เจเรมี่ เควสรู้สึกใจสงบขึ้นได้ทันทีเมื่อไซล่า เควสได้ยินสิ่งที่หมอกล่าว เธอก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจเรื่องข้อสงสัยภายในใจมากยิ่งแม้ว่าสมมติฐานของเธออาจกระตุกต่อมตลกขบขันได้ไม่น้อย แต่เธอก็เชื่อสัญชาตญาณนั้น“เอาละครับ ขอบคุณครับหมอ…” เจเรมี่ถอนหายใจเฮือกยาวอย่างโล่งอก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นครับ คุณหญิงคอนเนอร์จะต้องอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อสังเกตอาการ หลังจากนั้น เธอก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วยได้ ระหว่างช่วงเวลานี้ คุณต้องทำให้แน่ใจว่าแผลของเธอแห้งอยู่ตลอด อีกอย่าง ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษด้วยนะครับ ห้ามไม่ให้เธอรับประทานอาหารรสจัดหรือของผิดแผกโดยเด็ดขาด” แพทย์คนนั้นกล่าวอย่างจริงจังเจเรมี่พยักหน้าตอบรับ และรู้สึกเหมือนกับว่าภาระอันหนักอึ้งยกออกจากบ่าของเขาไปแล้วไม่นาน เมย์ก็ถูกเข็นออกจากห้องฉุกเฉิน เนื่องด้วยฤทธิ์ยาสลบ เธอจึงยังคงหมดสติอยู่ สีหน้าของเธอดูซีดเผือดเจเรมี่รีบเดินเข้าไปและช่วยพยาบาลเข็นเมย์ คอนเนอร์ไปยังห้องผู้ป่วยด้วยมือข้างเดียวแววตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดออกมาไซล่าและสแตนลีย์หันไปมองหน้ากันก่อนจะรีบไล่ตามเจเรมี่และคนอื่น ๆ ไปทันทีที่บุคลาก
เมื่อสแตนลีย์ แบตตันตั้งคำถาม ไซล่า เควสก็รู้ในทันทีว่าเขาพยายามจะพูดอะไร“นายคิดว่าไงล่ะ?” ไซล่าเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้มแน่นอนว่า สแตนลีย์เป็นคนฉลาดพอตัว ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงทำงานให้พี่ใหญ่ได้ในฐานะสมาชิกคนสำคัญขององค์กร“ฉันก็คิดเหมือนกับเธอนั่นแหละ” สแตนลีย์กล่าวอย่างสงบ เขาหมุนมือไปรอบ ๆ ผ่านควัน“นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไร?” ไซล่าถาม หลังจากนั้น ไซล่าก็เลี้ยวรถด้วยท่าทางที่ชำนาญ เธอหมุนพวงมาลัยและวางมือข้างหนึ่งที่กรอบหน้าต่างรถวิธีการขับรถของเธอช่างดูเท่และงดงามไม่เบา“นั่นก็เพราะว่าเธอฉลาดมากไง” เขากล่าว“นายก็ฉลาดมากเหมือนกัน เพราะอย่างไร นายก็ทำงานให้กับพี่ใหญ่ในแก๊งเชียวนะ” ไซล่ากล่าว“เธอจะทำไงต่อไป?” สแตนลีย์ถามหลังจากสูบบุหรี่อีกครั้งเนื่องจากกลุ่มควันลอยปดปังใบหน้าเขาอยู่ มันจึงเริ่มยากที่จะคาดเดาสีหน้าของเขาอย่างชัดเจน“ตามสืบไง” ไซล่ากล่าว“อยากได้มือขยับมาช่วยงานไหมล่ะ?” เขาเอ่ยถามอย่างสงบ“นายช่วยอะไรฉันได้?” ไซล่าถาม“ฉันทำงานด้านนี้ตั้งนานนะ อย่างน้อยฉันก็พอมีเส้นสายอยู่บ้าง” สแตนลีย์กล่าวก่อนจะสะบัดขี้บุหรี่ออกไปนอกหน้าต่างอย่างเป็นธรร
“ก็ได้ค่ะ หนูไปก็ได้ ว่าแต่งานเริ่มกี่โมงเหรอคะ?” ไซล่าตอบตกลงไซล่าไม่อยากทำให้พ่อของเธอลำบากใจในช่วงเวลาเช่นนี้“เที่ยงของวันมะรืนน่ะลูก อย่าลืมพาสแตนลีย์มาด้วยนะ เข้าใจไหม?”เจเรมี่ เควสดูมีความสุขมากขึ้น“ได้ค่ะ” ไซล่าตอบอย่างเบิกบานใจงานเลี้ยงต้อนรับสำหรับเอมิลี่ เควสและทอม ซัลลิแวนยิ่งใหญ่ผิดหูผิดตาเพื่อน ๆ หลายคนของตระกูลเควสและญาติ ๆ ก็ปรากฏตัว ในเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา ณ ลานจอดรถด้านในและนอกสวนก็เนืองแน่นไปด้วยรถของแขกเหรื่อในขณะเดียวกัน ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามายังด้านในสวนตระกูลเควสได้เตรียมโต๊ะทั้งหมดหกสิบตัวไว้ต้อนรับแขกของพวกเขา เมย์ คอนเนอร์ที่แต่งกายในชุดเทศกาลคล้องแขนของเจเรมี่อย่างเสน่หา ขณะที่ทั้งสองเดินจากโต๊ะหนึ่งไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง เมย์ก็ยังคงยิ้มกว้างบนหน้าก่อนหน้านี้ ผู้คนมากมายกำลังรอให้เธอทำให้ตัวเองดูโง่เง่าอยู่ มีกี่คนกันนะที่คิดว่าเจเรมี่จะยอมหย่ากับเธอ? ในตอนนี้ เธออยากจะทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกอับอายขายหน้าเมย์จะทำให้พวกมันรู้ว่าเธอคือพระเจ้าที่ไร้เทียมทาน อย่างน้อย เธอก็อยากจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นให้จงได้ไม่ว่าหน้าไหนมาขว้างก็ตาม…ในขณะเดียวกัน ในว
เอมิลี่ เควสจ้องไซล่า เควสและสแตนลีย์ แบตตันอย่างเยือกเย็นก่อนจะดึงแขนของทอม ซัลลิแวน เธอต้องการเข้าร่วมการทักทายกับแขกคนอื่น ๆ พร้อมกับดื่มฉลองพร้อมกับเจเรมี่ เควสและเมย์ คอนเนอร์อย่างไรก็ตาม ทอมไม่เต็มใจจะไปเท่าไหร่นัก เขายืนอยู่เงียบ ๆ และมองไปในทิศทางของไซล่าและสแตนลีย์ด้วยความรู้สึกแสนสับสนคู่รักผู้เพียบพร้อมทางด้านหน้าตากำลังจูงมือกัน ทอมรู้สึกเจ็บปวดที่ได้เห็นทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันและดึงดูดความสนใจของทุก ๆ คนรอบตัวหลังจากที่ไม่ได้เห็นไซล่าเป็นเวลานาน เธอก็ดูน่ารักขึ้นเป็นกองเลย แม้ว่าจะแต่งหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ไซล่ากลับดูสายกระแทกตายิ่งกว่าเอมิลี่เสียอีกไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงหญิงอันเป็นที่รักคิดจะทำร้ายเขา แววตาของทอมก็เริ่มเยือกเย็น ณ ตอนนี้ เขากำหมัดแน่นถ้าไซล่าเป็นพวกอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามประสาผู้หญิง ทอมอาจจะสามารถทนอยู่กับเธอได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอคิดทำร้ายเขามากกว่านี้ เขาอาจไม่ทนต่อไปแล้วก็ได้ถ้าไซล่าเป็นคนทำเรื่องพวกนั้นกับเขาจริง ๆ เขาสาบานว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เธอรอดไปได้ในขณะกวาดสายตาผ่านฝูงชน สายตาของไซล่าก็จับจ้องไปยังใบหน้าของทอมในที่สุด เมื่อทั้
“ขอบคุณค่ะ คุณป้า ขอบใจนะจ๊ะ น้องสาว” ไซล่า เควสซึ่งมีรอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกันในสถานการณ์ทางสังคมเช่นนี้ มันจำเป็นที่จะต้องดูร่าเริงแม้ว่าไซล่ารู้สึกหงุดหงิดข้างใน“พี่สาว พี่เขยคะ ที่นั่งของพวกพี่อยู่ตรงโน้นค่ะ ให้ฉันพาไปดีไหมคะ?” เอมิลี่ เควสถามขณะที่ชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่อยู่กลางห้องนั่งเล่นในตอนนี้ มีที่ว่างที่โต๊ะสองที่ แขกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั่นส่วนใหญ่เป็นฝั่งตระกูลของเมย์ คอนเนอร์ พวกเขาเป็นญาติทางแม่ของไซล่าเช่นกัน“ไม่เป็นไรจ้ะ” ไซล่าตอบอย่างสงบก่อนจะดึงมือของเมย์ออกไป หลังจากนั้น ไซล่าก็จับมือสแตนลีย์พร้อมกับที่ทั้งคู่เดินไปยังที่นั่งที่ว่างอยู่หลังจากที่ไซล่า เควสและสแตนลีย์ แบตตันนั่งลง ญาติ ๆ ฝ่ายแม่ไซล่าก็เริ่มถามเธอและสแตนลีย์โดยตั้งคำถามเรื่องชีวิตการอยู่ร่วมกันของพวกเขาเมื่อเอมิลี่และ ทอม ซัลลิแวนทักทายแขกแต่ละโต๊ะจนเรียบร้อยแล้ว ทอมก็รีบกลับมายังโต๊ะของเขา ขณะเดียวกัน เอมิลี่ยกชุดเดรสขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหาไซล่าและแตะที่ไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน“พี่คะ ฉันมีบางอย่างจะบอกพี่ ช่วยมากับฉันข้างบนได้ไหม?” เอมิลี่ถาม“ได้สิ” ไซล่าตอบด้วยรอ
“เธออยากจะสู้อีกงั้นเหรอ?” ไซล่า เควสเปล่งเสียงทางจมูกอย่างเยือกเย็นยิ่งไซล่ามองหน้าเอมิลี่ เควสนานเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากเท่านั้น“ใช่ ฉันจะสู้ ถ้าแน่จริง ก็ตบหน้าฉันเลยสิ” เอมิลี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่ารังเกียจขณะจ้องไปยังไซล่าพร้อมท่าทีแสนชั่วร้ายหลังจากนั้น เอมิลี่ก็ก้าวไปใกล้ไซล่าและจิ้มนิ้วไปที่ไหล่ของไซล่า“ถึงแม้ว่าฉันไม่มีหลักฐานว่าแกอยู่เบื้องเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับพี่ซัลลิแวนและคุณแม่ ฉันก็รู้ดีว่าเป็นแก ไซล่า เควส มันไม่มีนางแพศยาเลือดเย็นแบบแกที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชื่อแสนไร้ยางอายบนโลกนี้มันก็มีแค่แกเท่านั้นแหละ ยังไงก็เถอะ แกก็เสแสร้งตีหน้าซื่อไปวัน ๆ แกไม่เบื่อรึไง? รู้ไหมว่าคนอย่างแกมันเรียกว่าอะไร? แกมันนางแพศยาที่ดูไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นจอมวางแผนและจอมบงการยังไงเล่า”“แกทำอะไรกับคุณแม่กับฉันไม่ได้หรอก ตราบใดที่แกยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่กับฉันจะจ้องล้างจองพล่านแกต่อไป และเราจะไม่ยอมให้แกได้ในสิ่งที่ต้องการ ไซล่า เควส ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็คือแย่งแฟนหนุ่มไปจากเธอ คิดว่าเรื่องที่แกลงมือทำใส่ฉันกับพี่ซัลลิแวนมันจ
“เพี๊ยะ一”ใบหน้าของเอมิลี่ เควสเริ่มแดงในทันทีที่ไซล่า เควสปะทะฝ่ามือเข้าไป“ไซล่า เควส...แก...แกกล้าดียังไงถึงตบฉัน…? แกอยากตายใช่ไหม?” เอมิลี่ถามขณะที่ดวงตาเบิกโพลง พร้อมทั้งดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระทั้งที่พยายามแล้ว แต่เอมิลี่ก็ช่วยตัวเองไม่ได้เลย เมื่อไม่มีทางเลือก เอมิลี่ก็โขกศีรษะกับศีรษะของไซล่าอย่างรุนแรงทันทีที่ศีรษะของพวกเธอชนกัน ไซล่าก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วศีรษะ การมองเห็นเริ่มมืดบอดไปทันที และเธอคลายแรงบีบเอมิลี่โดยไม่รู้ตัวเอมิลี่รีบใช้โอกาสนั้นผลักไซล่าออกและวิ่งลงบันไดไปไม่กี่ก้าวก่อนจะนอนลงไปโดยตรง“แกตายแน่” เอมิลี่กล่าวขณะจ้องมองไซล่าทันทีที่เอมิลี่พูดจบ เธอก็เริ่มกรีดร้องลงบันไดไป“อ๊าก! อ๊าก! ช่วยฉันด้วย!!!” เอมิลี่กรีดร้องหลังจากนั้น เธอก็เริ่มกลิ้งลงบันไดไปเสียงร้องน่าสมเพชของเธอดึงดูดความสนใจของทุก ๆ คนขณะเดียวกัน ไซล่าก็ยืนอยู่กับที่และนวดหน้าผากเบา ๆ ขณะมองลงไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นจากข้างบน หน้าของเธอมีรอยยิ้มอันเยือกเย็น ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนว่าไซล่ากำลงชมการแสดง‘หึหึ ลงทุนลงแรงจริง ๆ เลยนะ’ ไซล่าคิดจากทุกสายตาของเครือญาติและแขกเหรื่อ เอมิลี
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหญิงสาวผู้รับเคราะห์ พวกเขาก็หน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน แม้แต่ใบหน้าของเจเรมี่ เควสก็เริ่มมืดมน“โอ้ พระเจ้า ไซล่า เควสทำเกินไปไหม? ก็รู้แหละว่าเธอมีปัญหากับเอมิลี่ เควสอยู่ แต่ทำไมไม่คิดถึงเด็กในท้องบ้างเลย?” ใครบางคนกล่าว“ใช่แล้ว ผู้ใหญ่ควรจะจัดการกับปัญหากันเอง เด็กในท้องไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ” อีกคนก็พูดเสริม“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางฟ้ามาโปรดอย่างไซล่าเนี้ยจะเป็นนางมารร้ายได้ขนาดนี้นะ” อีกคนหนึ่งพูดขึ้นผู้ชมโดยรอบเริ่มพูดคุยกันเอง สำหรับพวกเขาแล้ว ในตอนนั้นไซล่าคือผู้หญิงที่ชั่วร้ายเอมิลี่อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ในขณะเดียวกัน เอมิลี่ยังคงคร่ำครวญและหูผึ่งกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบกายไปด้วย เมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เธอก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเอมิลี่รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ชื่อเสียงของไซล่าจะถูกทำลาย ชีวิตของไซล่าเดินมาถึงปลายทางเสียแล้วสิเมย์ก็คิดเช่นเดียวกัน เธอรอไม่ไหวที่จะเห็นไซล่าถูกไล่ออกจากบ้าน ที่จริงแล้ว เธอรอไม่ไหวที่จะเห็นไซล่าพ่ายแพ้พร้อมกับชื่อเสียงที่ย่อยยับไปเมย์อยากจะเห็นด้วยตาตนเองว่านกยูงแสนสวยอย่างไซล่าจะร่วงหล่