แชร์

บทที่ 480

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 17:00:00
เซียวอวี้พลันหยุดกะทันหัน หัวเราะอย่างขมขื่นข้างหูของนาง

“ฮองเฮา เหตุใดไม่ผลักเราออกล่ะ เพราะกลัวว่าเรา…จะตายหรือ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมา มองที่เขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

สีหน้าของเซียวอวี้ซีดขาวอย่างมาก แต่ริมฝีปากแดงระเรื่อ

เขาใช้มือข้างหนึ่งปิดตานางไว้ กล่าวเสียงแหบพร่า

“เช่นนั้นก็อย่าผลักไสเราอีก เพราะเราจะตายจริง ๆ”

เขาวางมือลงบนหลังเอวของนาง แล้วดึงนางเข้ามาอีก

หลังจากสัมผัสอะไรบางอย่างได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ดิ้นอย่างรุนแรง

ผิวน้ำที่เคยเรียบนิ่งในตอนแรก พลันกระเพื่อมไหว

เมื่อนางขยับ ลำคอของเซียวอวี้ก็ยิ่งแห้งผาก

“เราถูกลูกธนูยิง ก็เพราะเข้าไปรับแทนเจ้า”

สิ้นคำกล่าว คนที่อยู่ในอ้อมกอดพลันหยุดดิ้นตามคาด…

เซียวอวี้ทนไม่ไหว จึงก้มลงไปจูบริมฝีปากของนาง

“แม่ทัพน้อยของเรา เจ้าไม่ควรให้ความสำคัญกับบุญคุณมากเช่นนี้”

……

เฉินจี๋ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกกระโจมตลอดเวลา แอบได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากข้างใน——ลมหายใจอันหนักหน่วงของชายหนุ่ม เสียงอื้ออึงของหญิงสาวที่พยายามข่มกลั้นเอาไว้

ในยามราตรีเงียบสงัด เขาเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่าย

หากไม่มีคำสั่งจากฝ่าบาทและพระนาง เขาก็ไม่กล้าเข้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (31)
goodnovel comment avatar
maybe vemnvvx
โอเคอ่านจบแล้ว สรุปได้กันแต่ปล่อยนอก
goodnovel comment avatar
maybe vemnvvx
อะมีสองอย่างที่คนเดากันในเม้น 1.ได้กันแล้วแต่เต้ปล่อยนอกเลยไม่ต้องใช้ยาคุม ( นางอุตส่าห์ขอขนาดนั้น นี่ว่าน่าจะเป็นแบบนั้น แต่คำพูดก็พาให้คิดว่ายังไม่ทำอีก ) 2.เต้ยังไม่ใส่เข้าไป ( แต่ดูมีชีวิตชีวาขนาดนั้น คิดว่าอาจจะเป็นข้อแรก ) เป็นไปได้ทั้งสอง ทิ้งให้คนอ่านเดาเอาเองอีก โอ้ย555555 กุว่าข้อหนึ่ง🦭
goodnovel comment avatar
Noi JN Phankhampha
กว่าจะจบคงหมดไปหลายพันเรื่องนี้ฉันใม่ชอบยืดเยื้อตัวระครออกมาใหม่เรื่อยๆตายๆๆปี68จะจบใหม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 481

