ทันใดนั้นเย่ซิวก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และความโกรธเล็กน้อยในใจของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างไรก็ตาม เขายังคงบีบคางของเธอแล้วเอ่ยว่า "ห้ามทะเลาะกันอีก อีกไม่กี่วัน หลังจากที่คุณหายดีแล้ว คุณก็กลับบ้านได้"โอ้"ไป๋อวี้เจี๋ยเชื่อฟัง เธอกลอกตาไปมา ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เย่ซิวไม่สนใจและชี้ไปที่เตียง "ไปนอนตรงนั้น ผมจะฝังเข็มให้"ไป๋อวี้เจี๋ยกะพริบตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ "รับทราบค่ะนายท่าน ไม่ต้องทำเบา ๆ นะคะ"ความโกรธของเย่ซิวปะทุขึ้นอีกครั้งทันที……ในร้านอาหารเล็ก ๆ ภายในห้องส่วนตัว มีคนนั่งอยู่สามคนหากเวินหว่านเอ๋อร์อยู่ที่นี่ เธอคงจะจำคนสามคนนี้ได้ทันที เพราะหนึ่งในนั้นคือมือขวาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเธอเอง อีกสองคนคือคู่แข่งตัวฉกาจของเธออย่าง หนานหวัง[footnoteRef:0]และตาวหวัง[footnoteRef:1] [0: หนานหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งแดนใต้] [1: ตาวหวัง ชื่อนี้เป็นฉายา ราชาแห่งมีด] หนานหวังเป็นผู้ชายที่ดูอ่อนโยน ในขณะที่ตาวหวังมีหน้าตาที่ดุร้าย สวมเสื้อแขนสั้นและกล้ามเนื้อปูดโปนที่ปรึกษาเทไวน์ลงในแก้วให้สองคนนั้น และพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "คุณสองคน ผมมีข้อเ
บุคคลที่ที่ปรึกษาให้ไปจัดการวางทุ่นระเบิดนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของหนานหวังมานานแล้วในห้องส่วนตัว ที่ปรึกษายืนขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ"เวินหว่านเอ๋อร์กำลังจะพยักหน้า แต่จู่ ๆ ความรู้สึกถึงวิกฤตอันรุนแรงก็แล่นเข้ามาในหัวใจของเธอนี่คือความสามารถที่เธอได้มาในฐานะจอมยุทธระดับเจ็ดร่างกายของเธอเริ่มหมุนเวียนกำลังภายในอันทรงพลัง และกระจายไปทั่วร่างกายโดยสัญชาตญาณเมื่อการหมุนเวียนพลังใกล้จะเสร็จสิ้น เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในขอบเขตการมองเห็นของเธอ และเสียงระเบิดในหูเกือบจะทำให้แก้วหูของเธอแตกตู้ม ตู้ม ตู้ม!ลานบ้านไร่ทั้งหมดถูกระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ!ตาวหวังและหนานหวังจ้องมองอย่างตั้งใจไปที่เปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็เห็นเงาดำพุ่งออกมาจากด้านในตาวหวังตะโกน "ตามไป!"“อย่าปล่อยให้นางนั่นหนีไปได้!”ทั้งสองคนรีบออกไปก่อน ตามมาด้วยยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา"อัก!"ในขณะที่เวินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังวิ่งอยู่นั้น เธอก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และการมองเห็นของเธอก็มืดลงเสื้อผ้าของเธอขาดรุ่งริ่ง และผิวหนังที่เผยออกมาก็ไหม้เกรียมเป
ไม่นานหลังจากนั้นเย่ซิวก็ได้เมล็ดพันธุ์สมุนไพรมาหลายชนิดแน่นอนว่านี่ยังไม่เพียงพอ ระหว่างที่สาว ๆ ช้อปปิ้ง เขาเองก็ซื้อของระหว่างทางบ้างนิดหน่อยเช่นกัน “หืม? นี่มัน!”ตอนที่เย่ซิวกำลังจะเดินออกไป สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร้านค้าแห่งหนึ่งที่แผงขายด้านนอกมีสมุนไพรที่ค่อนข้างเหี่ยวและมีสีเหลืองรูปร่างของใบไม้นั้นคล้ายงู วางอยู่ตรงนั้นอย่างระเกะระกะเย่ซิวเหลือบมองอีกสองสามครั้งและรู้สึกดีใจมากเขาจำที่มาของสมุนไพรนี้ได้ มันเรียกว่า 'ว่านทีฆชาติ'[footnoteRef:0] [0: ทีฆชาติ' หมายถึง งู] นี่เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการปรับแต่งโอสถฟื้นฟู ซึ่งเขาเคยเห็นในหนังสือเท่านั้นโอสถฟื้นฟูขนาดเล็กสามารถเพิ่มพลังของจอมยุทธได้เป็นเวลาสิบปีคนหนึ่งสามารถกินได้ถึงห้าเม็ดแม้ว่าฤทธิ์จะลดลงตามจำนวนครั้งที่กินเข้าไป แต่หลังจากกินไปห้าเม็ดแล้ว ก็ยังสามารถเพิ่มพลังได้อีกยี่สิบห้าปีหากเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถฟื้นฟูขนาดเล็กจำนวนมากได้และกระจายข่าวออกไป เหล่าจอมยุทธ์ในยุทธภพนับไม่ถ้วนจะมาขอเข้าร่วมกับเขาเขาเดินเข้าไปถามเจ้าของร้านโดยไม่พูดเรื่องอื่นไร้สาระ "เครื่องยาสมุนไพรนี่ขายยังไงครับ?"เจ
