แอบรักเธออีกสักที
ตอนที่ 1
หลายวันต่อมา
09.00 น.
“ปายลงไปรับข้าวหน่อย พี่อาบน้ำอยู่”
“อืม…”
“ลุกขึ้นเร็ว”
“รู้แล้ว ๆ”
ฉันจำใจต้องสะบัดผ้าห่มออกจากตัว กะพริบตาช้า ๆ เพื่อให้ชินกับแสงสว่างที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ประตูห้องนอนปิดลงตอนที่เห็นหลังไว ๆ ของพี่ปราณเดินกลับออกไปในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันท่อนล่าง บนหัวยังเต็มไปด้วยฟองสีขาวของแชมพู
แม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องพาสังขารตัวเองเดินลงบันไดมา ในบ้านเงียบเชียบไม่มีใครอยู่นอกจากคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ด้านบน เสียงบีบแตรดังขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นการย้ำเตือนว่าตอนนี้มีคนกำลังรออยู่
“มาแล้วค่ะ ๆ”
ฉันเร่งรีบเดินออกจากตัวบ้าน คีบแตะคู่โปรดที่ไม่ได้ใส่มานานหลายปี ก่อนจะหันมองไปยังรั้วบ้านสีขาวสูงประมาณระดับอก ร่างสูงโปร่งคุ้นตาของใครคนหนึ่งกำลังสาวะวนอยู่กับการหอบหิ้วถุงพลาสติกหลายถุงลงจากตะกร้าหลังรถมอเตอร์ไซค์
ใครคนนั้นตั้งท่าจะบีบแตรอีกรอบ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อหันมาสบสานสายตากับฉันเข้าพอดี
แสงแดดสว่างจ้าในช่วงสายของวันส่องกระทบรูปหน้าหล่อเหลาที่กำลังขยับยกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเรียงตัวสวย คิ้วเข้มหนาตัดกับสีผิวขาวแบบคนเหนือเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนออกมารับของ พร้อมกันเสียงเอ่ยทักก็ราวกับดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล
“ปาย”
“…”
เท้าสองข้างของฉันเกือบจะหยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ หัวสมองราวกับจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนอากาศที่ใช้หายใจลดน้อยลงตอนที่เราประสานสายตากัน
ใครบางคนที่ไม่ได้เจอมานาน…
ในขณะที่ขาสองข้างแข็งจนแทบจะก้าวไม่ออก คนที่อยู่อีกฝั่งก็เปิดประตูรั้วเดินเข้ามาพร้อมถุงพลาสติกในมือ ยิ่งเขาเดินใกล้เข้ามา ความรู้สึกในใจฉันก็ยิ่งประหม่าหนัก
กระทั่งเรือนร่างสูงโปร่งในชุดลำลองสบาย ๆ อย่างเสื้อกล้ามแบบหลวม กับกางเกงยีนขัดสีสั้นแค่เข่ามาหยุดยืนลงตรงหน้า ริมฝีปากหยักลึกยกยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วเอ่ยทักอีกครั้ง
“ไง… ไม่เจอกันนาน”
“พี่เหนือ”
ฉันหลุดพูดออกไปได้แค่นั้น พยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง คนที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าเจ็ดปียื่นถุงพลาสติกใบใหญ่บรรจุกล่องข้าวหลายกล่องเรียงซ้อนกันอยู่ส่งต่อมาให้ กลิ่นหอมฉุยของข้าวมันไก่เจ้าดังประจำอำเภอลอยโชย
“เอาข้าวมาส่ง ไอ้ปราณจะเอาไปให้คนงานที่สวน”
