”ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกประหลาดใจและดีใจ เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วเย่ซิวไม่ได้พูดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วตอนที่เธอหมดสติที่โรงแรมสำหรับไป๋อวี้เตี๋ย ในช่วงนี้เธอประพฤติตัวค่อนข้างดี ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่วันนี้จู่ ๆ ก็ติดต่อเธอมาไป๋อวี้เจี๋ยมีเรื่องมากมายที่จะพูดกับพี่สาวคนนี้ ซึ่งเธอไม่ได้เจอมาหลายปีแล้วดังนั้นเมื่อไป๋อวี้เตี๋ยชวนเธอไปพบ เธอจึงไม่ลังเลและไปทันทีเธอเปลี่ยนชุดแล้วออกไปในความมืด มียอดฝีมือหญิงหลายคนแอบติดตามเธออยู่เฉิงเฟิงนำยอดฝีมือมามากมาย เขาจัดให้มีผู้คุ้มกันสำหรับผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวได้คนละสามคนไป๋อวี้เจี๋ยมาที่ร้านกาแฟสุดหรูและได้พบกับพี่สาวของเธอ ซึ่งค่อนข้างจะคล้ายกับเธอ แต่มีรูปร่างที่ดีกว่าและดูอ่อนกว่าวัย“พี่สาว ฉันคิดถึงพี่มากเลย”ไป๋อวี้เจี๋ยรีบวิ่งเข้าไปกอดเธอไป๋อวี้เตี๋ยตบหลังเธอเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่งสิ"สองสาวนั่งลง และไป๋อวี้เจี๋ยก็พูดคุยกันโดยถามว่าไป๋อวี้เตี๋ยอยู่ที่ไหนและทำอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมาอันที่จริงเธอไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่สาวของเธอเลยไป๋อวี้เตี๋ยจิบกาแฟพลางตอบคำถามน้องสาวของเธอกลับมา
เซี่ยซิ่วซิ่วได้คำนวณทรัพย์สินที่ได้รับจากตระกูลเย่แล้วทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์มีเกินกว่าหนึ่งล้านสองแสนล้านบาท ในขณะที่บัญชีรวมของบริษัทเงินสดมีมากกว่าห้าล้านหกแสนล้านบาทก่อนอื่น ให้เซี่ยซิ่วซิ่วจัดสรรเงินสามแสนล้านบาทเพื่อชำระคืนเงินที่เหลือสำหรับการซื้อที่ดินบัญชีบริษัทสตาร์รี่สกายและเงินสดในมือของเขารวมกันมีมูลค่ารวมกว่าล้านล้านบาทนอกจากนี้ยังมีอีกมากกว่าล้านล้านบาทที่เฉิงเฟิงนำมาด้วยการลงทุนในระยะเริ่มแรกของการสร้างสวนเครื่องยาสมุนไพรน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการซื้ออุปกรณ์และการจ้างผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ทีหลังขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเย่ซิวหรี่ตาลงมองไปที่หมายเลขผู้โทรเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดโดยปกติแล้วหากมีบอดี้การ์ดโทรหาเขา แสดงว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นเขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเสียงบอดี้การ์ดที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้น “เจ้านาย แย่แล้วค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับคุณไป๋ พาเธอออกไปแล้ว”เสียงของเย่ซิวแผ่วเบา "เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วย"หลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ออกไปตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่
เบื้องหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถเมื่อเห็นเขา ไป๋อวี้เตี๋ยก็นึกถึงความอัปยศอดสูในตอนนั้นทันที และเส้นเลือดแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอเธอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะจัดการกับผู้ชายที่ทำลายวิทยายุทธในอนาคตของเธอ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่เธอลดกระจกรถลงแล้วพูดกับบอดี้การ์ดที่ออกมาจากรถหลายคันที่อยู่ข้างหลังเธอว่า "หักแขนหักขาแล้วโยนเขาลงน้ำไปซะ"บอดี้การ์ดที่ทรงพลังหลายสิบคนออกมาจากรถ กลิ่นอายสังหารของพวกเขากระจายไปทุกทิศทางไป๋อวี้เจี๋ยลืมตาขึ้น เมื่อได้เห็นเย่ซิว ดวงตาของเธอก็เป็นประกายสว่างไป๋อวี้เตี๋ยถอนหายใจอย่างเหยียดหยาม"อย่าฝากความหวังไว้กับเขาเลย เขาจะไม่มีวันรอดไปได้แน่ เพราะพี่สาวของเธอคนนี้... เป็นปรมาจารย์ได้แล้ว!"