“นี่ นี่มัน นี่มัน...”เมื่อเห็นว่าอาการที่เรื้อรังมานานบนขาขวาของตนมลายหายไปแล้ว เจ้าของร้านก็กระทืบเท้าอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า และก้มหัวลงกับพื้นพูดว่า "ขอบคุณผู้มีพระคุณสำหรับความเมตตานี้!"เย่ซิวยืนขึ้นและรับคำขอบคุณอย่างสุขุม"ครับ ลุกขึ้นเถอะ"เจ้าของร้านค่อย ๆ ลุกขึ้น และทัศนคติของเขาที่มีต่อเย่ซิวนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขามีความเคารพอย่างมาก "ผู้มีพระคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการเครื่องยาสมุนไพรอะไรเท่าไหร่ ฉันจะจัดหาให้คุณ ส่วนสมุนไพรในร้านนี้ทั้งหมดฉันขอยกให้คุณเลยแล้วกัน”หลังจากถามแล้วเขาจึงรู้ว่าเบื้องหลังเจ้าของร้านคนนี้มีทีมรวบรวมสมุนไพรมากกว่าห้าสิบคน พวกเขามีประสบการณ์มากมายและมักจะขุดแต่ของดี ๆเย่ซิวขอหมายเลขโทรศัพท์ของเขาและซื้อทุกอย่างที่เขาชอบในร้าน รวมถึงว่านทีฆชาติด้วยว่านทีฆชาตินี้ดูภายนอกนั้นเหมือนจะเหี่ยวตายอยู่แล้ว แต่เขามีทักษะลับเฉพาะที่สามารถคืนชีพให้ว่านนี้ได้หลังจากเดินซื้อของรอบ ๆ ก็มีถุงใบใหญ่ทั้งหมดหกใบ โดยที่สาว ๆ ทั้งสามคนถือถุงกันคนละสองใบ ในขณะที่เย่ซิวนั้นไม่ได้ถืออะไรเ
พวกเขาอยากจะออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างมานานแล้ว แต่คำว่าไม่มีโอกาสขัดขวางพวกเขาไว้ ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็สมหวังตามความปรารถนาแล้วรากฐานของตระกูลสวีนั้นลึกซึ้งกว่าของตระกูลเย่ที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก!ราชาทั้งสองพูดพร้อมกัน "พวกเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อตระกูลสวีครับ!"สวีอิงยิ้ม "ต่อไปงานหลักจองพวกคุณคือจับตาดูเย่ซิวและรายงานทุกการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าวส่วนเงินทุนสำหรับแผนนี้ ผมจะโอนให้พวกคุณก่อนสองพันล้าน”ราชาทั้งสองยอมรับข้อเสนอสวีอิงจิบชาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม "เย่ซิว แกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? อยู่รอดให้ถึงเดือนก่อนเถอะ"……“เฮ้อ ในที่สุดก็ช่วยชีวิตเธอไว้ได้”ภายในวิลล่า เย่ซิวปาดเหงื่อ และมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีด แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกในห้องเปิดแอร์ไว้ที่ยี่สิบเจ็ดองศา ไม่เช่นนั้นเวินหว่านเอ๋อร์ที่เหลือเสื้อผ้าเพียงน้อยนิดและร่างกายอ่อนแอเช่นนี้คงทนไม่ไหวแน่หลังจากพยายามช่วยเหลือนานกว่าสองชั่วโมง เธอก็ถูกดึงขึ้นมาจากเหวแห่งความตายจากนั้นเขาก็ใช้ครีมผิวหยกที่เพิ่งผสมไว้ก่อนหน้านี้ทาลงแผลไฟไหม้ทั่วร่างกายของ
เวินหว่านเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่เพดาน รู้สึกสับสนอยู่พักหนึ่งความเจ็บปวดสาหัสที่พุ่งออกมาจากร่างกายของเธอทันทีทำให้ความทรงจำของเธอหลั่งไหลกลับมาราวกับกระแสน้ำ“ฉัน… ยังไม่ตาย”“คุณโชคดีแล้วที่ได้เจอกัน”เย่ซิวนั่งอยู่บนขอบเตียง เขาจับมือที่เย็นเฉียบของเธอพลางส่งกำลังภายในเข้าไปหล่อเลี้ยง 'สภาพ' ไร้ชีวิตของเธอ และถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"เวินหว่านเอ๋อร์หันไปมองเย่ซิวและฝืนเหยียดยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ "ฉันถูกหักหลัง..."