คนมาส่งข้าวขยายความให้ฟังโดยไม่ต้องรอให้ถาม เงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็กลับต้องเบนสายตาไปทางอื่นอีกครั้ง เพราะดวงหน้าคมคายของ ‘พี่เหนือ’ หล่อเหลาขึ้นกว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนมากโข
“ไร? ไม่คิดจะทักทาย?” กระแสเสียงขบขันเอ่ยอีกครั้ง พร้อมชะโงกหน้ามองตามมา
“สวัสดี”
“โห… โตมาแล้วเฉยชาขึ้นเยอะ”
“ปายแค่เพิ่งตื่น”
“สายป่านนี้แล้ว”
“สายอะไร? นี่เพิ่งจะเก้าโมง”
ฉันเถียงออกไปอย่างลืมตัว แต่แค่นั้นก็ทำให้คู่สนทนาดูจะพอใจที่ได้ยิน พี่เหนือในวัยยี่สิบเก้าหล่อเหลาขึ้นเป็นกอง ยืนเท้าสะเอวมองกันอยู่ครู่ก็ยกมือขึ้นมาขยี้ผมกันแรง ๆ
“ไม่เจอกันตั้งนาน นึกว่าจะเปลี่ยนไปซะแล้ว”
“เปลี่ยนสิ ปายไม่ใช่เด็กแล้ว”
“อือฮึ ก็เห็นอยู่”
“มีอะไรอีกไหม? ปายจะเข้าไปนอน”
“รอแป๊บ”
เรือนร่างสูงโปร่งกำยำแลดูสุขภาพดีวิ่งกลับไปที่มอเตอร์ไซค์คันเก่าที่สภาพไม่น่าจะเอาออกมาใช้งานได้ ก่อนจะคว้าเอาถุงอะไรสักอย่างจากแฮนด์จับหิ้วเดินกลับมา ถุงนั่นกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าจนฉันต้องเอ่ยปากถาม
“อะไร?”
“น้ำเต้าหู้”
“ปายลดความอ้วน”
“ลดไร? ไม่เห็นจะอ้วน” พี่เหนือขมวดคิ้วไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยัดเยียดถุงที่บรรจุน้ำเต้าหู้ใส่มือกันทันที
“ปายบอกว่า…”
“พี่จำได้ว่าเราชอบกิน”
“…”
คนตรงหน้ายังคงพูดต่อไปเรื่อยราวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรายังสนิทชิดเชื้อเหมือนก่อนเก่า ทั้งที่ฉันกับเขาไม่ได้เจอหน้ากันตั้งเจ็ดปีเต็ม
ฉันหลุบตาลงมองถุงน้ำเต้าหู้ที่ไม่ได้เห็นมานานรู้สึกคิดถึงขึ้นมาเพราะไม่ได้กินมานานมากแล้ว และมันก็เป็นของโปรดแบบที่คนซื้อมาให้ว่าจริง ๆ
“แล้ว… กลับมาอยู่นานไหม?” พี่เหนือยังคงระบายรอยยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้นพร้อมตั้งคำถามใหม่ขึ้นมา
“ก็คงสักพัก ปายอยากกลับมาพักผ่อน”
“เหรอ…” นัยน์ตาสุกใสเบนไปทางอื่นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมา “นึกว่าจะอยู่ยาว”
“ปายก็อยากอยู่ แต่ต้องทำงาน”
“อือฮึ”
“แล้วพี่เหนือ…”
“พี่เป็นเถ้าแก่แทนพ่อแล้ว ขายข้าวมันไก่ไง”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยตอบทันทีไม่ต้องรอให้จบประโยคคำถาม ถึงเขาจะทำเป็นเล่น แต่มันไม่ใช่แค่ร้านข้าวมันไก่ธรรมดาหรอก
นอกจากจะเป็นร้านข้าวมันไก่ชื่อดังประจำอำเภอแล้ว กิจการที่ว่ายังรับงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเจ้าใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของจังหวัดเลยทีเดียว ไหนจะยังเป็นเจ้าของร้านขายเกษตรภัณฑ์อันดับหนึ่งของอำเภอที่ไม่ว่าไร่สวนไหน ๆ ก็ต้องมาสั่งวัสดุทางการเกษตรกับร้านเขานั่นก็อีก…
ไม่ใช่แค่เจ้าของร้านข้าวมันไก่ธรรมดาเสียหน่อย แต่รวยพอตัวเลยแหละ…
“ว่างก็แวะไปนะ พี่จะจัดจานใหญ่ ๆ ให้พิเศษเลย”
