แชร์

บทที่ 86

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เฟิ่งจิ่วเหยียนเผาจดหมายลับทิ้ง แสงไฟส่องสะท้อนดวงตาของนาง เสมือนเปลวไฟที่ลุกโชน ดุจดั่งเพลิงโลกันตร์ที่จะแผดเผาบาปทั้งปวงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

“กุ้ยเฟยเป็นคนรอบคอบ ทั้งยังมีวิชาควบคุมคน ทั้งจ้าวเฉียนและหวังเทียนไห่ ต่อให้เรื่องราวจะถูกเปิดโปง คนพวกนี้ก็ยอมตายแต่จะไม่ยอมทรยศนางเด็ดขาด

“ดังนั้น พวกเราทำได้มากสุดแค่มองว่านางเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีโจรภูเขา แต่ไม่มีหลักฐานอะไรช่วยยืนยัน หากฝ่าบาทเลือกจะทรงเชื่อกุ้ยเฟยก็พอจะเข้าใจได้

“สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือค่อย ๆ รวบรวมหลักฐานความผิดของนางให้ครบ

“เก็บน้อยกลายเป็นมาก ครานี้เป็นนางกำนัลคนนั้น คราหน้าก็จะมีคนอื่นอีก

“สักวันหนึ่ง เมื่อมีหลักฐานพยานพร้อม ต่อให้กุ้ยเฟยจะมีปากเป็นร้อยปากก็แก้ตัวไม่ได้

“ถึงเวลานั้น แม้แต่ฝ่าบาทก็ปกป้องนางไม่ได้อีก”

เรื่องนี้ต้องใช้เวลามากกว่าการสังหารนางโดยตรง

ทว่า หากปล่อยให้กุ้ยเฟยตายง่าย ๆ ก็คงบรรเทาความแค้นในใจไม่ได้ นอกจากนี้ หากไม่ไขความจริงให้กระจ่าง เวยเฉียงก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม!

นางต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่กุ้ยเฟยมีและเห็นคุณค่า ต้องการให้คนทั่วหล้ารู้ถึงความผิดของกุ้ยเฟย!

หากเป็นสนมร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Yogurt Rainbow
งง นะ ตอนทำชั่วกับคนอื่น ฮ่องเต้ไม่เคยเห็น ตัวร้ายฉลาดเกินหรือฮ่องเต้โง่เกินกันแน่
goodnovel comment avatar
อำนาจ สุ่มแสง
อยากให้อัพเดตวันล่ะหลายๆๆสิบตอน.........
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 87

    ตำหนักหลิงเซียวฮูหยินเฟิ่งนั่งอยู่ในห้องอุ่น ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ภายในตำหนักจุดกำยาน ทำให้นางลืมตาไม่ขึ้นและหายใจติดขัดจู่ ๆ กุ้ยเฟยก็เรียกตัวนางเข้าวัง บอกว่ามีเรื่องจะขอคำชี้แนะทว่ามาแล้วกลับทิ้งให้นางอยู่ที่ห้องอุ่นเพียงลำพัง ทั้งยังให้คนจุดกำยานทั่วตำหนัก บอกว่ามีสรรพคุณช่วยให้สดชื่นและบำรุงลมปราณแต่นางดมแล้วก็รู้ว่าเป็นกำยานคุณภาพต่ำชัด ๆล่วงเลยไปแล้วหนึ่งชั่วยาม กลุ่มควันลอยโขมงทั่วตำหนักฮูหยินเฟิ่งถูกรมควันจนไม่ไหวแล้วนางหมายจะเปิดหน้าต่าง ทว่าหน้าต่างกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับถูกคนลงสลักจากด้านนอกตามด้วยเดินไปที่ประตูต่อผลักเปิดประตูไม่ขยับเขยื้อนเช่นกันนางเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาหรือว่านางจะถูกขังอยู่ที่นี่!เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หลังฮูหยินเฟิ่งกุ้ยเฟยคิดจะทำอะไร?“แค่ก ๆ…”กลิ่นกำยานอบอวลไม่ได้รับการระบายดุจควันไฟทำให้หายใจไม่ออกฮูหยินเฟิ่งหน้าซีดนางราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคอ เริ่มสำลักอย่างรุนแรง ดวงตามีน้ำตาไหลและวิงเวียนศีรษะปังปังปัง!นางตบประตูร้องตะโกนออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจจารีตของสตรีชนชั้นสูงอีกต่อไป“มีผู้ใดอยู่หร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 88

