“จะว่ายังไง ก็ได้เมียน่ะสิ”“โอ๊ย” คเชนทร์ได้แต่ครางโอดโอยเชียว“ทนไม่ไหวก็เอา ไอ้นี่ เจ้าไม่ได้มีเจ้าของแล้ว ใจเธอไม่ได้เหลือให้กับทางนั้นแล้ว เพราะถ้ามีเธอไม่ทนให้แกไล่เช้าไล่เย็น ทนให้แกทำอาหารธรรมดาๆ ให้กิน และใช้ชีวิตแบบนี้ได้หรอก อย่าโง่สิลูก”“เฮ้อ! แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ผมก็เห็นตัวอย่างพ่อ มันสมบูรณ์สวยงาม แต่ถ้ามันพลาดพลั้ง มันก็ไม่ได้มีอะไรดีหรอก ขี้เกียจมานั่งง้อ มานั่งปลอบประโลม นั่งขอโทษ อยากตื่นขึ้นมาแบบ ฟินไปเลยได้ไหม แบบพ่อน่ะ”“นี่มึงไปแอบใต้เตียงพ่อตอนไหน”“ยกตัวอย่างน่ะ”“เถียงไม่ออกเลย”“มันมีตัวอย่างให้เห็นครับ เลยไม่อยากทำอะไรที่ไม่ดี ถึงจะอยากมากแค่ไหนก็เถอะ”“หึๆ ถ้าอยากเห็นเธอมีความสุข แกก็ต้องทนได้ ไม่ใช่เจอเธอเมาก็จะเอา จะฉวยโอกาสมันก็ไม่ใช่ ต้องทำให้เธอรู้สึกว่าต่อให้เธอเมา หรือควบคุมตัวเองไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เธอถามตัวเอง และเมื่อคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนแล้วนั้นเธอบุกมาหาเขาถึงที่นอนเลยนี่น่า แล้ว... แล้ว...“อ๊ายยยยย” จันทรภากรี๊ดลั่นจนคเชนทร์สะดุ้งลุก“อะไรๆๆๆ เจ้าขา ใครๆ ใครทำอะไรคุณ” เขาสะดุ้งลุกแล้วละล่ำละลักถามทันทีไม่ดูอะไรเลย“อ๊าย อีพี่... อีพี่เชนทร์ ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” เธอกรี้ดแล้วชี้หน้าเขา เท่านั้นแหละเขาก็ได้สติเช่นกัน ก่อนจะยิ้มตาหยีเชียว“อ๋ออออ นึกว่าตกใจอะไร” เขาร้องอ๋อและยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ขณะที่เธอสั่นไปทั้งตัว เพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่เหมาะโดยไม่ตั้งใจ“จำไม่ได้เหรอ ว่าเมื่อคืนเรา...”“ไม่ใช่ พี่เชนทร์อย่ามา...”“อะไร เมื่อคืนเจ้า รุกพี่ จูบพี่ แก้ผ้าพี่”“ว๊าย! ไม่จริง”“จริง” เขาตอบแบบจริงจังหน้าเคร่ง“เจ้า เจ้า เอ่อ”&nb
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบเสียด้วยซ้ำ เรียวปากร้อนก็ประทับจูบลงไปบนปากนุ่มแนบแน่น จูบซับเพื่อหยั่งความรู้สึกที่มีต่อกัน จากนั้นเขาจึงได้ถอนจูบออกเพียงนิดเดียว และดูเหมือนจะมีคำถามจากดวงตา แต่เปล่าเลย เธอกลับขยับใบหน้าเข้าหาเขา และหลับตาเพื่อให้เขาประทับจูบอีกครั้งจูบแรกในชีวิตวัย 26 ปีของเธอ ที่มอบให้กับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้เลือก แต่กลับเป็นคนขโมยหัวใจของเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และยิ่งต่างเต็มใจก็ยิ่งไม่มีอะไรมาทัดทาน จากจูบหวานทะยานสู่ความหนักหน่วง ตามด้วยเสียงหายใจหอบพร่า พร้อมกับลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าสู่โพรงปาก เพื่อตักตวงรสหวานจากลิ้นอุ่น