“บอกแล้วไงว่าปายลดความอ้วน” ฉันเอ่ยประโยคเดิมออกไปอีกครั้ง
“ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน” และเขาก็ตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมเหมือนกัน
“ปายคงไม่ได้กินทุกวันเหมือนเมื่อก่อน…”
“เฮ้ย พูดงี้พี่เสียใจนะ”
ปากก็บอกว่าเสียใจ แต่ใบหน้าติดตลกก็ยังเปื้อนยิ้มอยู่ในที และยิ่งมองฉันก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ อยู่ในอก
ระหว่างเราเงียบกันไปอีกครั้ง คงเป็นเพราะฉันเองเพิ่งจะตื่นนอน ซ้ำตื่นมาก็ได้เจอกับเขาแบบที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว พี่เหนือคงจะเห็นอาการประหลาดที่ว่านี้ สุดท้ายเลยส่งสัญญาณว่าตัวเขาจะไปแล้ว ตอนนั้นเองฉันถึงได้รู้สึกตัว
“ไปละนะ”
“อือ”
“บอกไอ้ปราณให้เอาทุเรียนมาฝากเยอะ ๆ”
“คิดตังนะ”
“โห มันงกว่ะ”
“งกไรพี่ ของซื้อของขาย”
“แค่พูดเล่น เดี๋ยวมาเอาตัง”
เสียงสดใสเอ่ยขำ ๆ ฉันถึงกับหน้าเสีย ข้างแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาเพราะดันไปต่อปากต่อคำแบบจริงจัง แต่พี่เหนือก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาก็แค่เม้มปากกลั้นยิ้ม
ร่างสูงเดินถอยห่างออกไปทางประตูรั้ว ดวงหน้าสว่างสดใสยังคงมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่อย่างนั้น กระทั่งคร่อมขาขึ้นมอเตอร์ไซค์สายตาก็ยังคงมองมา
เสียงมอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวทิ้งห่างออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ฉันที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองตามคนที่เมื่อครู่เพิ่งจะผละจากไปจนลับสายตา
บรรยากาศรอบตัวสงบเงียบเชียบเพราะเป็นบ้านที่อยู่ลึกเข้ามาในซอย บริเวณโดยรอบเป็นที่นาโปร่งโล่งสบาย ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าในตอนที่หัวสมองกำลังคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
แค่ได้เจอกันอีกครั้ง แค่ยืนคุยกันไม่กี่นาที…
กลับทำให้ภาพความทรงจำครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายหวนคืนกลับมา
เรือนร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนมักจะมีลูกบาสติดอยู่ที่มือเสมอ รอยยิ้มแบบเดียวกันกับเมื่อครู่ก็เปล่งประกายสดใสไม่ได้ต่างไปจากครั้งก่อนเก่า น้ำเสียงสดใสที่มาพร้อมกับรอยยิ้มชวนฝันแบบนั้นก็ยังคงเดิม
ถ้ายังไม่รู้ ฉันจะบอกความลับให้ฟัง ความลับของฉันก็คือ…
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วฉันเคย ‘แอบรัก’ เพื่อนสนิทของพี่ชาย
พี่เหนือคนนั้น… คนที่ฉันเคยแอบรักทั้งยังเครซี่หนักอยู่นานหลายปี…
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน… พี่ก็ยังหล่อเหมือนเดิม…