    ณ ค่ายหนานต้า กองทัพใหญ่กำลังเดินทางกลับวังหลวงซุนเต๋อฟางพร่ำขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ทรงสิ้นพระชนม์ในค่ายทหาร“กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาทและฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวอวี้ตอนมาขี่ม้า ตอนกลับเปลี่ยนเป็นนั่งรถม้าภายในห้องโดยสาร เขาปอกส้มให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยมือตนเอง เมื่อแกะออกก็ยื่นไปที่ปากนางเฟิ่งจิ่วเหยียนหลบหลีกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“หม่อมฉันไม่กิน”เซียวอวี้เอ่ยเสริม “เราก็ไม่ชอบกินเช่นกัน มันเปรี้ยวมาก ดูเหมือนว่ารสชาติที่ถูกปากของฮองเฮากับเราจะคล้ายกัน...”เขายังเอ่ยไม่จบ จู่ ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หยิบส้มบนโต๊ะนั้นขึ้นมา และยัดเข้าปากในทันทีเซียวอวี้ : ?เมื่อรู้ว่านางจงใจจะต่อต้านเขา นอกจากเขาจะไม่หงุดหงิด กลับรู้สึกสำราญใจเป็นพิเศษอย่างน้อยนางก็ไม่เย็นชาเหมือนคืนที่ผ่านมา“ฝ่าบาท มีจดหมายลับพ่ะย่ะค่ะ!” เฉินจี๋รายงานอยู่ด้านนอกเซียวอวี้ยื่นมือออกไป และหยิบจดหมายลับนั้นมาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองนาง พร้อมกับยื่นจดหมายลับไปตรงหน้านางทันที“เจ้าอยากอ่านก่อนหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเบือนหน้าหนี “งานราชกิจเป็นเรื่องสำคัญ ท่านอย่าทำเป็นล้อเล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 482

    ณ เมืองหลวงเฉินอ๋องส่งคนไปปล้นเสบียง มีหลักฐานความผิดอย่างแน่นหนารุ่ยอ๋องได้รับราชโองการลับจากฮ่องเต้ จึงนำเฉินอ๋องไปขังไว้ในคุกเทียนเหลาเฉินอ๋องตะโกนลั่นว่าถูกใส่ร้าย เป็นรุ่ยอ๋องที่ใส่ร้ายเขาเรื่องนี้กระทบถึงไทฮองไทเฮาทว่าถึงแม้ไทฮองไทเฮาจะทรงออกหน้า รุ่ยอ๋องก็ไม่ยอมประนีประนอมอีกด้านหนึ่ง เส้นทางขากลับของกองทัพใหญ่ออกมาจากเมืองซื่อสุ่ยแล้ว แต่โรงเตี๊ยมกลับหายาก จึงทำได้แค่ตั้งค่ายพักแรมตรงจุดนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนยอมนอนในรถม้าดีกว่าจะนอนร่วมเตียงกับเซียวอวี้หลายวันที่ผ่านมา เมื่อนางเห็นเขาก็จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ทำให้รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักเซียวอวี้ไม่ได้บังคับนาง กลัวว่าหากเกินขีดความพอดีทุกอย่างจะพลิกผันในช่วงเวลาเป็นส่วนตัว เหล่าทหารต่างพูดคุยสนทนากัน“ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงดูเหมือนมีปัญหาระหองระแหงกันตลอดทาง นี่เป็นเพราะเรื่องใดกันแน่?” “ไม่รู้สิ หลายวันก่อนยังดี ๆ กันอยู่มิใช่หรือ?”ทหารคนหนึ่งหลังจากมองไปรอบ ๆ ก็เอ่ยกระซิบกระซาบ“ข้ารู้ เป็นเพราะฝ่าบาททรงทำเรื่องอะไรบางอย่างที่ผิดต่อฮองเฮา”คนอื่น ๆ ต่างมองมาทางเขา และเค้นถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 483

