รุ้งเช้าด้วยหัวใจว้าวุ่น
พิมพ์ยืนอยู่หน้าร้านหนังสือมองไปบ้านหลังใหญ่ของหมอชานนท์ด้วยแววตาเป็นประกายเธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองเห็นบ้านหลังนั้น รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันทีจู่จู่อาการเจ็บหน้าอกกำเริบขึ้นมาทำให้พิมพ์รู้สึกหมดแรง มึนหัวจนเป็นลมล้มพับไปอย่างแรงอยู่ที่หน้าร้านแม่ดาวแม่ของพิมพ์ได้ยินเสียงดังขึ้นจึงรีบเดินมาดูหน้าร้านกับพบเห็นว่าลูกสาวตัวเองนอนลงไปอยู่กับพื้นแล้วจึงรีบวิ่งมาหาพิมพ์ “ พิมพ์ พิมพ์ ลูก พิมพ์ ใครก็ได้ช่วยด้วย พิมพ์พิมพ์ลูกพิมพ์ ’’แม่ดาวร้องให้เขย่าตัวลูกสาวของเธอที่ยังหลับสนิทอยู่เธอตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ในขณะที่แบงค์กำลังจะขับรถออกไปโรงพยาบาล ก็ได้หันมามองบ้านของพิมพ์ถึงกับต้องหยุดรถกระทัน เพราะหันไปเห็นแม่ของพิมพ์ที่กำลังพยายามกดโทรศัพท์โทรหาใครอยู่นั้นโดยท่าทาง รีบร้อนดูกังวลและร้องไห้สายตาของแบงค์ก็เหลือบไปเห็นคนที่นอนอยู่ข้างหลังแบงค์ถึงรีบลงจากรถเพราะนั่นคือเพื่อนของเขา พิมพ์ “ พิมพ์ พิมพ์” แบงค์รีบวิ่งมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเพื่อนของเขาหมดสตินอนนิ่งอยู่ “ แบงค์ แบงค์ ช่วยพิมพ์ด้วยลูก แม่ดาวที่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดได้กล่าวขอความช่วยเหลือจากแบงค์ แบงค์ที่ตรวจร่างกายเบื้องต้น เห็นท่าไม่ดีเพราะหัวใจของพิมพ์เต้นแรง 180ต่อนาทีอาจจะทำให้หัวใจวายได้ จึงอุ้มพิมพ์ขึ้นรถแล้วขับไปโรงพยาบาลพร้อมกับแม่ดาว โรงพยาบาลเรารักหัวใจ พิพัฒน์กุล ห้องฉุกเฉิน หมอชานนท์กำลังเข้าเวรอยู่ในห้องฉุกเฉิน เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก็รีบเดินไปทางเสียงเรียก พยาบาลแจ้งว่ามีคนไข้SVTโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมาค่ะ หมอชานนท์รับประวัติคนไข้แล้วเดินไปที่เตียงกับต้องเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคือคนไข้ของเขา เขารู้สึกเอะใจเล็กน้อยเพราะเมื่อวานยังเห็นท่าทีโมโหโวยวายอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงกลับมานอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย หมอชานนท์หันไปบอกพยาบาล พาผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเข้าห้องแดงด้วยครับ(ห้องแดงคือห้องผู้ป่วยวิกฤติ) หมอชานนท์ตรวจร่างกายพิมพ์อย่างละเอียดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ลึกๆเค้าก็กังวลไม่น้อย พยาบาลกำลังวุ่นวายกับการหาเส้นเลือดดำ เพราะการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นจะต้อง ฉีดยาตรงข้อแขนพับข้างขวาเพื่อให้ยาเข้าไปควบคุมหัวใจให้กับมาเต้นปกติ “ พยาบาล คุณหมอค่ะพร้อมแล้วค่ะ พยาบาลสองคนจับแขนข้างขวาพิมพ์ยกขึ้นพร้อมด้วยมืออีกข้างถือเข็มฉีดยาอีกคนถือเข็มน้ำเกลือ “ หมอชานนท์ ยาอะดีโนซีน 6 มิลลิกรัมครับ เวลา 10.35นาที ฉีดได้ครับ” พยาบาลสองคนฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือพร้อมกันและหันไปมองเครื่องวัดชีพจร เพื่อดูว่าอัตราการเต้นหัวใจจะลดลงไหม พยาบาล หมอค่ะอัตราการเต้นหัวใจไม่ลดลงค่ะ ยังอยู่ที่ 190 ต่อนาทีค่ะ “ เพิ่มยาอะดีโนซีนเป็น 12 มิลลิกรัมครับ เวลา 10.43 นาที ฉีดได้ครับ’’ พยาบาลสองคนฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือพร้อมกันและหันไปมองเครื่องวัดชีพจรอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะลดลงมาอยู่ที่ 180ต่อนาที ลงแล้วค่ะคุณหมอนนท์ พยาบาลอีกคน คุณหมอค่ะคนไข้เริ่มรู้สึกตัวแล้วค่ะ “ ครับ เดี๋ยวเจาะเลือดคนไข้ และเอ็กซเรย์ด้วยครับ’’ หมอชานนท์บอกพยาบาลผู้ช่วยที่กำลังยืนดูเส้นเลือดที่แขนข้างซ้ายของพิมพ์ พยาบาลเปิดประตูเข้ามาคุณหมอคะญาติคนไข้มาแล้วค่ะ อยู่หน้าประตูค่ะ “ ครับ หมอชานนท์เดินออกไปหาญาติซึ่งเป็นแม่ของพิมพ์ “ สวัสดีค่ะคุณหมอลูกดิฉันเป็นไงบ้างค่ะ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “ ตอนนี้คนไข้อาการเริ่มคงที่แล้วครับ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คนไข้ได้ทานยาตอนเช้ามาหรือยังครับ’’ “ ยังค่ะคุณหมอ ฉันออกมาตามลูกไปทานข้าวออกมาเห็นลูกนอนสลบอยู่หน้าร้านแล้วค่ะ’’ “ ครับ คนไข้จะต้องทานยาหลังอาหารเช้าเย็นทันที่ ก่อนที่จะออกไปทำอย่างอื่น เพราะยาจะไปควบคุมหัวใจไม่ให้กำเริบนะครับ” “ ค่ะคุณหมอ ฉันจะกำชับลูกให้ดีค่ะ” “ครับ คนไข้ต้องนอนโรงพยาบาลนะครับ ” “ค่ะคุณหมอ” แม่ดาวรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยที่ลูกสาวของเธอปลอดภัย