แชร์

บทที่ 71

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หลังการฝึกซ้อมมาหลายวัน งานแข่งขันขี่ม้าโปโลก็เริ่มต้นขึ้นตามกำหนดการ

เมื่อมองไปบนปะรำพิธีจะเห็นฮ่องเต้นั่งตรงกลาง ไทเฮานั่งอยู่ด้านขวาของเขา ส่วนคนที่เหลือนั่งตามลำดับศักดิ์

รุ่ยอ๋องตรัสชมด้วยท่าทางอบอุ่น

“นี่เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานแข่งขันขี่ม้าโปโลในวัง ฮองเฮาทรงทุ่มเทความคิดอย่างมากจริง ๆ”

ระหว่างที่พูดเขาก็มองไปทางฮ่องเต้อยู่หลายครั้ง

เซียวอวี้กล่าวตอบด้วยท่าทีเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง

“นับเป็นคนแรกจริง ๆ เทียบกับฮองเฮาผู้เพียบพร้อมจากสกุลเฟิ่งทั้งหมดในประวัติศาสตร์ นับว่าไม่เคยมีมาก่อน”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนฟังออกว่าฝ่าบาทไม่พอพระทัยในตัวฮองเฮา

เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น ไทเฮาจึงตรัสชมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเมตตาว่า

“ฮองเฮาเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ งานแข่งขันขี่ม้าโปโลนี้ต้องเป็นรูปแบบใหม่เป็นแน่”

คิ้วกริชของเซียวอวี้เลิกขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของไทเฮา

รุ่ยอ๋องไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ยกแก้วสุราด้านหน้าขึ้นมาจิบเงียบ ๆ ด้วยตัวคนเดียว

สนมนางอื่นไม่ได้สนใจในงานแข่งขันขี่ม้าโปโลเท่าไร พวกนางคิดเพียงแค่อยากเข้าใกล้ฮ่องเต้มากขึ้นอีกซักนิดเท่านั้น

ทว่าแม้จะอยู่บนปะ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Kanjana Jaemasi
สนุกค่ะแต่สั้นไปหน่อยแต่ละตอน
goodnovel comment avatar
Somporn Songcram
แต่ละตอนสั้นมากสั้นเกินไปบางครั้งยังอ่านไม่ได้ใจความจบตอนละ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 72

    เมื่องานแข่งขันขี่ม้าโปโลเริ่มต้นขึ้น เหล่าสนมผู้ร่วมการแข่งขันที่สวมชุดขี่ม้าก็ทยอยขี่ม้าเข้ามาในสนามไทเฮาแสร้งตรัสอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า“อายุยังน้อยช่างดีเสียจริง แต่ละคนล้วนดูต่างไปจากยามปกติ ดู ๆ ไปแล้วไม่เหมือนนางสนมที่อยู่ในส่วนลึกของวัง กลับเหมือนแม่ทัพหญิงเสียมากกว่า!”กุ้ยหมัวมัวค้อมกายรับพระดำรัสของไทเฮา“ไทเฮาทรงเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้า ฝ่าบาททรงพระปรีชาญาณมากล้นด้วยคุณธรรม ในวังหลวงแห่งนี้ย่อมบ่มเพาะคนได้ดีเป็นธรรมดา”เซียวอวี้กวาดตามองที่สนาม พบว่าอยู่ห่างเกินไปจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใครใบหน้างดงามของเขาไม่ยินดียินร้าย“เสด็จแม่เพียงพูดเล่นก็แล้วไปเถิด”“ร้อยปีมานี้ แคว้นหนานฉียังไม่เคยปรากฏแม่ทัพหญิงมาก่อน”รุ่ยอ๋องยกแก้วสุราขึ้น“พระบารมีของฝ่าบาททรงคุ้มครองแคว้นหนานฉี ผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ”“เชื่อว่าอีกไม่นานแคว้นหนานฉีจะต้องปรากฏแม่ทัพหญิง ขยายอาณาเขตเพื่อแคว้นหนานฉีของเราให้เป็นมหาอำนาจแห่งจงหยวน[1] พ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ยกจอกสุราขึ้น ทำท่าชนจอกกับรุ่ยอ๋องกลางอากาศโหม่ง!เสียงฆ้องดังกังวาน การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสมาชิกของสอง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 73

