สามเดือนต่อมา
วันที่อากาศร้อนอบอ้าวจนแทบจะแผดเผามนุษย์บนโลกให้หมดโลกได้ภายในพริบตาเดียวกลับเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ใคร ๆ ก็ต่างใฝ่ฝันอยากเข้ามาเรียนอย่างSN university เสียอย่างนั้น
รถเมล์สาย 7 ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ภายในรถมีผู้โดยสารนับร้อยชีวิตยืนอัดกันแน่นยิ่งกว่าปลาแมคเคอเรลในกระป๋อง จนแทบจะมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกไม่เห็น
น้ำหนาว หญิงสาวร่างเล็กส่วนสูงร้อยหกสิบต้น ๆ ถูกเบียดจนเซไปเซมาตามแรงขับเคลื่อนของตัวรถ เธอทั้งร้อนทั้งอึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ทนไปแบบนั้น จนกระทั่งถึงยังจุดหมายปลายทาง
“ขอทางหน่อยค่ะ ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ” เด็กสาวพยายามแทรกตัวเพื่อที่จะเดินตรงไปยังประตูทางออกให้เร็วที่สุดเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกซึ่งตัวเธอยังไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ที่ตั้งของคณะที่เธอเรียนอยู่
“เห้อ กว่าจะลงมาได้พ่อคุ๊ณ นึกว่าจะโดนบี้แบนตายในรถเมล์ซะแล้ว” คนตัวเล็กบ่นอุบได้เพียงแค่นั้นก่อนจะรีบสาวเท้าตรงไปยังรั้วมหาวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินพ้นประตูเข้าไป ดวงตาคู่สวยก็ดันเหลือบไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นที่บริเวณรั้วเหล็กล้อมรอบมหาวิทยาลัยใกล้กับประตูทางเข้าเสียก่อน
ผลัวะ!!
หมัดหนัก ๆ ของชายรูปร่างล่ำสันซัดเข้าที่ใบหน้าหล่อของนักศึกษาหนุ่ม โดยมีชายอีกสองคนล็อกแขนของเขาอยู่ มุมปากทั้งสองข้างมีของเหลวสีแดงไหลออกมาจนกลบปาก โหนกแก้มทั้งสองเขียวช้ำ บริเวณศีรษะก็มีคราบเลือดติดอยู่ดวงตาคมพยายามปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก
เหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ทำให้หญิงสาวชะงักฝีเท้าลง เพื่อหยุดดูเหตุการณ์ตรงหน้า ในขณะอีกใจหนึ่งก็ยังบอกตัวเองว่า
‘ไม่ใช่เรื่องของฉัน เดินผ่านไป อย่าไปยุ่ง’ ถึงเสียงในใจจะบอกแบบนั้น แต่ขาเจ้ากรรมดันก้าวไม่ออกเสียนี่น้ำหนาวเลยทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ดูเหตุการณ์ต่อไป
“มึงจะเอายังไง จะจ่ายไม่จ่ายไอ้โซนิค”เสียงชายที่เป็นคนเหวี่ยงหมัดใส่หน้าเหยื่อเมื่อครู่ตะโกนขึ้น ก่อนเอาไม้หน้าสามในมือชี้ไปทางคนถูกกระทำ ทั้งที่เขาแทบจะลุกยืนไม่ไหวอยู่แล้ว
“พะ พวกมึงพูด ระ เรื่อง อะ อะไร จ่ายอะไรกูไม่ชะ..” นักศึกษาชายที่ถูกทำร้ายพยายามเปล่งเสียงออกมาทีละคำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะ โดนอัดเข้าที่หน้าท้องอีกครั้งจนตัวงอ
ผลัวะ!!