ห้องพิเศษ ผู้ป่วยโรคหัวใจ พิมพ์ถูกย้ายเข้ามานอนในห้องพักพิเศษ ซึงมีอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณชีพครบครัน หมอชานนท์อธิบายให้แม่ของพิมพ์ฟังว่า “ ห้องนี้มีกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามอาการของคนไข้ครับ หมอและพยาบาลจะได้ตรวจสอบอาการคนไข้ได้ตลอดเวลาครับ’’ “ ค่ะคุณหมอขอบคุณมากนะค่ะ” แม่ของพิมพ์ที่กำลังยกมือไหว้หมอชานนท์ กับต้องตกใจเพราะหมอชานนท์จบมือ แม่ของพิมพ์ไว้ไม่ให้ยกมือไหว้” “ เป็นหน้าที่ของหมอครับ ที่จะต้องรักษาคนไข้” หมอชานนท์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปทันที่ ในห้องพิเศษเหลือแต่พยาบาลที่กำลังเจาะเลือดพิมพ์อีกครั้งและเปลี่ยน กระปุกน้ำเกลือ ติดเครื่องวัดชีพจรหัวใจไว้ที่หน้าอก หน้าจอที่หันไปตรงกล้องวงจรปิดก็จะแสดงผลอัตราการเต้นหัวใจของพิมพ์ “ พยาบาล ญาติค่ะ ท่าคนไข้ตื่นแล้ว ให้ทานยาตรงหัวเตียงด้วยนะค่ะ’’ ชีวิตหลังกลับจากโรงพยาบาล พิมพ์กลับมาบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ได้กลับมาพักผ่อนในบ้านของตัวเอง เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพักผ่อนและอ่านหนังสือที่หน้าต่างห้องนอน โดยแอบมองไปยังบ้านของหมอชานนท์เป็นระยะๆเธอสังเกตเห็นหมอชานนท์ออกมาเดินเล่นในสวนต้นไม้ข้างบ้านกับสุนัขของเขา “เป็นคนรักหมาหรอเนี่ยน่ารักจัง” พิมพ์นั่งยิ้มให้กลับความน่ารักของหมอชานนท์ที่กำลังเล่นกับสุนัขของเขาอยู่ “พิมพ์ลูกลงมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงแม่ดาวเรียกพิมพ์ให้ลงไปกินข้าวเย็น “ไปแล้วจ๊ะแม่” พิมพ์หันไปมองหมอชานนท์อีกสักแป๊บก่อนจะหันไปเปิดประตูห้อง “ว้าวหอมมาแต่ไกลเลยแม่” พิมพ์ลงบันไดยังไม่ทันถึงห้องครัวเธอก็ตะโกนบอกแม่เธอ ด้วยกลิ่นอาหารที่หอมทั้งบ้าน แม่ดาวออกมาจากห้องครัวถือจานกับข้าว ที่มีกลิ่นหอมมากมาที่พิมพ์ “เอานี่ ปูผัดผงกะหรี่ ไปให้บ้านหมอก่อน” แม่ดาวยื่นให้พิมพ์ “บ้านหมอหรอแม่” “ก็ใช่นะสิเอาไปให้คุณหมอก่อนไปเดี๋ยวหายร้อนพอดี” “จ๊ะแม่” พิมพ์ดีใจมากบวกกับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พิมพ์เดินถือจานกับข้าวมาที่หน้าบ้านหมอชานนท์เธอยืนสักพักไม่กล้ากดกริ่ง “มืออย่าสั่นได้ไหมพิมพ์” มือของพิมพ์สั่นจนเหงื่อออกเธอจึงเอามือเช็ดเสื้อ “เอาว่ะ ตั้งสติพิมพ์” พิมพ์กดกริ่งหน้าบ้านหมอชานนท์สองทีแล้วยืนรอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมือประตูมันเปิดเองได้ “อะไรว่ะเนี่ย เปิดเองได้ด้วย” พิมพ์ยืนงงไม่กล้าเข้าไปเพราะเจ้าของบ้านยังไม่มา จู่ๆก็มีเสียง คนพูด “เชิญเข้ามาสิครับ” พิมพ์ยิ่งตกใจเข้าไปกันใหญ่ไม่มีคนแต่มีเสียงพูดออกมาจากด้านบนเครื่องกดกริ่ง พิมพ์เอาหน้าเข้าไปใกล้เครื่องกดกริ่ง หมอชานนท์มองกล้องที่ติดในบ้านเห็นแต่จมูกพิมพ์ เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้กับการกระทำของพิมพ์ “จมูกเธอเหมือนกับเจ้าเลยชาไทย” สุนัขที่หมอชานนท์เลี้ยงสายพันธ์อเมริกันบูลลี่(หมาหน้าย่น) “ไปกันเถอะชาไทย” หมาชานนท์เปิดประตูบ้านเดินออกมาพร้อมกับชาไทย พิมพ์ที่ยังยืนมองเครื่องกดกริ่งอยู่นั้นเธอก็ไม่ได้สังเกตว่ามีคนมายืนอยู่ข้างเธอ แต่จู่ๆชาไทยก็เห่าเสียงดังทำให้พิมพ์ตกใจจานเกือบหล่นลงพื้น “ไม่เป็นไรยังอยู่ดี”พิมพ์ปลอบตัวเองก่อนจะหันไปมองหมอชานนท์ ด้วยสีหน้าอายอย่างมาก “สวัสดีค่ะหมอ”พิมพ์ไม่กล้ามองหน้าหมอชานนท์เธอเอาแต่ก้มหน้าถือจานกับข้าว “สวัสดีครับ มีอะไรหรือป่าวครับ” หมอชานนท์มองไปที่พิมพ์ก่อนจะจับตัวชาไทยไว้ไม่ให้วิ่งไปหาพิมพ์เพราะกลัวว่าจะกัดเธอ “แม่ให้เอาปูผัดผงกะหรี่ มาให้ค่ะ” พิมพ์ยื่นจานให้หมอชานนท์ด้วยอาการมือสั่น “อาการยังไม่ดีขึ้นหรอครับ” หมอชานนท์เห็นมือพิมพ์สั่นและรับจานกับข้าวไว้ที่มือ “หายดีแล้วค่ะ”พิมพ์พูดเสียงเบาและเอาแต่ก้มหน้าเขินสุดๆ “ขอบคุณนะครับฝากบอกแม่คุณด้วย”หมอชานนท์ถือจานกับข้าวและเดินกลับเข้าไปไหนบ้านพร้อมกลับชาไทย ประตูก็เลื่อนปิดเอง “พิมพ์ จะยืนรออะไรไม่มากินข้าว”แม่ดาวเห็นว่าพิมพ์ไปนานเลยออกมาตาม “ไปแล้วจ๊ะแม่” พิมพ์รีบวิ่งกลับบ้านด้วยความอาย แต่ในใจก็มีความสุขมาก “คืนนี้ฉันต้องนอนฝันดีแน่ๆ” เข้าบ้านด้วยใบหน้าเปล่งประกายด้วยความสุขใจ ก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อแม่ดาวมองหน้าพิมพ์ด้วยสีหน้าคนโมโหหิว “แม่นึกว่าแกจะไปป้อนหมอด้วย ไปนานจัง” แม่ดาวพูดก่อนจะตักข้าวให้พิมพ์ “ได้ก็ดีสิแม่”พิมพ์พูดเสียงเบา ก่อนจะหันไปตักปูผัดผงกะหรี่เข้าปาก “เมื่อกี้พูดว่าไรนะ”แม่ดาวมองพิมพ์ด้วยสายตาสงสัย “หนูบอกว่ากับข้าวแม่อร่อยทุกอย่างเลย”ยิ้มให้แม่ดาว “รีบๆกินไปเลย จะได้ไปอาบน้ำนอน” เขินลูกสาวที่ชม การได้ทำอาหารที่อร่อยให้ลูกกินมันก็มีความสุขแล้ว “ค่ะคุณแม่” พิมพ์กินอย่างอร่อยหมดทุกจาน และช่วยแม่เก็บจานไปล้างแล้วขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนที่จะมานั่งโต๊ะที่หน้าต่างเพื่อมองไปยังบ้านหมอชานนท์ “เจ้าหมาตัวนั้นพันธุ์อะไรกัน”พิมพ์สงสัยหมาของหมอชานนท์ที่เห่าเธอ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อกๆ “พิมพ์ แม่เอานมมาให้ลูก” แม่ดาวถือนมไว้ในมือแล้วเคาะประตูลูกสาว พิมพ์เดินมาเปิดประตูห้องของเธอ “แม่หนูอายุ24นะลูกไม่ต้องดื่มนมก่อนนอนแล้ว ” พิมพ์บอกแม่ของเธอแล้วหันหลังเดินไปใกล้ที่นอนเธอกระโดดลงบนเตียงนอนของเธอ “นี่ไงยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เลย”แม่ดาวพูดพร้อมวางนมไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง “แม่หมอเขาบอกว่าขอบคุณนะครับ” “บ้านเขาหลังใหญ่อยู่คนเดียวคงเหงา”แม่ดาวพูดก่อนจะหันไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาพับให้ลูกสาว “เขาไม่เหงาหรอกแม่ หมอเขาเลี้ยงหมาหน้าโหดด้วย” พิมพ์พูดแล้วนึกถึงหมาที่เห่าเธอ “หมาหน้าโหดหรอ” แม่ดาวหันไปมองพิมพ์ “ใช่แม่มันเห่าหนูเหมือนจะกัดหนูด้วยมันไม่เหมือนหมาทั่วไปเลย” พิมพ์บอกแม่ดาวด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาเถอะลูก พักผ่อนได้แล้ว”แม่ดาวเดินออกแล้วปิดประตูให้พิมพ์ @บ้านหมอชานนท์ ชานนท์เทปูผัดผงการหรี่ใส่กล้องเก็บกับข้าวและเดินไปใส่ไว้ในตู้เย็นก่อนจะขึ้นไปบนชั้นสอง ห้องนอนชานนท์มีระเบียงอยู่ฝั่งที่มองไปบ้านของพิมพ์ได้และจะเห็นห้องนอนพิมพ์ “วันนี้อากาศดีนะชาไทย”ชานนท์พูดแล้วมองไปยังบ้านของพิมพ์ เขาเห็นว่ามีคนกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องนั้นแต่เขามองไม่ชัดว่าใคร “คงไม่ใช่คุณป้าหรอมั้งชาไทย” ชานนท์อุ้มชาไทยกลับเข้าห้องนอนเดินไปนั่งที่หัวเตียงก่อนจะหยิบเอกสารการผ่าตัดคนไข้พรุ่งนี้ขึ้นมาอ่าน @ ห้องนอนพิมพ์ “ ในที่สุดฉันก็ได้เป็นนักเขียนแล้ว” พิมพ์กระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้เป็นนักเขียนเต็มตัวสักที่หลังจากที่เธอสมัครการเป็นนักเขียนไปและได้รับอีเมล์ตอบกับมาว่าเธอผ่านและจะได้เซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้ “ค่ะ พยาบาล ขอบคุณนะค่ะ” แม่ดาวยิ้มให้พยาบาล พยาบาลยิ้มให้แล้วเดินออกไปจากห้องพิเศษ เสียงเคาะประตูดังขึ้น แบงค์ที่อยู่ชุดนักศึกษาแพทย์เดินเข้ามาในห้อง พร้อมด้วยข้าวกล่อง2กล่องและน้ำ “ สวัสดีครับคุณป้า พิมพ์อาการเป็นอย่างไรบางครับ’’ แบงค์เดินเข้ามาข้างเตียงมองพิมพ์ที่นอนหลับอยู่ ด้วยความเป็นห่วง “ หมอบอกดีขึ้นแล้วลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ป้าต้องขอบใจแบงค์นะลูกที่ช่วยน้อง ถ้าไม่ได้แบงค์ป้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลย ขอบใจนะลูก เธอรู้สึกดีใจมากที่พิมพ์ลูกสาวของเธอมีเพื่อนที่ดีอย่างแบงค์ “ ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมกับพิมพ์เราเป็นเพื่อนกันนะครับ นี่ครับผมซื้อข้าวมาให้ครับต้องการไรบอกผมได้เลยครับ คุณป้าจะกลับบ้านไปเอาของส่วนตัวไหมครับผมจะดูพิมพ์ให้ครับ แบงค์ถามแม่ของพิมพ์ที่กำลังจับมือพิมพ์อยู่ “ จริงด้วยลูก ป้าฝากพิมพ์ด้วยนะลูกป้าจะรีบไปรีบกลับจ๊ะ แม่ของพิมพ์นึกขึ้นได้ว่า คุณหมอ อยากได้ยาที่เหลือของพิมพ์ และเธอต้องกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วย “ ครับไม่ต้องห่วงครับ คุณป้าขับรถดีๆๆนะครับ แบงค์ยิ้มให้แม่ของพิมพ์ที่กำลังเดินไปหยิบกระเป๋าและหันมายิ้มให้แบงค์และรีบเดินออกไปเพื่อจะได้กลับมาหาลูกสาวเร็วๆแสงอรุณยามเช้า ใจเต้นระรัว ห้องพักพิเศษผู้ป่วยโรคหัวใจ พิมพ์ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้รู้สึกตื่นขึ้นมาเมื่อเธอได้ยินเสียงคนคุยกันทำให้เธอถึงกลับตกใจเมื่อเห็นหมอชานนท์พร้อมกับนักศึกษาแพทย์และพยาบาลยืนอยู่รอบเตียงเธอ หมอชานนท์กำลังอธิบายบางอย่างกับนักศึกษาแพทย์ฟังเกี่ยวกับอาการของพิมพ์ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตาเขามองมาที่พิมพ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้พิมพ์รู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก หมอแมน หนึ่งในหมอรักษาโรคหัวใจ กล่าวทักทายพิมพ์ด้วยความเป็นกันเอง “ สวัสดีครับคุณพิมประภา ผมชื่อหมอแมนครับหมอรักษาโรคหัวใจเด็กครับ’’ “ พิมพ์พยักหน้ารับอย่างเขินอายสวัสดีค่ะ’’ ทันใดนั้น หมอลิซ่าหมอรักษาโรคหัวใจเด็กเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยเธอแต่งตัวสวยสง่าราวกับนางแบบ นักศึกษาแพทย์กล่าวสวัสดีหมอลิซ่า เธอไม่มองนักศึกษาแพทย์เลยสักนิดเธอมองแต่คู่หมั้นของเธอนั้นคือหมอชานนท์ พิพัฒน์กุลนั้นเอง หมอแมนหันไปมองพิมพ์อีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ คนไข้รู้ไหมครับว่าคนไข้ทำให้ผมใจสั่นเลยนะครับเนี่ย” คำพูดของหมอแมนทำให้หมอชานนท์ขมวคคิ้วเล็กน้อยและส่งสายตาดุไปให้ หมอลิซ่าได้ยินถึงกับเบะปากมองบน สวยตรงไหนเธอ