    กุ้ยเฟยได้แต้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนที่นางขี่ม้าผ่านเข้ามาใกล้เฟิ่งจิ่วเหยียน นางก็หยุดม้า“ฮองเฮาเพคะ ทีมของท่านไม่มีคนแข่งได้แล้วหรือ?”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นปกติ หาได้สนใจนางไม่กุ้ยเฟยกลับไม่ยอมรามือ นางกดเสียงให้เบาแล้วพูดยั่วยุ“ข้ารู้นะ เจ้าอยากให้นางสนมเจียแย่งชิงความโปรดปราน แบ่งความรักความโปรดปรานของฝ่าบาทไปจากข้า“เฟิ่งเวยเฉียง ฮองเฮาอย่างเจ้าช่างน่าสมเพชเสียจริง!“เจ้าทุ่มเทกายใจสนับสนุนนางสนมเจียถึงเพียงนี้ สุดท้ายนางก็ยังถูกข้าเหยียบย่ำจนลุกไม่ขึ้นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?“เจ้าเองก็เช่นกัน อีกไม่นาน เจ้าก็ต้องคลานมาอยู่แทบเท้าข้า ขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า! เหมือนกับแม่ของเจ้าในวันนั้น...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเลิกคิ้วขึ้นกุ้ยเฟยแอบสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บนสีหน้าของนาง จึงแสดงความพึงพอใจออกมา“เป็นอะไรไป เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?“หลังจากเจ้าถูกจับตัวไป ฮูหยินเฟิ่งเคยมาขอเข้าพบข้าอย่างไรเล่า!“ข้าให้นางทำอะไร นางก็ทำหมด กระทั่งให้นางคุกเข่าลงไปใส่รองเท้าให้ข้าก็ยังทำ สำเหนียกตัวกว่าเจ้ามากนัก!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมบังเหียนแน่นจนข้อนิ้วซีดขาวกุ้ยเฟยมองออกไปข้างหน้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 74

    บนปะรำพิธี นางสนมทั้งหมดมีท่าทางตื่นเต้นภาพที่พวกนางเห็นคือกุ้ยเฟยกับนางสนมเจียกำลังแย่งลูกบอลกันอย่างดุเดือด ทุกคนล้วนคอยื่นคอยาวอยากเห็นว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไรทว่ากลับไม่รู้ว่าม้าของทั้งสองคนล้วนคลั่งไปแล้ว!เพียงได้ยินเสียงแหลมกรีดร้องเท่านั้นฉับพลันนั้นเองก็มีคนถูกสะบัดตกลงจากหลังม้า...ตั้งแต่ตอนที่กุ้ยเฟยพบว่าม้าผิดปกติจนถึงตอนที่ร่วงตกลงจากม้าใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นนางไม่มีทางควบคุมม้าทันได้เลยชั่วพริบตาที่ร่วงลงไป นางหวาดกลัวอย่างยิ่งข้างล่างล้วนเป็นหินแหลมคมทั้งนั้น ใบหน้าของนาง!นางพยายามปกป้องใบหน้าของตัวเองอย่างสุดชีวิต ทว่าหลังจากผ่านการกลิ้งพลิกไปมาอย่างรุนแรงหลายตลบ ใบหน้าของนางก็หลบไม่พ้นจนถูกกรีดเป็นแผลใหญ่!นอกจากนี้แขนข้างซ้ายยังส่งเสียง’กร๊อบ’ ดูเหมือนว่ากระดูกของนางจะหักแล้ว...“อ๊า” กุ้ยเฟยเจ็บปวดจนตะโกนออกมาเสียงดังใบหน้าของนาง แขนของนางทำไมกัน!ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!คนที่ล้มควรจะเป็นนางสนมเจีย ใยรวมไปถึงนางก็...เจ็บปวดมาก...ใครกันที่ทำร้ายนาง!บนร่างของนางมีกลิ่นดอกฟรีเซียเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแท้ ๆ ทำไมม้าของนางจึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 75

