คอนโดแห่งหนึ่ง ถูกจับตามองจากเจ้าถิ่น เพื่อต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ชายที่ชื่อตุลยเทพ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเข้าออกคอนโด มักจะมี น้ำอิงเดินขนาบข้างอย่างกับคู่รัก ทุกจังหวะเวลาถูกเก็บภาพเอาไว้ทั้งสิ้น ทั้งภาพเคลื่อนไหวภาพนิ่งเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน เรื่องการหักหลังคบซ้อน
กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่เขาผู้เป็นเจ้าถิ่น กำลังแอบส่องดูความเป็นไปของตุลยเทพอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโทรก็รับทันที“อืม” เสียงขานรับในลำคอ ขณะที่สายตาจ้องไปที่ตุลยเทพ ซึ่งนั่งอยู่ในโซนรับแขกของคอนโดหลังนั้น“นายได้เรื่องยังไงบ้างครับ” เสียงปลายสายถามมาก่อนเลย บ้าบอ“กูต้องถามมึงก่อนนะไอ้เปรม”“อ๋อ เอ่อ ลืมตัว แต่ผมอยากรู้ฝั่งของนายก่อน” “ก็เนี่ย ส่องแม่งอยู่เนี่ย ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และมันจับกลุ่มคุยกับลูกน้อง คิดการใหญ่แน่ๆ มันกำลังตามหาเจ้าขา แล้วที่กรุงเทพฯ เป็นยังไง”“งานนี้นายต้องให้โบนัสพิเศษผมแล้วล่ะ”“เออ! มึงพูดมาได้แล้ว” “เท่าที่บุกน้“แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันค่ำๆ”“ค่ะ” เธอตอบเสียงหม่นก่อนจะกดวางสาย คเชนทร์ก็ถอนหายใจ ในความรู้สึกหลากหลายของตัวเอง ใจก็อยากกลับไปหาแหละ แต่มีงานต้องทำต่อกับพ่อเลี้ยง มีอะไรต้องปรึกษาเยอะแยะ อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เขาไม่อยากอู้บ่อยๆ และแน่นอนว่าระดับคเชนทร์หากได้ทำงาน ก็ทำแบบหามรุ่งหามค่ำ ไม่ดูเวล่ำเวลาคนอื่นกลับไปหมดแล้วตัวเองยังอ่านนั่นเซ็นนี่ที่คั่งค้าง แถมยังไปเดินตรวจตราความเรียบร้อยของโรงแรม มองแขกที่ลงมาเดินเล่นถามรูปเพลินๆ จวบจนกระทั่งเวลาสามทุ่ม ก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าดึกแล้ว“ตาย ไม่ใช่รอจนหน้าบูดบึ้งแล้วเหรอเนี่ย” เขาออกปากบ่นด้วยความตกใจและรีบ ออกจากโซนเรือนรับรองทันที“วันนี้ท่านกลับดึกจังครับ” พนักงานถาม“ตรวจอะไรเพลินๆ น่ะ จะกลับละ”“ครับ สวัสดีครับ” พนักงานกล่าวลาพร้อมกับยกมือไหว้“อื้อ สวัสดี” คเชนทร์รับไหว้ก่อนจะเดินดุ่มๆ ผ่านหน้าฟร้อนท์โร
“จะว่ายังไง ก็ได้เมียน่ะสิ”“โอ๊ย” คเชนทร์ได้แต่ครางโอดโอยเชียว“ทนไม่ไหวก็เอา ไอ้นี่ เจ้าไม่ได้มีเจ้าของแล้ว ใจเธอไม่ได้เหลือให้กับทางนั้นแล้ว เพราะถ้ามีเธอไม่ทนให้แกไล่เช้าไล่เย็น ทนให้แกทำอาหารธรรมดาๆ ให้กิน และใช้ชีวิตแบบนี้ได้หรอก อย่าโง่สิลูก”“เฮ้อ! แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ผมก็เห็นตัวอย่างพ่อ มันสมบูรณ์สวยงาม แต่ถ้ามันพลาดพลั้ง มันก็ไม่ได้มีอะไรดีหรอก ขี้เกียจมานั่งง้อ มานั่งปลอบประโลม นั่งขอโทษ อยากตื่นขึ้นมาแบบ ฟินไปเลยได้ไหม แบบพ่อน่ะ”“นี่มึงไปแอบใต้เตียงพ่อตอนไหน”“ยกตัวอย่างน่ะ”“เถียงไม่ออกเลย”“มันมีตัวอย่างให้เห็นครับ เลยไม่อยากทำอะไรที่ไม่ดี ถึงจะอยากมากแค่ไหนก็เถอะ”“หึๆ ถ้าอยากเห็นเธอมีความสุข แกก็ต้องทนได้ ไม่ใช่เจอเธอเมาก็จะเอา จะฉวยโอกาสมันก็ไม่ใช่ ต้องทำให้เธอรู้สึกว่าต่อให้เธอเมา หรือควบคุมตัวเองไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เธอถามตัวเอง และเมื่อคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนแล้วนั้นเธอบุกมาหาเขาถึงที่นอนเลยนี่น่า แล้ว... แล้ว...“อ๊ายยยยย” จันทรภากรี๊ดลั่นจนคเชนทร์สะดุ้งลุก“อะไรๆๆๆ เจ้าขา ใครๆ ใครทำอะไรคุณ” เขาสะดุ้งลุกแล้วละล่ำละลักถามทันทีไม่ดูอะไรเลย“อ๊าย อีพี่... อีพี่เชนทร์ ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” เธอกรี้ดแล้วชี้หน้าเขา เท่านั้นแหละเขาก็ได้สติเช่นกัน ก่อนจะยิ้มตาหยีเชียว“อ๋ออออ นึกว่าตกใจอะไร” เขาร้องอ๋อและยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ขณะที่เธอสั่นไปทั้งตัว เพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่เหมาะโดยไม่ตั้งใจ“จำไม่ได้เหรอ ว่าเมื่อคืนเรา...”“ไม่ใช่ พี่เชนทร์อย่ามา...”“อะไร เมื่อคืนเจ้า รุกพี่ จูบพี่ แก้ผ้าพี่”“ว๊าย! ไม่จริง”“จริง” เขาตอบแบบจริงจังหน้าเคร่ง“เจ้า เจ้า เอ่อ”&nb
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบเสียด้วยซ้ำ เรียวปากร้อนก็ประทับจูบลงไปบนปากนุ่มแนบแน่น จูบซับเพื่อหยั่งความรู้สึกที่มีต่อกัน จากนั้นเขาจึงได้ถอนจูบออกเพียงนิดเดียว และดูเหมือนจะมีคำถามจากดวงตา แต่เปล่าเลย เธอกลับขยับใบหน้าเข้าหาเขา และหลับตาเพื่อให้เขาประทับจูบอีกครั้งจูบแรกในชีวิตวัย 26 ปีของเธอ ที่มอบให้กับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้เลือก แต่กลับเป็นคนขโมยหัวใจของเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และยิ่งต่างเต็มใจก็ยิ่งไม่มีอะไรมาทัดทาน จากจูบหวานทะยานสู่ความหนักหน่วง ตามด้วยเสียงหายใจหอบพร่า พร้อมกับลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าสู่โพรงปาก เพื่อตักตวงรสหวานจากลิ้นอุ่น ที่ตวัดพันเกี่ยวกันและกันอยู่เนิ่นนานเมื่อพอใจแล้วเขาจึงได้หักใจ เรียกสติและถอนจูบออก พร้อมกับบอกตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลา อีกทั้งเวลานี้เธอเข้าใจว่ามีอะไรกับเขาไปแล้วด้วย “พี่เชนทร์” เธอกระซิบเบาๆ เมื่อเขาเอาหน้าผากแตะหน้าผากเธอเอาไว้ มือยังประคองใบหน้าอยู่เช่นเดิม“จ๋า” เขาตอบน้ำเสียงพร่า เหมือนมีความต้องการอยู่ในร่างกายนี่แหละ“เจ้าขาหิวข้าว” เธอเอ่ย ถือว่าเป็