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 2เพราะเขาไปแล้วฉันถึงยกยิ้มขึ้นมาได้ เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงของพี่ปราณดังมาจากในบ้านพอหันมองไปก็พบว่าคนเป็นพี่อยู่ในชุดลำลองเตรียมจะออกไปข้างนอก พี่คว้าเอาหมวกแก็ปมาสวม นิ้วมือหมุนควงกุญแจรถเดินออกมาพี่ปราณเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าเท่ากันกับพี่เหนือทั้งยังเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่เด็ก แถมหน้าตายังหล่อเหลาพอ ๆ กัน สมัยเรียนสองคนนี้เป็นหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน อันที่จริงก็เรียกได้ว่าหล่อประจำอำเภอเลยดีกว่า และยิ่งโตแต่ละคนก็ยิ่งดูดี“มันไปแล้วเหรอ?” พี่ปราณเดินมาถึงตัวพอดี พร้อมกันก็คว้าเอาถุงข้าวมันไก่ไปถือไว้เอง“พี่เหนือมาส่งแบบนี้ทุกวันเหรอ?” ฉันเอ่ยปากถามทันที คนถูกถามยักไหล่ก่อนจะเอ่ยตอบ ทั้งพยายามจะแย่งน้ำเต้าหู้ไปด้วย“มันก็มาเองบ้าง ให้เด็กที่ร้านมาบ้าง”“นี่ของปาย” ฉันดึงเอาถุงน้ำเต้าหู้คืนมาพร้อมซ่อนมันไว้ด้านหลัง“ไอ้เหนือซื้อมาให้ว่างั้น?” พี่ปราณยกยิ้มเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเสียงดัง “อยู่มาตั้งกี่ปีพี่ไม่เห็นเคยได้กิน”“พี่เหนือคงจะเห็นว่าปายเพิ่งกลับมา”“อือฮึ”“พี่จะเข้าสวนเหรอ?”“เออ เอาข้าวไปเลี้ยงคนงานที่สวน”“ปายไปด้วยได้ไหม?”“ไม่ต้องหรอกวันน
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 3 สิบห้านาทีต่อมา เพราะตอนนี้เป็นเวลาช่วงสาย หน้าตลาดยังคงมีคนเดินจับจ่ายซื้อของกันคึกคัก รถราหน้าสถานีรถไฟก็ยังคงหนาตา ฉันจอดจักรยานลงหน้าร้านข้าวมันไก่ที่มีป้ายตัวเบ้อเร่อเขียนกำกับเอาไว้ และวงเล็บพ่วงท้ายด้วยว่ารับจัดเลี้ยงโต๊ะจีน แม้ว่าอำเภอเราจะไม่ใหญ่มาก แต่เพราะนี่เป็นร้านข้าวมันไก่เจ้าดังเลื่องชื่อของจังหวัดทำให้มีคนมาเข้าคิวซื้อกันให้ควั่ก ทั้งยังมีกระบะสองสามคันจอดเทียบฟุตพาตอยู่หน้าร้าน ลูกจ้างร้านหลายคนกำลังกุลีกุจอขนเอาถุงใส่กล่องข้าวเหมือนกันกับที่พี่เหนือแวะเอาไปให้ที่บ้านเมื่อชั่วโมงก่อนขึ้นท้ายกระบะพวกนั้น นอกจากร้านข้าวมันไก่ขนาดใหญ่แล้ว ถัดออกไปข้างกันก็มีร้านขายน้ำเต้าหู ถัดออกไปอีกก็มีร้านขายโจ๊ก รวมถึงร้านรวงที่ตั้งแผงขายอาหารอยู่ริมฟุตพาต และถัดไปอีกก็คือถนนตัดเข้าตลาดสดฝั่งตรงข้ามกับตลาดเป็นสถานีรถไฟประจำอำเภอ ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวออกจากหน้าสถานี พร้อมกับเสียงประกาศออกลำโพงว่ารถไฟกำลังจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานีถัดไปดังก้องได้ยินมาถึงตรงนี้เอาเป็นว่าแถวนี้เรียกได้ว่าเจริญพอสมควรเทียบกับที่อื่น ๆ ใ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 4 สิบนาทีต่อมา จักรยานชะลอช้าก่อนจะหยุดลงที่หน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง ไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปนัก ฉันหย่อนเท้าลงกับพื้น