ที่ตวัดพันเกี่ยวกันและกันอยู่เนิ่นนานเมื่อพอใจแล้วเขาจึงได้หักใจ เรียกสติและถอนจูบออก พร้อมกับบอกตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลา อีกทั้งเวลานี้เธอเข้าใจว่ามีอะไรกับเขาไปแล้วด้วย “พี่เชนทร์” เธอกระซิบเบาๆ เมื่อเขาเอาหน้าผากแตะหน้าผากเธอเอาไว้ มือยังประคองใบหน้าอยู่เช่นเดิม“จ๋า” เขาตอบน้ำเสียงพร่า เหมือนมีความต้องการอยู่ในร่างกายนี่แหละ“เจ้าขาหิวข้าว” เธอเอ่ย ถือว่าเป็
เป็นการกินข้าวด้วยกันมื้อแรก ที่ทำให้รู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีชมพู โลกใบนี้มีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ จันทรภามีความขัดเขิน หน้าแดง วางตัวไม่ถูก กระทั่งเขาตักข้าวให้ แล้วตักอาหารใส่จานให้เรียบร้อย ดูแลเป็นอย่างดี“กินเลยครับ”“เอ่อ แล้วพี่เชนทร์ไปทำงานไหมคะ”“ไปครับ ทำไมเหรอ”“เปล่าค่ะ เห็นพี่เชนทร์ลุกมาวุ่นกับมื้อเช้าให้เจ้า”“ทำแปบเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาบอกและยิ้มบางๆ“แย่จังเลยนะคะ เจ้าทำอะไรไม่เป็นเลย”“สอนให้แล้วไง เดี๋ยวก็ทำเป็น”“แล้ว เจ้าทำงานบ้าน ซักผ้า ทำนั่นโน่นนี่ช่วย”“อื้อ! แพ้น้ำยาล้างจาน ไหนจะน้ำยาซักผ้า”“น้ำยาที่ไม่แรงก็ไม่แพ้แล้วค่ะ ทำเป็นแล้วด้วย มีแต่ทำกับข้าวนี่แหละที่ยังทำไม่ค่อยได้”“ทำไม เครียดเรื่องทำกับข้าวทำไ
“วันนี้เริ่มมีนักศึกษาฝึกงานเข้ามาเหรอเนี่ย” พ่อเลี้ยงถามเสียงเรียบเรียกว่าถามลอยๆ จะดีกว่า เพราะเห็นพากันใส่ชุดนักศึกษาติดป้ายกัน และเดินกันให้วุ่นเชียว ทว่าแต่ละคนไม่รู้ว่าแสนลักษณ์กับคเชนทร์เป็นใคร เพียงแต่หันมามองด้วยสายตาแปลกๆ เท่านั้นเองเพราะมีผู้ติดตามเยอะ“ใช่ครับ แต่เราคงไม่ได้เจอนักศึกษาฝึกงานหรอก เพราะคงให้ฝึกตามแผนกอื่นๆ คงไม่ให้ยุ่งกับผู้บริหารหรอกครับ” คเชนทร์ตอบ“คงจะวุ่นน่าดู จะเดินชนกันอยู่แล้ว บอกผู้จัดการเรียกประชุมกันบ้างนะ หรือไม่ก็เอาผนังบริหารให้ดู” พ่อเลี้ยงออกปากบ่นเล็กน้อย เพราะรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เดินสวนสนามกัน“ครับพ่อ” คเชนทร์ตอบ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานให้ เพื่อส่งพ่อเลี้ยง“ไปทำงานเถอะครับท่าน ปล่อยหน้าที่นี้ให้เป็นของเจ้าเขตกับเจ้าโอ๊ตได้แล้ว”“ก็มันชินนี่ครับ ผมไปทำงานแล้ว”“ไปเถอะ” พ่อเลี้ยงกล่าวและยิ้มอีกครั้ง จากนั้นคเชนทร์จึงได้กลับห้องทำงานของตัวเอง“สวัสดีครับนาย” เปรมณัฐทักทาย
