"ฉันจะให้แกสองหมื่นล้าน แล้วจบเรื่องนี้ซะ!"นี่คือโลกของคนรวยทุ่มสองหมื่นล้านแลกกับคำขอโทษ!มีคนร่ำรวยมากมายในที่เกิดเหตุ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจที่จะใช้เงินจำนวนมากเช่นนี้เย่ซิวยิ้ม "ถึงผมจะไม่รวยเท่าคุณ แต่ผมก็ไม่ได้ขาดเงินสองหมื่นล้าน วันนี้คุณต้องขอโทษ!"ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งเข้ามามือขวาของเขาล้วงกระเป๋าเสื้อคลุม และมีความเป็นได้อย่างมากว่าจะมีอาวุธความร้อนอยู่ข้างในพวกเขาเข้าล้อมเย่ซิวไว้ และจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรจางรั่วหลิงพูดอย่างเย็นชา "ฉันคงจะให้คำขอโทษแกไม่ได้หรอก แกไม่กลัวหรือว่าวันหนึ่งเดินอยู่ดี ๆ แล้วจะเจอปัญหาเข้า!"ตึก ตึก ตึก…เสวี่ยเหมยเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูงและยืนเคียงข้างเย่ซิวเธอโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเย่ซิวและกระซิบ “เขาเป็นหน้าตาของตระกูลจาง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ขอโทษต่อหน้าคนมากขนาดนี้แน่”“ข้อเสนอแนะของฉันคือขอเพิ่มผลประโยชน์อีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้คงไม่มีใครได้ผลประโยชน์อะไรเลยแน่”“ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”เย่ซิวหรี่ตาลง และพยักหน้าการแก้แค้นมีหลายวิธีหรือแม้แต่การทำให้ศัตรูเลื
“นายท่านรองจาง!”“ลมอะไรพาท่านมาที่นี่กันครับเนี่ย”“นายท่านรองจางยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมเลยนะครับ”……สีหน้าของเสวี่ยเหมยเริ่มจริงจังมากขึ้นเย่ซิวที่ยืนถัดจากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่หาได้ยากจากร่างกายของเธอสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกกังวลเขาถามว่า "ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใครเหรอ?"เสวี่ยเหมยตอบด้วยเสียงต่ำ "นายท่านรองจาง รองประธานของหย่วนหางกรุ๊ปเขามีความสามารถรอบด้าน ใครก็ตามที่ตกเป็นเป้าหมายของเขา มักจะมีจุดจบน่าสังเวช เขาน่ากลัวยิ่งกว่าจางรั่วหลิงมาก”เย่ซิวพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นผู้มาเยือนจางรั่วหลิงก้มศีรษะที่เย่อหยิ่งลง "คุณอา คุณอามาทำอะไรที่นี่ครับ?"นายจางพ่นลมอย่างเย็นชา "อยู่นอกบ้าน ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”“แพ้แล้วก็ต้องยอมรับ!”แม้ว่าจางรั่วหลิงจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า "ผมเข้าใจแล้วครับคุณอา ใครก็ได้... "เขาเรียกให้คนนำสัญญาการโอนมา และโอนหุ้นไปให้เสวี่ยเหมยทันทีเสวี่ยเหมยอ่านอย่างละเอียดแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปใบหน้าเผด็จการของนายท่านรองจางแสดงมีรอยยิ้มเป็นนัย "ฮ่าฮ่า จากนี้ไปเราก
ด้วยทักษะของเย่ซิวจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเหล่านั้นจะตามเขาทันในอีกด้านหนึ่ง เสวี่ยเหมยกำลังตรวจดูข้อความในโทรศัพท์อยู่ภายในรถทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับเย่ซิว!“ผู้ชายคนนี้น่าทึ่งมาก!”หลังจากอ่านแล้วเสวี่ยเหมยก็ถอนหายใจคนขับรถหญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็เป็นหนึ่งในคนสนิทของเธอเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น "นาน ๆ ทีจะได้ยินเจ้านายชมคนอื่นนะคะ"ดวงตาของเสวี่ยเหมยฉายแววแปลก "เด็กคนนั้นต้องมีภูมิหลังที่คาดไม่ถึงแน่นอน!เขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์สินมหาศาลเกินคาดเดาอีกด้วยและที่สำคัญ… เขาประสบความสำเร็จทุกอย่างด้วยความสามารถของตัวเองสิ่งนี้ทำให้การประเมินของเย่ซิวของเสวี่ยเหมยเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนคนขับรถหญิงพูดติดตลกว่า "ในเมื่อเขายอดเยี่ยมขนาดนั้น ทำไมเจ้านายไม่ลองทำให้เขามาอยู่ในมือล่ะคะ?"เสวี่ยเหมยไม่ได้แสดงท่าทีเขินอาย แต่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง "ฉันก็คิดเหมือนกัน เขาจะไม่มีทางหนีจากเงื้อมมือฉันไปได้แน่!"ดวงตาของเสวี่ยเหมยประกายสุกใสเธอมั่นใจในเสน่ห์ของเธอมาก และคิดว่าเย่ซิวจะต้องหลงใหลในตัวเธออย่างแ