    เหล่าองครักษ์ของตำหนักหลิงเซียวขวางไว้ด้านนอก“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย! กุ้ยเฟยมีรับสั่งว่ากำลังต้อนรับแขก ห้ามมิให้ผู้ใด…”องครักษ์ยังพูดไม่ทันจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดบทด้วยแววตาแน่นิ่งเย็นชา“หากไม่อยากตายก็หลบไป!”เวลานี้ มีเสียงที่สุขุมแต่มีเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านใน“ฮองเฮาเสด็จมาหรือ?”“โปรดประทานอภัย หม่อมฉันบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง”“พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรมาขวางแม้แต่ฮองเฮา?”“เอาไว้ข้าจะสั่งสอนให้หนัก!”หลังจากนั้น เหล่าองครักษ์นอกตำหนักก็เปิดทางให้ ทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม“ฮองเฮา เชิญพ่ะย่ะค่ะ”……ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนมองเห็นสกุลหลิวผู้เป็นมารดาของตัวเองเป็นคนแรกจากนั้นจึงเห็นกุ้ยเฟยที่กำลังนั่งอยู่ แม้ดวงตาจะกำลังยิ้มแต่กลับชั่วร้ายเหมือนงูพิษ“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันกำลังข้อคำชี้แนะด้านการดูแลบุตรจากฮูหยินเฟิ่ง“ท่านก็เสด็จมาพอดี”ฮูหยินเฟิ่งทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“ถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งด้วยสุ้มเสียงเย็นยะเยียบ “เหลียนซวง ส่งฮูหยินไปที่ตำหนักหย่งเหอก่อน”“เพคะ! พระนาง!”ฮูหยินเฟิ่งไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 89

    ไทฮองไทเฮาคือพระอัยยิกาของฮ่องเต้ อุทิศตนบำเพ็ญมาหลายปีและพำนักอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางนอกวังเป็นหลัก ไม่ค่อยกลับวังแม้แต่พิธีอภิเษกของฮ่องเต้กับฮองเฮา ไทฮองไทเฮาก็ยังไม่เข้าร่วมกุ้ยเฟยที่เข้าวังมาสี่ปี เคยมีโอกาสได้พบพระนางแค่สองครั้งไทฮองไทเฮาเป็นคนจู้จี้จุกจิก มาตรว่าจะปฏิบัติธรรมแต่กลับโหดร้ายกับผู้อื่นมาก แม้แต่ไทเฮายังต้องกลัวหากนางรู้ว่าฮองเฮาต้องมลทิน เช่นนั้นนางต้องพิโรธและสั่งให้ฮ่องเต้ปลดฮองเฮาเป็นแน่!ชุนเหอได้ยินว่ากุ้ยเฟยจะเชิญไทฮองไทเฮากลับวังก็อดเป็นกังวลไม่ได้“พระนาง มันจะดีหรือเพคะ?“ไทฮองไทเฮามีอคติต่อท่านมาก ในอดีตเคยสั่งลงโทษท่านต่อหน้าธารกำนัล ชีวิตของท่านเพิ่งจะสบายขึ้นก็ตอนที่พระนางออกจากวังไปแล้ว“พึงรู้ไว้ว่า เชิญเทพมาง่าย เชิญเทพออกยาก”กุ้ยเฟยมองเศษถ้วยชาบนพื้นนางจำท่าทีอวดดีเมื่อครู่ของเฟิ่งเวยเฉียงได้ขึ้นใจนังแพศยากล้ามาอวดดีถึงเบื้องหน้านางแล้ว!“จริงอยู่ว่าข้าข้าไม่อยากให้ไทฮองไทเฮากลับวัง แต่เทียบกับนางแล้ว ฮองเฮาทำให้ข้าข้าชิงชังยิ่งกว่า!นางเหมือนแมลงวันสกปรกที่บินผ่านหน้าไปมาทั้งวันข้าอยากให้นางตาย!”ชุนเหอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเพิ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 90