“หนูกลัวโดนทำโทษนี่คะ”“ผมสั่ง ให้จำเอาไว้ด้วย แล้วนี่คือชั้นผู้บริหาร อย่าเที่ยวมาเดินเพ่นพ่าน”“หนูสามารถขึ้นมาฝึกงานบนชั้นนี้ได้หรือเปล่าคะ”“ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารท่านใด อยากได้นักศึกษาฝึกงานมาช่วยหรือเปล่า ทำไม ถามทำไม”“เผื่อท่าน อยากได้เด็กๆ มาช่วยงานค่ะ”“แบบเราเหรอ ก็สงสัยอยู่ ว่าจะช่วยอะไรได้ เอาไว้จะพิจารณาและลองถามท่านอื่นๆ ดูก็แล้ว ไม่มีไรแล้วก็เชิญ” พูดจบคเชนทร์ก็ออกปากไล่พร้อมกับผายมือทันที เพราะไม่อยากอ้อยอิ่งให้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าล่อสายตานัก“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้ แล้วถือแฟ้มออกไปจากห้องทันที แต่แล้วต้องชะงักเท้าเมื่อเจอเข้ากับเปรมณัฐเข้า“นี่เธอเข้าไปทำอะไรในห้องท่านเนี่ย”“เอ่อ หนูเอาแฟ้มเข้าไปให้ท่านเซ็นค่ะ คือ คุณเลขาไม่อยู่”“ไม่อยู่ก็ต้องรอ ไม่รู้จักกาลเทศะเลยนะเราเนี่ย ไปได้แล้ว”“ค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงหม่นๆ ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวจ
“นั่นสิคะ แล้วใครจะกล้าดุหนู หืม” เขาบอกยิ้มๆ ก่อนจะเอามือจับคางมนพลางส่ายไปมาด้วยความเอ็นดู“ทำงานไปนะครับผู้จัดการ ไม่รบกวนแล้ว” สิ้นคำพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ก็โน้มหน้าไปจูบเบาๆ ที่แก้มนุ่มจากนั้นแสนลักษณ์ก็ไม่ได้อ้อยอิ่งอีก แค่อยากจะแวะเข้ามากอดเมีย ได้เห็นรอยยิ้มกัน และแจ้งเรื่องงานเท่านั้น จากนั้นมนัสวีก็ออกไปส่งพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ตรงประตูเท่านั้น ไม่ได้ออกไปด้วยแต่อย่างใดส่วนแสนลักษณ์ก็ออกไปตรวจงานด้านนอก พร้อมกับผู้ติดตามอีกเช่นเคย และจังหวะที่เขาเดินออกมาจากแผนกนั้น คเชนทร์และเลขาก็ลงมาสมทบ ทว่าสีหน้าแววตาของคเชนทร์ ทำให้พ่อเลี้ยงมองด้วยความแปลกใจ เหมือนคเชนทร์อารมณ์ไม่ดีชอบกล“หน้าบึ้งๆ นะครับท่าน”“เฮ้อ! หงุดหงิดนิดหน่อยครับ”“ทำหน้ารับแขกหน่อยนะครับท่าน” พ่อเลี้ยงกล่าวก่อนจะเดินไปประชิดตัวคเชนทร์ แล้วโอบแขนกอดรอบคอเอาไว้ ราวกับเพื่อนเลยทีเดียว พร้อมกับเอากับกำปั้นหมุนๆ ที่ศีรษะด้วยความเอ็นดู&nb
“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์” ผู้จัดการวัยสี่สิบวิ่งมาทักทายทันที เพราะคิดว่าคเชนทร์กำลังคาดโทษนึกศึกษาฝึกงานแน่ๆ“ผมไม่ได้เรียกคุณ มีอะไร” คเชนทร์หันไปต่อว่าผู้จัดการทันที“คือ แกเป็นเด็กที่แผนกค่ะ แกทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ”“พรุ่งนี้เจอกันเก้าโมง ขึ้นไปบนห้องผม หรือจะห้องพ่อเลี้ยงก็ได้เลือกเอา” คเชนทร์ว่าเสียงเข้มและดุไม่เลิก “เอ่อ ค่ะ” ผู้จัดการรับคำด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พลางก้มหน้า หัวใจเต้นตุบๆ เลยทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายคนนี้จะพานโกรธอะไรบ้าง และเมื่อเธอรับคำเสร็จ เขาก็ปลีกตัวเดินจากไปทันที ทิ้งความกดดันน่ากลัวเอาไว้ให้ผู้จัดการและ มิลิน“เราทำอะไรเหรอมิลิน”“มิ้ลเปล่าค่ะ มิ้ลแค่เดินชนท่าน”“คงไม่เท่านี้หรอกมั้ง พรุ่งนี้เตรียมตัวเลย” ดุเสร็จผู้จัดการก็เดินหนีไปอีกคน เพื่อจะได้กลับบ้าน ส่วนมิลินน่ะหรือตั้งใจสุดๆ ที่จะออกมาเดินชนคเชนทร์น่ะสิ เพื่อที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนดุ ทว่าเซ็กซี่ชะมัดเลยยิ่งดุยิ่งเท่ ไม่รู้