    ผัวะ!เฟิ่งจิ่วเหยียนต่อยออกไปหนึ่งหมัด เซียวอวี้ถึงกับขากรรไกรเคลื่อนเซียวอวี้ : !!!ถูกต่อยแล้วเขาก็ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบคืนต่อมา เขาก็ทิ้งกระโจมไม่ยอมนอนอีก และหนีมานอนเบียดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่าคราวนี้เขาประพฤติตัวดี มือไม้ไม่เกะกะ ปากก็ไม่ขยับเขานอนนิ่ง ๆ อย่างสงบเฟิ่งจิ่วเหยียนถึงฝืนทนได้ทว่าผ่านไปไม่ถึงสองวัน ปัญหาเดิมของเขาก็กลับมาอีกแล้ววันนี้ พวกเขานอนค้างอยู่ที่สถานพักแรมต่อหน้าคนนอก พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่รักกันดี นอนร่วมห้องเดียวกันหลังจากปิดประตู เฟิ่งจิ่วเหยียนก็นำที่นอนลงมาปูบนพื้นอย่างเงียบ ๆเซียวอวี้อุ้มนางขึ้นมาทันที“เราจะนอนบนพื้น เจ้านอนบนเตียง”เฟิ่งจิ่วเหยียนปฏิเสธทันทีทันใด “ท่านเป็นฮ่องเต้ สถานะสูงส่ง สมควรนอนบนเตียง...”เซียวอวี้เอ่ยหักล้าง“หากจะยึดตามสถานะ เราเป็นฮ่องเต้ เจ้าเป็นฮองเฮา พวกเราสมควรนอนเตียงเดียวกัน” เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับพูดไม่ออก “ในเมื่อท่านบอกว่าอยากนอนบนพื้น หม่อมฉันยกให้ท่านก็แล้วกัน”เซียวอวี้มองไปทางมุมกำแพง แววตาดูมืดมนหลังจากเข้านอน เซียวอวี้ก็นอนบนพื้นอย่างว่าง่าย ตราบใดที่เขานอนตะแคง ก็จะสามารถมองเห็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 484

    ในวังมีสตรีที่ละม้ายคล้ายหรงเฟยอยู่มาก ในเวลานี้เซียวอวี้เหม่อลอยอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา ไม่เหมือนความเย็นชาที่มีต่อพระสนมคนอื่น สำหรับสตรีตรงหน้าผู้นี้ ในแววตาของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกสับสน“หรงเฟย...” สีหน้าของเขาเผยให้เห็นความหมายอันลึกซึ้งน้ำตาของสตรีผู้นั้นไหลออกมาทันที จากนั้นโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา มีเสียงร่ำไห้พร้อมกับการบอกเล่า“เป็นหม่อมฉันเอง ฝ่าบาท หม่อมฉันยังไม่ตาย หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะ!”แววตาของหนิงเฟยแฝงความไม่พอใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่คิดจะเอ่ยแม้แต่ประโยคเดียวเสียนเฟยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างเหมาะสม“ฝ่าบาทได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ ทั้งหรงเฟยก็รอดชีวิตจากความตาย นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีทั้งคู่”เซียวอวี้ผลักคนในอ้อมแขนของเขาออกไปด้วยอาการตัวเกร็ง และหันศีรษะมองไปทางฮองเฮาที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูปกติเหมือนเคย ทั้งไม่เอ่ยสิ่งใดหรงเฟยก็มองไปที่นางตามสายตาของเซียวอวี้ ราวกับเพิ่งตระหนักถึงการมีตัวตนของฮองเฮา“ฮองเฮา” เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ต้องมากพิธี” คนตายแล้วไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 485

    คนชุดคลุมดำถูกขังอยู่ในคุกเทียนเหลา มีคนเฝ้าระวังโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นตนเอง หรือกินยาพิษเพื่อปลิดชีพตนเอง ผู้คุมจึงสวมที่ครอบปากทำจากเหล็กไว้ที่ปากของเขา หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปในห้องขัง คนชุดคลุมดำผู้นั้นเงยหน้าขึ้น แววตาดูเหมือนกำลังยิ้มเยาะเนื่องจากมีที่ครอบปากนั้น เขาจึงไม่สามารถพูดได้เมื่อไม่มีหน้ากากปิดบังแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจนเขาอายุราวสี่สิบกว่า หางตาทั้งสองข้างชี้ขึ้น และหางคิ้วก็ชี้ขึ้นเฟิ่งจิ่วเหยียนเคยจินตนาการถึงหน้าตาของศัตรูอยู่นับครั้งไม่ถ้วน ทว่าในที่สุดตอนนี้ก็ได้สมปรารถนานางสั่งให้ผู้คุมเปิดที่ครอบปากออกหลังจากถอดเครื่องพันธนาการออก คนชุดคลุมดำก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย“แม่ทัพน้อย ช่วงนี้สบายดีหรือไม่?”เขาดูไม่เหมือนนักโทษ ทว่ากลับเหมือนเพื่อนเก่าของนางที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี มีการเอ่ยทักทายกับนางในห้องขังมีเพียงพวกเขาสองคน เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงถามตรงประเด็น“ต้วนไหวซวี่ตายอย่างไรกันแน่”น้ำเสียงของนางสงบนิ่ง แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นที่ข่มกลั้นไว้คนชุดคลุมดำหัวเราะเบา ๆ “ท่านไม่ใช่รู้ทุกอย่างหร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 486