ทันทีที่สิ้นสุดเสียง กลิ่นอายของความเป็นปรมาจารย์ก็ปะทุขึ้นหัวใจของไป๋อวี้เจี๋ยสั่นไหว แต่เธอยังคงมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เร่าร้อนเธอเชื่อว่าผู้ชายที่เธอชอบสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอนเย่ซิวลงจากรถพร้อมกับมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงยอดฝีมือหลายสิบคนเดินมาเผชิญหน้ากับเขา ขมับของพวกเขานูนสูง และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งอย่างไรก็ตาม ต่อหน้าเย่ซิว พ
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ใครกล้าทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้มันคนนั้นนึกเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้!”เย่ซิวเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณเนื่องจากทั้งสองคนได้ทำสิ่งที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดไปแล้ว เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงของเขาโดยธรรมชาติเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยได้ยินคำพูดเผด็จการของเย่ซิวหัวใจของเธอก็สั่นไหว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด และเข้าสวมกอดเย่ซิวจากด้านหลังไป๋อวี้เตี๋ยเหยียดยิ้มขมขื่น ไม่แน่ใจว่าทำไมภาพนี้ถึงทำให้เธออิจฉาเธอหลับตาแล้วพูดว่า "ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจรก็แค่นั้น ถ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่าเสียเลยสิ"เย่ซิวยกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะจัดการเธอ"อย่านะ..."ไป๋อวี้เจี๋ยปล่อยเขา จับแขนเย่ซิวแล้วพูดทั้งน้ำตา "ยังไงแล้วเธอเป็นพี่สาวของฉัน คุณช่วยปล่อยเธอไปได้ไหม?"เย่ซิวชะงักเล็กน้อย เขามองดูไป๋อวี้เจี๋ยผู้น่าสงสาร และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย"ไป๋อวี้เจี๋ยเปลี่ยนจากน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ "ขอบคุณค่ะ นายท่านของฉัน"คำนี้ "นายท่าน" นี้ทรงพลังมากจนเกือบทำให้เย่ซิวเสียสติและอาจตายได้ทันทีเขาโอบไหล่เธอแล้วพูดว่า "กลับบ้านกันเถอะ"ไป๋อวี้เจี๋ยเหลือบมองพี่ส
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ
“บ้าเอ๊ย! ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?!”ผู้รับผิดชอบฐานลับถอยออกมาจากวงต่อสู้ยืนมองเย่ซิวกับพรีเอลล์ที่กำลังถล่มศัตรูอย่างดุเดือด ทำให้ใจเขารู้สึกสั่นสะท้านแต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมทันที “ยังไงซะ พวกแกก็อย่าหวังว่าจะหนีออกไปได้เลย”สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปุ่มอีกอันหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ปุ่มนี้คือสวิตช์สำหรับทำลายล้างตัวเองของฐานลับนี้!ใต้ดินมีการฝังระเบิดจำนวนมากไว้ เมื่อกดปุ่มจะเกิดการระเบิดที่รุนแรงจนสามารถเขย่าฟ้าสะเทือนดินได้เขาประเมินสถานการณ์ในใจด้วยพลังการต่อสู้ที่สองคนนี้แสดงออกมา แม้ระเบิดทั้งหมดจะถูกจุดชนวนก็อาจจะยังไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้แต่ถึงตายก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวเลยอย่างน้อยแค่เก็บตัวอย่างเลือดหรือชิ้นส่วนเนื้อเยื่อมาเพื่อการวิจัยก็เพียงพอแล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็หันหลังวิ่งออกไปทันทีก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่เขาเร่งเครื่องจนสุด ขี่ออกไปด้วยความเร็วสูงจนเสียงเครื่องยนต์คำรามก้อง เมื่ออยู่ห่างออกมาราวยี่สิบกิโลเมตรแล้ว เขาก็หยิบสวิตช์ระเบิดขึ้นมากดอย่างแรงตูม! ตูม! ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นจนแก้วหูแทบ