ชีวิตหลังกลับจากโรงพยาบาล พิมพ์กลับมาบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ได้กลับมาพักผ่อนในบ้านของตัวเอง เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพักผ่อนและอ่านหนังสือที่หน้าต่างห้องนอน โดยแอบมองไปยังบ้านของหมอชานนท์เป็นระยะๆเธอสังเกตเห็นหมอชานนท์ออกมาเดินเล่นในสวนต้นไม้ข้างบ้านกับสุนัขของเขา “เป็นคนรักหมาหรอเนี่ยน่ารักจัง” พิมพ์นั่งยิ้มให้กลับความน่ารักของหมอชานนท์ที่กำลังเล่นกับสุนัขของเขาอยู่ “พิมพ์ลูกลงมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงแม่ดาวเรียกพิมพ์ให้ลงไปกินข้าวเย็น “ไปแล้วจ๊ะแม่” พิมพ์หันไปมองหมอชานนท์อีกสักแป๊บก่อนจะหันไปเปิดประตูห้อง “ว้าวหอมมาแต่ไกลเลยแม่” พิมพ์ลงบันไดยังไม่ทันถึงห้องครัวเธอก็ตะโกนบอกแม่เธอ ด้วยกลิ่นอาหารที่หอมทั้งบ้าน แม่ดาวออกมาจากห้องครัวถือจานกับข้าว ที่มีกลิ่นหอมมากมาที่พิมพ์ “เอานี่ ปูผัดผงกะหรี่ ไปให้บ้านหมอก่อน” แม่ดาวยื่นให้พิมพ์ “บ้านหมอหรอแม่” “ก็ใช่นะสิเอาไปให้คุณหมอก่อนไปเดี๋ยวหายร้อนพอดี” “จ๊ะแม่” พิมพ์ดีใจมากบวกกับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พิมพ์เดินถือจานกับข้าวมาที่หน้าบ้านหมอชานนท์เธอยืนสักพักไม่กล้ากดกริ่ง “มืออย่าสั่นได้ไหมพิมพ์” มือของพิม
ร้านหนังสือเล่มโปรด แสงแดดอ่อนๆส่องผ่านหมอกบางๆในยามเช้า เสียงทำกับข้าวในครัวดังหยุดลงแม่ดาวเดินออกมาจัดกับข้าวบางอย่างใส่ถุงและตักข้าวสวยหอมมะลิใส่ขันพร้อมที่จะไปนั่งรอใส่บาตรในตอนเช้า แม่ดาวจัดของเสร็จเรียบร้อยเดินไปหยิบดอกกล้วยไม้และออกมานั่งรอที่โต๊ะหน้าร้านหนังสือเล่มโปรด เสียงประตูรั้วหน้าบ้านตรงข้ามเปิดออกมีรถสปอร์ตBMWสีดำขับออกมาจอดที่หน้าบ้านของเค้าก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมาและเดินมายังหน้าร้านหนังสือเล่มโปรดในมือของเค้าถือจานและกล่องผลไม้องุ่นไซมัสคัสเดินเข้าไปหาแม่ดาว “สวัสดีครับคุณป้า” ชานนท์ยกมือไหว้ คนที่ตรงหน้าของเค้าก่อนจะยื่นจานและกล่องผลไม้ให้แม่ดาว “สวัสดีจ๊ะคุณหมอออกมาแต่เช้าเลย” แม่ดาวยืนขึ้นก่อนจะรับจานและส่งยิ้มให้กับหมอชานนท์ “นี่องุ่นครับคุณป้า ขอบคุณสำหรับอาหารครับ” ชานนท์ส่งกล่องผลไม้ให้แม่ดาวอีกครั้ง “ไม่เป็นไรจ๊ะคุณหมอ”แม่ดาวปฏิเสธที่จะรับกล่องผมไม้เธอรู้สึกเกรงใจ “รับไว้เถอะนะครับคุณป้า” ชานนท์ส่งยิ้มให้แม่ดาวและส่งกล่องผลไม้อีกครั้ง “ ขอบใจนะจ๊ะคุณหมอ ”แม่ดาวยิ้มให้ก่อนจะรับกล่องผลไม้และวางไว้ข้างโต๊ะ “นั้นผมไปก่อนนะครับสวัสดีคร
บรรยากาศฝนตกท้องฟ้ามืดมิดกลางวันแสกๆเหมือนกลางคืน เนื่องจากเมฆฝนหนาทึบจู่ๆ ฝนพรำละอองบางๆตกลงมาไม่ขาดสาย พิมพ์และแบงค์ที่ยังอยู่ในร้านคาเฟ่เล็กๆในหมู่บ้านถึงกับทำหน้างงจู่ๆฝนก็ตกลงมาทั้งที่เมื่อเช้าอากาศยังดีอยู่เลย“จะกลับบ้านกันยังไงดีล่ะที่นี้” พิมพ์พูดแล้วตักเค้กมะพร้าวอ่อนเข้าปากก่อนจะหันไปมองแบงค์และต้องหัวเราะออกมา“หัวเราะอะไรของเธอ”แบงค์ถามด้วยความสงสัยอยู่ดีๆก็หัวเราะออกมาจนเห็นลิ้นไก่แล้ว“นายอายุเท่าไรแล้วกินเป็นเด็กไปได้” พิมพ์ถามแบงค์ก่อนจะชี้นิ้วไปที่แก้มข้างขวาของแบงค์และหยิบกระดาษเช็ดชูเช็ดเศษเค้กให้แบงค์“อย่าว่าแต่ฉันเลยเธอก็มีพิมพ์สองข้างเลยด้วยยิ่งกว่าเด็กอีกเธออ่ะ”แบงค์พูดเสร็จก็ชี้นิ้วไปที่แก้มของพิมพ์ทั้งสองข้างทั้งคู่มองหน้ากันและก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข“รอตรงนี้ก่อนนะฉันไปซื้อร่มก่อน” แบงค์บอกพิมพ์ที่ยืนหลบฝนอยู่หน้าร้านเคเฟ่“ไม่ต้องหรอกกลับบ้านเถอะแป๊บเดี๋ยวเอง”พิมพ์บอกแบงค์ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถจักรยานยนต์เวสป้า แบงค์จึงถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตออกเหลือไว้แต่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นและยื่นเสื้อเชิ้ตให้พิมพ์ “เอาไปคลุมหัวไว้” แบงค์ยื่นเสื้อให้พิ