เธอบอกเย่ซิวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเดิมที่เธอคิดว่าเย่ซิวจะตำหนิเธอ แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวแล้วเขาก็ยังคงสงบ "ไม่จำเป็นต้องกังวล แค่ดูแลตัวเองให้หายดีก็พอ"เวินหว่านเอ๋อร์ตกตะลึง "คุณไม่โทษฉันเหรอ? ถ้าฉันระมัดระวังมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ตราบใดที่คุณหายดี ถ้าคุณหายดีเมื่อไหร่ผมจะพาคุณไปทวงของของคุณคืน"บางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บและความอ่อนแอของเธอ เวินหว่านเอ๋อร์รู้สึกอ่อนไหวและซาบซึ้งได้ง่าย ๆ ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสะเทือนใจ ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา และส่งเสียงส
“พี่สาว?”ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกประหลาดใจและดีใจ เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วเย่ซิวไม่ได้พูดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วตอนที่เธอหมดสติที่โรงแรมสำหรับไป๋อวี้เตี๋ย ในช่วงนี้เธอประพฤติตัวค่อนข้างดี ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่วันนี้จู่ ๆ ก็ติดต่อเธอมาไป๋อวี้เจี๋ยมีเรื่องมากมายที่จะพูดกับพี่สาวคนนี้ ซึ่งเธอไม่ได้เจอมาหลายปีแล้วดังนั้นเมื่อไป๋อวี้เตี๋ยชวนเธอไปพบ เธอจึงไม่ลังเลและไปทันทีเธอเปลี่ยนชุดแล้วออกไปในความมืด มียอดฝีมือหญิงหลายคนแอบติดตามเธออยู่เฉิงเฟิงนำยอดฝีมือมามากมาย เขาจัดให้มีผู้คุ้มกันสำหรับผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวได้คนละสามคนไป๋อวี้เจี๋ยมาที่ร้านกาแฟสุดหรูและได้พบกับพี่สาวของเธอ ซึ่งค่อนข้างจะคล้ายกับเธอ แต่มีรูปร่างที่ดีกว่าและดูอ่อนกว่าวัย“พี่สาว ฉันคิดถึงพี่มากเลย”ไป๋อวี้เจี๋ยรีบวิ่งเข้าไปกอดเธอไป๋อวี้เตี๋ยตบหลังเธอเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่งสิ"สองสาวนั่งลง และไป๋อวี้เจี๋ยก็พูดคุยกันโดยถามว่าไป๋อวี้เตี๋ยอยู่ที่ไหนและทำอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมาอันที่จริงเธอไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่สาวของเธอเลยไป๋อวี้เตี๋ยจิบกาแฟพลางตอบคำถามน้องสาวของเธอกลับมา
เซี่ยซิ่วซิ่วได้คำนวณทรัพย์สินที่ได้รับจากตระกูลเย่แล้วทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์มีเกินกว่าหนึ่งล้านสองแสนล้านบาท ในขณะที่บัญชีรวมของบริษัทเงินสดมีมากกว่าห้าล้านหกแสนล้านบาทก่อนอื่น ให้เซี่ยซิ่วซิ่วจัดสรรเงินสามแสนล้านบาทเพื่อชำระคืนเงินที่เหลือสำหรับการซื้อที่ดินบัญชีบริษัทสตาร์รี่สกายและเงินสดในมือของเขารวมกันมีมูลค่ารวมกว่าล้านล้านบาทนอกจากนี้ยังมีอีกมากกว่าล้านล้านบาทที่เฉิงเฟิงนำมาด้วยการลงทุนในระยะเริ่มแรกของการสร้างสวนเครื่องยาสมุนไพรน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการซื้ออุปกรณ์และการจ้างผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ทีหลังขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเย่ซิวหรี่ตาลงมองไปที่หมายเลขผู้โทรเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดโดยปกติแล้วหากมีบอดี้การ์ดโทรหาเขา แสดงว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นเขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเสียงบอดี้การ์ดที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้น “เจ้านาย แย่แล้วค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับคุณไป๋ พาเธอออกไปแล้ว”เสียงของเย่ซิวแผ่วเบา "เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วย"หลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ออกไปตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้