    แม้ว่าหรงเฟยจะถูกรุ่ยอ๋องบีบคอ แต่นางยังคงมีท่าทีอ่อนโยน และมองเขาด้วยน้ำตาเอ่อคลอ“ถึงแม้เจ้า...จะทำกับข้าเช่นนี้ ข้าก็ยังให้อภัยเจ้า...เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ทูล...ฝ่าบาท ว่าเจ้าเป็นคนพาข้าออกจากวัง เป็นเจ้า...ที่ขังข้าไว้นานหลายปีถึงเพียงนี้“พวกเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์ ข้าเชื่อว่า...เจ้าจะไม่ทำร้ายข้าจริง ๆ”ในที่สุดรุ่ยอ๋องก็ปล่อยมือ หันหลังให้นาง พร้อมเอ่ยด้วยเสียงขรึม “มู่หรงหลัน เจ้าจะต้องเสียใจ”หรงเฟยยืนพิงกำแพงหิน มองดูอิดโรยอย่างมาก“คำพูดนี้ข้าก็มอบให้เจ้าเช่นกัน “พวกเราต่างก็ทำเพื่อปกป้องฝ่าบาทมิใช่หรือ?“ส่วนจะใช้วิธีการแบบใด นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพวกเราแต่ละคน”หลังจากพูดจบ นางเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของรุ่ยอ๋อง ยกมือขึ้นมาและดึงจี้หยกที่ห้อยเอวของเขาเบา ๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน: “จงจำไว้ว่า พวกเราสามคนจะต้องปกป้องกันและกัน และจะไม่มีวันแยกจากกันชั่วชีวิต”รุ่ยอ๋องรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ช่วงหนึ่ง และปัดมือของนางออก“มู่หรงหลัน เจ้าเกินจะเยียวยาแล้ว”หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากภูเขาจำลองอย่างแน่วแน่หรงเฟยยังคงอยู่ในถ้ำภูเขาจำลองที่มืดมิด พร้อมกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 487

    ณ ตำหนักวั่นโซ่วไทฮองไทเฮาทรงเอ็นดูหรงเฟยเป็นพิเศษโดยไม่ปิดบังนางตั้งใจให้หรงเฟยนั่งอยู่ในตำแหน่งถัดจากตน พร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“เมื่อคืนเจ้านอนหลับดีหรือไม่?”หรงเฟยพยักหน้าตอบ ลำพังแค่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็ดูสง่างามแสนเรียบง่ายพระสนมคนอื่น ๆ ทั้งอิจฉาทั้งริษยา ต่างก็ไม่มีกะจิตกะใจจะชมการแสดงงิ้วเลยไทเฮาก็ทรงรู้สึกกระวนกระวายเช่นกันก่อนที่การแสดงงิ้วจะเริ่มขึ้น ไทฮองไทเฮาทรงตรัสกับทุกคนว่า“เรื่องที่หรงเฟยกลับเข้าวัง พวกเจ้าก็คงรู้กันหมดแล้ว“สิ่งที่ข้าอยากพูดในวันนี้ ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”เมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ นางก็หันไปมองไทเฮา“ในตอนนั้นหรงเฟยป่วยหนัก ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ทั้งยังถูกฝังอย่างเร่งรีบ จนเกือบถึงแก่ชีวิตทั้งที่อายุยังน้อย “ข้าสงสัยว่านางอาจจะถูกคนลอบทำร้าย จึงสั่งคนไปสับเปลี่ยนร่างที่อยู่ในโลง“สิ่งที่โชคดีคือ สวรรค์เมตตา หรงเฟยยังไม่ตาย เพียงแต่เพราะนางอ่อนแออย่างหนัก จึงทำให้อวัยวะในร่างกายหยุดทำงานชั่วคราว”เหล่าพระสนมได้ยิน ถึงแม้จะตระหนกตกใจ ทว่าก็ยอมรับได้อย่างไรเสียเรื่องของคนผู้นี้ที่ “ฟื้นคืนชีพ” ก็ไม่ถึงกับน่าอัศจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 488