เป็นการกินข้าวด้วยกันมื้อแรก ที่ทำให้รู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีชมพู โลกใบนี้มีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ จันทรภามีความขัดเขิน หน้าแดง วางตัวไม่ถูก กระทั่งเขาตักข้าวให้ แล้วตักอาหารใส่จานให้เรียบร้อย ดูแลเป็นอย่างดี“กินเลยครับ”“เอ่อ แล้วพี่เชนทร์ไปทำงานไหมคะ”“ไปครับ ทำไมเหรอ”“เปล่าค่ะ เห็นพี่เชนทร์ลุกมาวุ่นกับมื้อเช้าให้เจ้า”“ทำแปบเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาบอกและยิ้มบางๆ“แย่จังเลยนะคะ เจ้าทำอะไรไม่เป็นเลย”“สอนให้แล้วไง เดี๋ยวก็ทำเป็น”“แล้ว เจ้าทำงานบ้าน ซักผ้า ทำนั่นโน่นนี่ช่วย”“อื้อ! แพ้น้ำยาล้างจาน ไหนจะน้ำยาซักผ้า”“น้ำยาที่ไม่แรงก็ไม่แพ้แล้วค่ะ ทำเป็นแล้วด้วย มีแต่ทำกับข้าวนี่แหละที่ยังทำไม่ค่อยได้”“ทำไม เครียดเรื่องทำกับข้าวทำไ
“วันนี้เริ่มมีนักศึกษาฝึกงานเข้ามาเหรอเนี่ย” พ่อเลี้ยงถามเสียงเรียบเรียกว่าถามลอยๆ จะดีกว่า เพราะเห็นพากันใส่ชุดนักศึกษาติดป้ายกัน และเดินกันให้วุ่นเชียว ทว่าแต่ละคนไม่รู้ว่าแสนลักษณ์กับคเชนทร์เป็นใคร เพียงแต่หันมามองด้วยสายตาแปลกๆ เท่านั้นเองเพราะมีผู้ติดตามเยอะ“ใช่ครับ แต่เราคงไม่ได้เจอนักศึกษาฝึกงานหรอก เพราะคงให้ฝึกตามแผนกอื่นๆ คงไม่ให้ยุ่งกับผู้บริหารหรอกครับ” คเชนทร์ตอบ“คงจะวุ่นน่าดู จะเดินชนกันอยู่แล้ว บอกผู้จัดการเรียกประชุมกันบ้างนะ หรือไม่ก็เอาผนังบริหารให้ดู” พ่อเลี้ยงออกปากบ่นเล็กน้อย เพราะรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เดินสวนสนามกัน“ครับพ่อ” คเชนทร์ตอบ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานให้ เพื่อส่งพ่อเลี้ยง“ไปทำงานเถอะครับท่าน ปล่อยหน้าที่นี้ให้เป็นของเจ้าเขตกับเจ้าโอ๊ตได้แล้ว”“ก็มันชินนี่ครับ ผมไปทำงานแล้ว”“ไปเถอะ” พ่อเลี้ยงกล่าวและยิ้มอีกครั้ง จากนั้นคเชนทร์จึงได้กลับห้องทำงานของตัวเอง“สวัสดีครับนาย” เปรมณัฐทักทาย
“หนูกลัวโดนทำโทษนี่คะ”“ผมสั่ง ให้จำเอาไว้ด้วย แล้วนี่คือชั้นผู้บริหาร อย่าเที่ยวมาเดินเพ่นพ่าน”“หนูสามารถขึ้นมาฝึกงานบนชั้นนี้ได้หรือเปล่าคะ”“ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารท่านใด อยากได้นักศึกษาฝึกงานมาช่วยหรือเปล่า ทำไม ถามทำไม”“เผื่อท่าน อยากได้เด็กๆ มาช่วยงานค่ะ”“แบบเราเหรอ ก็สงสัยอยู่ ว่าจะช่วยอะไรได้ เอาไว้จะพิจารณาและลองถามท่านอื่นๆ ดูก็แล้ว ไม่มีไรแล้วก็เชิญ” พูดจบคเชนทร์ก็ออกปากไล่พร้อมกับผายมือทันที เพราะไม่อยากอ้อยอิ่งให้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าล่อสายตานัก“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้ แล้วถือแฟ้มออกไปจากห้องทันที แต่แล้วต้องชะงักเท้าเมื่อเจอเข้ากับเปรมณัฐเข้า“นี่เธอเข้าไปทำอะไรในห้องท่านเนี่ย”“เอ่อ หนูเอาแฟ้มเข้าไปให้ท่านเซ็นค่ะ คือ คุณเลขาไม่อยู่”“ไม่อยู่ก็ต้องรอ ไม่รู้จักกาลเทศะเลยนะเราเนี่ย ไปได้แล้ว”“ค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงหม่นๆ ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวจ
“นั่นสิคะ แล้วใครจะกล้าดุหนู หืม” เขาบอกยิ้มๆ ก่อนจะเอามือจับคางมนพลางส่ายไปมาด้วยความเอ็นดู“ทำงานไปนะครับผู้จัดการ ไม่รบกวนแล้ว” สิ้นคำพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ก็โน้มหน้าไปจูบเบาๆ ที่แก้มนุ่มจากนั้นแสนลักษณ์ก็ไม่ได้อ้อยอิ่งอีก แค่อยากจะแวะเข้ามากอดเมีย ได้เห็นรอยยิ้มกัน และแจ้งเรื่องงานเท่านั้น จากนั้นมนัสวีก็ออกไปส่งพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ตรงประตูเท่านั้น ไม่ได้ออกไปด้วยแต่อย่างใดส่วนแสนลักษณ์ก็ออกไปตรวจงานด้านนอก พร้อมกับผู้ติดตามอีกเช่นเคย และจังหวะที่เขาเดินออกมาจากแผนกนั้น คเชนทร์และเลขาก็ลงมาสมทบ ทว่าสีหน้าแววตาของคเชนทร์ ทำให้พ่อเลี้ยงมองด้วยความแปลกใจ เหมือนคเชนทร์อารมณ์ไม่ดีชอบกล“หน้าบึ้งๆ นะครับท่าน”“เฮ้อ! หงุดหงิดนิดหน่อยครับ”“ทำหน้ารับแขกหน่อยนะครับท่าน” พ่อเลี้ยงกล่าวก่อนจะเดินไปประชิดตัวคเชนทร์ แล้วโอบแขนกอดรอบคอเอาไว้ ราวกับเพื่อนเลยทีเดียว พร้อมกับเอากับกำปั้นหมุนๆ ที่ศีรษะด้วยความเอ็นดู&nb
“ไม่คิดว่าจะมา” แสนลักษณ์เอ่ยเบาๆ“หัวใจของวี หัวใจไม่อยู่วีก็ไม่เป็นอันทำอะไร” “มาซะทีนะไอ้เชนทร์ พ่อมึงสำคัญมาก มึงก็ตัวสำคัญเลย” เสียงตุลยเทพดังขึ้นและด้วยความไว คเชนทร์ก็ดันทุกคนหลบ ขณะที่ตุลยเทพเดินมาหาช้าๆ ลูกน้องที่เหลือก็ตามมา“สาวๆ ไม่ต้องออกแล้ว หลบอยู่นี่” คเชนทร์บอกพร้อมกับสำรวจใบหน้าจันทรภา“เจ้าไหวค่ะ”“พี่มาแล้ว เจ้าไม่ต้องอีกแล้ว ส่วนพ่อน่ะพอแล้ว...” สิ้นคำคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ด้วยดวงตาแดงก่ำ พลางสำรวจไปทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ของจันทรภานั้นมีเพียงน้อยนิด เขาจึงใช้มือประคองใบหน้าทั้งสองคนเอาไว้“ดูแลมานาน ผมไม่เคยให้ใครถึงตัวพ่อมาก่อนเลย ไม่เคยให้ใครแตะเนื้อต้องตัว แล้วดูซิ” ไปพลางก็เอามือแตะไปพลางอยู่ๆ ก็น้ำตาคลอ“เมียแกก็ครอบครัวเรา ทำไมจะแลกไม่ได้”“ผมไม่ให้แลก ไม่ให้ใครเจ็บอีก” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยม พลางมองออกที่ตุลยเทพ“มันใช่ไหม ที่กล้าทำให้พ่อกับ
“โอเคค่ะ หัวใจจะวาย” เธอว่าก่อนจะมองไปที่ประตูเป็นระยะทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น รถเก๋งสีดำหลายคัน แล่นเข้ามาจอดบริเวณใกล้ๆ กับโกดัง พร้อมกับปิดไฟมาแต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้เห็นและได้ยินเสียงรถ เมื่อจอดสนิทก็ต้องเดินไปอีกร้อยเมตร ดีหน่อยที่มีหญ้าขึ้นรก ทำให้อำพรางได้“นี่มันด้านข้างของโกดัง คุณวีอยู่ใกล้ผม พี่เกตุคุมหนุ่มๆ อ้อมด้านหน้า ผมจะอ้อมไปด้านหลัง” “โอเค” เกตุวดีรับคำ“เก็บเสียงด้วยนะครับ ทุกคนระวังให้พี่เกตุด้วยเผื่อป้าเค้าสายตาไม่ดี”“ไอ้เชนทร์ จะมากวนประสาทอะไรตอนนี้”“อย่าเพิ่งบ่นไปได้แล้ว” คเชนทร์แซวและก็แยกย้าย แน่นอนว่าเขาให้ทุกคนใช้อุปกรณ์สำหรับเก็บเสียง และทำให้เงียบที่สุด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ย่องมาทางด้านหลัง ตามด้วยมนัสวี“ไอ้พวกหางแถว เป็นขยะสังคม เด็ดไปให้หมดแผ่นดินน่าจะสูงขึ้นนะ” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยมแต่เบา“ได้ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำ ภายในโกดังมืดแทบจะไม่มีไฟ อาศัยแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นนำทาง