    ตูม!ศีรษะของกุ้ยเฟยราวกับระเบิดในคราเดียวไม่ใช้หมาฝู่ส่าน? เย็บแผลสด?ไอ้หมอไร้ฝีมือนี่คิดจะทำให้นางเจ็บจนตายหรืออย่างไร!ยังมียาจู้หุนส่านนั่นอีก มันคืออะไรกัน!ยารักษาอาการปวดหัว...หรือจะเป็นเฟิ่งเวยเฉียง!ใช่ เป็นเฟิ่งเวยเฉียงที่ทำร้ายนาง!หมอหลวงคุกเข่าที่พื้นแล้วทูลฮ่องเต้ว่า“ฝ่าบาท หากยังไม่เย็บแผล กุ้ยเฟยจะเสียเลือดมากเกินไป ถึงเวลานั้นจะอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของกุ้ยเฟย“เย็บ!”“ไม่นะ! ฝ่าบาทเพคะ...” กุ้ยเฟยน้ำตาไหลรินจนผสมรวมกับเลือดนางต่อต้านโดยสัญชาตญาณหมอหลวงชราผู้ควบคุมดูแลการรักษาออกคำสั่ง “จับพระสนมเอาไว้ อย่าให้พระสนมขยับไปมา!”เมื่อเห็นหมอหลวงถือเข็มและด้ายเข้าใกล้ กุ้ยเฟยจึงกรีดร้อง“อย่าเข้ามานะ! อ๊า”ทันใดนั้นในกระโจมก็มีแต่เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังลั่นคนภายนอกที่ได้ยินล้วนรู้สึกขนพองสยองเกล้าเสียงนี้ดังกึกก้องออกไปไกลมากไทเฮาที่ทรงเป็นห่วงว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จึงทรงประทับอยู่กับเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นี่พอดี พอได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของกุ้ยเฟย ในพระทัยพลันรู้สึกสบายอารม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 76

    พวกหมอหลวงกำลังเย็บบาดแผลให้กับกุ้ยเฟย เซียวอวี้ให้เฟิ่งจิ่วเหยียนมาเข้าเฝ้าในกระโจมด้านข้างข้างในมีเพียงหลิวซื่อเหลียงคอยปรนนิบัติอยู่คนเดียว บรรยากาศหดหู่กดดันกุ้ยเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัส การแข่งขันขี่ม้าโปโลถูกสั่งหยุดชะงักในฐานะที่ฮองเฮาเป็นผู้รับผิดชอบจัดงาน ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบเฟิ่งจิ่วเหยียนถวายบังคม สีหน้าสงบสุขุม“หม่อมฉัน ถวายบังคมฝ่าบาท”ทั่วร่างกายเซียวอวี้ เหมือนปกคลุมไปด้วยอายหนาวเหน็บ ทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิแสงแดดสดใส กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บหลิวซื่อเหลียงที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาเงียบสงบ ไม่กล้าแม้แต่จะยกหนังตาขึ้นมากระโจมด้านข้าง มีเสียงร้องเรียกอย่างเจ็บปวดของกุ้ยเฟยดังขึ้นมาเป็นระยะสีหน้าจักรพรรดิบูดบึ้ง ขมวดคิ้วชนกันเป็นเหมือนยอดเขา“คุกเข่าลง!”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาสีเข้มทั้งคู่ราวกับเหวลึกเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตื่นตระหนก ยกกระโปรงขึ้นมา คุกเข่าลงอย่างมั่นคงเจ้านายคุกเข่า เหลียนซวงก็รีบคุกเข่าตามเหลียนซวงก้มหน้าลงต่ำ เนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อยสายตาของฝ่าบาท ราวกับจะฆ่าคน น่ากลัวอย่างมาก!คิ้วตาเซียวอวี้เยื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 77

    เผชิญกับการเค้นถามของจักรพรรดิ ริมฝีปากเฟิ่งจิ่วเหยียนอ้าเล็กน้อย“หม่อมฉันคิดอยากสืบ คือใครกันที่ต้องการลงมือทำร้ายนางสนมเจีย”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นเฉียบคม“พูดต่อ”“ก่อนหน้าหม่อมฉันตั้งใจปกปิดบ้างก็จริง”“หลังจากพบว่าเกราะหวายของนางสนมเจียมีปัญหานั้น ที่หม่อมฉันตั้งใจเงียบ เพื่อเป็นการล่องูออกจากถ้ำ”“ครึ่งแรกของการแข่งขัน หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจแข่งขันโปโล ก็เพื่อคอยสังเกตคนข้างนอกข้างในสนามตลอดเวลา”“ม้าของนางสนมเจียสูญเสียการควบคุม หม่อมฉันคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงสามารถช่วยนางไว้ได้ทันเวลา”“แต่กุ้ยเฟยตกม้า อยู่นอกความคาดหมายของหม่อมฉัน”คำอธิบายของนาง ไม่มีข้อพิรุธใดเซียวอวี้ก็ยิ่งเชื่อมั่นว่า เพื่อสืบหาตัวคนร้าย นางถึงขั้นใช้นางสนมเจียไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้ค่อยสอดคล้องกับเจตนาอันเลวทรามต่ำช้าของนาง!เหมือนอย่างตอนนั้น นางใช้ยาแก้ปวดหัว บีบบังคับให้เขาปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน...แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรเทียบกับฝีมือโหดเหี้ยมของฮองเฮา เขายิ่งเกลียดชังกับการที่นางพูดโกหกหลอกลวงกษัตริย์สอบถามนาง เพียงเพื่อต้องการฟังนางพูดความจริงเห็นสีหน้าของนางยิ่งอยู่ยิ่งขาวซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 78