นอกจากนี้ประตูและหน้าต่างก็ปิดสนิทเกือบตลอดเวลาดังนั้นเสวี่ยเหมยจึงคุ้นเคยกับการไม่สวมเสื้อผ้าหลังอาบน้ำในขณะนี้ เธอได้เผยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอต่อหน้าเย่ซิวเธอมีรูปร่างที่สง่างาม ผิวที่ขาวราวกับหยก และมีกลิ่นหอมตามร่างกายดวงตาคมกริบ คิ้วโค้งมนขนตายาวสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังเดินใบหน้าที่สวยไร้ที่ติมีสีชมพูเล็กน้อย และริมฝีปากที่ไม่หนาเกินไปสีแดงราวกับกลีบกุหลาบ ละเอียดอ่อนมากจนผู้คนอดไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสเมื่อมองลงไปด้านล่างก็มองเห็นยอดหยกที่คมชัด งดงามปานจะล่มเมืองได้ทั้งเมืองทุกส่วนบนเรือนร่างของเสวี่ยเหมยนั้นสมบูรณ์ไร้ที่ตินี่แหละที่เรียกกันว่าลูกรักพระเจ้า ต่อให้เย่ซิวมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เมื่อเผชิญหน้ากับฉากเช่นนี้ก็ทำให้เขาใจเต้นได้เช่นกันเสวี่ยเหมยเดินไปที่เตียงแล้วก้มลงหยิบเสื้อผ้าเย่ซิวพลันหันหน้าหนี...ตอนนี้เย่ซิวทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาหลุดออกจากการควบคุมกำลังภายในยิ่งกว่านั้น เขายังส่งเสียงออกมาเบา ๆ อีกด้วยเสวี่ยเหมยตื่นตัวและระวังตัวอยู่เสมอ เธอรีบหันหลังกลับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเย่ซิว ร่องรอยของความตื่นตระหนกก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเธอ
"กรี๊ด!!!"เสวี่ยเหมยกรีดร้องอีกครั้งเคราะห์ดีที่ห้องของเธอเก็บเสียงได้ดีมาก ไม่ว่าเธอจะกรีดร้องอยู่ข้างในดังแค่ไหน ข้างนอกก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอไม่เช่นนั้นหากมีคนเข้ามาเห็นฉากนี้ เธอคงได้อับอายหนักกว่านี้เป็นแน่เย่ซิวหยิบชุดเดรสยาวสีดำจากตู้เสื้อผ้ามาและช่วยใส่ให้เธอเนื่องจากเขาไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นจึงทำให้เสวี่ยเหมยต้องกรีดร้องออกมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากแต่งตัวให้เธอเสร็จแล้ว เย่ซิวก็อุ้มเธอขึ้นมาด้วยมือเดียวแล้วไปที่ห้องน้ำดวงตาของเสวี่ยเหมยเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เธอก็กรีดร้องดังยิ่งขึ้น "ไม่ อย่าทำแบบนี้..."ซ่าซ่าซ่า...เขาเปิดก๊อกน้ำ ใช้น้ำเย็นจัดราดลงบนศีรษะของเธอ จนเธอไม่สามารถพูดคำที่เหลือได้หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสวี่ยเหมยก็หยุดกรีดร้องเย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ตอนนี้คุณใจเย็นลงแล้วหรือยัง?"เสวี่ยเหมยเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอยังคงความเกลียดชังอยู่แต่เธอก็ไม่ได้บ้าคลั่งแล้ว น้ำเสียงของเธอเย็นชา "คุณอยากจะทำอะไรกันแน่!"เย่ซิวคลายจุดสกัดให้เธอเสวี่ยเหมยกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งและกระโดดออกไปทันที โดยรักษาระยะห่างจากเย่ซิว“ออกไป ฉันไม่อยากเจอคุ
เมื่อมาถึงห้องควบคุม เธอก็บอกให้ใครสักคนเปิดวิดีโอของชั่วโมงที่แล้วขึ้นมาหลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว เสวี่ยเหมยรีบบอกให้คนตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดทันทีผลก็คือ อุปกรณ์ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใดคลื่นแห่งความหนาวเย็นพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าของเธออย่างรวดเร็วเธอไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่เห็นเลย“เขาเข้ามาเงียบ ๆ แบบนั้นได้ยังไง หรือว่าเขาล่องหนได้?