ทว่ายังคงนั่งนิ่งอยู่บนจักรยานอีกครู่หนึ่ง สายตาสอดส่องมองหาเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเห็นก็แต่มอเตอร์ไซค์คันที่พี่เหนือขี่นำมาก่อนล่วงหน้าแต่ไม่ยักเห็นเจ้าของ โรงรถมีกระบะที่สภาพราวกับไม่มีใครใช้งานจอดอยู่ ผ้าใบคลุมหลังคารถเต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง ก่อนที่สายตาจะเบนมองไปยังตู้จดหมายสีเหลืองสดมีกังหันอันเล็ก ๆ ตกแต่งอยู่ด้านบน มันยังดูเหมือนเดิมแต่ก็เก่าลงตามกาลเวลา ลมเย็นพัดโชยมาทำให้คลายร้อนลงได้เล็กน้อย มีแก้วเจ้าจอมต้นใหญ่ให้ร่มเงาบริเวณหน้าบ้านทั้งยังออกช่อดอกบานสะพรั่งสวยจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ฉันทิ้งจักรยานพิงรั้วบ้านเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าไป ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งดังแว่วมา แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปทักทายคนที่จะต้องทำความรู้จัก เพราะคิดถึงความหลังทำให้เบี่ยงเดินไปด้านหลังตัวบ้านแทน เดินมาจนสุดทางด้านหลังตัวบ้าน ห่างจากชานเรือนมีคลองธรรมชาติเส้นเล็ก
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 5 หัวใจฉันหล่นวูบครั้งแล้วครั้งเล่ากับคำบอกเล่าที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรของอีกคน พี่เหนือไม่ได้ขยายความต่อ แต่ยื่นกระดาษแผ่นที่ตัวเองเพิ่งเขียนอะไรเสร็จส่งต่อมาให้ “พี่จดเวลาเลิกเรียนของจ๋อมไว้ให้หมดแล้ว และก็เวลากลับบ้านของพี่ เบอร์โทรคนที่ร้านเผื่อว่าพี่ไม่รับสาย เราจะมาตอนไหนก็มาเดี๋ยวพี่จะเอากุญแจสำรองมาให้” เมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะพูดถึงเรื่องจดหมายนั่นอีก ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาเหาใส่หัว เปลี่ยนเรื่องคุยก็ดีเหมือนกัน “พี่จะให้ปายมาเริ่มงานวันไหน?” “พรุ่งนี้เลยก็ได้ถ้าสะดวก” “โอเค” “แล้วเรื่องกลับบ้านตอนกลางคืนเดี๋ยวพี่ไปส่ง” “ไม่ต้องหรอกบ้านปายอยู่แค่นี้เองปั่นจักรยานเอาก็ได้” “เอางั้น?” “สบายมาก ว่าแต่พี่จะให้ค่าจ้างจริงไหม?” ฉันเลิกคิ้วถามถึงเรื่องที่เจ้าบ้านว่าอีกครั้ง พี่เหนือหลุดขำออกมาทำหน้ารู้ทัน “จ้างดิ เห็นพี่เป็นคนยังไง?” “ก็นึกว่าเลือกปายเพราะปายไม่เอาค่าจ้างเสียอีก” “มีจรรยาบรรณเว้ย” น้ำเสีย
แอบรักเธออีกสักทีบทนำ กรุงเทพฯ 20.00 น. ประตูเวิร์กช็อปปิดลงแล้วหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ‘พรีม’ เพื่อนสาวคนสนิทควบด้วยตำแหน่งเพื่อนร่วมงานซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวยาวถึงข้อเข่าไม่รอช้ารีบเดินไปพลิกป้ายด้านหลังบานประตูกระจกใสจากข้อความที่ระบุว่า open เปลี่ยนเป็น closedแทน ใบหน้าอ่อนล้าหันกลับมามองฉันซึ่งกำลังนั่งกดปากกาลูกลื่นเป็นจังหวะช้า ๆ นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดเมื่อเห็นสภาพของคนเป็นเพื่อนที่ตอนนี้น่าจะไม่อยู่ในสภาวะที่จะไปบำบัดใครเขาได้ แม้ว่าหน้าเวิร์กช็อปจะมีป้ายอักษรโลหะตัวเบ้อเร่อระบุว่าเป็น ‘เวิร์กช็อปจิตวิทยา และศิลปะบำบัด’ แต่คนให้คำแนะนำกลับทำตัวราวกับต้องการได้รับการบำบัดเสียเอง พรีมถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะแขวนมันเก็บกลับที่เดิมบนราวแขวนเฉกเช่นทุกวันหลังเลิกงาน ร่างเพรียวระหงหมุนตัวกลับมามองกันเป็นครั้งที่สิบในรอบวัน แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว นัยน์ตากลมโตกะพริบช้ามีน้ำใสเอ่อคลอ ฉันถอนหายใจอย่างหนักอกก่อนจะหลับตาลงในจังหวะที่คนเป็นเพื่อนเดินเข้ามาถึงต
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 5 หัวใจฉันหล่นวูบครั้งแล้วครั้งเล่ากับคำบอกเล่าที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรของอีกคน พี่เหนือไม่ได้ขยายความต่อ แต่ยื่นกระดาษแผ่นที่ตัวเองเพิ่งเขียนอะไรเสร็จส่งต่อมาให้ “พี่จดเวลาเลิกเรียนของจ๋อมไว้ให้หมดแล้ว และก็เวลากลับบ้านของพี่ เบอร์โทรคนที่ร้านเผื่อว่าพี่ไม่รับสาย เราจะมาตอนไหนก็มาเดี๋ยวพี่จะเอากุญแจสำรองมาให้” เมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะพูดถึงเรื่องจดหมายนั่นอีก ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาเหาใส่หัว เปลี่ยนเรื่องคุยก็ดีเหมือนกัน “พี่จะให้ปายมาเริ่มงานวันไหน?” “พรุ่งนี้เลยก็ได้ถ้าสะดวก” “โอเค” “แล้วเรื่องกลับบ้านตอนกลางคืนเดี๋ยวพี่ไปส่ง” “ไม่ต้องหรอกบ้านปายอยู่แค่นี้เองปั่นจักรยานเอาก็ได้” “เอางั้น?” “สบายมาก ว่าแต่พี่จะให้ค่าจ้างจริงไหม?” ฉันเลิกคิ้วถามถึงเรื่องที่เจ้าบ้านว่าอีกครั้ง พี่เหนือหลุดขำออกมาทำหน้ารู้ทัน “จ้างดิ เห็นพี่เป็นคนยังไง?” “ก็นึกว่าเลือกปายเพราะปายไม่เอาค่าจ้างเสียอีก” “มีจรรยาบรรณเว้ย” น้ำเสีย
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 4 สิบนาทีต่อมา จักรยานชะลอช้าก่อนจะหยุดลงที่หน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง ไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปนัก ฉันหย่อนเท้าลงกับพื้น ทว่ายังคงนั่งนิ่งอยู่บนจักรยานอีกครู่หนึ่ง สายตาสอดส่องมองหาเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเห็นก็แต่มอเตอร์ไซค์คันที่พี่เหนือขี่นำมาก่อนล่วงหน้าแต่ไม่ยักเห็นเจ้าของ โรงรถมีกระบะที่สภาพราวกับไม่มีใครใช้งานจอดอยู่ ผ้าใบคลุมหลังคารถเต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง ก่อนที่สายตาจะเบนมองไปยังตู้จดหมายสีเหลืองสดมีกังหันอันเล็ก ๆ ตกแต่งอยู่ด้านบน มันยังดูเหมือนเดิมแต่ก็เก่าลงตามกาลเวลา ลมเย็นพัดโชยมาทำให้คลายร้อนลงได้เล็กน้อย มีแก้วเจ้าจอมต้นใหญ่ให้ร่มเงาบริเวณหน้าบ้านทั้งยังออกช่อดอกบานสะพรั่งสวยจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ฉันทิ้งจักรยานพิงรั้วบ้านเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าไป ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งดังแว่วมา แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปทักทายคนที่จะต้องทำความรู้จัก เพราะคิดถึงความหลังทำให้เบี่ยงเดินไปด้านหลังตัวบ้านแทน เดินมาจนสุดทางด้านหลังตัวบ้าน ห่างจากชานเรือนมีคลองธรรมชาติเส้นเล็ก
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 3 สิบห้านาทีต่อมา เพราะตอนนี้เป็นเวลาช่วงสาย หน้าตลาดยังคงมีคนเดินจับจ่ายซื้อของกันคึกคัก รถราหน้าสถานีรถไฟก็ยังคงหนาตา ฉันจอดจักรยานลงหน้าร้านข้าวมันไก่ที่มีป้ายตัวเบ้อเร่อเขียนกำกับเอาไว้ และวงเล็บพ่วงท้ายด้วยว่ารับจัดเลี้ยงโต๊ะจีน แม้ว่าอำเภอเราจะไม่ใหญ่มาก แต่เพราะนี่เป็นร้านข้าวมันไก่เจ้าดังเลื่องชื่อของจังหวัดทำให้มีคนมาเข้าคิวซื้อกันให้ควั่ก ทั้งยังมีกระบะสองสามคันจอดเทียบฟุตพาตอยู่หน้าร้าน ลูกจ้างร้านหลายคนกำลังกุลีกุจอขนเอาถุงใส่กล่องข้าวเหมือนกันกับที่พี่เหนือแวะเอาไปให้ที่บ้านเมื่อชั่วโมงก่อนขึ้นท้ายกระบะพวกนั้น นอกจากร้านข้าวมันไก่ขนาดใหญ่แล้ว ถัดออกไปข้างกันก็มีร้านขายน้ำเต้าหู ถัดออกไปอีกก็มีร้านขายโจ๊ก รวมถึงร้านรวงที่ตั้งแผงขายอาหารอยู่ริมฟุตพาต และถัดไปอีกก็คือถนนตัดเข้าตลาดสดฝั่งตรงข้ามกับตลาดเป็นสถานีรถไฟประจำอำเภอ ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวออกจากหน้าสถานี พร้อมกับเสียงประกาศออกลำโพงว่ารถไฟกำลังจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานีถัดไปดังก้องได้ยินมาถึงตรงนี้เอาเป็นว่าแถวนี้เรียกได้ว่าเจริญพอสมควรเทียบกับที่อื่น ๆ ใ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 2เพราะเขาไปแล้วฉันถึงยกยิ้มขึ้นมาได้ เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงของพี่ปราณดังมาจากในบ้านพอหันมองไปก็พบว่าคนเป็นพี่อยู่ในชุดลำลองเตรียมจะออกไปข้างนอก พี่คว้าเอาหมวกแก็ปมาสวม นิ้วมือหมุนควงกุญแจรถเดินออกมาพี่ปราณเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าเท่ากันกับพี่เหนือทั้งยังเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่เด็ก แถมหน้าตายังหล่อเหลาพอ ๆ กัน สมัยเรียนสองคนนี้เป็นหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน อันที่จริงก็เรียกได้ว่าหล่อประจำอำเภอเลยดีกว่า และยิ่งโตแต่ละคนก็ยิ่งดูดี“มันไปแล้วเหรอ?” พี่ปราณเดินมาถึงตัวพอดี พร้อมกันก็คว้าเอาถุงข้าวมันไก่ไปถือไว้เอง“พี่เหนือมาส่งแบบนี้ทุกวันเหรอ?” ฉันเอ่ยปากถามทันที คนถูกถามยักไหล่ก่อนจะเอ่ยตอบ ทั้งพยายามจะแย่งน้ำเต้าหู้ไปด้วย“มันก็มาเองบ้าง ให้เด็กที่ร้านมาบ้าง”“นี่ของปาย” ฉันดึงเอาถุงน้ำเต้าหู้คืนมาพร้อมซ่อนมันไว้ด้านหลัง“ไอ้เหนือซื้อมาให้ว่างั้น?” พี่ปราณยกยิ้มเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเสียงดัง “อยู่มาตั้งกี่ปีพี่ไม่เห็นเคยได้กิน”“พี่เหนือคงจะเห็นว่าปายเพิ่งกลับมา”“อือฮึ”“พี่จะเข้าสวนเหรอ?”“เออ เอาข้าวไปเลี้ยงคนงานที่สวน”“ปายไปด้วยได้ไหม?”“ไม่ต้องหรอกวันน