    ภายในกระโจม ต่างจากความอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยเช่นรุ่ยอ๋อง ที่นี่มีแต่การถือโทษของฮ่องเต้“ดูหินกรวดพวกนี้ กุ้ยเฟยถูกพวกมันทำร้ายจนบาดเจ็บ”“การแข่งขันขี่ม้าโปโล เจ้าเป็นคนรับผิดชอบจัดงาน สนามหญ้าดี ๆ มีสิ่งของทำอันตรายคนแบบนี้ปรากฏได้อย่างไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็แสดงท่าทีเหมือนเพิ่งรู้เรื่องนี้เช่นกันนางยกมือประสาน ขอทรงโปรดลงโทษ“ฝ่าบาท หม่อมฉันบกพร่องในการตรวจสอบ”ท่าทีเซียวอวี้เยือกเย็นชา“บกพร่องในการตรวจสอบจริง หรือตั้งใจให้เกิดขึ้น”“ฮองเฮา จะเป็นการดีที่สุดที่เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าเรียบเฉย“เป็นเพราะการแข่งขันขี่ม้าโปโลนี้ หม่อมฉันเป็นคนรับผิดชอบจัดงาน หม่อมฉันจึงไม่อยากให้การแข่งขันในวันนี้ เกิดเหตุผิดพลาดใด“กุ้ยเฟยกับนางสนมเจียเผชิญอันตราย ไม่เป็นผลดีกับหม่อมฉันเลย”ซึ่งก็จริงนางทำร้ายกุ้ยเฟยนั้นก็เถอะ ทั้งสองเป็นคู่อริเก่าแต่นางสนมเจีย...แต่ก็ไม่สามารถยกเว้นได้ นางจะส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมทำให้ผู้คนงวยงงบางทีเป้าหมายตั้งแต่แรกของนางก็คือกุ้ยเฟยเพราะนางสนมเจีย ถูกนางช่วยไว้แล้วไม่ใช่หรือภาพเหตุการณ์นั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 79

    เมื่อได้รับรู้ว่าไม่สามารถใช้ยาระงับปวด ในใจกุ้ยเฟยพลิกผันไปด้วยความเกลียดชังเฟิ่งเวยเฉียงนังสารเลวคนนั้น! ตั้งใจเอายาระงับปวดหัวที่มีปัญหาให้กับนาง ทำให้นาง...เดิมก็เจ็บปวดทรมานอยู่แล้ว บวกกับอารมณ์กระตุ้นที่รุนแรงนี้ ทำให้กุ้ยเฟยหน้ามืด หมดสติไปอีกครั้ง“พระนาง!” ชุนเหอร้องเรียกขึ้นมาอย่างตกใจพวกหมอหลวงแต่ละคนล้วนตกอยู่ในอาการหวาดระแวงยาวิเศษรักษาอาการปวดหัวในตอนนั้น พวกเขาเคยตรวจสอบแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร จึงให้กุ้ยเฟยใช้สุดท้ายจนถึงวันนี้กุ้ยเฟยได้รับบาดเจ็บ ยามที่ต้องการใช้ยาหมาฝู่ส่าน ทันใดนั้นกลับพบว่า เมื่อใช้ยาหมาฝู่ส่าน ชีพจรของกุ้ยเฟยมีอาการถูกพิษทันทีจากนั้นจึงได้สืบรู้ว่า ยาระงับปวดหัวที่กุ้ยเฟยทานปกตินั้นมีปัญหาเมื่อจัดการบาดแผลให้กุ้ยเฟยแล้วเสร็จ พวกหมอหลวงจึงไปขอประทานโทษจากฝ่าบาทด้วยกัน“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมบกพร่องในการตรวจสอบ จึงละอายใจที่จะอยู่ในสำนักหมอหลวงต่อไป!”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็นไม่สามารถตรวจพบว่าในยาระงับปวดหัวนั้นมียาจู้หุนส่าน ถือเป็นความผิดของหมอหลวงพวกนี้จริงนี่ยังเป็นเพียงยาจู้หุนส่าน หากเป็นยาพิษร้ายแรงถึงชีวิต จะยิ่งไม่สามารถรักษาไ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status