    เซียวอวี้ขมวดคิ้ว คำพูดของไทฮองไทเฮาเมื่อครู่ ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน และตกใจอย่างคาดไม่ถึงหรงเฟยแท้งบุตรเมื่อใด!?นางสนมเจียปากไวเอ่ยขึ้นทันที“ไทฮองไทเฮา หรงเฟยเคยแท้งบุตรหรือ? เหตุใดหม่อมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกันไทฮองไทเฮาทรงจับมือของหรงเฟย พร้อมกับรู้สึกเสียใจ“นั่นเป็นเรื่องหลังจากที่ฝ่าบาททรงออกไปทำศึกแล้ว “ตอนนั้นหรงเฟยก็มีอาการป่วยอยู่ เดิมทีแล้วจึงไม่ได้สนใจเรื่องนั้น และไม่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ด้วย“จนกระทั่ง...”เอ่ยมาถึงตอนนี้ นางเจตนามองไปทางไทเฮาแวบหนึ่งไทเฮาทรงจดจำเรื่องราวในอดีตได้เช่นกัน กลางฝ่ามือมีเหงื่อซึมออกมานางหลบเลี่ยงสายตาเชิงตำหนิของไทฮองไทเฮา ในใจรู้สึกกระวนกระวายเรื่องการตั้งครรภ์ของหรงเฟย นางเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ความจริง อีกทั้งยังเป็นคนทำร้ายโดยทางอ้อมอีกด้วยหากมิใช่นางขัดขวางหมอหลวงเหล่านั้นไว้ หรงเฟยในตอนนั้นคงไม่ถึงกับ “สองชีวิตในหนึ่งร่าง” เช่นนี้เรื่องนี้นางไม่เคยกล้าบอกกับผู้ใดเลย กลัวว่าหลังจากฮ่องเต้ทรงทราบ จะยิ่งเกลียดนางที่มีฐานะเป็นไทเฮาผู้นี้ทว่าท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ไม่มีทางป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 688

    ก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนจะขึ้นสนามประลอง ก็วางแผนเส้นทางหลบหนีไว้อย่างดีแล้วนางรู้ข้อจำกัดของตนเองดีอาศัยพละกำลังของนางในตอนนี้ มิอาจยืนหยัดจนถึงท้ายที่สุดได้การต่อสู้แบบหลายคนผลัดกันขึ้นสู้กับคนคนเดียวประเภทนี้ไม่ยุติธรรมดังนั้น ตั้งแต่แรกที่เริ่มประลอง นางก็มิได้ตัดสินใจว่าจะปกป้องสังเวียนจนถึงท้ายที่สุดการประลองหลายรอบก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้ผู้ชมเหล่านั้นวางเดิมพันข้างนาง และกดดันให้สนามประลองยุทธ์ปล่อยตัวติงหยวนเอ๋อร์ออกมาจนถึงตอนนี้เจียงหลินก็ยังคงเรียกสติกลับมาไม่ได้ เอาแต่วิ่งตามไปกับคนของสำนักเฉวียนเจินเหล่านั้นซูฮ่วนนี่เหลือเกินจริง ๆ!ก่อนจะทำสิ่งใด จะบอกให้เขารู้บ้างไม่ได้เชียวหรือ!ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนมิอาจอธิบายให้ผู้ใดฟังได้นางลักพาตัวติงหยวนเอ๋อร์ไปคนเดียว คนของสนามประลองยุทธ์ก็จะไล่ตามนางเท่านั้นทว่าทันทีที่นางมีพรรคพวก พรรคพวกยิ่งมาก ความเป็นไปได้ที่จะหนีรอดไปพร้อมกันก็จะยิ่งน้อยลงสำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งเซียนเอ๋อร์เข้าใจเป็นอย่างดีดังนั้น นางจึงชักกระบี่ไล่ตามไป“ไอ้คนไร้ยางอาย! คืนศิษย์สำนักเฉวียนเจินของข้ามา!”เจียงหลินถึงกระจ่างขึ้นมาใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 687