    ตำหนักหลิงเซียว ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับขอบฟ้า บาดแผลของกุ้ยเฟยก็เริ่มเจ็บปวดนางกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด ทุกลมหายใจราวกับจะฉีกแผลให้ปริออกเจ็บเหลือเกิน!ไม่นานนัก กุ้ยเฟยก็เจ็บจนสติเลือนรางนางมีเหงื่อออกท่วมศีรษะ จับตัวชุนเหอแน่นและพูดด้วยความเกรี้ยวกราด“ยา! รีบใช้ยาระงับความเจ็บปวดให้ข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าอยากให้ข้าเจ็บจนตายหรืออย่างไร…”ชุนเหอรีบปลอบนางว่า “พระนาง หมอหลวงบอกว่ามีแต่ต้องขับยาจู้หุนส่านออกไปก่อนจึงจะใช้ยาระงับความเจ็บปวดได้ อดทนหน่อยนะเพคะ”พระนางเป็นแบบนี้ นางเองก็เจ็บปวดเช่นกันแขนของนางจะถูกพระนางจับจนถลอกทุกครั้งเจ็บจนยากจะทานทนครึ่งชั่วยามต่อมา กุ้ยเฟยมีเหงื่อออกท่วมตัวและเอนพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรงชุนเหอป้อนยาให้กับนางด้วยความระมัดระวัง ทว่ากุ้ยเฟยกลับยกมือปัดยาทิ้ง“สารเลว…ไม่ได้เรื่อง! พวกคนจากสำนักหมอหลวงจงใจประวิงเวลา…“ข้า ข้าทรมานมานาน แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!“ยาจู้หุนส่าน…ยาจู้หุนส่านบ้าอะไร! ข้าดื่มยาตั้งมากขนาดนี้ เหตุใดยังขับมันออกไม่หมดอีก!”ชุนเหออธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน“พระนาง ท่านเพียงต้องดื่มยาให้มาก ไม่นานก็จะขับยาจู้หุนส่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 91

    ตำหนักฉางซิ่นเวลานี้ล่วงเลยยามไห้ มาแล้วสามเค่อ ภายในตำหนักยังคงเหลือเพียงเซียวอวี้ผู้เดียวเขาเริ่มที่จะหมดความอดทนกระทั่งเมื่อเห็นคนที่กำลังมาอยู่ คิ้วที่ขมวดแน่นจึงได้คลายจากกัน“ครานี้มีคนสะกดรอยตามอีกแล้วหรือ?” เขาจงใจถามครั้งก่อนนางมาสายไปสองเค่อเพราะถูกเสี่ยวลู่จื่อจากตำหนักหลิงเซียวสะกดรอยตาม สามารถยกโทษให้ได้เพราะจำเป็นต้องจัดการผู้นั้นก่อนแต่ครั้งนี้เล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนนำเข็มเงินชุดหนึ่งออกมาวางเรียงบนโต๊ะ“มีธุระติดพัน” นางอธิบายอย่างขอไปทีจากนั้นเข้าสู่ประเด็นหลัก“เชิญถอดฉลองพระองค์ออก”คิ้วของเซียวอวี้แหลมคม เขาจ้องนางแน่นิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหลังกลับไปเพื่อเตรียมตัว ทว่าเมื่อหันกลับมากลับพบว่าเขายังคงอยู่ในสภาพเดิม“เหตุใดไม่ถอดฉลองพระองค์ออก?” นางถามแววตาของเซียวอวี้เฉียบแหลมกว่าเดิม“นับวันเจ้าก็ยิ่งเกียจคร้าน“เรารอเจ้ามาสามเค่อแล้ว”ไม่เคยมีหมอหลวงคนใดกล้าให้เขาต้องรอมาก่อนในเมื่อจะมาสายก็ควรส่งข่าวมาบอก คิดว่าเขาไม่มีอย่างอื่นต้องทำหรือ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยความแน่นิ่ง“ข้าผิดที่ไม่ตรงต่อเวลา”“อืม” เซียวอวี้ละสาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 92