“ก็ค่าพนัน ที่มึงติดหนี้พวกกูไว้ไง ทำไขสือไม่รู้เรื่อง จะเบี้ยวพวกกูเหรอ ไอ้คุณหนูโซนิค”
“กูไม่รู้เรื่อง พวกมึงจำผิดคนแล้ว” ชายหนุ่มพยายามอธิบายแต่ก็ไร้ผล ร่างกายเขายังคงถูกกระหน่ำตีด้วยไม้หน้าสาม ทั้งชกต่อย ทั้งกระทืบสารพัดจะโดน ทำเอาคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตอนนี้ทำหน้าบิดเบี้ยวตามในทุกหมัดที่นักศึกษาหนุ่มคนนั้นโดนอัด
“ตายแล้วแม่จ๋าไอ้หนาวควรจะทำยังไงดีเนี่ย” เธอล้วงเอาไอโฟนจากกระเป๋าถือออกมา ปลายนิ้วเรียวกดไปที่ 191 ทันที
“สวัสดีค่ะแจ้งเหตุค่ะ เอ่อ …มี ..เอ่อ”
(มีอะไรครับคุณ ถ้าจะมากดแจ้งความเล่นเนี่ยเดี๋ยวมีโทษจำคุกนะครับ)
“ มีเหตุทำร้ายร่างกายกันที่หน้ามหาวิทยาลัย SN ค่ะ รีบมานะคะ ตอนนี้เหยื่อสะบักสะบอมมากเลยค่ะ อยู่ตรงถนน A ค่ะ พี่ตำรวจรีบมานะคะ” หญิงสาวรัวรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดให้แก่พี่ตำรวจปลายสายทันทีที่ได้ยินว่า‘มีโทษจำคุก’ก่อนจะกดวางสายไปแล้วจัดการเก็บโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋าตามเดิม
ดวงตาของหญิงสาวยังจับจ้องไปที่นักศึกษาหนุ่มที่ตอนนี้เลือดออกตาม ปากและจมูกเยอะกว่าเดิมจนน่าอนาถ
“รอตำรวจมาน่าจะลงโลงพอดีล่ะมั้ง ไม่ได้แล้วต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นเขาแย่แน่” หญิงสาวหันซ้ายแลขวาอย่างทำอะไรไม่ถูกมิหนำซ้ำคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงจะเห็นเหตุการณ์ ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยดูท่าคนพวกนั้นจะมีอิทธิพลพอตัวอยู่เหมือนกัน
“เอาวะ ลองวิธีนี้ดู” น้ำหนาวเม้มปากอย่างชั่งใจว่าวิธีเด็ก ๆ ที่เธอคิดนี้มันจะได้ผลหรือไม่ แต่มันก็ยังดีกว่าเธอยืนดูคนโดนอัดตายอยู่ตรง หน้าโดยไม่ทำอะไรเลยแบบนี้
เธอเดินเข้าไปใกล้คนร้ายกลุ่มนั้นพอสมควร แต่ก็ยังอยู่ในที่มีต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้โดยเว้นระยะออกมาจากตัวรั้วประมาณสองเมตรซึ่งสามารถบังร่างผอมบางไว้ได้มิดเธอจึงใช้เป็นจุดซ่อนตัวได้โดยที่ไม่อันตรายต่อตัวเองจนเกินไป
พอได้ที่ซ่อนตัวที่เหมาะเจาะเธอจึงใช้โทรศัพท์เครื่องเดิมเปิดเสียงไซเรนรถตำรวจ เร่งระดับเสียงให้ดังเต็มที่ เพื่อให้เหล่าชายฉกรรจ์ได้ยิน
วี้หว่อ หวอออออออออ วี้หว่อ หวอออออออออ
กลุ่มคนที่รุมทำร้ายนักศึกษาหนุ่มในตอนแรกพากันแตกตื่นไปคนละทิศคนละทางเมื่อได้ยินเสียงไซเรนที่เธอเปิดพร้อมปล่อยร่างที่โดนอัดจนเละกองไว้กับพื้น
“คุณ คุณ เป็นยังไงบ้างคุณตายไหมเนี่ย” เธอตบที่ใบหน้าเขาเบา ๆ เพื่อเรียกสติ จนกระทั่งชายหนุ่มเริ่มได้สติแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“ธะ เธอเป็น คะ ใคร?”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอกไปโรงพยาบาลก่อนเหอะตอนนี้สภาพคุณดูไม่ได้ เลย ถ้าให้ฉันชี้ตัวว่าคุณเป็นใครฉันยังชี้ไม่ถูกเลยเนี่ย” หญิงสาวพูดจบก็ประคองร่างที่เเลือดช้ำหนองของชายหนุ่มขึ้นมาปากก็ถามทางไปโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยจากคนแถวนั้นเอาจนสามารถมาถึงที่หมายได้แบบทุลักทุเลซึ่งเป็นจังหวะที่คนเจ็บได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย พี่พยาบาล”