พรีเอลล์เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้คิดจะแย่งสร้อยไปจากเธอจึงแอบถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากใต้หน้ากากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตูม!ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งเรือก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอาคมป้องกันด้านนอกถูกทำลายลงแล้วและก็เป็นจังหวะที่พวกเขาหาของมีค่าทั้งหมดในห้องเสร็จพอดีเย่ซิวโยนหอกยาวเล่มหนึ่งให้พรีเอลล์ ส่วนตัวเองก็คว้าหอกอีกเล่มเอาไว้ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมกันพวกเขาเจอกับกลุ่มทหารชุดแรกที่เพิ่งบุกเข้ามาทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ทันทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ “พวกแกเป็น…”“อ๊าก!!”ทั้งสองพุ่งเข้าใส่โดยไม่รอให้ใครพูดจบเสียงไซเรนดังสนั่นไปทั่วด้านนอกทหารฝีมือดีจำนวนมากรีบวิ่งเข้ามาพร้อมใช้อาวุธในมือยิงโจมตีไม่ยั้งชายชราในกลุ่มผู้บังคับบัญชาผู้มีผมสีขาวแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์มองพวกเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง “เป็นไปได้ยังไง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมในเรือถึงยังมีคนรอดชีวิตได้?”ผู้รับผิดชอบฐานลับร้องตะโกนพลางถอยหลัง พร้อมกับหยิบอุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนภัยออกมากดอย่างแรง“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ แม้ต้องสละชีวิตก็ต้องหยุดพวกมันไว้ พวกมันอาจมีความลับเกี่ยวกับการมีชีวิตอมตะก็เป็นได้”พวกเ
เย่ซิวใช้เวลาสองสามนาทีในการถอดรหัสอักขระบนประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องเป็นคนแรกทันทีที่เข้าไป เขาก็เห็นผู้หญิงสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่กลางห้องผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในท้องของอีกคน ส่วนอีกคนก็เสียบมือทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอพรีเอลล์รีบวิ่งไปดูใกล้ ๆ แล้วสำรวจดูอย่างละเอียดผู้หญิงทั้งสองคนดูสวยมาก และจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นเจ้าหญิงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่พวกเธอก็ยังคงแผ่รัศมีความสง่างามตามธรรมชาติออกมา“นี่มันอะไรกัน?”พรีเอลล์หยิบของที่คล้ายเข็มทิศออกมาจากมือของผู้หญิงคนหนึ่ง มันเต็มไปด้วยอักขระที่ซับซ้อนเย่ซิวเหลือบมองแค่ครั้งเดียวก็เอ่ยขึ้น “นี่น่าจะเป็นศูนย์ควบคุมของทั้งเรือลำนี้คาดว่าตอนที่เจ้าของเรือลำนี้ถูกเล่นงาน และตอนที่กำลังจะตาย เขาน่าจะเปิดใช้งานอาคมของเรือ ทำให้เรือล่มทั้งลำไปพร้อมกัน”พรีเอลล์มองเขาด้วยสายตาชื่นชม ดวงตาเป็นประกาย “ว้าว นายนี่เก่งจริง ๆ สุดยอด ฉันชอบนายมากเลย”เย่ซิวยังคงสีหน้าราบเรียบ “ประจบไปก็เปล่าประโยชน์ ยังไงของที่ได้มาก็ต้องแบ่งตามที่ตกลงกันไว้”เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ถึงแ
ทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างมาก“โชคดีมากที่เจอวัสดุแบบนี้”หลังจากเปิดห้องติดต่อกันสิบกว่าห้องโดยไม่มีอะไรเลย ในที่สุดเย่ซิวก็พบของในห้องหนึ่งที่ดูหรูหรากว่าห้องอื่น ๆเจ้าของห้องนี้น่าจะมีสถานะค่อนข้างสูงดูได้จากขนาดห้องและการตกแต่งภายในเจ้าของห้องเป็นชายวัยกลางคน บนนิ้วมีแหวนผนึกของสวมอยู่แต่แหวนนี้มีขนาดเล็กกว่าแหวนของเย่ซิว มีพื้นที่เพียงหนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้นในแหวนผนึกของมีอุปกรณ์เวทมนตร์อยู่หลายชิ้นและยังมีวัสดุอีกจำนวนไม่น้อย โดยของที่มีมูลค่าสูงที่สุดคือแร่สีเหลืองดินขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งแร่ชนิดนี้เป็นวัสดุสำคัญมากชนิดหนึ่งในการหลอมสร้างร่างแยกธาตุดินพรีเอลล์มองแหวนผนึกของด้วยสายตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยด้วยสายตาปิ๊ง ๆ “ให้ฉันได้ไหม”“ไว้ค่อยคุยกันตอนออกไปข้างนอก” เย่ซิวตอบแบบขอไปที ของล้ำค่าแบบนี้จะให้เธอได้ยังไงล่ะ?หากมีแหวนผนึกของแบบนี้มากขึ้น ในอนาคตเวลามีการต่อสู้ เขาจะสามารถแอบส่งอุปกรณ์พวกนี้ไปที่สนามรบได้โดยไม่มีใครรู้และปล่อยออกมาในครั้งเดียวโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัว รับรองได้เลยว่าจะทำให้ศัตรูประหลาดใจอย่างแน่นอน“ไม่เอาน่า เอามาให้ฉันเถอะนะ” พรีเอลล์เอ่
ภายในเรือลำใหญ่ไม่ได้มืดมิดอย่างที่คิดไว้ แต่กลับสว่างไสวอย่างมากบนเพดานเรือประดับด้วยไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสว่างนิรันดร์ไม่เคยดับพวกเขาเห็นนักรบที่สวมเกราะหรูหรา ถือหอกยาว ยืนอยู่ตามตำแหน่งเฉพาะแม้พวกเขาจะเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่ยังคงแผ่รังสีแห่งพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวเพียงแค่ได้มองเมื่อพรีเอลล์เห็นภาพเบื้องหน้า เธอก็กรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพุ่งเข้าไปทันที และเอื้อมมือไปสัมผัสชุดเกราะเบา ๆ “นี่คือเกราะเวทมนตร์ที่ทำจากมิธริล[footnoteRef:0]ซึ่งเป็นวัสดุหายากล้ำค่า [0: เป็นโลหะในจินตนาการจากนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง] ฉันเคยเห็นเกราะเวทมนตร์ที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่งในงานประมูลและมันถูกประมูลไปในราคาหลายหมื่นล้านแต่ที่นี่มีเกราะที่สมบูรณ์กว่าร้อยชุด ถ้านำไปขายจะได้เงินเท่าไหร่กันนะ”แม้ว่าครอบครัวของเธอจะร่ำรวย แต่เธอก็ไม่อาจมองข้ามทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลนี้ได้ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงส่วนที่อยู่ด้านนอกเท่านั้น หากเดินเข้าไปข้างในอาจมีของล้ำค่าอีกมากมาย ไม่แปลกเลยที่เธอจะแสดงอาการตื่นเต้นจนเกินตัวเย่ซิวเดินไปที่ร่างของนักรบคนหนึ่งก่อนจะใช้
พวกเขามีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยิงได้ไกลสุดหนึ่งหมื่นเก้าพันกิโลเมตรและนี่คือข้อมูลที่เปิดเผยออกมา ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจมีอาวุธที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้ซ่อนอยู่ในเงามืดก็เป็นได้ด้วยพลังของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถเดินทางได้ถึงวันละสามพันกิโลเมตรจนกระทั่งเช้าวันต่อมา ทั้งสองก็มาถึงป่าทึบแห่งหนึ่งทันทีที่ถึงพื้น เย่ซิวก็จับตัวพรีเอลล์ไว้แน่นก่อนหน้านี้บนกระบี่หงส์โบยบิน เธอเอาแต่พูดจายั่วโมโหไม่หยุดจนทำให้เขาเสียสมาธิเย่ซิวจึงอดทนไว้ตลอดทางเพื่อจะเดินทางได้ต่อ แต่ตอนนี้ถึงเวลาหยุดพักแล้ว