    “แค่ก ๆ…” เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกบังคับให้ต้องถลาลงพื้น พื้นรองเท้าเสียดสีเป็นรอยดำบนพื้นนางวางมือไว้ใต้ลำคอ พยายามขับยาเม็ดนั้นออกด้วยแรงตบทว่า เปล่าประโยชน์ เซียวอวี้หยุดยืนที่เบื้องหน้านางอย่างมั่นคง เสื้อคลุมถูกลมพัดปลิว เสริมให้ดูคาดเดายากกว่าเดิมดวงตาเย็นชาของเขาจดจ้องมาที่นาง แววตาลุ่มลึกดุจก้นเหว“เรารู้ว่าเจ้ามีความสามารถไม่น้อย“พิษแดนฝันออกฤทธิ์ทุก ๆ สิบวัน “หากเจ้ามาฝังเข็มตรงเวลา ข้าก็จะให้ยาถอนพิษตรงเวลา”ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชามาก“ทำเกินความจำเป็นแท้ ๆ”นางไม่ได้บอกว่าจะไม่ถอนพิษให้เขาสักหน่อย เขาระแวงไปเองทั้งนั้นหากไม่ใช่เพื่อความมั่นคงของบ้านเมืองหนานฉีแล้ว นางจะไม่ยอมอดทนแน่!จากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หลบหนีออกจากตำหนักฉางซิ่นเฉินจี๋จะไล่ตามไปแต่ถูกเซียวอวี้ห้ามไว้“ปล่อยนางไป”บัดนี้นางถูกยาพิษแล้ว ไม่ต้องกลัวว่านางจะหนีกระนั้น หญิงสาวนางนี้ก็ผิดจากความคาดหมายของเขานางรู้จักกระทั่งวิชาหดกระดูก หากไม่สามารถทำงานเพื่อเขาได้ เช่นนั้นรอให้ถอนพิษเสร็จแล้วต้องสังหารทิ้งเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาดุจหยกเย็นของเซียวอวี้พลันปรากฏจิตสังหาร ……

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 93

    จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็เสด็จกลับวัง เรื่องนี้ทำให้ทุกคนในวังตื่นตระหนกกันหมดตำหนักฉือหนิงไทเฮารู้สึกประหม่าอย่างยิ่งยวด“เหตุใดจึงกลับวังกระทันหันแบบนี้?”ตามหลักแล้ว หากไทฮองไทเฮาจะเสด็จกลับวังก็ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อที่จะได้จัดพิธีต้อนรับ ทว่าครั้งนี้กลับเร่งรีบประหนึ่งมีเรื่องด่วนต้องจัดการอย่างไรอย่างนั้นไทเฮาอดระแวงไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดให้ “เทพแห่งเคราะห์ร้าย” ต้องกลับมาหรือเปล่า?กุ้ยหมัวมัวปลอบว่า“ไทเฮาโปรดวางพระทัย ได้ยินว่าไทฮองไทเฮากลับมาแล้วเรียกพบฮองเฮาทันที น่าจะไม่เกี่ยวกับท่านเพคะ”ไทเฮาครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ด้วยนิสัยของไทฮองไทเฮาแล้ว นางจะอนุญาตให้บรรดาผู้น้อยเข้าเฝ้าหลังจากที่กลับวังได้หนึ่งวัน น้อยมากที่จะเรียกพบผู้ใดทันทีภายในวันเดียวกัน เว้นเสียแต่ว่าจะกลับมาเพื่อฮองเฮาโดยเฉพาะ? แต่ฮองเฮาจะไปล่วงเกินไทฮองไทเฮาที่ไปไหว้พระไกลถึงภูเขาอวี้หยางได้อย่างไร”กุ้ยหมัวมัวใคร่ครวญแล้วลองคาดเดา“ไทเฮา หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับกุ้ยเฟยเพคะ?”ไทเฮาแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจในบันดลหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพราะการแข่งขันขี่ม้าโปโล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 94

    “กระไรนะ? ฝ่าบาทจะเข้าห้องหอกับนังแพศยานั่น?!” อารมณ์ที่ตอนแรกกำลังเบิกบานของกุ้ยเฟยพังลงในชั่วพริบตาข้ารับใช้ที่มารายงานเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าเผชิญกับเพลิงโทสะของกุ้ยเฟย“บ่าว…บ่าวได้ยินเองกับหู ไทฮองไทเฮาทรงมีรับสั่ง…”“พอแล้ว!” กุ้ยเฟยไม่อยากฟังต่อนางทั้งตกใจทั้งสับสนไม่ใช่ว่าไทฮองไทเฮากลับวังมาเพื่อตรวจความบริสุทธิ์ของฮองเฮาหรอกหรือ!เหตุใดจึงรีบร้อนจะให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาเข้าหอเสียได้?แววตาของกุ้ยเฟยเย็นยะเยียบน่ากลัว“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ไทฮองไทเฮาได้ถามเรื่องที่ฮองเฮาถูกลักพาตัวหรือไม่!”ข้ารับใช้คนนั้นส่ายหน้า“เรื่องนี้ บ่าวไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ“ภายในตำหนักมีคนอยู่ปรนนิบัติเพียงไม่กี่คน บ่าวอยู่ด้านนอก ได้ยินที่พวกเจ้านายคุยกันไม่ชัดนัก”กุ้ยเฟยฟังแล้วหน้าซีดนางอยากรู้เหลือเกินว่าไทฮองไทเฮาคิดจะทำอะไรกันแน่!ในเมื่อฮองเฮาไม่บริสุทธิ์ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือปลดจากตำแหน่งฮองเฮาไม่ใช่หรือ?ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคนของไทฮองไทเฮาแล้ว เหตุใดจึงยอมให้…กุ้ยเฟยว้าวุ่นสับสนราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังค่อย ๆ หลุดจากการควบคุมของนางนางถามข้ารับใช้คนนั้นต่ออย่างเร่งร้อน“แล้วต

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 334

    เหล่าราชทูตถูกเชือกมัดรอบเอวและดิ้นไม่หลุดเมื่อเห็นม้าเริ่มวิ่งเร็วขึ้น พวกเขาจำต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอด สองขาจะวิ่งแซงสี่ขาได้อย่างไร ผ่านไปสักพักพวกเขาก็ล้มลงกับพื้น และถูกกระชากลากถูทั้งเป็น ถึงแม้จะเป็นพื้นทราย พวกเขาก็ไม่อาจทนรับความทรมานได้เช่นกันหลังจากวิ่งไปสองสามรอบก็มีเสียงกรีดร้องของผู้คนที่รายล้อมอยู่ด้านบนสนามอาภรณ์ของพวกเขาถูกขูดจนฉีกขาด ส่วนเนื้อหนังก็ถูกครูดจนถลอก บนพื้นยังมีร่องรอยของคราบเลือด... พวกเขายังคงร้องขอความเมตตา“ฮ่องเต้ฉี! ฮ่องเต้โปรดไว้ชีวิตด้วย!” “ฮ่องเต้ฉี...กระหม่อมมิกล้า...กระหม่อมมิกล้าแล้ว!” ราชทูตที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดมาก เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการร้องขอความเมตตาของคนเหล่านั้นเขาดื่มสุราและกินอาหารตามเดิม เขาไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าจะร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตทว่าบรรยากาศของงานเลี้ยงเริ่มคุกรุ่น ผู้คนแทบไม่กล้าหายใจ ยกเว้นแต่หร่วนฝูอวี้ ถึงแม้ราชทูตหนานเจียงของนางจะอยู่ในสนามม้าด้วย นางยังคงกินดื่มตามเดิมโดยไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย ทั้งยังให้นางกำนัลเติมสุราให้อีก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 333

    เมื่อเห็นว่าแคว้นตนเสียประโยชน์ เหล่าขุนนางของหนานฉีก็คัดค้านทันที“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! อย่าว่าแต่เหมืองหินเซวียนอิงที่ยังขุดไม่สำเร็จ หินเซวียนอิงที่ได้ก็ยังไม่รู้จำนวนเป็นที่แน่นอนด้วย ถึงแม้จะได้ปริมาณมากพอ แต่นั่นก็ต้องแจกจ่าย นี่ก็ต้องแจกจ่าย เกรงว่าจะเหลือเพียงน้อยนิด!”“กระหม่อมเห็นด้วยกับข้อเสนอ! นี่ไม่เท่ากับทำงานหนักโดยเสียเปล่าให้กับแคว้นอื่นหรอกหรือ?”เหล่าราชทูตสีหน้าดูไม่พอใจ และโต้แย้งกลับทันที“เหตุใดต้องทำงานหนักโดยเสียเปล่า แคว้นจ้าวของเรายินดีจ่ายห้าแสนตำลึงเป็นค่าแรงช่าง!”“ฮ่องเต้ฉี เป่ยเยว่ก็ยินดีจ่ายเงินห้าแสนตำลึงเช่นกัน!”ขุนนางอาวุโสผมขาวโพนผู้หนึ่งของหนานฉีโมโหโกรธเกรี้ยว “นี่เป็นปัญหาเรื่องเงินทองรึ! สิ่งล้ำค่าอย่างหินเซวียนอิงมีมูลค่าเท่าใด? เชื่อว่าพวกเจ้าต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ!”แน่นอนว่าพวกเขารู้หินเซวียนอิงเป็นของหายากมีจำนวนน้อยหลายร้อยปีมานี้มีเฉพาะที่แคว้นเป่ยเยี่ยนเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนอุดมด้วยหินเซวียนอิง จึงได้หลอม “มังกรไฟ” ที่ทรงพลังขึ้นมา ในสมรภูมิรบไม่มีสงครามครั้งใดพ่ายแพ้ จนกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 332

    หร่วนฝูอวี้มองฮองเฮาหนานฉีที่อยู่ในตำแหน่งสูงอย่างพินิจพิเคราะห์ฮองเฮาผู้นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้าไปมองเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่าทางของเขาดูเฉยเมย ราวกับว่านั่งเฉย ๆ รอดูเสือต่อสู้กันจากบนภูเขา ราชทูตหนานเจียงกลับทอดสายตามายังฮองเฮา“ฮองเฮา ท่านคิดว่าสตรีผู้นี้เป็นเช่นไร?”เหล่าพระสนมพากันมองมาทางเฟิ่งจิ่วเหยียน ในความเห็นส่วนตัว พวกนางหวังว่าฮองเฮาจะปฏิเสธราชทูตหนานเจียงผู้นี้สตรีในวังหลวงนั้นมีมากพอแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถามราชทูตด้วยท่าทีเคร่งขรึม“ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบใจ แต่ให้นางมาเป็นบ่าวรับใช้ข้า จะไม่ทำให้นางลำบากใจหรือ?”แววตาของราชทูตหนานเจียงพลันเปลี่ยนไปบ่าวรับใช้?พวกเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น!เมื่อหร่วนฝูอวี้ได้ยิน นางก็ยกยิ้มมุมปากหากเทียบกับฮ่องเต้ฉีผู้นั้น นางชอบฮองเฮาผู้นี้มากกว่าจะพูดอย่างไรดี รู้สึกตรงใจอย่างมาก ราชทูตหนานเจียงยังคงตรึกตรองการมอบหร่วนฝูอวี้ให้กับฮ่องเต้ฉีก็เพื่อให้นางทำลายชะตากรรมของหนานฉี และลอบสังหารจักรพรรดิอย่างเงียบ ๆหากนางเป็นบ่าวรับใช้ของฮองเฮา นางจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้อย่างไร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 331

    การแต่งกายของราชทูตหนานเจียงแตกต่างจากแคว้นอื่น บุรุษจะมีรอยสักเป็นรูปสัญลักษณ์ทางความเชื่ออยู่บนใบหน้า สตรีจะมีผ้าคลุมหน้า และสวมเสื้อตัวสั้นเผยให้เห็นบั้นเอวเล็กพวกเขาเป็นชนเผ่าต่างถิ่น ชำนาญการเลี้ยงแมลงมีพิษ และมีธรรมเนียมปฏิบัติแปลกประหลาด ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหลายแคว้นดูจากที่พวกเขาเข้ามาในท้องพระโรง ผู้คนพากันหลบหลีกแทบไม่ทัน บรรยากาศสรวลเสเฮฮาแต่เดิมพลันหยุดชะงัก สายตาที่ทอดมองไปแฝงด้วยการดูหมิ่นและการรังเกียจโดยเฉพาะสตรีที่เผยบั้นเอวผู้นั้น ช่างขัดต่อจารีตประเพณีเสียจริง!“กระหม่อมถวายบังคมฮ่องเต้ฉี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตาของนางพลันฉายแววความประหลาดใจแวบหนึ่งในบรรดาราชทูตหนานเจียงมีสตรีเพียงคนเดียวสตรีผู้นี้ก็คือหร่วนฝูอวี้ที่นางเพิ่งส่งกลับไปเมื่อสองวันก่อน!หร่วนฝูอวี้อยู่ในชุดสีแดง ผ้าคลุมบนใบหน้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหน้าพิลาศล้ำดวงนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนดวงตาของนางมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทำให้คนที่มองรู้สึกอ่อนระทวย งุนงง และคลั่งไคล้ขึ้นมาทันทีเหล่าบุรุษด้านหนึ่งก็ตำหนิว่านางไม่รู้จักกาละเทศะ แต่อีกด้านหนึ่งก็อดจ้องมองนางไม่ได้สีหน้าของเฟิ่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 330