“คนไข้เป็นอะไรมาครับ” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเข็นรถวีลแชร์สำหรับผู้ป่วยมาให้แล้วเข้ามาช่วยคนตัวเล็กประคองคนเจ็บขึ้นนั่งให้บนรถเข็นให้เรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถูกเข็นไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉิน
— 20 นาทีต่อมา—
“ทำแผลเรียบร้อยแล้วนะคะอย่าลืมทานยาแก้ปวดตามที่หมอบอกช่วงนี้ก็อย่าให้แผลโดนน้ำแล้วก็มาให้ตรงเวลาที่นัด เพื่อมาเอ็กซเรย์กระดูกอีกทีด้วยว่ากระดูกที่หักว่าเป็นยังไงบ้าง” พยาบาลสาวบอกกับผู้ป่วยหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเข็นพ่อคนไข้เบ้าหน้าฟ้าประทานออกมาที่จุดรับยา
“หายไปไหนแล้วนะ ไวจริง” เมื่อออกมาได้ไม่นานคนไข้หนุ่มก็หันซ้ายหันขวาไม่หยุดราวกับหาอะไรบางอย่างอยู่จนพยาบาลที่เข็นเขาออกมาจากห้องฉุกเฉินต้องเอ่ยถาม
“หาอะไรอยู่เหรอคะ?”
“ผู้หญิงที่มาส่งผมเมื่อกี้เขา….”
“อ๋อเธอไปแล้วล่ะค่ะเห็นว่ารีบไปทำธุระต่อ...ออ เมื่อกี้ตอนประคองคุณนั่งรถเข็นเห็นบุรุษพยาบาลบอกว่าเธอทำสิ่งนี้ตกไว้ด้วยน่ะค่ะ”ผู้ป่วยหนุ่มรับถุงสีขาวที่ด้านในบรรจุรูปถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วของหญิงสาวผู้มีพระคุณกับเขาเอาไว้ ชายหนุ่มเก็บมันไว้กับติดตัว
แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงมีความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอเหมือนว่าเคยพบกันมาก่อนและไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีอิทธิพลต่อใจเขาขนาดนี้
อยู่ที่นี่มาก็สามปีแล้ว หัวใจเขาไม่เคยรู้สึกเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อนแล้วทำไมกับแม่ตุ๊กตาบาบี้คนนี้ถึงได้มีแรงดึงดูดหัวใจเขาไม่ต่างอะไรกับเครื่อง กระตุ้นหัวใจ
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอคือใคร”
“สวัสดีค่ะลุงยาม แฮ่ก ๆ หนูเป็นนักศึกษาใหม่ค่ะ ไม่ทราบว่าคณะบริหารธุรกิจไปทางไหนคะ” น้ำหนาวเอ่ยถามในขณะที่ชุดนักศึกษาตัวใหม่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ น้ำเสียงของเธอตอนนี้ก็เริ่มขาดห้วง เนื่องจากเดินหาคณะอยู่นานพอสมควร
“เดินเข้าไปข้างในเลยหนู” ลุงยามยิ้มรับก่อนจะผายมือไปทางด้านในตึกคณะ
“ขอบคุณค่ะ” นักศึกษาสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมแล้วรีบวิ่ง ไปข้างในคณะอย่างรวดเร็วเพราะนี่ก็เลยเวลาปฐมนิเทศมาพอสมควรแล้ว
“เธอเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกันหรือเปล่า?” น้ำเสียงห้วน ๆ ของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังจนหญิงสาวจำต้องต้องเหลียวหลังกลับไปมอง
“ใช่…จ้ะ”เด็กสาวเอ่ยตอบด้วยเสียงหายใจปะปนกับเสียงหอบจาการวิ่งตามหาตึกคณะเป็นเวลาร่วมชั่วโมง
“ฉันมิ้ลเชค เธอล่ะชื่ออะไร?”
