“จริงเหรอคะ แพ้อะไร”“แพ้คนแบบว่า” เขากำลังจะพูด เธอก็ลุ้นสิทีนี้ ลุ้นทำไมก่อนล่ะเธอคิด“แบบว่า” เธอย้ำคำแบบอ้อนๆ คิดว่าเป็นตัวเองล่ะสิท่า เขาคิดและยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอามือลูบหน้าเธอซะอย่างนั้น“อื้อ! อีพี่... ทำไมต้องแก้เขินแล้วเอามือลูบหน้าเค้า”“ใคร ใครเขิน หืม”“ก็พี่เชนทร์นั่นแหละเขิน เจ้ามองตาก็รู้ แพ้คนน่ารักใช่ไหม ยิ่งแพ้กุ้งยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่”“ไม่ได้น่ารัก มีแต่จะไล่ เหนื่อย ขี้เกียจดูแลแล้ว”“หึๆ ทนเอาหน่อยนะคะเดี๋ยวก็ชิน”“เรานี่นะ ขนาดไม่สบายก็ยังเหมือนคนปกติ ไม่ต้องแกล้งอดทนขนาดนั้นก็ได้ อ่อนแอก็บอกอ่อนแอ”เขายิ้มด้วยความเอ็นดู ทว่าพอเขาพูดจบ เธอก็หุบยิ้มและปรับสีหน้าหม่น “ไม่อยากอ่อนแอ เพราะพ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่มีใครมาเห็นหรือว่าช่วย...”“ก็พี่ไง อ่อนแอให้พี่เห็นก็พอ” เขาตอบทันควัน พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มพาลทำให้เธอมองหน้า จากที่อยากจะกวน
“ฝันไปเถอะครับ” คเชนทร์เค้นเสียงด้วยความลืมตัว จนพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ถึงกับหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ“หึๆ งั้นก็รีบทำคะแนน จะมัวกลัวอะไรนักหนา ระดับนี้แล้ว อย่าให้เสียชื่อพ่อที่ฝึกวิชาให้จนหมดเปลือก”“หึๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันก็แค่ช่วงเวลานี้”“เอาเถอะ ไม่กวนละ ดูแลกันให้ดีๆ ละกันนะ” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลง เหมือนมีอะไรบางอย่างเก็บเอาไว้ในใจแต่ไม่ยอมเอ่ยออกมา คำว่า ดูแลกันให้ดีๆ ทำให้คเชนทร์ระแวงราวกับจะมีอะไรเกิดขึ้น“งั้นแค่นี้นะครับ ผมหาอะไรให้เธอกินก่อน ที่ทำไว้กินไม่ได้แล้ว”“รับบทพ่อบ้านใจกล้านะเรา”“แซวจริงๆ เลย แค่นี้ครับ”“อืม” สิ้นคำ ต่างฝ่ายก็ต่างวางสายจากกันพ่อเลี้ยงได้แต่ถอนใจนึกห่วงใจของทั้งคู่ อีกใจก็นึกเอ็นดู คเชนทร์ไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อนเลย จนมาเป็นจันทรภา แต่ทำไปก็กลัวไป มันจะมีอะไรให้กลัวนอกจากหัวใจตัวเอง“ผ่านมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้แกต้องกลัวหรอกเชนทร์ เชื่อพ
คอนโดแห่งหนึ่ง ถูกจับตามองจากเจ้าถิ่น เพื่อต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ชายที่ชื่อตุลยเทพ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเข้าออกคอนโด มักจะมี น้ำอิงเดินขนาบข้างอย่างกับคู่รัก ทุกจังหวะเวลาถูกเก็บภาพเอาไว้ทั้งสิ้น ทั้งภาพเคลื่อนไหวภาพนิ่งเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน เรื่องการหักหลังคบซ้อนกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่เขาผู้เป็นเจ้าถิ่น กำลังแอบส่องดูความเป็นไปของตุลยเทพอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโทรก็รับทันที“อืม” เสียงขานรับในลำคอ ขณะที่สายตาจ้องไปที่ตุลยเทพ ซึ่งนั่งอยู่ในโซนรับแขกของคอนโดหลังนั้น“นายได้เรื่องยังไงบ้างครับ” เสียงปลายสายถามมาก่อนเลย บ้าบอ“กูต้องถามมึงก่อนนะไอ้เปรม”“อ๋อ เอ่อ ลืมตัว แต่ผมอยากรู้ฝั่งของนายก่อน”“ก็เนี่ย ส่องแม่งอยู่เนี่ย ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และมันจับกลุ่มคุยกับลูกน้อง คิดการใหญ่แน่ๆ มันกำลังตามหาเจ้าขา แล้วที่กรุงเทพฯ เป็นยังไง”“งานนี้นายต้องให้โบนัสพิเศษผมแล้วล่ะ”“เออ! มึงพูดมาได้แล้ว”“เท่าที่บุกน้
“แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันค่ำๆ”“ค่ะ” เธอตอบเสียงหม่นก่อนจะกดวางสาย คเชนทร์ก็ถอนหายใจ ในความรู้สึกหลากหลายของตัวเอง ใจก็อยากกลับไปหาแหละ แต่มีงานต้องทำต่อกับพ่อเลี้ยง มีอะไรต้องปรึกษาเยอะแยะ อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เขาไม่อยากอู้บ่อยๆ และแน่นอนว่าระดับคเชนทร์หากได้ทำงาน ก็ทำแบบหามรุ่งหามค่ำ ไม่ดูเวล่ำเวลาคนอื่นกลับไปหมดแล้วตัวเองยังอ่านนั่นเซ็นนี่ที่คั่งค้าง แถมยังไปเดินตรวจตราความเรียบร้อยของโรงแรม มองแขกที่ลงมาเดินเล่นถามรูปเพลินๆ จวบจนกระทั่งเวลาสามทุ่ม ก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าดึกแล้ว“ตาย ไม่ใช่รอจนหน้าบูดบึ้งแล้วเหรอเนี่ย” เขาออกปากบ่นด้วยความตกใจและรีบ ออกจากโซนเรือนรับรองทันที“วันนี้ท่านกลับดึกจังครับ” พนักงานถาม“ตรวจอะไรเพลินๆ น่ะ จะกลับละ”“ครับ สวัสดีครับ” พนักงานกล่าวลาพร้อมกับยกมือไหว้“อื้อ สวัสดี” คเชนทร์รับไหว้ก่อนจะเดินดุ่มๆ ผ่านหน้าฟร้อนท์โร
“จะว่ายังไง ก็ได้เมียน่ะสิ”“โอ๊ย” คเชนทร์ได้แต่ครางโอดโอยเชียว“ทนไม่ไหวก็เอา ไอ้นี่ เจ้าไม่ได้มีเจ้าของแล้ว ใจเธอไม่ได้เหลือให้กับทางนั้นแล้ว เพราะถ้ามีเธอไม่ทนให้แกไล่เช้าไล่เย็น ทนให้แกทำอาหารธรรมดาๆ ให้กิน และใช้ชีวิตแบบนี้ได้หรอก อย่าโง่สิลูก”“เฮ้อ! แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ผมก็เห็นตัวอย่างพ่อ มันสมบูรณ์สวยงาม แต่ถ้ามันพลาดพลั้ง มันก็ไม่ได้มีอะไรดีหรอก ขี้เกียจมานั่งง้อ มานั่งปลอบประโลม นั่งขอโทษ อยากตื่นขึ้นมาแบบ ฟินไปเลยได้ไหม แบบพ่อน่ะ”“นี่มึงไปแอบใต้เตียงพ่อตอนไหน”“ยกตัวอย่างน่ะ”“เถียงไม่ออกเลย”“มันมีตัวอย่างให้เห็นครับ เลยไม่อยากทำอะไรที่ไม่ดี ถึงจะอยากมากแค่ไหนก็เถอะ”“หึๆ ถ้าอยากเห็นเธอมีความสุข แกก็ต้องทนได้ ไม่ใช่เจอเธอเมาก็จะเอา จะฉวยโอกาสมันก็ไม่ใช่ ต้องทำให้เธอรู้สึกว่าต่อให้เธอเมา หรือควบคุมตัวเองไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เธอถามตัวเอง และเมื่อคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนแล้วนั้นเธอบุกมาหาเขาถึงที่นอนเลยนี่น่า แล้ว... แล้ว...“อ๊ายยยยย” จันทรภากรี๊ดลั่นจนคเชนทร์สะดุ้งลุก“อะไรๆๆๆ เจ้าขา ใครๆ ใครทำอะไรคุณ” เขาสะดุ้งลุกแล้วละล่ำละลักถามทันทีไม่ดูอะไรเลย“อ๊าย อีพี่... อีพี่เชนทร์ ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” เธอกรี้ดแล้วชี้หน้าเขา เท่านั้นแหละเขาก็ได้สติเช่นกัน ก่อนจะยิ้มตาหยีเชียว“อ๋ออออ นึกว่าตกใจอะไร” เขาร้องอ๋อและยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ขณะที่เธอสั่นไปทั้งตัว เพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่เหมาะโดยไม่ตั้งใจ“จำไม่ได้เหรอ ว่าเมื่อคืนเรา...”“ไม่ใช่ พี่เชนทร์อย่ามา...”“อะไร เมื่อคืนเจ้า รุกพี่ จูบพี่ แก้ผ้าพี่”“ว๊าย! ไม่จริง”“จริง” เขาตอบแบบจริงจังหน้าเคร่ง“เจ้า เจ้า เอ่อ”&nb
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบเสียด้วยซ้ำ เรียวปากร้อนก็ประทับจูบลงไปบนปากนุ่มแนบแน่น จูบซับเพื่อหยั่งความรู้สึกที่มีต่อกัน จากนั้นเขาจึงได้ถอนจูบออกเพียงนิดเดียว และดูเหมือนจะมีคำถามจากดวงตา แต่เปล่าเลย เธอกลับขยับใบหน้าเข้าหาเขา และหลับตาเพื่อให้เขาประทับจูบอีกครั้งจูบแรกในชีวิตวัย 26 ปีของเธอ ที่มอบให้กับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้เลือก แต่กลับเป็นคนขโมยหัวใจของเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และยิ่งต่างเต็มใจก็ยิ่งไม่มีอะไรมาทัดทาน จากจูบหวานทะยานสู่ความหนักหน่วง ตามด้วยเสียงหายใจหอบพร่า พร้อมกับลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าสู่โพรงปาก เพื่อตักตวงรสหวานจากลิ้นอุ่น ที่ตวัดพันเกี่ยวกันและกันอยู่เนิ่นนานเมื่อพอใจแล้วเขาจึงได้หักใจ เรียกสติและถอนจูบออก พร้อมกับบอกตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลา อีกทั้งเวลานี้เธอเข้าใจว่ามีอะไรกับเขาไปแล้วด้วย “พี่เชนทร์” เธอกระซิบเบาๆ เมื่อเขาเอาหน้าผากแตะหน้าผากเธอเอาไว้ มือยังประคองใบหน้าอยู่เช่นเดิม“จ๋า” เขาตอบน้ำเสียงพร่า เหมือนมีความต้องการอยู่ในร่างกายนี่แหละ“เจ้าขาหิวข้าว” เธอเอ่ย ถือว่าเป็
เป็นการกินข้าวด้วยกันมื้อแรก ที่ทำให้รู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีชมพู โลกใบนี้มีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ จันทรภามีความขัดเขิน หน้าแดง วางตัวไม่ถูก กระทั่งเขาตักข้าวให้ แล้วตักอาหารใส่จานให้เรียบร้อย ดูแลเป็นอย่างดี“กินเลยครับ”“เอ่อ แล้วพี่เชนทร์ไปทำงานไหมคะ”“ไปครับ ทำไมเหรอ”“เปล่าค่ะ เห็นพี่เชนทร์ลุกมาวุ่นกับมื้อเช้าให้เจ้า”“ทำแปบเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาบอกและยิ้มบางๆ“แย่จังเลยนะคะ เจ้าทำอะไรไม่เป็นเลย”“สอนให้แล้วไง เดี๋ยวก็ทำเป็น”“แล้ว เจ้าทำงานบ้าน ซักผ้า ทำนั่นโน่นนี่ช่วย”“อื้อ! แพ้น้ำยาล้างจาน ไหนจะน้ำยาซักผ้า”“น้ำยาที่ไม่แรงก็ไม่แพ้แล้วค่ะ ทำเป็นแล้วด้วย มีแต่ทำกับข้าวนี่แหละที่ยังทำไม่ค่อยได้”“ทำไม เครียดเรื่องทำกับข้าวทำไ
ช่วงเวลาเดียวกัน แม้งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว คเชนทร์กับแสนลักษณ์ ยังสามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เป็นอย่างดี แม้จะพลาดบ้างก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่การันตีได้แล้วว่าเขาสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้ แม้แต่เจ้าสัวเองก็ยังเป็นหนี้ชีวิตคเชนทร์ มิเช่นนั้นท่านคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ งานเลี้ยงฉลองคงได้กลายเป็นงานศพ และเอาเป็นว่างานฉลอง ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป หาเวลาทำอาหารอร่อยให้พ่อตาแม่ยายรับประทานจะดีกว่า แต่ต้องหลังจากที่ซิ่งกันจนเหนื่อยแล้วนะเสียงรถ ATV ในพื้นที่ไร่ผลไม้อันกว้างขวาง เป็นพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน หรือขับ ATV เช่นคราวนี้ไม่ใช่นักเที่ยว หากแต่เป็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่อยากจะแว้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วหนุ่มๆ ก็ได้แต่ยืนรอแบบหน้าบึ้งๆ เพื่อสาวๆ จะมารวมตัวกันขับรถเล่น บอกหนุ่มๆ ไม่ต้องยุ่งทว่าเสียงแว้นรถ ATV ก็ดังบึ้นๆ จนหนุ่มๆ หันไปมอง“วู้วววว หนุ่มๆ คุยกันไปนะคะ” เสียงของมนัสวีดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบิดนำไปเลย ทำเอาแสนลักษณ์อ้าปากค้างกำลังทักท้วง เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปตามอง ตามด้วยจันทรภา“เ
“มาทำไมอ่ะตุลย์ มาหาที่ตายเหรอ” แสนลักษณ์แทรกขึ้น“ใช่ หนีไปก็ถือว่าฉลาดแล้วนะ ไม่น่าโง่กลับมาเลย” คเชนทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะมาแก้แค้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสูญเสีย ฉันจะไม่ให้พวกแกได้มีความสุข” เขาบอกอย่างเจ็บแค้น“ตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วนะตุลย์” คเชนทร์ว่า“ฉันก็จะไม่ให้แกเหลืออะไร” “หึๆ เรารู้จักกันน้อยเกินไป เพราะถ้ารู้จักดีกว่านี้ แกจะไม่โผล่มาที่นี่คนเดียว มึงดูถูกฝีมือกูเกินไป” “จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น“เอามันไปนอนในคุก ก็ถือว่าฉันปราณีไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวลูกสาวฉัน ทำร้ายครอบครัวลูกสาวฉันแล้ว ฉันจะทำให้แกไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สำนึกอยู่ในนั้น แม่แกคงดีใจนะ เฝ้าผัวที่หลับไม่ตื่น ลูกชายก็เข้าคุก อยู่ในนั้นหลายปี คิดให้ได้ถ้าคิดไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ เราเจอกัน” เจ้าสัวบอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาบุตรสาว อยู่กับนักเลงท่านก็นักเลง แต่ทุกคนก็หวั่นใจในคำตัดสินของท่าน และแม้จะได้รับการยกโทษ ที่ไม่ให้ถึงตายแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตลุยเทพรู้สึกเป็นบุญคุณเขากลับโกรธเกลียดเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม ความดำมืดมันเบียดบังความสว่างแห่งจิตใจไม่รู้ดีร
“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดก็จูงมือเจ้าสาวเสียเลย ส่วนมืออีกข้างก็ถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นจึงได้เดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายแม่พ่อเจ้าสาวก็มองด้วยความสุขและปริ่มเปรม เพราะเห็นสีหน้าแววตาของลูก บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงใด แขกเหรื่อในงานหันมามองพร้อมกับถ่ายรูป ตามด้วยเสียงบรรเลงเพลงรักช้าๆ สองฝาแฝดเดินเตาะแตะอย่างน่าเอ็นดู ในชุดเพื่อนเจ้าสาวน้อยๆ และหนุ่มน้อยคาวบอย มนัสวีก็เดินตามพร้อมกับจูงมือเกตุวดีให้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาปลื้มปริ่มพอๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านหน้าพิธี ก็มีบิดามารดาของจันทรภายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้งสองจึงกอดสองฝาแฝดเอาไว้ และหอมซ้ายหอมขวาด้วยความเอ็นดู จากนั้นมนัสวีจึงเดินมาจูงเด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้แถวหน้า ขณะที่จันทรภาก็โน้มตัวไปสวมกอดพ่อกับแม่แนบแน่น “แม่รักหนูนะลูก มีความสุขมากๆ นะ” มารดาเอ่ยขึ้นก่อน“มีความสุขมากๆ กับผู้ชายที่ลูกเลือกนะ” บิดาเอ่ยเช่นกัน“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่” จันทรภาตอบเสียงสั่น ก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมกอดของท่านทั้งสอง“แม่รู้นะว่าหนูกำลังหวั่นใจ” มารดาดูสีหน้าออกอีกแน่ะ นั่นก็เพราะจันทรภานึกถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราววันนี้มันเหมือนกัน ตรงที
“เพราะความรักดีที่ทำให้แกมีวันนี้ต่างหาก เพราะตัวแกเอง ฉันก็แค่เป็นผู้นำพาออกมา หากไม่รักดีซะอย่าง มันก็จะเหมือนเดิม รู้ใช่ไหม ต่อจากนี้ไปต้องเติบโตกว่าที่เป็นอยู่” แสนลักษณ์กล่าวพลางเอามือลูบๆ ปัดหัวไหล่ให้คเชนทร์ราวกับห่วง คเชนทร์สังเกตได้คนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต “ห่วงผมเหรอครับพ่อเลี้ยง” “ห่วง ไปเป็นนายคนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ไปอยู่บริหารงานช่วยเจ้าสัวอย่าห่ามให้มันมากนัก ฝึกใจเย็นให้มากๆ ดูแลครอบครัวใหม่ให้ดี แกจะไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวของเจ้าขาเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำไปพร้อมๆ กับเจ้าสัวด้วย” “ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ผมกลัวทำให้ท่านผิดหวัง” “ฉันสอนแกมาทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเห็น นำไปใช้ซะ องค์กรธุรกิจที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มากนัก” “ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไป” “เราต้องเติบโต แกจะตัดช่องน้อย เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วให้พ่อแม่เขาดูแลกันเองไม่ได้ เจ้าขาเป็นทายาทแกเป็นสามี ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปกุมบังเหียน สักวันท่านก็ปล่อยมือ ช่วยเจ้าขาดูแลทุกอย่างให้ดีๆ” “พ่อจะไม่คิดถึงผมใช่ไหม” “หึๆ ไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปเมืองนอกซะหน่อย คิดถึงก็มาหา เดือนละค
“หนุ่มๆ เขามั่นใจว่าเขาหล่อมากค่ะ แต่งนิดเดียวก็หล่อ แต่ดูเอาเถอะ เราเสร็จก่อนซะอีก” มนัสวีเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวให้เขาตามไปทีหลังก็ได้ลูก ไม่ซีเรียส กันเองทั้งนั้นสบายๆ อย่าพิธีเยอะแล้วจะไม่สนุก” เจ้าสัวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม เพราะท่านผ่านความเครียดและซีเรียสมาแล้ว ทั้งสองงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความสุขและความเรียบง่าย และวันนี้ท่านมีความสุขมาก มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของคนกันเอง ไม่มีใครอื่น ในงานก็สวยงามด้วยดอกไม้ในสวน และริมลำธารตามที่คเชนทร์และจันทรภาต้องการ“ดูแล้วสบายตาจังเลยเนอะพ่อ ไม่เหมือน...” จันทร์จิรากล่าวแต่ก็อดนึกถึงงานคราวก่อนไม่ได้“เอาน่า อย่าไปนึกถึงมันเลย” “มันก็คล้ายๆ กันนะคะ เพราะเจ้าขามารอเจ้าบ่าวอีกแล้ว” “พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเขยคนนี้ คนที่ลูกเลือกเอง” “แม่อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้น่ะ”“ทำใจให้สบาย วันนี้เป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำและยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในงาน ท่านทั้งสองไม่รู้จักใครเพราะไม่ได้เชิญแขกที่อื่น แต่ทุกคนรู้แล้วว่าท่านคือบิดาและมารดาของจันทรภา หรือเจ้าสัวหมื่นล้านพ่อตาของคเชนทร์ ทุกคนจึงได้ให้ความเป็นกันเองกับท่