“หายแล้วค่ะ หายเหมือนพ่อเชนทร์เลย ไปกินข้าวต่อนะคะจะได้ไปโรงเรียน”“ครับ/ค่ะ” สองแฝดรับคำแบบประสานเสียง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องอาหาร สองพ่อก็มองตามและยิ้ม ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วปรับสีหน้าให้เรียบ“พี่รักเอาคำว่าพ่องมาจากไหน” แสนลักษณ์หันมาดุคเชนทร์ซะงั้น“หืม ก็พูดเอง เด็กพูดไม่ชัด”“พูดไม่ชัด แต่ชัดมาก แกสอนหลานไม่ดีใช่ไหม”“ป่าว ใครจะสอนหลานพูดหยาบ”“แต่สอนให้หลานกวนตีน”“ป่าว สอนเมื่อไหร่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยเลย”“โตขึ้นมาได้นิสัยแกนี่ฉันจะเบิ้ดกะโหลกให้”“ไม่เกี่ยวกะเค้าเลย”“เอ้าๆๆ มาแล้ว เป็นงานเป็นการ สองพ่อลูกเถียงอะไรกันเนี่ย” เกตุวดีแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ คเชนทร์เรียกว่าข้างๆ จนชิดๆ และเบียดโดนขา“โอ๊ย! ป้า! นั่นสะโพกหรือกะละมังเนี่ย กระแทกขาแรงมาก”“ว๊าย! อีเชนทร์”“เ
“ขู่อะไรแบบนี้ แม่เจ้าไม่น่ากลัว แต่พ่อเจ้าน่ะดุ”“ดุไม่สู้พ่อแสนของพี่หรอก”“นี่จะเอาพ่อมาสู้กันเหรอคะ”“หึๆ สักตั้งหนึ่งน่า”“ระหว่างตามหานายตุลย์กับสมุนมาเข้าคุก เจ้าก็เคลียร์กับพ่อตาพี่ละกัน”“ไม่ง่ายเลยค่ะ กลัวพ่อจ้ะ...”“พูดเองว่าไม่ให้พี่กลัว ตัวเองกลัวซะงั้น”“กลัวพ่อไม่ชอบพี่เชนทร์”“ยังไม่เคยเผชิญหน้ากันจะรู้เหรอ อย่าเพิ่งกลัว พี่จะไม่กลัว นอนซะคนเก่งของพี่” สิ้นคำเขาก็กอดเธอเอาไว้และจูบเบาๆ ที่เรือนผม จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก นอกเสียจากฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรง ต่างคนต่างบอกไม่ให้กลัว ทว่าเริ่มกลัวแล้วสิน่าพอรุ่งเช้าคเชนทร์ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ ใส่แต่เพียงกางเกงดังเดิม มือหนึ่งคีบบุหรี่พ่นออกมา ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มีการพูดคุยแบบเครียดๆ และพยายามไม่ให้เสียงดัง เพราะเปิดหน้าต่างระเบียงตรงห้องนอน“เรื่องเมื่อคืนเรียบร้อยทุกอย่างครับคุณเชนทร์&rdqu