“น้ำหนา…” คนตัวเล็กยังแนะนำตัวไม่ทันจบดีก็ต้องชะงักไปกลางคัน เมื่อฝ่ายตรงข้ามมิ้ลเชคสมชื่อดูได้จากหน้าอกคัพดีที่กระเพื่อมไหวเวลาเธอก้าวเดิน ไหนจะบั้นท้ายที่เด้งงอนราวลูกบอลโยคะชนิดที่เรียกว่า น้อง ๆ นิกกี้มินาจเลยก็ว่าได้ประกอบกับการแต่งตัวที่ดูเป็นแฟชั่นจ๋าตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว
“เอ้า เธอตกลงชื่ออะไร”มิ้ลเชคเรียกเพื่อนใหม่อีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่เหม่อลอยไม่ตอบคำถามเธอเสียที
“นะ น้ำหนาวจ้ะ”
“อืม ไปข้างในด้วยกันสิ ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
มิ้ลเชคไม่พูดเปล่า เธอถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กของคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงนาทีเดินเข้าไปในคณะด้วยกัน โดยไม่ถามความสมัครใจคนโดนลากเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ทั้งสองเดินคู่กันเข้ามาในคณะสายตานักศึกษาชายนับร้อยพุ่งเป้ามาที่ทั้งสองคนราวกับเซเลบคนดังเดินผ่านคณะ แต่สำหรับพวกเธอแล้วคงเป็นไปได้เพียงสองสาเหตุ สาเหตุที่หนึ่งคือมาช้าสุด และอีกเหตุผลที่ดึงดูดความสนใจของพวกหนุ่ม ๆ ในคณะได้ดีก็คงหนีไม่พ้นก้นเด้ง ๆ ของแม่นิกกี้มินาจเพื่อนใหม่แกะกล่องของคนตัวเล็กที่เดินมาด้วยกันนั่นแหละ
@ คอนโดSNSN Condominiumเป็นคอนโดหรูสูงยี่สิบชั้นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัย มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักศึกษาที่บ้านไกลหรือหรือไม่ก็ต้องการออกมาใช้ชีวิตวัยรุ่นเพียงลำพังซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาจำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือลูกชายเจ้าของคอนโดที่เพิ่งถูกเพื่อนสนิทหิ้วตัวกลับมาจากโรงพยาบาลด้วย“ไอ้ซีมึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย? สภาพแม่ง อย่างกับโดนรุมโทรม” ดาต้าที่ถูกโทรเรียกให้ไปรับเพื่อนหน้าหล่อจากโรงพยาบาลประจำมหาลัย ตั้งแต่ตะวันตรงหัว อดถามไม่ได้ เพราะสภาพชายหนุ่มตอนนี้พูดง่าย ๆ ว่า ‘หมายังดูดีกว่า’“หึ กุว่าหมามันไม่ได้ตั้งใจมาซัดกุหรอก น่าจะซัดผิดตัวมากกว่า”ซีเมล หนุ่มหล่อมาดนิ่งพ่อเป็นเศรษฐีพันล้านมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ รูปร่างสูงโปร่ง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สามเจ้าของฉายา ‘เกียร์ล่องหนแห่งวิศวะ’เนื่องจากเขาเป็นพวกชอบปิดบังตัวตน มีนิสัยส่วนตัวคือชอบใส่ฮู้ดนั่งเรียนในคลาสตลอดทั้งคาบ และเวลาที่ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงชนหมู่มากเลยไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาสักเท่าไหร่ดังนั้นฉายานี้จึงเป็นฉายาที่ตั้งกันเองในหมู่เพื่อนสนิทร่างสูงเหยียดยิ้มแบบรู้ทันถึงสาเห