“หึๆ คนนั้นต้องยอม แต่วันนี้ก็ต้องยกให้เจ้าบ่าวหนึ่งวันนะครับ” “พี่ว่าเราเข้าไปในงานดีกว่า ไปรับแขกแทนพวกเขาไปก่อน เพราะว่าคนกันเองทั้งนั้น” “ครับพี่” สิ้นคำเกตุวดีก็กับเปรมณัฐก็พากันเดินเข้างาน เพื่อทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่จันทรภาต้องมานั่งแต่งหน้า แต่งตัวในฐานะเจ้าสาวอีกครั้ง และครั้งนี้แอบคิดถึงคราวก่อน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคลิปนั้นที่เธอถ่ายเองกับมือ สิ่งต่างๆ มันหวนให้นึกถึง จนรอยยิ้มของเธอหายไปจากใบหน้า ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หม่นลงเสียอย่างนั้น “เป็นอะไรไปคะพี่เจ้า หืม” มนัสวีเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังดัดผมเป็นเกลียวๆ ให้จันทรภา ซึ่งเธอนั่งอยู่หน้ากระจก ห้องรับพักรับรองบ้านแสนลักษณ์“วี พี่ อยู่ๆ ก็นึกถึงวันนั้น มันนึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”“พี่เจ้ากลัวพี่เชนทร์เทงานแต่งเหรอคะ” “มันหลอนๆ น่ะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์น่า”“หึๆ เอาชีวิตแลกขนาดนี้ต้องได้เมียแล้วล่ะค่ะ วีเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์เหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ ลืมมันไปเถอะ” “พี่คิด พี่ตุลย์มันหนีกบกาน ถ้ามันยังไม่ตาย มันแว้งกันเราได้เสมอเลย” “อืม ไม่เอาสิคะ วันนี้งานเลี้ยงมงคลนะคะ ไม่คิดถึงเรื่อ
ดังคำที่เจ้าสัวภากร กับภรรยาได้ให้ไว้กับคเชนทร์ คนเป็นพ่อแม่จะต้องการอะไรนอกจากเห็นความสุขของลูก ต่อให้ความสุขนั้นมันแสนจะเรียบง่าย แต่ท่านก็เห็นแล้วมันคือสวรรค์ และท่านฝืนทนที่จะไม่ยิ้มรับความสุขนั้นไม่ได้ ท่านเห็นและสัมผัสจนต้องยิ้มทั้งน้ำตาท่านยอมแพ้หัวใจของผู้ชายธรรมดาอย่างคเชนทร์ ไม่ใช่เพราะทำสิ่งที่เอาชนะใจ หากแต่ทำให้ลูกสาวท่านเปลี่ยนไปต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านยินยอมที่จะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ และยอมยกให้นานแล้วเพียงแต่รอเวลาอันเหมาะสมแต่การเป็นลูกเขยเจ้าสัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่ไม่มีเงินค่าสินสอด แต่กลัวท่านจะเสียหน้า กลัวคนเอาไปติฉินนินทาว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียวแต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ค่าสินสอด อาจจะทำให้อับอาย เช่นนั้นแล้วมันก็ต้องมีทั้งค่าน้ำนมและพิธีตามที่เห็นสมควร “พ่อไม่ได้ขายลูกกิน พ่อกับแม่รวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะยังอยากได้ค่าสินสอดอีกเหรอ หืม ไอ้ลูกเขย” เจ้าสัวกล่าวอีกครั้งเมื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นทางการในห้องนั่งเล่นบ้านแสนลักษณ์“ผมเรียกว่าค่าน้ำนมครับ” คเชนทร์กล่าวเสียงเรียบ“เชนทร์ ถ้ากลัวพ่อแม่จะเสียหน้า เสียชื่อ จำได้ใช่ไหม ว่าสิ่งเหล่านี้เจอมาแล