“เฮียเป็นพี่จะกลัวอะไรกับพ่อเลี้ยงล่ะครับ” คเชนทร์แซว“มันด่าเก่ง ไอ้นี่ปากร้ายจะตายขี้เกียจเถียงกับมัน” ที่แท้ก็กลัวปากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์นี่ ก็แหงละเวลาอยู่ด้วยกันฟาดฟันกันตลอด“ว่าแต่ ไม่ให้อั้วะช่วยใช่ไหมเชนทร์”“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้จิ๊บๆ เด็กๆ ทางนี้มีเยอะ”“เฮ้อ! ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ขอให้ปลอดภัยก็แล้วกันทั้งแฟนลื้อแล้วก็ไอ้แสน เป็นอะไรขึ้นมาไม่รู้จะทะเลาะกับใครแล้วเนี่ย”“หึๆ ครับเฮียต้น”“อั้วะจะส่งเด็กไปเก็บกวาดให้ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับเฮีย แค่นี้ก่อนนะครับผมจะส่งข่าว”“อืม อั้วะจะรอ ดูแลตัวเองก็แล้วกันอย่าเป็นอะไร ไอ้แสนเองมันก็รักลื้อที่สุด” ยิ่งได้ยินอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้คเชนทร์หวาดหวั่นเหลือเกิน ต่างคนต่างไม่อยากให้ใครเจ็บ แต่แสนลักษณ์ก็เสียสละตัวเอง เพื่อเข้าไปอยู่ใกล้จันทรภาเกินไป“ครับเฮีย” สิ้นคำคเชนทร์ก็วางสายก่อน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่คเชนทร์วางสายจากนายตุลยเทพแล้วนั้น เขาก็ยืนนิ่งมองหน้าทุกคนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ใครก็ได้ไปเรียกคุณวีมาที” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ลูกน้องคนหนึ่งจึงพยักหน้าและกำลังจะไปขึ้นเรียกบนชั้นสองแต่มนัสวีก็ลงมาพอดี“คุณวีครับ คุณเชนทร์เชิญที่ห้องนั่งเล่น”“อาแสนกลับมาแล้วเหรอคะ”“ยังครับ เชิญครับ” ลูกน้องผายมือเชิญ จากนั้นมนัสวีจึงได้เดินตาม เห็นคเชนทร์ยืนนิ่ง ทว่าหางตาของเขาเห็นแล้วว่าเธอมาจากทางขวามือ เขาจึงหันไปมองด้วยสีหน้าหม่น ก่อนจะเดินไปหาเธอช้าๆ พร้อมกับประคองให้เธอเดินมาใกล้ๆ“คุณเชนทร์ มีอะไรคะ” มนัสวีถามเสียงเครียด“พ่อเลี้ยงอยู่กับเจ้าขา” สิ้นคำของคเชนทร์เท่านั้นแหละ มนัสวีก็อึ้งไปและมองหน้าทุกคน เธอต้องตกใจมากน้อยแค่ไหนล่ะ ในเมื่อรู้ว่าสามีเก่ง แต่ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น“อา... อาแสนถูก...” เธออึกอักพูดไม่ออก“ครับ พ่อเลี้ยงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าพ่อไม่ตั้งใจใครเลยจะเอาตัวพ่อไปได้ เพราะอยากรู้