“เออนี่ น้ำหนาวงานเลี้ยงต้อนรับนิสิตใหม่ของคณะเราเธอจะไปไหม?” มิ้ลเชคที่เดินกลับจากคณะมาพร้อมกันกับน้ำหนาวถามขึ้นเพราะเธอกำลังหาคนไปเป็นเพื่อน อีกอย่างนอกจากน้ำหนาวแล้วเธอก็ยังไม่รู้จักใครเลย“ฉันก็อยากไปนะแต่เห็นพวกรุ่นพี่บอกว่าไปกินเลี้ยงในผับฉันเลยลังเลอ่ะ ว่าจะไปดีไหม ฉันไม่ค่อยถนัดกับที่แบบนั้นเท่าไหร่”เธอตอบไปตามตรงเพราะชีวิตคนตัวเล็กนอกจากเรียนแล้วก็ขลุกอยู่กับที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นส่วนใหญ่ จนเวลาจะเที่ยวแทบไม่มี“อย่าบอกนะ ว่าเธอไม่เคยไปผับเลย?”“อืม ปกติพอฉันเลิกเรียน ก็ไปทำงานพิเศษน่ะ ไม่ค่อยได้ไป ไหนหรอก เพราะกว่าจะเลิกงานก็ดึกแล้ว”“Oh My God นี่ฉันกำลังทำความรู้จักกับแม่ชียุค 2024 หรอเนี่ย” มิ้ลเชคเอามือปิดปากแล้วอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ เจ้าหล่อนหน้าเหวอราวกับนี่คือการค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่แปดของโลก ที่เธอเป็นผู้ค้นพบ“ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอยู่หลุมดำที่ไหนมาเนี่ย” คำถามของมิ้ลเชคเล่นเอาน้ำหนาวนิ่งไปชั่วขณะจนคนพูดตกใจต้องขอโทษขอโพยกันยกใหญ่กลัวว่าเพื่อนสาวจะเข้าใจผิดว่าเธอไปดูถูกเจ้าตัวเข้าให้ เพราะด้วยท่าทางมั่นและบุคลิกหลาย ๆ อย่างของมิ้ลเชค เจ้าตัวมักจะชวนให้คนอื่น
@ คอนโด SN ห้องมิ้ลเชคเจ้าของห้องสาวสุดเซ็กซี่เดินนำแขกคนแรกที่ได้รับสิทธิ์เข้ามาเยือนห้องสไตล์มินิมอลของเธอ ข้าวของในห้องถูกจัดเป็นระเบียบทุกตารางนิ้วจนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูห้องตัวอย่าง มากกว่าห้องที่มีคนอาศัยจริงห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรถัดจากโถงหน้าประตูเป็นพื้นที่ห้องครัวมีห้องนอนที่ใช้เป็นห้องนั่งเล่นไปด้วยได้และมีห้องน้ำเล็ก ๆ อยู่ในตัวเพื่อความสะดวกสบายของผู้อาศัย“โหนี่ห้องใหม่เลยหรือเปล่าเนี่ย?” น้ำหนาวที่กำลังเปลี่ยนจากรองเท้าคัตชูเป็นสลิปเปอร์กวาดตาดูรอบ ๆ ห้องที่สะอาดสะอ้านไร้ซึ่งฝุ่นละอองอย่างชอบใจ“แน่นอนจ้ะ ฉันก็เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ตอนปีหนึ่งเหมือนเธอนั่นแหละ ได้ข่าวว่าลูกชายเจ้าของคอนโดก็เรียนอยู่คณะเราด้วยนะจะบอกให้” มิ้ลเชคหันไปบอกเพื่อนตามข้อมูลที่ตนเองศึกษามาก่อนมาอยู่เป๊ะ“อ่ะ เราอย่ามัวแต่เสียเวลากันเลย เลือกชุดกันดีกว่าเร็ว” เจ้าของห้องเหมือนจะดูตื่นเต้นยิ่งกว่าคนที่ไปผับครั้งแรก เมื่อได้โอกาสจับเพื่อนสาวเป็นแบบแต่งตัวเนื่องจากทางบ้านเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับประเทศ เธอเลยค่อนข้างรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดีมิ้ลเชคเปิดตู้เสื้อผ้าสีครีมออกกว้างเพ