ขณะที่คเชนทร์ก้มกราบแทบเท้าท่าน เห็นเช่นนี้แล้วอยู่ๆ ท่านกลับจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาเจ้ากรรมดันปริ่มตรงขอบตาเสียอย่างนั้น จันทร์ จิรายิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าสัวอึ้งมือสั่นกระทั่งคเชนทร์เงยหน้าขึ้น“ผมกราบขอขมาครับ ในการกระทำที่ได้ล่วงเกินไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือว่าทางใจ รวมถึงเรื่องที่ผมกับเจ้าขาอยู่ด้วยกัน กราบขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวัง ที่ผมอาจจะทำให้เจ้าขา มีความสุขหรือสุขสบายน้อยกว่าที่ผ่านมา” คเชนทร์ตัดใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและหม่นเล็กน้อย เงยหน้ามองสบตาเจ้าสัวภากรเป็นหลัก ซึ่งท่านฟังดังนั้นแล้วได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เบือนสายตาไปทางอื่นนิดหน่อย ขณะที่ภรรยาท่านต้องกุมมือเอาไว้“เธอกล้ามาก” ท่านกล่าวสั้นๆ หยุดเอาไว้เพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ“กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้ชายหลายคนไม่กล้าทำ คือนั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่ามันไม่ง่ายใช่ไหม” “ครับ ไม่ง่าย แต่ผม... คนไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครให้ก้มกราบแบบนี้ คิดอะไรผมก็ทำ พิธีรีตองมากว่านี้ก็ไม่เป็น ทื่อๆ แข็งๆ อาจไม่ประทับใจ แต่มันออกจากหัวใจของผม”“ไม่ได้ต้องการประทับใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเธอมานั่งคุกเข่าตรงนี้พ่อนักเลง” เจ้าสัวหันมากล
“ไม่ต้องมาอวยผมเลย ผมอาจจะไม่ดีสำหรับท่านก็ได้” “ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรา แกกับเจ้าขาต่างหาก ต้องดีสำหรับเจ้าขา” แสนลักษณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่คเชนทร์เบาๆ“ทุกวันนี้มีความสุขกันหรือเปล่าล่ะ”“ครับ มีความสุขมาก แต่พอท่านมาผมก็หวั่นใจ” “แม่ยายเอ็นดูนี่ ความจริงแล้วพ่อตาเราน่ะ เขาแค่หวงลูกสาวกลัวจะลำบาก เพราะเคยเลี้ยงลูกให้สุขสบายจนเคยตัว แต่เจ้าขาน่ะรักการเรียนรู้ เธอน่ารักตรงนี้ และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากแก นั่นคือสิ่งที่ชนะใจพ่อกับแม่ แกไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแต่เจ้าขาน่ะพิสูจน์แทน” “พ่อรู้ได้ไง”“ฉันก็คิดว่าแกรู้ เชื่อมั่นในตัวเองเชนทร์ เขายกลูกสาวให้อยู่แล้วล่ะ” “ผมกลัวไม่มีค่าสินสอดให้เขา” “คิดอะไรเยอะแยะ ฉันยังไม่มีค่าสินสอดน้องวี ยังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ แค่จดทะเบียนก็สมบูรณ์แล้ว” “แต่นี่เจ้าสัวเลยนะครับ” “อย่าคิดแทนท่าน ได้เวลาที่ต้องคุย” “โอเคครับ คุยก็คุย ไปดีกว่า แวะมาเอากำลังใจเท่านี้แหละ ผมอาจจะกลับก่อนนะครับ”“อืม อะไรจัดการก็ไปเถอะ” สิ้นคำของแสนลักษณ์ คเชนทร์ก็ลุกจากไป แต่ก่อนจะเปิดประตูเขาก็หันมาหาแสนลักษณ์เสียก่อน“พ่อครับ” “อะไร” “ยืมเงินสัก 50 ล้านนะ” ประโยคนี้