    การตายของอู๋เซียง ไม่มีผู้ใดเสียดายการลาลับของเขา มีแต่ดื่มด่ำอยู่ในห้วงความรื่นเริงของรอบใหม่คนที่เดิมทีกำลังลังเลไม่ตัดสินใจเหล่านั้น ก็ทยอยนำทรัพย์สินมาวางเดิมพันที่ตัวเฟิ่งจิ่งเหยียนในเวลานี้ เจียงหลินเต็มไปด้วยความสับสนเขาได้ยินว่าซูฮ่วนชนะแล้ว ถึงกล้าลืมตาจากนั้นเขาถามด้วยความงงงวย“ทำได้อย่างไร...ซูฮ่วน เมื่อครู่เขามิได้ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าหรอกหรือ?”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกลงึมงำ“เส้นไหมสังหาร ซูฮ่วนซ่อนเส้นไหมสังหารของคู่ต่อสู้ไว้”ในเวลานี้ ฟางหมิ่นที่ฟื้นแล้วก็เอ่ยขึ้น“ไม่เพียงเท่านั้น ซูฮ่วนยังเรียนรู้กระบวนท่าหมัดกำไลเหล็กด้วย!”ถูกต้อง!นี่ถึงจะเป็นกุญแจสำคัญเส้นไหมสังหารนั้น มีเพียงหมัดกำไลเหล็กถึงจะสามารถแสดงศักยภาพของมันได้อีกทั้งยังเป็นเส้นไหมสังหารที่ถูกย้อมเป็นสีแดง และถูกเปิดเผยแล้วท่าไม้ตายชุดสุดท้ายของซูฮ่วน มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!และนางคว้าโอกาสนั้นไว้ได้เหลิ่งเซียนเอ๋อร์รู้สึกละอายใจตัวเองหากเปลี่ยนเป็นนาง คงไม่มีทางสังเกตกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ในระหว่างการประลองได้ รวมถึงยังลอกเลียนท่าทางอีกด้วยกลยุทธ์นี้ก็คือ หินจา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 686

    อู๋เซียงทำลายความศรัทธาของเฟิ่งจิ่วเหยียนทีละขั้น เสียงพูดยังคงต่อเนื่อง“ซูฮ่วน เจ้าคิดจะกำจัดคนชั่วในใต้หล้าไปให้หมด ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ“เจ้าคิดว่า สนามประลองยุทธ์ใต้ดินที่มีอยู่แห่งนี้ ราชสำนักมิรู้เลยอย่างนั้นหรือ?“ขุนนางท้องถิ่นคนใดจะไม่แอบอนุญาต? เพราะอะไร? พวกเขาต้องการเงินทอง ต้องการความสำเร็จในหน้าที่“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าทำเพื่ออะไร?“เจ้าเอาพวกเราเป็นใบไม้เขียวที่ตัดให้เจ้าได้โดดเด่นขึ้นมา“หากเอาชนะพวกเรา ก็จะมีผู้คนมากมายยกย่องเจ้าเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่“แต่ข้าจะถามเจ้าว่า สิ่งที่เรียกว่าเที่ยงธรรมคืออะไร? ผู้ใดเป็นคนชั่วกัน? ข้าเป็นคนชั่ว แล้วราชสำนักที่บ่มเพาะความชั่วช้านั้นก็มิใช่อย่างนั้นหรือ?“จริงอยู่ เจ้าฆ่าข้าได้ แต่เจ้าฆ่าความคิดชั่วร้ายในจิตใจคนได้หมดหรือ?“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ตราบใดที่ความคิดชั่วร้ายยังอยู่ ความชั่วร้ายก็จะอยู่ตลอดไป“เจ้าเป็นเพียงคนธรรมดา มีสิทธิอะไรจะต่อสู้กับธรรมชาติของมนุษย์ได้ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชั่ว ทว่าข้าก็เคยทำความดี เช่นว่า ข้าเคยช่วยกระต่ายตัวหนึ่งที่บาดเจ็บจากลูกธนู“คนที่เจ้าเข้าใจว่าเป็นคนดีเหล่านั้น ใครบ้างมิเคยทำควา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 685