“สัญญานะ เราจะอยู่กันไปอย่างนี้นานๆ เลย”“ได้สิ พี่สัญญา ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลย”ประโยคเหล่านั้นยังคงดังก้องในหูของเธอ เลือนราง ห่างไกลราวกับเป็นอดีต แต่ในความทรงจำของน้ำหนาวมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าเท่านั้น“พี่ทิว…”ร่างของเด็กสาววัยสิบหกปีเปล่งเสียงเรียกอย่างยากลำบากเนื่องจาก ร่างกายเธอบอบช้ำไร้เรี่ยวแรงตรงหน้าคือรถเบ๊นซ์คันที่เธอเพิ่งนั่งมากับแฟนหนุ่มอยู่ในสภาพพังยับเยิน และเขายังติดอยู่ในนั้นชุดนักเรียน ม.ปลายที่ใส่มาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานของโลหิตเกือบจะทั้งตัวนั่นคือภาพสุดท้ายที่น้ำหนาวเห็นก่อนทุกอย่างจะดับหายไปพร้อมสติของเธอ…---หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้--- “สัญญานะ เราจะอยู่กันไปอย่างนี้นานๆ เลย” เสียงหวานใสของเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายที่นั่งอยู่ริมคลองหลังโรงเรียนข้างๆรุ่นพี่หนุ่มหน้าใสที่ตอนนี้ได้เลื่อนไปใช้สถานะ ‘แฟน’ เรียบร้อยแล้ว“ได้สิ พี่สัญญา ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลย”คำสัญญาที่ออกจากปากทิวผู้ชายที่ซื่อสัตย์ซื่อตรงและเชื่อมั่นในรักแท้ ทั้งสองเกี่ยวก้อยสัญญากันตั้งแต่วันนั้น และเด็กสาวเชื่อคำพูดของเขาตลอดมา เพราะเขาก็ไม่เคยทำใ
@ คอนโด SN ห้องมิ้ลเชคเจ้าของห้องสาวสุดเซ็กซี่เดินนำแขกคนแรกที่ได้รับสิทธิ์เข้ามาเยือนห้องสไตล์มินิมอลของเธอ ข้าวของในห้องถูกจัดเป็นระเบียบทุกตารางนิ้วจนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูห้องตัวอย่าง มากกว่าห้องที่มีคนอาศัยจริงห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรถัดจากโถงหน้าประตูเป็นพื้นที่ห้องครัวมีห้องนอนที่ใช้เป็นห้องนั่งเล่นไปด้วยได้และมีห้องน้ำเล็ก ๆ อยู่ในตัวเพื่อความสะดวกสบายของผู้อาศัย“โหนี่ห้องใหม่เลยหรือเปล่าเนี่ย?” น้ำหนาวที่กำลังเปลี่ยนจากรองเท้าคัตชูเป็นสลิปเปอร์กวาดตาดูรอบ ๆ ห้องที่สะอาดสะอ้านไร้ซึ่งฝุ่นละอองอย่างชอบใจ“แน่นอนจ้ะ ฉันก็เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ตอนปีหนึ่งเหมือนเธอนั่นแหละ ได้ข่าวว่าลูกชายเจ้าของคอนโดก็เรียนอยู่คณะเราด้วยนะจะบอกให้” มิ้ลเชคหันไปบอกเพื่อนตามข้อมูลที่ตนเองศึกษามาก่อนมาอยู่เป๊ะ“อ่ะ เราอย่ามัวแต่เสียเวลากันเลย เลือกชุดกันดีกว่าเร็ว” เจ้าของห้องเหมือนจะดูตื่นเต้นยิ่งกว่าคนที่ไปผับครั้งแรก เมื่อได้โอกาสจับเพื่อนสาวเป็นแบบแต่งตัวเนื่องจากทางบ้านเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับประเทศ เธอเลยค่อนข้างรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดีมิ้ลเชคเปิดตู้เสื้อผ้าสีครีมออกกว้างเพ
“เออนี่ น้ำหนาวงานเลี้ยงต้อนรับนิสิตใหม่ของคณะเราเธอจะไปไหม?” มิ้ลเชคที่เดินกลับจากคณะมาพร้อมกันกับน้ำหนาวถามขึ้นเพราะเธอกำลังหาคนไปเป็นเพื่อน อีกอย่างนอกจากน้ำหนาวแล้วเธอก็ยังไม่รู้จักใครเลย“ฉันก็อยากไปนะแต่เห็นพวกรุ่นพี่บอกว่าไปกินเลี้ยงในผับฉันเลยลังเลอ่ะ ว่าจะไปดีไหม ฉันไม่ค่อยถนัดกับที่แบบนั้นเท่าไหร่”เธอตอบไปตามตรงเพราะชีวิตคนตัวเล็กนอกจากเรียนแล้วก็ขลุกอยู่กับที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นส่วนใหญ่ จนเวลาจะเที่ยวแทบไม่มี“อย่าบอกนะ ว่าเธอไม่เคยไปผับเลย?”“อืม ปกติพอฉันเลิกเรียน ก็ไปทำงานพิเศษน่ะ ไม่ค่อยได้ไป ไหนหรอก เพราะกว่าจะเลิกงานก็ดึกแล้ว”“Oh My God นี่ฉันกำลังทำความรู้จักกับแม่ชียุค 2024 หรอเนี่ย” มิ้ลเชคเอามือปิดปากแล้วอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ เจ้าหล่อนหน้าเหวอราวกับนี่คือการค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่แปดของโลก ที่เธอเป็นผู้ค้นพบ“ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอยู่หลุมดำที่ไหนมาเนี่ย” คำถามของมิ้ลเชคเล่นเอาน้ำหนาวนิ่งไปชั่วขณะจนคนพูดตกใจต้องขอโทษขอโพยกันยกใหญ่กลัวว่าเพื่อนสาวจะเข้าใจผิดว่าเธอไปดูถูกเจ้าตัวเข้าให้ เพราะด้วยท่าทางมั่นและบุคลิกหลาย ๆ อย่างของมิ้ลเชค เจ้าตัวมักจะชวนให้คนอื่น
@ คอนโดSNSN Condominiumเป็นคอนโดหรูสูงยี่สิบชั้นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัย มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักศึกษาที่บ้านไกลหรือหรือไม่ก็ต้องการออกมาใช้ชีวิตวัยรุ่นเพียงลำพังซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาจำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือลูกชายเจ้าของคอนโดที่เพิ่งถูกเพื่อนสนิทหิ้วตัวกลับมาจากโรงพยาบาลด้วย“ไอ้ซีมึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย? สภาพแม่ง อย่างกับโดนรุมโทรม” ดาต้าที่ถูกโทรเรียกให้ไปรับเพื่อนหน้าหล่อจากโรงพยาบาลประจำมหาลัย ตั้งแต่ตะวันตรงหัว อดถามไม่ได้ เพราะสภาพชายหนุ่มตอนนี้พูดง่าย ๆ ว่า ‘หมายังดูดีกว่า’“หึ กุว่าหมามันไม่ได้ตั้งใจมาซัดกุหรอก น่าจะซัดผิดตัวมากกว่า”ซีเมล หนุ่มหล่อมาดนิ่งพ่อเป็นเศรษฐีพันล้านมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ รูปร่างสูงโปร่ง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สามเจ้าของฉายา ‘เกียร์ล่องหนแห่งวิศวะ’เนื่องจากเขาเป็นพวกชอบปิดบังตัวตน มีนิสัยส่วนตัวคือชอบใส่ฮู้ดนั่งเรียนในคลาสตลอดทั้งคาบ และเวลาที่ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงชนหมู่มากเลยไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาสักเท่าไหร่ดังนั้นฉายานี้จึงเป็นฉายาที่ตั้งกันเองในหมู่เพื่อนสนิทร่างสูงเหยียดยิ้มแบบรู้ทันถึงสาเห