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 1 หลายวันต่อมา 09.00 น. “ปายลงไปรับข้าวหน่อย พี่อาบน้ำอยู่” “อืม…” “ลุกขึ้นเร็ว” “รู้แล้ว ๆ” ฉันจำใจต้องสะบัดผ้าห่มออกจากตัว กะพริบตาช้า ๆ เพื่อให้ชินกับแสงสว่างที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ประตูห้องนอนปิดลงตอนที่เห็นหลังไว ๆ ของพี่ปราณเดินกลับออกไปในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันท่อนล่าง บนหัวยังเต็มไปด้วยฟองสีขาวของแชมพู แม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องพาสังขารตัวเองเดินลงบันไดมา ในบ้านเงียบเชียบไม่มีใครอยู่นอกจากคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ด้านบน เสียงบีบแตรดังขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นการย้ำเตือนว่าตอนนี้มีคนกำลังรออยู่ “มาแล้วค่ะ ๆ” ฉันเร่งรีบเดินออกจากตัวบ้าน คีบแตะคู่โปรดที่ไม่ได้ใส่มานานหลายปี ก่อนจะหันมองไปยังรั้วบ้านสีขาวสูงประมาณระดับอก ร่างสูงโปร่งคุ้นตาของใครคนหนึ่งกำลังสาวะวนอยู่กับการหอบหิ้วถุงพลาสติกหลายถุงลงจากตะกร้าหลังรถมอเตอร์ไซค์ ใครคนนั้นตั้งท่าจะบีบแตรอีกรอบ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อหันมาสบสานสายตากับฉันเข้าพอดี แสงแดดสว่างจ้า
แอบรักเธออีกสักทีบทนำ กรุงเทพฯ 20.00 น. ประตูเวิร์กช็อปปิดลงแล้วหลังจากลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ‘พรีม’ เพื่อนสาวคนสนิทควบด้วยตำแหน่งเพื่อนร่วมงานซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวยาวถึงข้อเข่าไม่รอช้ารีบเดินไปพลิกป้ายด้านหลังบานประตูกระจกใสจากข้อความที่ระบุว่า open เปลี่ยนเป็น closedแทน ใบหน้าอ่อนล้าหันกลับมามองฉันซึ่งกำลังนั่งกดปากกาลูกลื่นเป็นจังหวะช้า ๆ นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดเมื่อเห็นสภาพของคนเป็นเพื่อนที่ตอนนี้น่าจะไม่อยู่ในสภาวะที่จะไปบำบัดใครเขาได้ แม้ว่าหน้าเวิร์กช็อปจะมีป้ายอักษรโลหะตัวเบ้อเร่อระบุว่าเป็น ‘เวิร์กช็อปจิตวิทยา และศิลปะบำบัด’ แต่คนให้คำแนะนำกลับทำตัวราวกับต้องการได้รับการบำบัดเสียเอง พรีมถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะแขวนมันเก็บกลับที่เดิมบนราวแขวนเฉกเช่นทุกวันหลังเลิกงาน ร่างเพรียวระหงหมุนตัวกลับมามองกันเป็นครั้งที่สิบในรอบวัน แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว นัยน์ตากลมโตกะพริบช้ามีน้ำใสเอ่อคลอ ฉันถอนหายใจอย่างหนักอกก่อนจะหลับตาลงในจังหวะที่คนเป็นเพื่อนเดินเข้ามาถึงต