“ไง ไอ้ขี้ข้า มีคนอยากคุยด้วยแน่ะ คิดว่าคงจะอยากได้ยินใช่ไหม” สิ้นคำตุลยเทพก็ให้น้ำอิงเอาโทรศัพท์ไปให้แสนลักษณ์คุย ด้วยการแนบหูกับหัวไหล่เพื่อหนีบโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ถอยออกมาให้ห่าง เพราะกลัวโดนเท้ายาวๆ ของแสนลักษณ์เช่นกัน“เชนทร์” แสนลักษณ์เรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขึ้น ต่างกับตอนคุยกับ ตลุยเทพโดยสิ้นเชิง เท่านั้นแหละคเชนทร์ตกใจยิ่งกว่าจันทรภาถูกพาตัวไปเสียอีก“พ่อ! พ่อ! อยู่นั่นได้ไง มันเอาตัวพ่อไปได้ยังไง” คำพูดของคเชนทร์ทำให้ทุกคนที่ฟังอยู่ตกใจเช่นกัน“อย่าทำเป็นกระต่ายตูมน่า”“ได้ไง ไอ้สี่คนนั้นปล่อยให้พ่อพาตัวไปได้ยังไง ไอ้ไก่อ่อนนั่นทำอะไรพ่อ”“ฉัน... จะไปสู้ใครได้ เอาปืนมาจี้ก็กลัวตายแล้ว ก็เลยต้องยอมเนี่ย” น้ำเสียงของแสนลักษณ์นุ่มหู แต่กวนประสาทจริงๆ เชียว“พ่ออย่ามาพูดแบบนี้นะ ตรงที่พ่ออยู่คือที่ไหนผมจะรีบไป”“ฟังนะ ฉันปลอดภัย เจ้าขาปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้เราสองคนตายก็เตรียมเงินมาแลกก็แล้วกัน บอกเมียพ่อด้วยให้เตรียมพร้อม”
“ก็... มันปากพล่อยแล้วฉันว่าลุง ไอ้แก่ ก็เลยเอ่อ สั่งสอนนิดหน่อยให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ และยิ้มมุมปากนิดๆ ลูกน้องคนหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปดู และสัมผัสไปตามเนื้อตัวเพื่อดูว่าสลบหรือไม่“ลูกพี่... ไม่หายใจครับนาย ลูกพี่ตายแล้ว” ลูกน้องเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ“แกเป็นใครเนี่ย” ตุลยเทพถามด้วยความตกใจกลัว พลางมองไปที่ลูกน้อง“เป็นพ่อมึงไง” แสนลักษณ์ตอบเสียงเข้ม เท่านั้นตุลยเทพก็บันดาลโทสะด้วยการต่อยแสนลักษณ์ไปสองทีผัวะ! ผัวะ! แสนลักษณ์หน้าสะบัดก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับแววตานิ่ง“อาแสน” จันทรภาเรียก เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากปากแสนลักษณ์ ทว่าเขากลับส่ายหน้าให้เธอ แต่ในวินาทีเดียวกันตุลยเทพก็กระชากคอเสื้อแสนลักษณ์แรงๆ“ฉันถามว่าแกเป็นใคร” ตุลยเทพถามอย่างเดือดดาล“เป็นพ่อ... พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ รู้จักหรือยังไอ้หนู” แสนลักษณ์กล่าวและยิ้ม“มันคือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ นาย เขาเป็น... เจ้าพ่อ” ลูกน้องคนหนึ่งแทรกขึ้น เมื่อจำได้แล้วและต้องตกใ
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแกเป็นใคร เพราะถ้าไอ้เชนทร์มันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่มันจะวิ่งแจ้นมาทันที” “หึๆ รู้จักกันสักนิดน่า ว่าแต่นายตุลาเป็นยังไง ฟื้นหรือยัง หืม” แสนลักษณ์ถามเสียงเรียบและยิ้มนิด ให้ตายสิ รู้เรื่องพ่ออีก“แสดงว่าพวกแกรวมหัวกับนังนั่น” สิ้นคำตุลยเทพก็หันไปมองจันทรภาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ“ใครหนุนหลังเธอ รวมหัวกันกี่คนว่ามา ใครที่มันกล้าเปิดทางให้ขึ้นคอนโดขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ระดับบิ๊ก ต้องมีตัวใหญ่ มันเป็นใคร” ตุลยเทพถามพลางเอื้อมมือจิกผมจันทรภา แสนลักษณ์เห็นก็ได้แต่กัดฟัน สบตาจันทรภาซึ่งเธอก็สบตากลับและไม่ตอบ“แกมันอ่อนหัดจริงๆ ด้วยไอ้พี่ตุลย์ ไม่รู้จักคนที่ตัวเองลักพาตัวมา นับประสาอะไรจะรู้จักตัวพ่อของที่นี่”“ฉันถามว่าใคร”“ก็ลองไปจับกลุ่มนั่งคิดกันอีกสักรอบ เผื่อจะคิดออกว่าฉันชื่ออะไร ทำไมเจ้าเชนทร์ถึงได้วางหัวใจเอาไว้ที่นี่ วางชีวิตเอาไว้ตรงนี้” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ“ก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาพักผ่อนมองหน้ากันไปก่อนนะ แกตัวใ
ใช้เวลาประมาณสิบนาที แสนลักษณ์ก็เดินกลับออกมา สายตาก็เหลือบมองไปที่ต้นทางนิดหน่อย ก่อนจะเดินมาที่รถทว่ากลับยืนหันหลังให้รถ พร้อมกับล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบเสียก่อน ราวกับว่ากำลังเครียดหรือรออะไรบางอย่าง ลูกน้องทั้งหมดก็อารักขาเจ้านายเป็นอย่างดี ไม่ถามสักนิดว่าพ่อเป็นอะไรหากพ่อไม่เป็นคนเอ่ยออกมาเองแสนลักษณ์ก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ พลางหลับตา ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเขาเอี้ยวตัวหันกลับไปจะขึ้นรถ ก็ต้องชะงักและหนุ่มๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ จะไม่ให้ชะงักได้อย่างไรในเมื่อเอาปืนเล็งมาขนาดนี้แถมยังมากันหลายคนอีก แต่แสนลักษณ์ยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งแนบบุหรี่เข้าปาก อีกข้างยกขึ้นเพื่อให้รู้ว่าไม่สู้ ขณะที่สายตาไม่ได้มองชายหนุ่มที่เอาปืนจ่อเลย“สูบบุหรี่แปบ” แสนลักษณ์เอ่ยอย่างยียวน“ให้ไว อย่าลีลา” ชายแปลกหน้าสวมโม่งกล่าว“เอ่อ รีบสูบรีบเสร็จมันจะฟินอะไรวะ” แสนลักษณ์ตอบกลับ เท่านั้นแหละชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกพี่ ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ เล็งปลายกระบอกปืนแทบจะจ่อหน้าผาก ลูกๆ ของแสนลักษณ์ทำได้แค่กัดฟั
“ผมไม่ให้ แต่ผมจะทำให้จำชื่อผมและพ่อเลี้ยงเอาไว้ให้แม่น”“มันนัดอีกเมื่อไหร่” เกตุวดีถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้ว“ก็คงจะพรุ่งนี้ครับ รอรับสาย”“พี่จะไม่ยอมอยู่เฉย แกต้องให้พี่ไปด้วย พี่เป็นสาเหตุให้เจ้าขาถูกพาตัวไป พี่ไม่ดูแล”“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ใช่คนรับใช้ซะหน่อย จะให้ตามติดกันตลอดเวลาก็ไม่ใช่ เลิกรู้สึกผิดนะครับ ทำใจให้สบายรอฟังสัญญาณจากผม”“โอเค” แม้ปากจะพูดว่าโอเค แต่ภายในใจยังรู้สึกผิดที่ทำให้จันทรภาถูกพาตัวไป เพราะไม่เฝ้าระวัง ทว่าอย่างที่คเชนทร์บอก จะตามติดตลอดเวลาราวกับนักโทษก็ไม่ใช่“เซ็นงานกองนี้ให้เสร็จนะ ผมมาบอกเท่านี้ แล้วเดี๋ยวออกไปเจอกันที่บ้านพ่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมจะไปรอที่นั่น หารือกันอีกทีรอพ่อมา”“จ้ะ” เกตวดีรับคำน้ำเสียงหวั่นๆ ความรู้สึกแย่มันยังคงมีอยู่ คำพูดของคเชนทร์ไม่สามารถปลอบใจได้ ถ้าออกไปดูจันทรภาสักนิดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น อย่าให้ฉันเจอนะ ท