สามเดือนต่อมาวันที่อากาศร้อนอบอ้าวจนแทบจะแผดเผามนุษย์บนโลกให้หมดโลกได้ภายในพริบตาเดียวกลับเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ใคร ๆ ก็ต่างใฝ่ฝันอยากเข้ามาเรียนอย่างSN university เสียอย่างนั้นรถเมล์สาย 7 ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ภายในรถมีผู้โดยสารนับร้อยชีวิตยืนอัดกันแน่นยิ่งกว่าปลาแมคเคอเรลในกระป๋อง จนแทบจะมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกไม่เห็นน้ำหนาว หญิงสาวร่างเล็กส่วนสูงร้อยหกสิบต้น ๆ ถูกเบียดจนเซไปเซมาตามแรงขับเคลื่อนของตัวรถ เธอทั้งร้อนทั้งอึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ทนไปแบบนั้น จนกระทั่งถึงยังจุดหมายปลายทาง“ขอทางหน่อยค่ะ ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ” เด็กสาวพยายามแทรกตัวเพื่อที่จะเดินตรงไปยังประตูทางออกให้เร็วที่สุดเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกซึ่งตัวเธอยังไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ที่ตั้งของคณะที่เธอเรียนอยู่“เห้อ กว่าจะลงมาได้พ่อคุ๊ณ นึกว่าจะโดนบี้แบนตายในรถเมล์ซะแล้ว” คนตัวเล็กบ่นอุบได้เพียงแค่นั้นก่อนจะรีบสาวเท้าตรงไปยังรั้วมหาวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินพ้นประตูเข้าไป ดวงตาคู่สวยก็ดันเหลือบไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นที
“สัญญานะ เราจะอยู่กันไปอย่างนี้นานๆ เลย”“ได้สิ พี่สัญญา ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลย”ประโยคเหล่านั้นยังคงดังก้องในหูของเธอ เลือนราง ห่างไกลราวกับเป็นอดีต แต่ในความทรงจำของน้ำหนาวมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าเท่านั้น“พี่ทิว…”ร่างของเด็กสาววัยสิบหกปีเปล่งเสียงเรียกอย่างยากลำบากเนื่องจาก ร่างกายเธอบอบช้ำไร้เรี่ยวแรงตรงหน้าคือรถเบ๊นซ์คันที่เธอเพิ่งนั่งมากับแฟนหนุ่มอยู่ในสภาพพังยับเยิน และเขายังติดอยู่ในนั้นชุดนักเรียน ม.ปลายที่ใส่มาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานของโลหิตเกือบจะทั้งตัวนั่นคือภาพสุดท้ายที่น้ำหนาวเห็นก่อนทุกอย่างจะดับหายไปพร้อมสติของเธอ…---หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้--- “สัญญานะ เราจะอยู่กันไปอย่างนี้นานๆ เลย” เสียงหวานใสของเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายที่นั่งอยู่ริมคลองหลังโรงเรียนข้างๆรุ่นพี่หนุ่มหน้าใสที่ตอนนี้ได้เลื่อนไปใช้สถานะ ‘แฟน’ เรียบร้อยแล้ว“ได้สิ พี่สัญญา ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลย”คำสัญญาที่ออกจากปากทิวผู้ชายที่ซื่อสัตย์ซื่อตรงและเชื่อมั่นในรักแท้ ทั้งสองเกี่ยวก้อยสัญญากันตั้งแต่วันนั้น และเด็กสาวเชื่อคำพูดของเขาตลอดมา เพราะเขาก็ไม่เคยทำใ