คนไข้กับหมอประจำตัว หยดน้ำค้างบนดอกกุหลาบสีแดงส่องประกายในแสงแดดยามเช้า พิมพ์ลุกจากที่นอนแล้วเดินไปเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัววันนี้มีนัดกับหมอชานนท์ที่โรงพยาบาลเธอใส่ชุดเดรสลายดดอกไม้พลิ้วไหวในสายลมทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าในสวนดอกไม้ปล่อยผมยาวถึงกลางหลังแต่งหน้าบางๆอ่อนๆพิมพ์แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วลงมาชั้นล่าง “แม่หนูไปก่อนนะ” พิมพ์บอกกลับแม่ดาวที่ยังทำขนมอยู่ในครัว แม่ดาวได้ยินเสียงพิมพ์จึงเดินออกมาดู ก่อนที่จะต้องยิ้มให้กับความน่ารักของพิมพ์ “วันนี้แต่งตัวสวยจังเลย” แม่ดาวพูดไปยิ้มไปก่อนจะเดินไปหยิบกล่องแซนด์วิชมาให้พิมพ์ให้กินก่อนไปหาหมอตามนัด “หนูก็สวยทุกวันอยู่แล้วนี่ค่ะ” พิมพ์ยิ้มเขิน ก่อนจะหันไปมองกระจกบานใหญ่ที่อยู่ข้างประตู “สวยแบบไหนยังไม่มีแฟนสักที” แม่ดาวพูดแล้วสายหัวไปมาแล้วเดินเข้าห้องครัวไปทำขนมต่อ พิมพ์ได้แต่ยืนอึ้งกับคำพูดของแม่ ก่อนจะหันไปหยิบกล่องแซนด์วิชขึ้นมาแล้วเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อนั่งรอรถมารับจู่ๆก็มีรถเก๋งสีขาวขับเข้ามาจอดหน้าบ้านเธอ พิมพ์เห็นจึงลุกเดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ “แบงค์ทำไมหน้าแดงจัง” พิมพ์ถามแบงค์ด้วยความสงสัยก่อนจะจับแก้มแบงค์ “ตัวร้
ห้องพักพิเศษผู้ป่วยชายแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิมพ์กำลังนั่งเฝ้าไข้แบงค์ เพื่อนสนิทที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ แบงค์นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว“แบงค์….ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะอดข้าวเช้านะ” พิมพ์เอ่ยเสียงเบาๆพร้อมกับลูบหัวเพื่อนเบาๆ“อื้อ…เพลียจัง” แบงค์ตอบรับเสียงแหบพร่า“จะกินข้าวโรงบาลหรือข้าวต้มฉันจะลงไปซื้อให้” พิมพ์ถามแบงค์ก่อนจะลุกเดินไปหยิบกระเป๋า“ไม่เป็นไรฉันยังไม่หิว” แบงค์บอกพิมพ์ก่อนจะค่อยๆลุกนั่ง พิมพ์รีบเดินไปช่วยประคองแบงค์แล้วกดหัวเตียงขึ้นให้แบงค์นั่งพิง“ไม่ได้นะมียาหลังอาหาร” พิมพ์บอกแบงค์ก่อนจะหันไปรินน้ำยื่นให้แบงค์“ข้าวต้มที่โรงอาหารอร่อยร้านประจำฉัน” แบงค์บอกพิมพ์แล้วดื่มน้ำ“Ok เดี๋ยวฉันมานะ” พิมพ์ยิ้มให้แบงค์อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกจากห้องไป@โรงอาหารโรงพยาบาล พิมพ์เดินเข้ามาในโรงอาหารที่ค่อนข้างเงียบสงบ เพราะเป็นช่วงเช้าตรู่ พิมพ์หันมองป้ายชื่อร้านข้าวต้มก่อนจะเดินไปสั่งข้าวต้มที่อยู่ติดกับร้านข้าวมันไก่ทอด“สวัสดีค่ะเอาข้าวต้มทรงเครื่องหนึ่งถุงค่ะ” พิมพ์บอกกับแม่ค้าที่ยืนอยู่ในร้าน“จ๊ะ รอแป๊บนึงนะจ๊ะ” แม
ความรู้สึกที่ซ่อนไว้บรรยากาศตอนเช้าฝนพรำๆละอองบางๆตกลงมาไม่ขาดสาย นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วที่พิมพ์เอาแต่อยู่บ้านไม่ออกไปไหนตั้งแต่วันที่โดนหมอชานนท์ดุไป ส่วนแบงค์แม่ของแบงค์กลับมาหลังจากรู้ว่าลูกชายนอนโรงบาลพิมพ์จึงไม่ต้องไปเฝ้าแบงค์แล้ว เธอกลับมาเปิดร้านหนังสือของเธอต่อ แต่ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วทำให้ร้านหนังสือเงียบเหงามาก พิมพ์นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์กำลังนั่งแต่งนิยายเรื่องที่สองของเธออยู่อย่างเงียบๆนิยายเรื่องแรกพิมพ์ได้แต่งเสร็จจึงสั่งทำเป็นหนังสือเพื่อเอามาวางขายที่ร้านหนังสือของเธอนิยายเรื่องแรกของพิมพ์ “แอบรักคุณหมอโรคหัวใจ” พิมพ์พูดจัดหนังสือวางที่ชั้นแล้วหันไปมองทางบ้านหมอชานนท์ เสียงเปิดประตูเข้ามาพิมพ์เงยหน้ามองแม่ดาวที่กำลังวางร่มไว้หน้าร้านมืออีกข้างถือกล่องเค้กที่จัดอย่างสวยงามด้วยริบบิ้นสีแดง“พิมพ์เอาเค้กผลไม้ไปให้หมอชานนท์หน่อยลูกแม่ทำให้หมอเค้าด้วย”แม่ดาวเดินมาวางไว้ตรงหน้าพิมพ์“หนูไม่ว่างแม่เอาไปให้เขาเองเถอะ” พิมพ์พูดก่อนจะดันกล่องเค้กกลับไป ไม่ใช้ว่าเธอไม่อยากเจอหมอชานนท์นะแต่เธอกลัวหมอไม่อยากเจอเธอมากกว่า“ได้ๆแม่ไปเองทำงานต่อเถอะลูก” แม่ดาวหยิบกล่องเค้กผ
ความใกล้ชิดที่คาดไม่ถึงพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงต่อเนื่องเสียงฟ้าผ่าดังไม่หยุด หมอชานนท์ถือร่มวิ่งฝ่าสายฝนออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางบ้านพิมพ์ หมอชานนท์วิ่งมาถึงหน้าประตูรั้วบ้านพิมพ์ ก่อนที่เขาจะส่องไฟฉายไปที่หน้าต่างกระจกห้องชั้นบนซึ่งเขาก็ไม่รู้เป็นห้องใครแต่เขาภาวนาให้เป็นห้องของพิมพ์คนไข้ของเขาพิมพ์ที่นอนไม่หลับลุกขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นแสงไฟส่องหน้าต่างห้องเธอ พิมพ์จึงลุกเดินไปเปิดผ้าม่านแล้วมองลงไป เธอมองลงไปเห็นมีคนยืนส่องไฟมาหาเธอ พิมพ์มองไม่ชัดว่าเป็นใครก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าอาจจะเป็น“แบงค์ แบงค์” พิมพ์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเธอไม่ต้องกลัวอีกแล้วพิมพ์รีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนลงไปชั้นล่างก่อนจะรีบเปิดประตูบ้านพิมพ์สะดุดล้มลงไปกระแทกกับพื้นปูนอย่างแรง หมอชานนท์ที่เห็นพิมพ์ล้มลงเขาตกใจมากก่อนจะรีบปืนประตูรั้วข้ามไปหาพิมพ์เขาส่องไฟเห็นว่าพิมพ์ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่ามีเลือดออก พิมพ์ที่กำลังจะลุกแต่กลับเจ็บที่หัวเข่าใบหน้าของพิมพ์น้ำตาเอ่อคลอดดวงตาของเธออย่างสุดกลั้น เธอไม่ได้สังเกตว่าคนที่อยู่ข้างเธอคือใคร“อย่าพึ่งลุกนะครับ” หมอชานนท์บอกกับพิมพ์ก่อนจะเดินไปล็อกประตูบ้านพิม
แสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่สาดส่องลงมา ชานนท์ขับรถกลับบ้านหลังจากที่ผ่าตัดคนไข้ที่โรงพยาบาลตลอดทั้งคืน ร่างกายของเขาเหนื่อยล้า แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายเขาขับรถมาจอดตรงหน้าบ้าน มองไปยังบ้านของพิมพ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร้านหนังสือยังคงปิดอยู่ เธอคงกำลังพักผ่อนอยู่ข้างบน เขามองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ห้องของพิมพ์ยังคงปิดสนิทความรู้สึกบางอย่างบอกให้เขาอยากจะคุยกับพิมพ์ อยากจะเห็นหน้าเธอ อยากจะรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเขาถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจขับรถเข้าไปในบ้านของตัวเองเขาจอดรถในโรงจอดรถ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน บ้านเงียบสงัด เขาเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเองเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน เขาหลับตาลง พยายามข่มตาให้หลับ แต่ภาพของพิมพ์ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาสักพักเค้าก็เผลอหลับไป @ บ้านพิมพ์ พิมพ์นอนเล่นอยู่บนโซฟาดูการ์ตูน แม่ดาวนั่งปอกผลไม้อยู่ข้างๆ"แม่ อีกสองวันหนูว่าหนูจะเปิดร้านแล้วนะ" พิมพ์พูด"พักอีกสักหน่อยเถอะลูก" แม่ดาวพูด"ไม่เอาแล้วแม่ หนูอ่ะดีขึ้นเยอะเลย อยากจะเปิดร้านแล้ว" พิมพ์พูด"เด็กดื้อ" แ
@หน้าห้องผ่าตัด ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พิมพ์ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าซีดเซียว แต่ก็ยังคงมีสติอยู่ แม่ดาวรีบลุกขึ้นไปดูพิมพ์ด้วยความเป็นห่วง"พิมพ์... ลูกแม่" แม่ดาวเรียกชื่อลูกสาวเสียงสั่น"แม่..." พิมพ์เรียกชื่อแม่เสียงแผ่วเบาหมอชานนท์เดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเดินเข้าไปหาแม่ดาว"คุณป้าครับ ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ" หมอชานนท์พูด"มีอะไรหรือคะคุณหมอ" แม่ดาวถามเสียงสั่น"การผ่าตัดไม่สำเร็จครับ" หมอชานนท์พูด"ไม่สำเร็จ..." แม่ดาวพูดเสียงแผ่วเบา"เส้นเลือดของพิมพ์มีความซับซ้อนเกินกว่าที่คาดไว้ เราไม่สามารถเข้าถึงจุดควบคุมหัวใจได้" หมอชานนท์อธิบาย"แล้ว... แล้วลูกสาวของฉัน..." แม่ดาวถามเสียงสั่น"ตอนนี้พิมพ์ปลอดภัยแล้วครับ แต่เราไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในตอนนี้" หมอชานนท์พูด"แล้วต้องทำยังไงคะคุณหมอ" แม่ดาวถาม"เราต้องรออีก 8 เดือนครับ เพื่อดูอาการของพิมพ์อีกครั้ง ถ้าอาการดีขึ้น เราอาจจะทำการผ่าตัดอีกครั้งได้" หมอชานนท์พูด"8 เดือน..." แม่ดาวพูดเสียงแผ่วเบา"ครับคุณป้า ในระหว่างนี้ พิมพ์ต้องกินยาตามที่หมอสั่ง และพักผ่อนให้มากๆ" หมอชานนท์พูด
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของพิมพ์ เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความสุขจากค่ำคืนที่ผ่านมา และความกังวลที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจเสียงแตรรถดังขึ้น พิมพ์มองลงไปจากหน้าต่าง เห็นแบงค์ยืนรออยู่หน้าบ้าน เธอรีบแต่งตัวและลงไปพิมพ์วิ่งไปในครัวหยิบกล่องแซนด์วิชที่แม่ดาวทำให้ไปทานบนรถระหว่างทาง “ไปแล้วนะแม่” พิมพ์ตะโกนบอกแม่ดาว ที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่“ เดินทางปลอดภัยลูก” แม่ดาวตะโกนกลับพิมพ์เดินถือของออกมาหน้าบ้าน"พร้อมไหมครับคุณเพื่อน" แบงค์ถามด้วยรอยยิ้ม"พร้อมเสมอ" พิมพ์ตอบทั้งสองคนขึ้นรถและออกเดินทางไปยังทะเล ระหว่างทาง พวกเขาเปิดเพลงและร้องตามกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความสดใส@บ้านหมอชานนท์หมอชานนท์เดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขามองไปยังร้านหนังสือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และสังเกตเห็นว่าวันนี้ร้านปิด“สวัสดีครับคุณป้า” ชานนท์ทักทาย“ อ้าวคุณหมอสวัสดีจ้า” แม่ดาวยิ้มตอบรับ"วันนี้ร้านปิดเหรอครับ" หมอชานนท์ถามแม่ดาวที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน"จ้ะคุณหมอ ลูกสาวป้าไปเที่ยวทะเล" แม่ของพิมพ์ตอบ
ความเงียบปกคลุมห้องพักแพทย์ หมอชานนท์ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาเหม่อมองไปยังผนังสีขาวว่างเปล่า ความรู้สึกหลากหลายปะปนอยู่ในใจ เขาชินกับการสูญเสียแล้วเสียงถอนหายใจดังขึ้นแผ่วเบา หมอชานนท์ลุกขึ้นยืน เดินไปยังหน้าต่าง มองออกไปเห็นแสงไฟจากอาคารต่างๆ ของโรงพยาบาลสว่างไสวหลังจากนั้นไม่นาน หมอชานนท์ก็เดินออกจากห้องพักแพทย์ เขาเดินผ่านทางเดินยาวไปยังลานจอดรถ แสงไฟสลัวๆ ส่องสว่างทางเดิน ทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงาและอ้างว้างเมื่อมาถึงรถ หมอชานนท์เปิดประตูเข้าไปนั่ง เขาถอนหายใจยาวๆ อีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกจากโรงพยาบาลไปชานนท์มาถึงบ้านเมื่อมาถึงบ้าน หมอชานนท์จอดรถและเดินออกจากบ้านไปยังร้านหนังสือของพิมพ์ เมื่อมาถึงร้านหนังสือ หมอชานนท์เห็นพิมพ์กำลังนั่งเล่นกับชาไทยอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเดินเข้าไป เคาะประตูพิมพ์เงยหน้าขึ้นมองเธอตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขามาที่ร้าน"คุณหมอ" พิมพ์เรียกด้วยความประหลาดใจพิมพ์รีบเดินไปเปิดประตูให้หมอชานนท์"ผมขอเข้าไปได้ไหมครับ" หมอชานนท์ถามเสียงแผ่วเบา"ได้สิค่ะ" พิมพ์ตอบเสียงแผ่วเบา เธอเปิดประตูให้หมอชานนท์เข้
พิมพ์วางหนังสือนิยายลงบนโต๊ะอย่างเบามือ หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองศึก เธอไม่แน่ใจว่าหมอชานนท์รู้หรือไม่ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของเธอ แต่ถึงกระนั้น ความประหม่าก็ถาโถมเข้ามาจนแทบควบคุมไม่อยู่ “คุณหมอคงไม่รู้หรอกมั้ง" พิมพ์พึมพำกับตัวเอง พยายามเรียกสติกลับคืนมา เธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินกลับไปหาหมอชานนท์ที่นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา ดวงตาของเขาหลับพริ้ม "นี่ค่ะยา" พิมพ์ยื่นยาพาราให้หมอชานนท์ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย "ขอบคุณครับ" หมอชานนท์รับยาไปกิน พลางลืมตาขึ้นมองหน้าพิมพ์ด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาแอบยิ้มในใจเมื่อเห็นความประหม่าของเธอ "คุณหมอเป็นอะไรมากไหมคะ" พิมพ์ถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่เป็นไรมากครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อย” หมอชานนท์ตอบพลางนวดขมับเบาๆ เขาแกล้งทำเป็นอ่อนแอ เพื่อดูปฏิกิริยาของพิมพ์ "ถ้าอย่างนั้น พักผ่อนนะคะ พิมพ์ขอตัวค่ะ” ทันใดนั้น หมอชานนท์ก็แกล้งไอดังๆ สองสามครั้ง พิมพ์ตกใจหันขวับกลับมาด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วเธอก็สะดุดกับพรมที่พื้น ล้มลงไปทับร่างของหมอชานนท์อย่างจัง ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับหน้าผากของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชานนท์กอดพิมพ์ไว้ เขารู้ว่าพิมพ์ต้องเห
@ บ้านพิมพ์(เช้าวันใหม่ที่สดใส)แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอนของพิมพ์ ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นและอบอุ่นในหัวใจ ภาพของหมอชานนท์ที่นั่งทานข้าวต้มฝีมือเธอเมื่อคืนวานยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอไม่หาย"คุณหมอจะไปทำงานหรือยังนะ" พิมพ์พึมพำกับตัวเอง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แปดโมงครึ่งแล้วเธอรีบลุกจากที่นอนเปิดประตูห้องเดินลงบันไดมาข้างล่าง ก็เห็นแม่ดาวกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอยู่"อรุณสวัสดิ์แม่" พิมพ์ทักทายเสียงเบา"อรุณสวัสดิ์จ้ะ วันนี้ตื่นสายนะเรา" แม่ดาวแซวด้วยรอยยิ้ม "สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึกไปหน่อย"ทันใดนั้น ชาไทยก็วิ่งเข้ามาหาพิมพ์ด้วยความดีใจ มันกระโดดโลดเต้น เลียมือและคลอเคลียเธออย่างออดอ้อน พิมพ์ย่อตัวลงลูบหัวมันอย่างเอ็นดู"ชาไทย แกมาได้ยังไงเนี่ย" พิมพ์ถาม"เมื่อเช้าหมอเขาเอามาฝากไว้น่ะลูก สงสัยเค้กคงหมดแล้ว" แม่ดาวตอบ พลางยิ้มขำ "คุณหมอไปโรงพยาบาลแต่เช้าเลยหรอแม่" พิมพ์ถามด้วยความเป็นห่วง"เห็นบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดเด็กนะ" แม่ดาวตอบ"อ๋อ" พิมพ์พึมพำ"หิวหรือยัง มากินข้าวจะได้กินยาลูก" แม่ดาวกล่าว"จ้ะแม่ ไปกันชาไทย" พิมพ์พูด พลางจูงชาไทยไ