“ซี๊ดดดด อ่า เจ้าจ๋า พี่จะแตกแล้ว”“เจ้าก็... โอ้ว พี่เชนทร์ แรงๆ อื้อ!” เธอร้องครางออกคล้ายกับใกล้จะถึงจุดหมาย จนเขาเร่งเร้าจังหวะกระแทกสะโพกอย่างหนักหน่วง และจูบแนบแน่นที่ปากอิ่ม“อื้อ” เขาครางในลำคอเมื่อถึงจุดที่เสียวซ่านที่สุด“โอ้ว เมียจ๋า ผัวจะไม่ไหวแล้ว”“เมียก็ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อืม” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละ ร่างกายก็กระตุกเกร็งและยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกอดเขาเอาไว้ ปลดปล่อยความปรารถให้พรั่งพรูออกมา เขาจึงไม่รั้งรอรีบเร่งระรัวอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็คว้าเส้นชัยตามไปติดๆ“อื้อ อ่า อ่า เมียจ๋า เมียพี่... เสียวที่สุดเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า ขณะที่แท่งกายกดจมเข้าไป และพ่นน้ำรักใส่ในร่างกายของเธอจนเอ่อล้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่ามันยังดีดดิ้นอยู่ภายในราวกับพ่นพิษไม่หมด อารมณ์สุขสมล่องลอยอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่เมื่อร่างกายยังไม่เข้าที เขาก็ประทับจูบแนบแน่นดูดดื่มพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ แล้วจึงได้ถอนจูบออก“ดอกฟ้าของไอ้เชนทร์”
“มันทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำต่างหากล่ะ”“จะเอาอะไรคะ” เธอถามอย่างขัดเขิน เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ“เป่ามนต์ให้พี่หนึ่งทีแล้วจะนอน” คำพูดดูเหมือนไม่มีอะไร หากเธอไม่คิดมาก ทว่าเธอโน้มหน้าลงไปเป่าที่ต้นแขนให้“โอมเพี้ยง!” ปากก็เป่าไป สายตาก็ตวัดขึ้นมองเขาและยิ้ม แต่วินาที่เขาจะคลั่งก็ตรงที่แม่คุณค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ กดจูบที่แผงอกเล็กน้อยกระทั่งเข่าชิดติดพื้น เขาก็ได้ยิ้มและหลับตา เมื่อมือนุ่มดึงกางเกงเขาลงช้าๆ จมูกโด่งก็ไต่ลงมาตามหน้าท้องจนถึงขอบบ็อกเซอร์ และชั่วอึดใจมันถูกมือน้อยดึงลงไปพร้อมกับกางเกงเสียเลย แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่มันดีดผึ่งผงาดออกมาล่อสายตาหรอก เธอก้มลงไปเป่าตรงบาดแผลที่ปิดด้วยผ้าก็อตเอาไว้“โอมเพี้ยง!” เธอเอ่ยอีกครั้งก่อนจะยิ้มมุมปาก“เป่าแผลให้เค้าเฉยๆ แล้วจะถอดกางเกงเขาทำไม” เขาถามเสียงนุ่ม ว่ากลับก้มหน้าลงมองเธอราวกับจะกลืนกิน เธอก็สบตาคมกริบก่อนจะเอามือลูบไล้น่องของเขา ขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ใบหน้าเสมอแท่งไอศรี
“เรียกคุณอาขาแล้วจะแตก เซ็กซี่จัง” สิ้นคำเขาก็จูบปิดปากนิ่มเอาไว้แล้วกระแทกสะโพกแรงๆ ระรัวจนเมียเด็กทานทนไม่ไหว ได้แต่ครางในลำคอพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งลำตัว พลางกอดเขาเอาไว้แน่น“อืม” มีแต่เพียงเสียงอื้ออึงที่เปล่งออกมาเพราะถูกปิดปาก พร้อมกับความปรารถนาถูกเปล่งออกมาจนกระทั่งเม็ดสวาทกระตุกตอด“ซี๊ดดดด อาจะแตกแล้วเมียจ๋า” สิ้นคำเขาก็กดสะโพกแนบแน่น กับกลีบนุ่มและปล่อยลาวาอุ่นๆ ทะลักเข้าสู่กายเธอ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ท่อนเนื้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายใน เพื่อปล่อยทุกอย่างให้ออกมาจนสุด ตามด้วยเสียงหายใจหอบทว่ายังคงบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มสิ้นสุดอารมณ์ปรารถนาเหลือไว้แต่เพียงเสียงหายใจหอบ ทว่าร่างกายยังคงสอดประสานไม่ยอมขยับออก จวบจนกระทั่งอารมณ์ล่องลอยและปลดปล่อยจนหมด แล้วร่างกายกลับมาเป็นปกติถึงได้ถอนจูบออก ทว่าทั้งสองดูเหนื่อยหอบราวกับวิ่งทางไกลมาก“เมียจ๋า อายังเสียวอยู่เลย” เขากระซิบเสียงหวานออดอ้อน“อื้อ ให้วีกลับมาเป็นปกติก่อนนะคะ
“อย่าพูดอ้อมค้อม บอกว่าต้องการซิ” เขากระซิบเสียงนุ่มและยิ้ม เธอก็ได้แต่เม้มปากขัดเขินก่อนจะพยักหน้า“ต้องการค่ะ ต้องการผัวแก่ตลอดแหละ”“รู้ไหมว่า... ไอ้คนที่มันตายน่ะมันเรียกอาว่าไอ้แก่ แล้วเมียเรียกแบบนี้”“จะทำอะไรวีเหรอคะ”“จะทำให้ตายคาอกเลย เดี๋ยวเจอฤทธิ์คนแก่” สิ้นคำเขาก็กดจูบที่ปากนุ่มอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ก่อนจะพรมจูบซับพวงแก้ม ซอกคอ และลากไล้เรียวลิ้นอุ่นลงมาตามเนินอก ก่อนจะอ้าปากครอบครองเม็ดถัน และโลมเลียอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างน้อยสั่นสะท้านเสียวซ่านและบิดเกร็ง ได้แต่หายใจหอบพร่า ทั้งเนินอกและหน้าท้องขยับไหว มือน้อยๆ ก็กดศีรษะเขาเบาๆ พลางแอ่นโค้งแผ่นหลังขณะเดียวกันมือหนาก็เอื้อมลงไปสัมผัสกลีบอวบนุ่มผ่านกางเกงชั้นในสีขาวบางจิ๋ว ซึ่งเวลานี้เปียกแฉะไปด้วยน้ำกุหลาบหวาน และกลีบนุ่มนั้นเริ่มบวมเบ่งเพราะความปรารถนา“ซี๊ด อืม” เธอครางอย่างสุดจะกลั้น เมื่อเขาบดขยี้ปลายนิ้วกับเกสรน้อย และเพียงชั่
แสนลักษณ์มองตามสองคน ที่เดินจากไปและยังคงยิ้มอยู่ เคยจินตนาการเอาไว้ ว่าสักวันการเดินกลับบ้านในแต่ละครั้งของคเชนทร์ จะมีใครสักคนได้เดินไปด้วย แต่ละวันที่ผ่านไปคเชนทร์เดินคนเดียวเสมอ ทว่าวันนี้เห็นเขาจูงมือไปกับผู้หญิงที่เขารัก มันช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่ยัง อุปสรรคยังไม่หมดตราบใดที่ยังขึ้นชื่อว่าเด็ดดอกฟ้ามาไว้ริมถนนอยู่“เข้าบ้านเถอะค่ะ อาแสนจะได้ไปอาบน้ำ วีจะไปดูเด็กๆ ด้วย”“จ้ะ” แสนลักษณ์ตอบก่อนจะจูงมือมนัสวีเข้าบ้าน จากนั้นก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย เพื่อแสนลักษณ์อาบน้ำก่อน ขณะที่มนัสวีเข้าไปดูสองแฝดในอีกห้องที่อยู่ติดกันทว่ามีพี่เลี้ยงมานอนเป็นเพื่อน“คุณวี กลับมาเมื่อไหร่คะ”“เมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยววีดูเด็กๆ ต่อ กลับบ้านพักเถอะค่ะ”“ค่ะ” ว่าแล้วพี่เลี้ยงก็งัวเงียตื่น แล้วเก็บของกลับบ้านพัก ดีหน่อยที่มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรมากนัก บ้านพักคนงานก็อยู่ไม่ไกลจึงไม่ได้ห่วง เพราะอยู่ในบริเวณรีสอร์ตนี่แหละ ส่วนมนัสวีก็เพ่งมองลูกน้องฝาแฝดที่หลับปุ๋ยคนละเตียง ยังดีที่เด็กๆ เลี้ยงง่ายไม่งอแง ม