และก็ถึงเวลาที่เขาจะสั่งสอนเธอให้รู้จักบทเรียนที่ลืมไม่ลงจากนั้นพื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวสองชั่วโมงผ่านไป เย่ซิวก็ฟื้นฟูพลังกลับมาเต็มที่ส่วนพรีเอลล์ตอนนี้สภาพกลายเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วไร้เรี่ยวแรงเย่ซิวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินทางต่อไปอีกหนึ่งวันครึ่งต่อมา พวกเขาก็มาถึงประเทศจ้านอิงตี้พรีเอลล์ที่ดูเหมือนจะกลับมามีเรี่ยวแรงแล้ว แต่ท่าทางของเธอดูเรียบร้อยกว่าตอนก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดผู้หญิงคนนี้สมควรโดนปราบให้เข็ดจริง ๆ หลังจากโดนเย่ซิวสั่งสอนอย่างหนักหน่วง เธอก็
พูทเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจระหว่างเดินปากก็พึมพำไม่หยุดว่าพอน้องสาวโตแล้วก็อยู่ด้วยไม่ได้ พอมีแฟนก็ไม่สนใจพี่ชายตัวเองเลยพรีเอลล์โมโหจนกัดฟันแล้วเตะเขาไปหนึ่งทีหลังจากก้างขวางคอชิ้นใหญ่จากไป พรีเอลล์ก็มองเย่ซิวด้วยสายตาท้าทาย “เมื่อกี้ไม่นับ มาสู้กันใหม่อีกรอบ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะชนะนายไม่ได้”จากท่าทางของเธอก็พอมองออกว่าพรีเอลล์เป็นคนที่มีจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันสูงมากและอยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องเย่ซิวดูเวลา “ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เป้าหมายหลักของเราคือไปดูสถานการณ์ของเรือลำนั้นก่อน”“ไม่ได้ ต้องรู้ผลแพ้ชนะก่อน ไม่งั้นฉันจะหงุดหงิด ”เย่ซิวจึงต้องยอมทำตามที่เธอต้องการอย่างจนปัญญาเพื่อไม่ให้เสียเวลา เย่ซิวจึงใช้พลังเต็มที่ตั้งแต่เริ่ม ทำให้พรีเอลล์โดนจัดการจนแทบไม่เหลือแรงจะสู้เพียงแค่สิบนาทีเธอก็ยอมแพ้“ฉันไม่เอาแล้ว”“ทำไมนายถึงเก่งขนาดนี้?”“พี่ชายฉันผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ”……ถ้าพูทมาเห็นฉากนี้ เขาคงจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจน้องสาวคนนี้เป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นเธอยอมใครง่าย ๆ มาก่อนเลยแต่ตอนนี้กลับถูกเย่ซิวจัดการจ
มีลักษณะคล้ายกับแผนภาพแปดทิศแต่ดูซับซ้อนกว่ามากจากนั้นจึงเขียนเนื้อหาของสัญญาไว้ด้านข้าง เย่ซิวมองสองพี่น้องที่ดูประหลาดใจพลางอธิบายว่า “แค่พวกคุณหยดเลือดลงไปบนนี้ สัญญาก็จะเสร็จสมบูรณ์ ถ้าเกิดละเมิดสัญญาขึ้นมา เบาหน่อยก็จะกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต ถ้าหนักหน่อยก็ตายคาที่”“มันมีพลังถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” พรีเอลล์เอ่ยถาม“แน่นอน”พี่น้องสองคนยังคงลังเลแต่ก็ยอมหยดเลือดลงบนสัญญา จากนั้นเย่ซิวก็ทำตามเช่นกันสัญญาส่งแสงแปลกประหลาดออกมาโดยแยกเป็นสามส่วน ก่อนจะซึมเข้าสู่ร่างกายของทั้งสามคนในใจพวกเขาก็เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้นมาโดยทันที หากละเมิดขึ้นมาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลสองพี่น้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอแค่สร้างความเชื่อใจกันได้ก็เพียงพอแล้วพรีเอลล์มองไปยังพี่ชายของเธอ “พี่ว่าเราบอกเรื่องนั้นเขาไปดีไหม อาจจะได้อะไรกลับมาก็ได้”พูทดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยกับเย่ซิว “มีโอกาสครั้งใหญ่รออยู่ ขึ้นอยู่กับว่านายจะมีความสามารถพอที่จะคว้ามันไว้ได้หรือเปล่าเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของประเทศจ้านอิงตี้เลยนะ ถ้าตระกูลเราไม่มีพื้นฐานดีก็คงไม่มีทางรู้ได้”เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจในทั