แชร์

บทที่ 83

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ข้างนอกห้องที่หวังเทียนไห่อยู่ มีองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่

เมื่อถึงตอนค่ำ มีนางกำนัลคนหนึ่งเอาอาหารมาส่ง

พวกองครักษ์เห็นว่ามีสุราเพิ่มมาหนึ่งชุด ก็แปลกประหลาดใจ

นางกำนัลพูดอธิบายว่า “ฮองเฮาตรัสว่า พวกเจ้าเฝ้าเวรยามมีความดี สิ่งนี้ประทานให้กับพวกเจ้า”

พวกองครักษ์รีบรับเอาสุรามา พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงประทานให้!”

ทว่าเมื่อดื่มสุราลงคอหลายคำ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา

ตูม!

ตูม!

ตามด้วยเสียงล้มดังขึ้นมาสองที พวกองครักษ์ก็ล้มกองลงบนพื้น

จากนั้น นางกำนัลที่นำอาหารมาส่งก็ปรากฏตัว พร้อมเข้าไปในห้อง

หวังเทียนไห่ที่นอนหลับแล้ว ตกใจตื่นเพราะเสียงนี้

“เจ้าเป็นใคร!”

จากนั้นก็เห็นคนที่มา เอากริชเล่มหนึ่งออกมา

นางกำนัลคนนั้นกำลังจะลงมือ ข้างนอกก็มีไฟสว่างขึ้นมาทันที

หวังเทียนไห่กัดฟัน

“รีบไป! เจ้าหลงกลแล้ว!”

เพิ่งพูดเสร็จ องครักษ์หลายคนพุ่งเข้ามา ล้อมรอบทั้งสองคนไว้

หวังเทียนไห่เห็นท่าไม่ดี แย่งเอากริชในมือนางกำนัลมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็แทงอกนางเข้าอย่างจัง

นางกำนัลคนนั้นเบิกตาโต ไม่นานก็ขาดใจตาย

หวังเทียนไห่ตะโกนพูดขึ้นมาว่า

“มีนักฆ่า! ข้าฆ่าตายแล้ว!”

เวลานี้ เฟิ่งจิ่วเหยีย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
papada.nat
ที่อ่านอยู่จนตอนนี้แค่อยากรู้ว่าพอ. ฉลาดทุกเรื่องและโง่ว แต่เรื่องหวงกุ้ยเฟยได้ยังไง หรือว่าการละคร
goodnovel comment avatar
คุณนาย จาง
พอ หลงเกิ้นนน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 84

    จักรพรรดิพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ ราวกับจะแช่แข็งอยู่กลางอากาศ แฝงไปด้วยความมืดมนและความโกรธเกรี้ยว“เจ้าอยากพูดว่า กุ้ยเฟยคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกกระชากจนเซ แต่ไม่ช้าก็ยืนได้อย่างมั่นคงเขาช่างให้ความสำคัญกุ้ยเฟยจริงๆ ไม่ยอมให้มีใคร “ใส่ร้าย”“หม่อมฉันเพียงแค่สงสัย เชื่อหรือไม่เชื่อ สืบหรือว่าไม่สืบ ล้วนแล้วแต่ฝ่าบาท”ริมฝีปากบางเยือกเย็นของเซียวอวี้กระตุกโค้ง แฝงไปด้วยความเหยียดหยามนางมักจะแสดงออกถึงความนอบน้อมเมื่อต่อหน้า แต่ความจริงนั้นคิดอย่างไร?นึกว่าเขาฟังไม่รู้ถึงความหมายแฝง ในคำพูดของนางหรือ!“อาการบาดเจ็บของกุ้ยเฟยเป็นอย่างไร เจ้าเคยไปดูไหม?“เพราะยาของเจ้า นางทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด เจ้ากลับพูดว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของนาง?“นางเป็นคนโง่เขลาหรือ คิดอยากทำร้ายคนอื่น กลับกลายเป็นทำร้ายตนเอง?“เรากลับคิดว่า เจ้าต่างหากที่เป็นบงการ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนหรี่ตาลงนางไม่ได้พูดแก้ต่างในทันทีสายตาเซียวอวี้จับจ้องมองดูนาง“หลังจากเกิดเรื่องของจ้าวเฉียน เราก็เคยเตือนเจ้าแล้ว ทุกอย่างจบลงแค่นี้ กุ้ยเฟยไม่มีความผิด เจ้าจะทำร้ายนางอีกไม่ได้“กุ้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 85

    คนถูกลากมาถึงหน้าฮ่องเต้เขาเห็นก็รู้ทันที นี่เป็นคนในตำหนักของกุ้ยเฟย!“เอาน้ำสาดให้เขาตื่น”ซัว...น้ำเย็นหนึ่งกะละมังสาดที่หัว เสี่ยวลู่จื้อถูกบีบให้ตื่นขึ้นมาสิ่งที่มองเห็นก็คือจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์น่าเกรงขาม เขาตกตะลึงจนเหงื่อเย็นวาบขึ้นมาทันที“บ่าวถวายบังคม ฝ่าบาท!”เนื้อตัวของเขาสั่นเทาหากฝ่าบาทรู้ว่า เขาถูกกุ้ยเฟยส่งมาคอยจับตาดูตำหนักฉางสิ้น ก็จะแย่แน่!แต่ในเมื่อเขาถูกตีสลบ แน่นอนว่าฝ่าบาทจะต้องรู้แล้ว เสี่ยวลู่จื้อสั่นเทาไปทั้งตัวกรามล่างของเซียวอวี้เฉียบคมเหมือนมีด ริมฝีปากบางขยับพูดขึ้นมาว่า“ตัดแขนของเขาข้างหนึ่ง”“พ่ะย่ะค่ะ!” เฉินจี๋ลงมืออย่างรวดเร็วรุนแรงได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างเศร้ารันทด บนพื้นก็มีแขนขาดเพิ่มมาข้างหนึ่งตำหนักหลิงเซียวกุ้ยเฟยกำลังจะพักผ่อน ชุนเหอวิ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก“พระนาง ฝ่าบาทเสด็จ!”ฝ่าบาทมาดึกขนาดนี้ จะต้องวางใจพระนางไม่ได้แน่นอนเลยสีหน้ากุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความดีใจนางเพิ่งเตรียมตัวลงจากเตียง ขบวนเสด็จก็มาถึงข้างในตำหนักแล้วชุนเหอถอยออกไปอย่างรู้ตัว มอบราตรีในวสันตฤดูให้กับฝ่าบาทและพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 86

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเผาจดหมายลับทิ้ง แสงไฟส่องสะท้อนดวงตาของนาง เสมือนเปลวไฟที่ลุกโชน ดุจดั่งเพลิงโลกันตร์ที่จะแผดเผาบาปทั้งปวงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม “กุ้ยเฟยเป็นคนรอบคอบ ทั้งยังมีวิชาควบคุมคน ทั้งจ้าวเฉียนและหวังเทียนไห่ ต่อให้เรื่องราวจะถูกเปิดโปง คนพวกนี้ก็ยอมตายแต่จะไม่ยอมทรยศนางเด็ดขาด “ดังนั้น พวกเราทำได้มากสุดแค่มองว่านางเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีโจรภูเขา แต่ไม่มีหลักฐานอะไรช่วยยืนยัน หากฝ่าบาทเลือกจะทรงเชื่อกุ้ยเฟยก็พอจะเข้าใจได้“สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือค่อย ๆ รวบรวมหลักฐานความผิดของนางให้ครบ“เก็บน้อยกลายเป็นมาก ครานี้เป็นนางกำนัลคนนั้น คราหน้าก็จะมีคนอื่นอีก“สักวันหนึ่ง เมื่อมีหลักฐานพยานพร้อม ต่อให้กุ้ยเฟยจะมีปากเป็นร้อยปากก็แก้ตัวไม่ได้“ถึงเวลานั้น แม้แต่ฝ่าบาทก็ปกป้องนางไม่ได้อีก”เรื่องนี้ต้องใช้เวลามากกว่าการสังหารนางโดยตรงทว่า หากปล่อยให้กุ้ยเฟยตายง่าย ๆ ก็คงบรรเทาความแค้นในใจไม่ได้ นอกจากนี้ หากไม่ไขความจริงให้กระจ่าง เวยเฉียงก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม!นางต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่กุ้ยเฟยมีและเห็นคุณค่า ต้องการให้คนทั่วหล้ารู้ถึงความผิดของกุ้ยเฟย!หากเป็นสนมร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 87

    ตำหนักหลิงเซียวฮูหยินเฟิ่งนั่งอยู่ในห้องอุ่น ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ภายในตำหนักจุดกำยาน ทำให้นางลืมตาไม่ขึ้นและหายใจติดขัดจู่ ๆ กุ้ยเฟยก็เรียกตัวนางเข้าวัง บอกว่ามีเรื่องจะขอคำชี้แนะทว่ามาแล้วกลับทิ้งให้นางอยู่ที่ห้องอุ่นเพียงลำพัง ทั้งยังให้คนจุดกำยานทั่วตำหนัก บอกว่ามีสรรพคุณช่วยให้สดชื่นและบำรุงลมปราณแต่นางดมแล้วก็รู้ว่าเป็นกำยานคุณภาพต่ำชัด ๆล่วงเลยไปแล้วหนึ่งชั่วยาม กลุ่มควันลอยโขมงทั่วตำหนักฮูหยินเฟิ่งถูกรมควันจนไม่ไหวแล้วนางหมายจะเปิดหน้าต่าง ทว่าหน้าต่างกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับถูกคนลงสลักจากด้านนอกตามด้วยเดินไปที่ประตูต่อผลักเปิดประตูไม่ขยับเขยื้อนเช่นกันนางเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาหรือว่านางจะถูกขังอยู่ที่นี่!เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หลังฮูหยินเฟิ่งกุ้ยเฟยคิดจะทำอะไร?“แค่ก ๆ…”กลิ่นกำยานอบอวลไม่ได้รับการระบายดุจควันไฟทำให้หายใจไม่ออกฮูหยินเฟิ่งหน้าซีดนางราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคอ เริ่มสำลักอย่างรุนแรง ดวงตามีน้ำตาไหลและวิงเวียนศีรษะปังปังปัง!นางตบประตูร้องตะโกนออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจจารีตของสตรีชนชั้นสูงอีกต่อไป“มีผู้ใดอยู่หร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 88

    เหล่าองครักษ์ของตำหนักหลิงเซียวขวางไว้ด้านนอก“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย! กุ้ยเฟยมีรับสั่งว่ากำลังต้อนรับแขก ห้ามมิให้ผู้ใด…”องครักษ์ยังพูดไม่ทันจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดบทด้วยแววตาแน่นิ่งเย็นชา“หากไม่อยากตายก็หลบไป!”เวลานี้ มีเสียงที่สุขุมแต่มีเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านใน“ฮองเฮาเสด็จมาหรือ?”“โปรดประทานอภัย หม่อมฉันบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง”“พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรมาขวางแม้แต่ฮองเฮา?”“เอาไว้ข้าจะสั่งสอนให้หนัก!”หลังจากนั้น เหล่าองครักษ์นอกตำหนักก็เปิดทางให้ ทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม“ฮองเฮา เชิญพ่ะย่ะค่ะ”……ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนมองเห็นสกุลหลิวผู้เป็นมารดาของตัวเองเป็นคนแรกจากนั้นจึงเห็นกุ้ยเฟยที่กำลังนั่งอยู่ แม้ดวงตาจะกำลังยิ้มแต่กลับชั่วร้ายเหมือนงูพิษ“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันกำลังข้อคำชี้แนะด้านการดูแลบุตรจากฮูหยินเฟิ่ง“ท่านก็เสด็จมาพอดี”ฮูหยินเฟิ่งทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“ถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งด้วยสุ้มเสียงเย็นยะเยียบ “เหลียนซวง ส่งฮูหยินไปที่ตำหนักหย่งเหอก่อน”“เพคะ! พระนาง!”ฮูหยินเฟิ่งไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 89

    ไทฮองไทเฮาคือพระอัยยิกาของฮ่องเต้ อุทิศตนบำเพ็ญมาหลายปีและพำนักอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางนอกวังเป็นหลัก ไม่ค่อยกลับวังแม้แต่พิธีอภิเษกของฮ่องเต้กับฮองเฮา ไทฮองไทเฮาก็ยังไม่เข้าร่วมกุ้ยเฟยที่เข้าวังมาสี่ปี เคยมีโอกาสได้พบพระนางแค่สองครั้งไทฮองไทเฮาเป็นคนจู้จี้จุกจิก มาตรว่าจะปฏิบัติธรรมแต่กลับโหดร้ายกับผู้อื่นมาก แม้แต่ไทเฮายังต้องกลัวหากนางรู้ว่าฮองเฮาต้องมลทิน เช่นนั้นนางต้องพิโรธและสั่งให้ฮ่องเต้ปลดฮองเฮาเป็นแน่!ชุนเหอได้ยินว่ากุ้ยเฟยจะเชิญไทฮองไทเฮากลับวังก็อดเป็นกังวลไม่ได้“พระนาง มันจะดีหรือเพคะ?“ไทฮองไทเฮามีอคติต่อท่านมาก ในอดีตเคยสั่งลงโทษท่านต่อหน้าธารกำนัล ชีวิตของท่านเพิ่งจะสบายขึ้นก็ตอนที่พระนางออกจากวังไปแล้ว“พึงรู้ไว้ว่า เชิญเทพมาง่าย เชิญเทพออกยาก”กุ้ยเฟยมองเศษถ้วยชาบนพื้นนางจำท่าทีอวดดีเมื่อครู่ของเฟิ่งเวยเฉียงได้ขึ้นใจนังแพศยากล้ามาอวดดีถึงเบื้องหน้านางแล้ว!“จริงอยู่ว่าข้าข้าไม่อยากให้ไทฮองไทเฮากลับวัง แต่เทียบกับนางแล้ว ฮองเฮาทำให้ข้าข้าชิงชังยิ่งกว่า!นางเหมือนแมลงวันสกปรกที่บินผ่านหน้าไปมาทั้งวันข้าอยากให้นางตาย!”ชุนเหอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเพิ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 90

    ตำหนักหลิงเซียว ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับขอบฟ้า บาดแผลของกุ้ยเฟยก็เริ่มเจ็บปวดนางกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด ทุกลมหายใจราวกับจะฉีกแผลให้ปริออกเจ็บเหลือเกิน!ไม่นานนัก กุ้ยเฟยก็เจ็บจนสติเลือนรางนางมีเหงื่อออกท่วมศีรษะ จับตัวชุนเหอแน่นและพูดด้วยความเกรี้ยวกราด“ยา! รีบใช้ยาระงับความเจ็บปวดให้ข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าอยากให้ข้าเจ็บจนตายหรืออย่างไร…”ชุนเหอรีบปลอบนางว่า “พระนาง หมอหลวงบอกว่ามีแต่ต้องขับยาจู้หุนส่านออกไปก่อนจึงจะใช้ยาระงับความเจ็บปวดได้ อดทนหน่อยนะเพคะ”พระนางเป็นแบบนี้ นางเองก็เจ็บปวดเช่นกันแขนของนางจะถูกพระนางจับจนถลอกทุกครั้งเจ็บจนยากจะทานทนครึ่งชั่วยามต่อมา กุ้ยเฟยมีเหงื่อออกท่วมตัวและเอนพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรงชุนเหอป้อนยาให้กับนางด้วยความระมัดระวัง ทว่ากุ้ยเฟยกลับยกมือปัดยาทิ้ง“สารเลว…ไม่ได้เรื่อง! พวกคนจากสำนักหมอหลวงจงใจประวิงเวลา…“ข้า ข้าทรมานมานาน แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!“ยาจู้หุนส่าน…ยาจู้หุนส่านบ้าอะไร! ข้าดื่มยาตั้งมากขนาดนี้ เหตุใดยังขับมันออกไม่หมดอีก!”ชุนเหออธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน“พระนาง ท่านเพียงต้องดื่มยาให้มาก ไม่นานก็จะขับยาจู้หุนส่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 91

    ตำหนักฉางซิ่นเวลานี้ล่วงเลยยามไห้ มาแล้วสามเค่อ ภายในตำหนักยังคงเหลือเพียงเซียวอวี้ผู้เดียวเขาเริ่มที่จะหมดความอดทนกระทั่งเมื่อเห็นคนที่กำลังมาอยู่ คิ้วที่ขมวดแน่นจึงได้คลายจากกัน“ครานี้มีคนสะกดรอยตามอีกแล้วหรือ?” เขาจงใจถามครั้งก่อนนางมาสายไปสองเค่อเพราะถูกเสี่ยวลู่จื่อจากตำหนักหลิงเซียวสะกดรอยตาม สามารถยกโทษให้ได้เพราะจำเป็นต้องจัดการผู้นั้นก่อนแต่ครั้งนี้เล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนนำเข็มเงินชุดหนึ่งออกมาวางเรียงบนโต๊ะ“มีธุระติดพัน” นางอธิบายอย่างขอไปทีจากนั้นเข้าสู่ประเด็นหลัก“เชิญถอดฉลองพระองค์ออก”คิ้วของเซียวอวี้แหลมคม เขาจ้องนางแน่นิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหลังกลับไปเพื่อเตรียมตัว ทว่าเมื่อหันกลับมากลับพบว่าเขายังคงอยู่ในสภาพเดิม“เหตุใดไม่ถอดฉลองพระองค์ออก?” นางถามแววตาของเซียวอวี้เฉียบแหลมกว่าเดิม“นับวันเจ้าก็ยิ่งเกียจคร้าน“เรารอเจ้ามาสามเค่อแล้ว”ไม่เคยมีหมอหลวงคนใดกล้าให้เขาต้องรอมาก่อนในเมื่อจะมาสายก็ควรส่งข่าวมาบอก คิดว่าเขาไม่มีอย่างอื่นต้องทำหรือ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยความแน่นิ่ง“ข้าผิดที่ไม่ตรงต่อเวลา”“อืม” เซียวอวี้ละสาย

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 782

    ประตูกลางเปิดออก เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมเครื่องแบบฮองเฮา มงกุฎหงส์งดงามเลอค่า ทว่าก็มิอาจข่มบุคลิกของตัวนางได้และเพื่อสะดวกต่อการประกอบพิธีการ จึงเปลี่ยนจากผ้าคลุมหน้ามาเป็นม่านปิดหน้าแทนม่านมุกและพู่ห้อยกวัดแกว่งไปตามการเดิน ใบหน้าที่อยู่ด้านล่างมองเห็นเพียงราง ๆเหล่าขุนนางมองมาที่นาง พลันโน้มศีรษะแสดงความเคารพในทันใดบุคคลผู้นี้มิเพียงเป็นฮองเฮา ยังเป็นแม่ทัพน้อยที่คอยปกป้องชายแดนเหนือมานานแรมปีด้วยเซียวอวี้กำลังจะก้าวไปข้างหน้าโดยมิรู้ตัว หลิวซื่อเหลียงจึงรีบเอ่ยเตือนเบา ๆ“ฝ่าบาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาว ด้านหลังคือองครักษ์ติดตาม และสินเดิมที่ติดตัวมา นับว่าเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการงานอภิเษกสมรสของฮ่องเต้และฮองเฮา จะมีเหตุการณ์สำคัญอยู่สามเหตุการณ์ นั่นคือ พิธีรับการแต่งตั้ง ฮ่องเต้และฮองเฮาบูชาสวรรค์ และสุดท้ายถึงจะเป็นพิธีการของสามีภรรยาดังนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหยุดอยู่หน้าบันไดเก้ามังกร เพื่อรอรับการแต่งตั้งก่อนขุนนางที่ดำเนินพิธีการแต่งตั้งยืนอยู่หน้าขั้นบันได กางพระราชกฤษฎีกาออก พร้อมกับอ่าน“ในฐานะฮ่องเต้ จำต้องแต่งตั้งฮองเฮา เพื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 781

    เกี้ยวมงคลถูกหามตรงไปยังโรงพักแรมหลวง หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่งกลับเงียบเหงาไร้ผู้คนนายท่านเฟิ่งมิอาจทนเรื่องกระทบใจเช่นนี้ได้ จึงระบายความขุ่นเคืองมาที่ตัวอี๋เหนียงหลิน“เจ้าพูดมิใช่หรือว่าจะมิพลาดเด็ดขาด! หือ? ข้าบอกว่าข้าจะไปรับด้วยตนเอง เจ้าก็มิยอมให้ข้าไป พูดว่ามีบิดาที่ไหนกันทำตัวด้อยค่าเช่นนั้น เจ้า...ข้ามิควรเชื่อคำบ้าบอของเจ้า!”อี๋เหนียงหลินก็นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนจะใจร้ายถึงเพียงนี้ พูดว่าแต่งออกจากเรือนตระกูลเมิ่ง ก็ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิ่งโดยสิ้นเชิงนางกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม“นายท่าน เรื่องนี้จะตำหนิข้ามิได้”“เป็นเฟิ่งจิ่วเหยียน นางมิเห็นท่านอยู่ในสายตา“ใจของนางเอนเอียงไปทางตระกูลเมิ่งแต่แรกแล้ว ในฐานะบุตรสาว เหตุใดจึงทำให้บิดาเสียหน้าได้เช่นนี้เล่า?”“เจ้ายังกล้าพูดอีก!” นายท่านเฟิ่งถลึงตามองอย่างโกรธเคืองเขาสั่งพ่อบ้านในทันที “เตรียมรถม้า ข้าจะไปโรงพักแรมด้วยตนเอง!”หลังจากนายท่านเฟิ่งออกไป อี๋เหนียงหลินก็นั่งลงบนเก้าอี้แล้วร่ำไห้เฟิ่งหมิงเซวียนมิเข้าใจจริง ๆ ว่า เหตุใดบิดายืนกรานจักต้องให้เฟิ่งจิ่วเหยียนแต่งอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 780

    ไอเย็นชื้นในร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนยังขับออกไปไม่หมด ถึงจะแต่งออกเรือนมา ฮูหยินเมิ่งยังต้องติดตามมาด้วยหลังจากที่นางได้รับสมุนไพรนั้น ก็ส่งให้อาจารย์หญิงดู“นี่บัวกลีบเปลวเพลิง!” ฮูหยินเมิ่งตกใจอย่างมาก“จิ่วเหยียน บัวกลีบเปลวเพลิงเป็นสมุนไพรหายาก มีน้อยกว่าดอกจื่อซวี่นั่นเสียอีก มันเจริญเติบโตในภูเขาไฟแคว้นตงซาน ใช้เวลาห้าสิบปีจึงจะผลิดอก ไอเย็นชื้นในร่างกายของเจ้า หากมีบัวกลีบเปลวเพลิงผสมกับยา อาจจะรักษาอาการป่วยหายดีก็ได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนสงสัยอย่างเดียว ผู้ใดเป็นคนส่งยานี้มาอู๋ไป๋ตอบ “ถามองครักษ์ผู้นั้นแล้ว บอกว่าเห็นหน้าตาอีกฝ่ายไม่ชัด ฝ่ายนั้นบอกแค่ว่าเป็นสหายเก่าของท่านแม่ทัพน้อย”นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง ตกอยู่ในภวังค์ความคิดหากเป็นสหายเก่าจริง ๆ เหตุใดต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆฮูหยิ่นเมิ่งเอ่ยปลอบใจว่า “อย่างน้อยบัวกลีบเปลวเพลิงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร คนผู้นั้นคงไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อเจ้าหรอก”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า “อาจารย์หญิง ของสิ่งนี้มีที่มาไม่ชัดเจน ควรระมัดระวังจะเป็นการดีที่สุด”สำหรับนางบัวกลีบเปลวเพลิงเป็นเพียงทำให้โรคของนางได้หายไวขึ้น นางไม่ได้มีความจำเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 779

    บุตรสาวตระกูลเมิ่งแต่งงานออกเรือน ทั้งยังได้เป็นฮองเฮาของแคว้น จึงทำให้คนอิจฉาอย่างมากตรงข้ามกับตระกูลเฟิ่งที่อยู่ในเมืองหลวง ไม่ต่างอะไรกับมีคนเพิ่งตาย มืดมนหดหู่ไปหมดนายท่านเฟิ่งเพิ่งได้รู้เมื่อไม่นานมานี้ ว่าเวยเฉียงแต่งงาน โดยที่ไม่บอกบิดาเช่นเขา แถมตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนก็กำลังจะแต่งออกจากตระกูลเมิ่ง แต่ละคน แทบไม่เห็นเขาเป็นพ่อด้วยซ้ำ!วันนี้หลังจากว่าการในยามเช้าเสร็จ เขายังเจอเหล่าเพื่อนร่วมงานเอ่ยแซว“ใต้เท้าเฟิ่ง เจ้านี่ใจกว้างจังเลยนะ ส่งบุตรสาวไปให้ตระกูลเมิ่ง จนตอนนี้เมิ่งฉวีมีรัศมี ได้กลายมาเป็น พ่อตาของฝ่าบาทเสียแล้ว!”“ใต้เท้าเฟิ่ง หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เจ้าน่าจะส่งบุตรสาวมาให้ข้าดีกว่า!”“จะว่าไปแล้ว ใต้เท้าเฟิ่ง เจ้าควรขอบคุณแม่ทัพเมิ่งนะ ที่ไม่เปลี่ยนนามสกุลให้ลูกสาวเจ้า!”นายท่านเฟิ่งได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ในใจอัดอั้นว้าวุ่นไปหมดเขาไม่น่าส่งบุตรสาวไปให้ตาแก่เมิ่งฉวีนั่นเลย!นายท่านเฟิ่งกลับมาที่จวนอย่างเดือดดาล ไม่พูดไม่จา ขังตัวเองไว้ในห้องหนังสืออี๋เหนียงหลินยกซุปร้อน ๆ เข้ามา จีบปากจีบคอพูดว่า“นายท่าน เป็นอะไรไปหรือ? จะไม่กินมื้อกลางวัน ไม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 778

    เพื่อได้แต่งงานเร็ว เซียวอวี้ยังหาช่างเย็บปักมาอีกสิบกว่าคน หมุนเวียนมาทำงานด้วยเหตุนี้ ชุดแต่งงานจึงเสร็จก่อนกำหนดสำนักโหรหลวงได้ทำนาย ฤกษ์งามยามดีออกมาคือเดือนสิบ เกือบจะถูกเซียวอวี้ปลดจากตำแหน่งจากนั้นจึงรีบเปลี่ยนคำพูด กล่าวว่า“งานอภิเษกจัดวันไหน ฤกษ์งามยามดีก็คือวันนั้น!”เหล่าขุนนางนิ่งอึ้งโหรหลวงผู้นี้ ควรปลดทิ้งเสียจริง ๆ!ดังนั้น งานอภิเษกจึงกำหนดขึ้นในวันที่สิบเดือนห้าเซียวอวี้มอบหมายหน้าที่ให้รุ่ยอ๋องไปรับตัวเจ้าสาว ทั้งยังส่งกองกำลังเสริมไปให้เขาคาดโทษเสียงเยือกเย็น“เรื่องนี้ ห้ามให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแม้เพียงนิด”รุ่ยอ๋องประสานมือรับคำสั่ง “น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”  การแต่งงานเร่งรัด เรียกได้ว่าคึกคักเร่าร้อนพิธีในวังมีหนิงเฟยเป็นตัวหลักในการดำเนินงาน ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็เอาแต่ชี้นิ้วออกคำสั่งไม่น้อย ใส่ใจเสียยิ่งกว่างานแต่งของตัวเองอีกเรื่องนี้  หนิงเฟยจึงอัดอั้นจนพูดไม่ออก อีกด้าน รุ่ยอ๋องนำขบวนมารับตัวเจ้าสาว ด้วยความยิ่งใหญ่มหาศาลกลางทางถึงได้พบว่า หร่วนฝูอวี้ตามหลังมาตลอดทางเขาดึงนางออกมา ถามอย่างสุดจะทน“แม่นางหร่วน เจ้าคิดจะทำอะไรอี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 777

    เวยเฉียงหลุกหลิกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อ กัดริมฝีปากแน่นซ่งหลีดื่มสุรามา ใบหน้าจึงแดงระเรื่อเขาเดินเข้าไป สวมกอดนางอย่างเงอะงะ“แม่หญิง…”หัวใจของเวยเฉียงเต้นกระหน่ำเหมือนกวางวิ่งเต้น หลุบตาลง “พี่ใหญ่ซ่ง”ซ่งหลีมองตรงมาที่นาง พูดกลั้วยิ้มว่า “เจ้าควรเรียกข้าว่าสามีสิ”“เจ้าค่ะ สามี” ใบหูของนางแดงก่ำไปหมด ไม่กล้าเงยหน้ามองเขายิ่งกว่าเดิมซ่งหลีจับมือของนาง จูงนางเดินไปยังเตียงนอนจากนั้นก็ประคองนางนั่งลง ปล่อยม่านมุ้งมงคลลงทีละชั้นเวยเฉียงเห็นเช่นนั้น ลำคอพลันแห้งผาก หัวใจเต้นรัวเร็วกว่าเดิมซ่งหลีเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ เพียงปล่อยไปตามสัญชาตญาณของร่างกาย ค่อย ๆ โน้มตัวนางนอนลงบนเตียง ก้มลงจูบริมฝีปากของนาง ด้วยการกระทำแสนอ่อนโยนเวยเฉียงหลับตาลงอย่างประหม่า ลมหายใจกระชั้นชิด“ท่านพี่…”นางหวาดกลัวเล็กน้อยมือของซ่งหลีลูบตามร่างกายที่สั่นเทาของนางอย่างแผ่วเบา ปลอบโยนนางว่า “ไม่ต้องกลัว แม่หญิง”เขารู้ว่านางเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา เขาเองก็กลัวว่านางจะถูกกระตุ้น จนกลับไปนึกถึงเรื่องราวแสนอัปยศเหล่านั้นดังนั้น เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากเขาจะร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 776

    ภายในเรือนหอแม่สื่อและสาวใช้ไฉ่เยว่ยืนอยู่ข้างเตียง มองเจ้าบ่าวที่กำลังหน้าแดงก่ำอีกฝ่ายกลับเอาแต่จ้องตรงไปยังเจ้าสาว——เวยเฉียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปกปิดใบหน้า มือทั้งสองข้างวางซ้อนไว้บนตัก แผ่นหลังยืดตรง ท่านั่งดูแข็งทื่อ เห็นเท่านี้ก็พอจะรู้ว่านางกำลังประหม่าซ่งหลีเองก็ไม่ต่างกันเขารับคันชั่งที่ไฉ่เยว่ยื่นมาให้ ด้วยมือสั่นเทากลัวว่าจะเผลอเกี่ยวโดนหน้าของเวยเฉียงเขาระมัดระวัง แง้มเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ภายใต้ผ้าผืนนั้น ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างงดงามหมดจรดค่อย ๆ เผยออกมาเวยเฉียงหลุบตาลงอย่างขวยเขิน ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อยิ่งกว่าริมฝีปากเสียอีกนางไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกมา บรรยากาศภายในเรือนหอเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่นหัวใจของซ่งหลีสั่นไหว“แม่หญิง เจ้าช่างงามเหลือเกิน”เขาคิดกับเวยเฉียงเป็นแค่คนไข้ที่ต้องดูแลในตอนแรก กอปรกับมีคำฝากฝังจากเพื่อนสนิทด้วยเหตุนี้ เขาจึงดูแลรักษานางอย่างไม่ขาดตกบกพร่องต่อมาเขาก็เริ่มสงสารนาง เพราะเรื่องที่นางประสบพบเจอมามันน่าหดหู่มากจริง ๆหลังจากนั้น พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนางก็ทำให้เขาหวั่นไหวแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 775

    เมื่อเจ้าสาวจะออกเรือน พี่น้องชายของเจ้าสาวจะเป็นคนแบกเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดบุรุษเต็มตัว ใช้ฐานะของพี่ชายฝั่งบ้านเจ้าสาวแบกเวยเฉียงขึ้นหลังฝีเท้าของนางมั่นคงอย่างมากเวยเฉียงพิงหลังอยู่บนหลังนาง ด้วยจิตใจที่สงบสุข“ท่านพี่ พวกเราจะต้องมีความสุข”น้ำตาหยดหนึ่ง หยดลงบนคอของเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเสียงเบา“แน่นอน”ล้วนกล่าวกันว่า ต้นร้ายปลายดี เวยเฉียงต้องผ่านความทุกข์มามากมายเพียงนี้ จากนี้ไปย่อมมีแต่ความราบรื่นเป็นแน่......เกี้ยวมงคลร้องรำทำเพลงไปตลอดทางจนถึงบ้านตระกูลซ่งเจ้าสาวก็ถูกคนประคองให้เดินลงมาซ่งหลีสวมชุดเจ้าบ่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาทนไม่ไหวจนอยากจะไปประคองเจ้าสาวของตน แต่ถูกหญิงมงคลขวางเอาไว้“ท่านเจ้าบ่าว ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ทำพิธีไหว้ฟ้าดินก่อน!”ผู้คนรอบ ๆ พร้อมใจกันหัวเราะทันทีซ่งหลีเองก็หน้าแดงเช่นกันเขาไม่ได้พบเวยเฉียงนานเกินไปแล้ว คิดถึงนางยิ่งหากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องกับซูฮ่วน พวกเขาคงเป็นสามีภรรยากันไปนานแล้วแขกที่มาในวันนี้บางส่วนเป็นสหายที่ดีในยุทธภพของซ่งหลี เจียงหลินก็มาเช่นกันคนหลังพอได้พบเฟิ่งจิ่วเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 774

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ อาจารย์หญิง พวกท่านปิดบังอะไรข้ากันแน่”ฮูหยินเมิ่งมองนางอย่างลึกซึ้งจิ่วเหยียนถึงกับยอมตัดสัมพันธ์กับตน ก็จะไล่สืบเรื่องมนุษย์โอสถให้ได้ นางไร้กำลังที่จะทำอะไรแล้วจริง ๆจากนั้น นางก็เปิดปากพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเศร้าโศก“ตอนนั้นสิงโจวเองก็รู้ถึงเรื่องมนุษย์โอสถ จึงแอบปกปิดตัวตนเข้าไปตรวจสอบ เขาเคยเขียนจดหมายให้พวกเรา บอกว่าพบแหล่งซ่องสุมของมนุษย์โอสถพวกนั้นแล้ว จะตามไปสืบต่อ หลังจากนั้น...”“ศิษย์พี่ถูกพวกเขาฆ่าตายหรือ?” เสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนดังขึ้นทันทีหลายปีมานี้ นางกลัวว่าจะทำให้อาจารย์และอาจารย์หญิงเศร้าใจ จึงไม่เคยตามเรื่องการตายของศิษย์พี่อย่างละเอียดมาโดยตลอดศิษย์พี่ผู้นั้นที่ดีกับนางมากที่สุด นางนึกว่าเขาไปช่วยเหลือคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุจนสิ้นชีพอย่างที่อาจารย์บอกในยามปกติฮูหยินเมิ่งทั้งใจเย็นและเข้มแข็งทว่ายามนี้เมื่อนึกถึงเรื่องของบุตรชาย นางสะอึกสะอื้นจนพูดต่อไม่ไหว จากนั้นก็ลุกแล้วเดินจากไปใบหน้าที่แข็งทื่อของแม่ทัพเมิ่ง เล่าเรื่องที่เหลือออกมา“อาจารย์หญิงของเจ้าตรวจศพด้วยตนเอง สิงโจวถูกตีจนหัวเข่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status