    จดหมายของเวยเฉียงเรียบง่ายอย่างมาก ใช้ภาษาไม่ต่างจากเด็ก เขียนบรรยายเรื่องราวในชีวิตประจำวันแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับอ่านอยู่นานนางรู้ อาการป่วยของเวยเฉียงยังไม่หายดี แต่หากมีความสุขเรียบง่ายเช่นนี้ต่อไปได้ ก็นับว่าดีแล้ว……ชายแดนเหนือณ เซียวเหยาจวีเฟิ่งเวยเฉียงมีผ้าคลุมสีเงินผืนใหญ่คลุมบนไหล่ นั่งอยู่บนชิงช้าบริเวณชานเรือนอย่างเหม่อลอย เมื่อใดที่ได้นั่งก็มักจะนั่งเป็นเวลานานไฉ่เยว่ผู้เป็นสาวใช้คอยเฝ้าไม่ห่างกาย ส่วนซ่งหลีวุ่นอยู่กับยาสมุนไพรต่าง ๆ ข้างในเรือนที่นี่ไม่มีคนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวาย  ชีวิตจึงสงบสุขทุกวันเมื่อไฉ่เยว่ป้อนยาเฟิ่งเวยเฉียง นางก็ยอมอ้าปากอย่างเชื่อฟังแต่นางจะมองไปยังเบื้องหน้าตลอดเวลา ไม่สบสายตากับผู้ใดทั้งนั้นราวกับเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภวังค์ฝันตลอดกาล ไม่มีใครสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ทุกครั้งที่ไฉ่เยว่เห็นคุณหนูยอมทำตามทุกอย่าง มักจะรู้สึกปวดร้าวที่หัวใจเสมอหากคุณหนูไม่ประสบพบเจอเรื่องสกปรกพรรค์นั้น ป่านนี้ก็คงมีความสุขอย่างมาก“คุณหนู วันนี้ท่านจะเขียนจดหมายให้คุณหนูใหญ่หรือไม่?”เฟิ่งเวยเฉียงมีอาการตอบสนองโดยพลัน“เขียนจดหมาย ต้องเขียนจด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 329

    สุนัขสวรรค์กินดวงจันทร์ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในวังมีคำสั่งห้ามออกนอกบริเวณ เหล่าองครักษ์ลาดตระเวนจึงผ่อนปรนความเข้มงวดลงเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นพลุส่งสัญญาณจากร้านรับจำนำผิงอัน คิดว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญ จึงรีบออกไปอย่างรวดเร็วครั้นเปิดประตูเข้าไปไม่ทันไร นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลก ๆท่ามกลางความมืดมืด พลันมีกลิ่นหอมโชยเข้ามาในจมูกของนางต่อมาไอสังหารก็รุกคืบเข้ามาใกล้เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าจับข้อมือของคนผู้นั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วใช้ฝ่ามือสกัดเอาไว้ทว่าหลังจากนั้น คนผู้นั้นก็พลอยล้มลงในอ้อมกอดของนางร่างกายนุ่มนวลอวบอิ่ม ทับบนตัวของนางโดยพลัน จะดันก็ดันไม่ออก“น้องชายสุดที่รัก พี่สาวคิดถึงเจ้าจะตายแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพ่นลมหายใจออกมาเงียบ ๆปัญหามาหาแล้ว…ชุยไป๋เปิดไฟ ภายในห้องพลันสว่างวาบใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนทรยศ  หักหลังรองผู้นำพันธมิตรเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหญิงสาวในอ้อมกอดออกไปอย่างไร้ความปราณีหร่วนฝูอวี้ใช้มือค้ำคาง ริมฝีปากสีแดงระเรื่อภายใต้ผ้าคลุมขยับเผยอเล็กน้อย“ไม่ได้เจอกันสา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 328

    เซียวอวี้นิ่งเงียบ บอกกล่าวเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างจริงจัง“เราอยากให้เจ้ารู้ เรื่องมอบหมายให้จิ้งเฟยดูแลหกตำหนัก เป็นเจตนารมณ์ของเสด็จย่า หาใช่ความต้องการของเรา!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองเขา กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง“หมายความว่า…ท่านไม่พึงพอใจจิ้งเฟยงั้นหรือ?”ลมหายใจของเซียวอวี้หนักอึ้งเล็กน้อยนางอย่าชื่อว่าเฟิ่งเวยเฉียงเลย เปลี่ยนชื่อเป็นเฟิ่งก้อนหินดีกว่า!เขาแค่ไม่อยากให้นางเชื่อคำพูดไม่มีมูลในวังเหล่านั้น ที่บอกว่าเขาลำเอียงโปรดปรานแต่จิ้งเฟยแต่คิดอีกแง่มุม นางอยากเข้าใจผิดก็ปล่อยให้เข้าใจผิดไป เหตุใดตัวเขาต้องไปอธิบายกับนางด้วยเซียวอวี้กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้าถือซะว่าเราไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”   ……ในคืนนั้น ขบวนเสด็จมาเยือนตำหนักซินฮุ่ยฮ่องเต้แผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นชา ทำให้บ่าวรับใช้รอบด้านไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่จิ้งเฟยก็ยังเงียบหลังจากผ่านอาหารมื้อเย็น เห็นว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับ จิ้งเฟยก็ฮึดสู้ รวบรวมความกล้าดึงรั้งชายอาภรณ์ของเขาเอาไว้ใบหน้าของเซียวอวี้พลันมีแววไม่พอใจพาดผ่านเมื่อหันกลับไป ก็เห็นจิ้งเฟยก้มหน้าลงอย่างเขินอาย เผยอริมฝีปากจะพูด“ฝ่าบาท ได้ยินว่าคืนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 327

    หนิงเฟยมาถึงตำหนักหย่งเหอ กลับได้ยินว่าฮองเฮากำลังงีบหลับ ไม่ต้อนรับแขกไฟแทบจะไหม้ลามถึงขนคิ้วอยู่แล้ว ฮองเฮายังมีกะจิตกะใจนอนอีกหรือ?หนิงเฟยไม่กลับไปไหน ยังคงรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม นางกำนัลก็มาเรียนแจ้ง“หนิงเฟย ฮองเฮาตื่นแล้วเพคะ เชิญท่านเข้ามาคุยข้างใน”จุดประสงค์ที่หนิงเฟยมาที่นี่ไม่มีอะไรมาก และไม่คิดที่จะปิดบังไม่ให้คนรู้ด้วยนางทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนเสร็จ ก็เอ่ยออกมาว่า“ฮองเฮาเพคะ ท่านรู้หรือไม่ ช่วงหลายวันมานี้ ระหว่างที่ท่านอยู่ในตำหนักเย็น จิ้งเฟยผู้นั้นลำพองใจมากเพียงใด!”“ของดี ๆ ที่แต่ละแคว้นส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการ ฝ่าบาทต่างประเคนให้นางหมด“อย่าหาว่าหม่อมฉันปากมากเลยนะเพคะ ขนาดตอนที่ท่านยังตั้งครรภ์โอรสรัชทายาทอยู่ ยังไม่ได้รับของพระราชทานมากมายขนาดนั้น “แถมจิ้งเฟยยังขยันหาเรื่องให้คนอื่นหมั่นไส้ นำสิ่งของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้มาแจกจ่าย ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่านางโอ้อวดที่ตัวเองได้รับความโปรดปรานหรอกหรือ!​ แค้นนี้ ฮองเฮาอาจจะทนได้ แต่หม่อมฉันทนไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักอย่างรักษากริยาท่าทาง ดื่มชาไปพลาง ฟังหนิง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 326

    จอมมารหร่วนฝูอวี้งั้นหรือ!?บุรุษใส่หน้ากากยังไม่ทันได้ตกใจ ศีรษะก็หล่นลงพื้นในชั่วพริบตาต่อมาจางฉีหยางได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วหร่วนฝูอวี้…ชื่อนี้ เหมือนเขาเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู  ปฏิกิริยาแรกของจางฉีหยางคือหนีเท่านั้นทันใดนั้น พลันมีสายลมเย็นวูบพัดผ่านต่อมา ก็มีมือเย็นเฉียบข้างหนึ่งมาบีบคอของเขาเอาไว้เสียงอ่อนหวานยั่วยวนแต่อำมหิตของหญิงสาวดังขึ้นมาข้างหู“เจ้าคือลูกศิษย์ที่ซูฮ่วนเพิ่งรับเข้ามาใหม่สินะ?”นางรู้จักอาจารย์?จางฉีหยางไม่ตอบกลับด้วยความระมัดระวังหญิงสาวหัวเราะคิกคัก“ช่างเป็นคนหัวแข็งเสียจริง ไม่เป็นไร ข้าพอมีเวลาว่าง”เล็บยาวราวกรงเล็บของนาง กุมศีรษะของเขาเอาไว้ครั้นนางออกแรง เขาก็รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อในหัวกำลังจะถูกดูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดอย่างยิ่งเขากัดฟัน ไม่เปล่งเสียงขอร้องอ้อนวอนแต่อย่างใดผ่านไปเค่อยามหนึ่ง ราวกับหญิงสาวเล่นสนุกจนเหนื่อย ถึงได้เก็บมือกลับมาจากนั้นนางก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือลงไปข้างล่าง เชิดคางของเขาขึ้นจางฉีหยางไม่เห็น เพียงรู้สึกได้ว่าใ

DMCA.com Protection Status