    อู๋เซียงเดินเข้าไปในกรงเหล็ก ราวกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้านของตนเอง มิได้มองว่านี่เป็นการประลองหลังจากประตูกรงเหล็กปิดลง อู๋เซียงก็ยังไม่รีบร้อนโจมตี แต่มองไปรอบ ๆ และย้อนถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“ซูฮ่วน เจ้าดูสิ พวกเขาเชื่อหรือว่าเจ้าจะชนะ?”สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง และมิได้ตอบเขาจากนั้น กรงเหล็กก็ค่อย ๆ ถูกยกขึ้น และลอยห่างจากพื้นขณะที่กรงหยุดอยู่กลางอากาศ อู๋เซียงก็ยังคงไม่โจมตีเขาเอามือสองข้างไพล่หลัง เหมือนผู้มีปัญญาและผู้อาวุโส กำลังเอ่ยตักเตือนด้วยความหวังดี“ซูฮ่วน เจ้ายังคงเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน“การประลองครั้งนี้มิควรเป็นเช่นนี้“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? สิ่งที่เจ้าต้องการ มิใช่การจูบ แต่คิดจะใช้โอกาสนี้ช่วยเหลือติงหยวนเอ๋อร์”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชาพวกเขาพูดคุยกันอยู่ในกรงเหล็ก ผู้คนบนอัฒจันทร์ไม่ได้ยินอู๋เซียงถึงขั้นปลอบใจนาง: “มิต้องกังวล ข้าจะไม่บอกพวกเขา มิเช่นนั้น การประลองครั้งนี้ก็จะไม่สนุก อีกครึ่งชั่วยาม หากเจ้าไม่โค่นล้มข้า ก็จะเป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า...จนตาย”หลังจากพูดจบ เขาก็เอียงศีรษะพร้อมกับยิ้มจากนั้นก็รวบรวมพลังในฝ่ามือ และโจมตี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 684

    เจียงหลินจ้องมองอู๋เซียงตาเขม็ง--- บุรุษผู้นั้นที่มองดูแสนธรรมดา หากอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็จะหาไม่พบทันที“ในเวลานั้น ครั้งแรกที่ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลิน ในยุทธภพปรากฏหัวโจกโฉดชั่วอยู่สามคน อู๋เซียงก็คือลูกพี่ใหญ่ในกลุ่มของพวกเขา“พวกเขาเป็นศิษย์นอกของเส้าหลิน ทำความชั่วสารพัด ทั้งวางเพลิง ฆ่าคน ข่มขืน และปล้นสะดม เพื่อกำจัดทั้งสามคนนี้ กลุ่มพันธมิตรอู่หลินจึงตัดสินใจจะต่อสู้กันที่ภูเขาฉงหัว “ในการต่อสู้ครั้งนั้น ชาวพันธมิตรอู่หลินได้ร่วมมือกัน และสังหารคนโฉดชั่วได้สองคน ทว่าวิทยายุทธ์ของอู๋เซียงนั้นแข็งแกร่ง จึงหลบหนีไปได้“การต่อสู้ครั้งนั้นซูฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งไม่กี่วันต่อมา อู๋เซียงก็ลักพาตัวภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของตงฟางซื่อไป...”แม้ผ่านมาหลายปี เมื่อเจียงหลินนึกถึงความทรงจำในช่วงนั้นอีก ก็ยังรู้สึกขนลุกเขาต่างจากคนเหลาะแหละในเวลาปกติ หลังจากกลั้นหายใจไม่กี่อึดใจ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“เขาแยกร่างฮูหยินตงฟางออกเป็นหลายส่วน ในแต่ละวันจะส่งมาให้หนึ่งชิ้น จนทำให้ตงฟางซื่อแทบจะคลุ้มคลั่ง“ภายหลัง ซูฮ่วนหาอู๋เซียงจนพบ ไม่มีผู้ใดรู้รายละเอียดการต่อสู้ระหว่างซูฮ่วนก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 683