จากนั้นจึงได้กลับบ้าน เจ้านายทั้งหมดนั่งรถตู้ไปด้วยกัน แสนลักษณ์มนัสวีนั่งคู่หน้า คเชนทร์กับจันทรภานั่งข้างหลังมืดๆ พลางจับมือกันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมองที่มือของเธอซึ่งจับประสานกันชนิดที่ไม่อยากปล่อย“กลับบ้านกัน เขต” แสนลักษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“ครับ” เขตแดนรับคำ จากนั้นจึงได้ออกจากลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลเพื่อพาทั้งหมดกลับบ้าน คเชนทร์ได้แต่ถอนใจและมองหน้าคนรัก ก่อนจะยกมือขึ้นพรมจูบเบาๆ พลางเอามือเสยให้เธออย่างอ่อนโยน อีกทั้งสำรวจไปตามใบหน้า“พี่ปล่อยให้คุณหนูเป็นแบบนี้ไปได้ เจ็บไหม หืม” คเชนทร์กระซิบถามเสียงหม่น“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เธอตอบเบาๆ“เข้มแข้งนะเนี่ย แต่หัวใจพี่น่ะ” เขากระซิบพลางเอาหน้าผากแนบกับเธอเอาไว้ เรียกว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่พ่อเลี้ยงนั่งฟังอยู่ด้านหน้าน่ะได้ยินอยู่แล้ว ยิ่งรถเงียบด้วย“หัวใจอยู่ตรงนี้แล้ว” เธอกระซิบตอบกลับพลางประคองใบหน้าเขาเอาไว้“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมกวนๆ ดังขึ้น ทำเอาคเชนทร์ถึงกับเหลือบมองด้วยความหมั่นไส้ งอนอ
“ไม่เป็นไร มันมีหน่วยกล้าตายแทนมาเป็นกำแพง เพื่อมาแลกให้มันรอดไปได้ แต่ฉันไม่ให้ใครมาเป็นหน่วยกล้าตาย ฉันไม่ให้แลก” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ“แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บไหม” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้นอีก เท่านั้นแหละคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ทันที“ก็เค้าไง! กระสุนเฉี่ยวยังไม่พอ ยังโดนมีดบินอีก” คเชนทร์บ่นพลางตวัดหางตาใส่แสนลักษณ์อย่างงอนเง้า“เอ่อ ป๋าตั้งใจเล็งไปหน่อย นิดเดียวน่าไกลหัวใจมาก” แสนลักษณ์เอ่ยแซว เพราะรู้ว่าคเชนทร์ทนได้ไม่เป็นไรมากหรอก“แต่เสียบขา” คเชนทร์ขึ้นเสียงใส่“เล่มเล็กๆ” แสนลักษณ์ตอบและยิ้ม“เล็กแต่ยาวนะพ่อนะ” คเชนทร์ยังเถียงอยู่“ช่วยด้วย พี่ตุลย์ช่วยด้วย” ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเถียงกันอยู่นั้น เสียงของน้ำอิงก็ดังขึ้น จันทรภาจึงเดินเข้าไปก่อน และทุกคนก็ได้ตามเข้าไป เห็นแต่ท่าทางอ่อนเพลียศีรษะมีเลือดไหลนอง และมองมาที่จันทรภา“อีเจ้า” น้ำอิงเรียกจิกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย จะตายอยู่แล้วแต่เรียกเพื่อนได้จิกมาก จันทรภาไ