หกโมงเช้า พิมพ์ไปออกกำลังกายตอนเช้าที่สวนสาธารณะ แบงค์ที่เข้าเวรตอนเย็นรู้ว่าวันนี้พิมพ์ต้องไปออกกำลังกาย เขาจึงไปหาพิมพ์ที่สวนสาธารณะ"พิมพ์!" แบงค์ตะโกนเรียก"อ้าวแบงค์" พิมพ์ทักทาย"พิมพ์ เมื่อคืนฉันขอโทษนะ" แบงค์กล่าวด้วยความรู้สึกผิด"ไม่เป็นไรแบงค์ ฉันแค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย" พิมพ์ตอบ"พิมพ์ ฉันขอโทษแทนไอ้ดำด้วยนะ" "ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร" พิมพ์ยืนยัน"ฉันรู้สึกผิดจริงๆ นะพิมพ์" แบงค์ยังคงรู้สึกผิด"ได้ๆ พรุ่งนี้พาฉันไปเที่ยวทะเลได้ไหม" พิมพ์ยื่นข้อเสนอ"ได้สิๆ" แบงค์ยิ้มดีใจพิมพ์กับแบงค์เดินออกกำลังกายด้วยกัน พวกเขาหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานในขณะนั้น ชานนท์จูงชาไทยมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ เขาเห็นพิมพ์กับแบงค์อยู่ด้วยกัน"สวัสดีค่ะคุณหมอ" พิมพ์ทักทายชาไทยเห็นพิมพ์ก็วิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ"สวัสดีครับอาจารย์" แบงค์กล่าวทักทายชานนท์พยักหน้าพิมพ์ก้มลงเล่นกับชาไทยอย่างเอ็นดูทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของหมอชานนท์ก็ดังขึ้น"ฮัลโหลครับ" ชานนท์รับสาย"อาจารย์นนท์ค่ะ มีคนไข้ต้องผ่าตัดด่วนค่ะ" พยาบาลแจ้ง"ครับ ส่งข้อมูลคนไข้ให้ผมด้วย" ชานนท์สั่ง"ค่ะอาจารย์" พยาบาลร
รถยนต์สีดำสนิทเคลื่อนตัวผ่านความมืดมิดของถนนยามค่ำคืน ไฟหน้ารถส่องสว่างนำทางไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ ภายในรถบรรยากาศอึดอัดและเย็นชา พิมพ์นั่งตัวตรงแข็งทื่ออยู่ข้างคนขับ เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าหมอชานนท์ ความเงียบทำให้เธอได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองชัดเจน"คุณหมอคะ..." ในที่สุดพิมพ์ก็เอ่ยทำลายความเงียบ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยหมอชานนท์เหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ครับ""คือว่า..." พิมพ์เริ่มต้นประโยคด้วยความยากลำบาก เธอไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดยังไงให้มันไม่ดูเหมือนเป็นการแก้ตัว "เรื่องที่พี่ดำพูด...""ผมไม่ได้สนใจครับ" หมอชานนท์พูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเย็นชาพิมพ์หน้าเสียลงเล็กน้อย เธอรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของเขา "อ่อค่ะ""คนเป็นโรคหัวใจควรพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ" หมอชานนท์พูดต่อ"ค่ะคุณหมอ" พิมพ์ตอบรับหมอชานนท์ขับรถมาจอดหน้าบ้านของพิมพ์ "ถึงบ้านแล้วครับ""ขอบคุณนะคะ" พิมพ์พูดเสียงแผ่วเบาหมอชานนท์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป กลับไปยังงานวันเกิดของหมอแมนพิมพ์มองรถหมอชานนท์ขับออกไป เธอพึมพำกับตัวเอง "เขาไม่เข้าบ้านเหรอ... เขาคงกลับไปงาน"@บ้านแมน-
มันเหมือนงานแต่งเลยรุ่งเช้าอันสดใสรุ่งเช้าด้วยอากาศแจ่มใส ลมหนาวพัดมาเบาๆ เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศวันนี้กำลังดี ไม่หนาวมากจนเกินไป พิมพ์ตื่นสายเล็กน้อยเพราะอากาศเย็นสบาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะลุกขึ้นมาเปิดผ้าม่าน รับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของพิมพ์มองไปยังบ้านของหมอชานนท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ "เวลาผ่านไปเร็วจัง นี่ก็ผ่านมาสี่เดือนแล้วที่พี่หมอย้ายมาอยู่ที่นี่"พิมพ์เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่กางเกงวอร์มขายาวสบายๆ เหมาะกับอากาศเย็นๆหลังจากแต่งตัวเสร็จ พิมพ์ก็ออกมาเปิดร้านหนังสือ แม่ดาวกลับมาจากตลาดพอดี พร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง"โฮ้ ซื้อของอะไรมาเยอะแยะเลยแม่" พิมพ์ทัก"พรุ่งนี้มีออเดอร์เค้กเยอะน่ะลูก" "อ่อ" พิมพ์พยักหน้า"แม่ทำเผื่อชาไทยด้วยนะแม่" "ต้องทำอยู่แล้ว" แม่ดาวตอบพิมพ์ จัดหนังสือ นิยายเรื่องใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาวางบนชั้น จากนั้นก็เดินไปตัดดอกกุหลาบสีชมพูที่เธอปลูกเองมาใส่แจกันในร้านหนังสือ ขณะที่พิมพ์กำลังจัดดอกไม้ เธอก็เหลือบไปเห็นรถตู้หรูสีขาวขับเข้ามาจอดหน้าบ้านของหมอชานนท์ ประตูรั้วเปิดออกรถตู้ขับเข้าไปในบ้านหม