เสวี่ยเหมยหายใจเข้าลึก ๆ และสั่งให้ทุกคนตรวจสอบบริเวณวิลล่าทั้งหมดอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอกทว่ากลับไม่พบอะไรเลยเสวี่ยเหมยไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป คืนนั้นเธอรีบออกไปพบคนสนิทของเธอทันทีเธอเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริง ๆระบบเฝ้าระวังทั้งหมดตรวจไม่พบเลยว่า เย่ซิวเข้ามาและออกไปได้อย่างไรนั่นหมายความว่าเย่ซิเข้าออกได้ตามที่เขาต้องการแล้วจะเป็นอย่างไรถ้าหากเย่ซิวแอบย่องขึ้นมาบนเตียงของเธอกลางดึกในขณะที่เธอกำลังหลับ แล้วกระทำการบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเธอ...เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เสวี่ยเหมยก็ตัวสั่นและบอกให้คนขับรถเร่งความเร็วทันทีอย่างไรก็ตาม เธอก็มีธุรกิจและทรัพสินย์มากมายในเมืองหลวงจากนี้ไป เวลาเธอออกไปไหนเธอก็แค่ต้องทำตัวให้เงียบเข้าไว
ในร้านอาหารมีเพียงเธออยู่แค่คนเดียวเธอไม่ชอบให้ใครมองตอนเธอกินข้าวเธอจัดการกับสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสมาธิจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเธอเสวี่ยเหมยกินขนมปังในมือหมดแล้ว ก็เอื้อมมือไปหยิบอีกก้อนในจานสายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ทว่าก็หยิบได้เพียงความว่างเปล่าคิ้วสวยขมวดเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้น และทันใดนั้นขนทั้งร่างของเธอก็ลุกชัน เกือบจะกระโดดขึ้นมาจากที่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเธอ เย่ซิวกำลังเคี้ยวขนมปังและมองเธอด้วยรอยยิ้ม"อรุณสวัสดิ์"หัวใจของเสวี่ยเหมยเต้นตึกตัก และสีหน้าของเธอก็ซีดลงไปครู่หนึ่งอ้าปากอยากที่จะตะโกนบางคำออกไปแต่เธอก็ไม่กล้าเพราะออร่าของเย่ซิวได้ตรึงเธอเอาไว้แล้วถ้าเธอมีความผิดปกติแม้เพียงเสี้ยวกระเบียดนิ้ว จะต้องถูกจู่โจมราวกับสายฟ้าอย่างแน่นอนใบหน้าฉีกยิ้มซึ่งน่าเกลียดยิ่งว่าร้องไห้ออกไป "อรุณสวัสดิ์ค่ะ"เย่ซิ่วกินขนมปังจนเสร็จ รอยยิ้มไม่มีเปลี่ยนแปลง "โอนเงินเถอะครับ เรื่องเมื่อคืนนี้คุณยังไม่ลืมใช่ไหม?"เสวี่ยเหมยรู้สึกอึดอัดมากรู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในอดีตมีเพียงเธอที่วางแผนเล่นงานและเ
อารมณ์ในตอนนี้รุนแรงเสียยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้หลายเท่า“เป็นม้าป่าที่พยศมากจริง ๆ!”เย่ซิวแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา เขาลงมือรวดเร็วราวกับสายฟ้า ตีลงไปที่เดิมอีกถึงห้าหรือหกครั้งติดต่อกัน"คุณหนู!"ตอนนี้เองเหล่าบอดี้การ์ดข้างนอกที่ได้ยินเสียงทะเลาะก็รีบปรี่เข้ามาและเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ แต่ละคนก็ชะงักอยู่กับที่สติหลุดไปแล้วในหัวใจของพวกเขา เสวี่ยเหมยนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยให้ชายใดมาสัมผัสเนื้อตัวแม้เพียงปลายก้อย แต่วินาทีนี้เธอกลับกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งจับกดลงกับโต๊ะอย่างป่าเถื่อน"รีบปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้!""แกกำลังรนหาที่ตาย!"......บอดี้การ์ดแต่ละคนต่างก็ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ และรีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคำรามลั่น"ไสหัวไป!"เย่ซิวอ้าปากและตะโกนดัง ๆ โดยใช้ทักษะราชสีห์คำรามของวัดพุทธคลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพุ่งโจมตีออกไปทุกทิศทางบอดี้การ์ดเหล่านี้ฉับพลันเกิดอาการเวียนหัวและล้มลงไปกับพื้นก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้ แต่ละคนต่างน้ำลายฟูมปากเย่ซิวยังคงโจมตีต่อไปเสียงที่กระจ่างชัดและไพเราะดังก้องไปทั่วห้องความอัปยศ!ความโกรธแค้น!ความจนปัญญา!แ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