    คนกลุ่มหนึ่งตะโกนเสียงดัง“ให้เขาดู! ให้เขาดู!”“บ้าเอ๊ย พวกเราตั้งหลายคนเดิมพันให้เขาชนะ หากเขายอมแพ้ พวกเราก็ต้องเสียเงินย่อยยับ!”“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา ข้าก็อยากดูเช่นกัน หญิงสาวผู้นั้นมีชีวิตอยู่หรือตายกันแน่!”คำพูดของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้ผู้คนเริ่มกระวนกระวายผู้ประกาศจึงรีบเกลี้ยกล่อมพวกเขา“ทุกท่าน ทุกท่าน! อดทนหน่อยอย่าเพิ่งใจร้อน!“ข้าขอรับรองกับพวกท่าน คนจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน...”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูนิ่งเฉยและแน่วแน่“หากไม่เห็นติงหยวนเอ๋อร์ ข้าก็ล้มเลิกการประลอง”หลังจากนางประลองจบแล้วสองรอบ คนที่เดิมพันว่านางชนะก็ยิ่งมีมากขึ้น หากตอนนี้นางถอนตัวออกจากการประลอง จะทำให้ผลประโยชน์ของพวกเขาเสียหายพวกเขาจึงตะโกนพร้อมกัน“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา!”“ใช่ มิเช่นนั้นพวกเราจะขอเงินคืน!!!”เสียงตะโกนของผู้คนเกือบพันคนในสนาม ทำให้สีหน้าท่าทางของผู้ประกาศดูลนลานเขาออกจากสนามอย่างเงียบ ๆ และเข้าไปทางประตูลับ เพื่อไปขอคำชี้แนะผ่านไปไม่นาน เขาก็ออกมา“ได้ นายท่านของเราบอกว่า ให้พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมาก่อนได้ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นว่า นางมีชีวิตอยู่หรือตาย! ทว่าทุกท่านต้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 682

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เอาแต่หลบเพื่อป้องกันตัวอีกต่อไป และเปลี่ยนมาเป็นโจมตีแบบประชิดทันใดนั้นก็เห็นนางทำเหมือนกับ “ค้างคาวเลือด” ที่ชื่อเกาหยวนก่อนหน้านี้ ปีนขึ้นไปบนกรงเหล็กและพลิกกลับลงมาหมัดของคู่ต่อสู้โจมตีมา ทว่ากลับถูกนางคว้าข้อมือเอาไว้ได้ โดยใช้น้ำหนักของทั้งร่างกายกดลงไปเต็มแรง และทำลายวิชาหมัดมวยของคู่ต่อสู้ ในเวลาเดียวกัน ยังทำให้กระดูกข้อมือของเขาหลุดออก จากนั้นแค่บิดเบา ๆ ก็พลิกเส้นไหมสังหารกลับไปคล้องที่คอของเขา พร้อมกับออกแรงรัดเอาไว้...ในชั่วพริบตา สายตาของผู้ชมที่อยู่ข้างสนามต่างจับจ้องตาไม่กะพริบ รอว่าศีรษะคนจะหล่นลงพื้นไม่ว่าจะเป็นศีรษะของผู้ใดก็ได้ทั้งนั้น!ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองผู้คนที่อยู่ข้างสนามแวบหนึ่ง นางแค่รัดคอคู่ต่อสู้ให้หมดสติชั่วคราวเท่านั้นข้างสนามมีเสียงแสดงความไม่พอใจดังขึ้นมา“ฆ่ามันเลย! ฆ่ามันเลย!”“บ้าเอ๊ย! ข้าพนันว่าเจ้าชนะ มิใช่ให้เจ้ามาทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจคนพวกนั้น และมองไปทางผู้ประกาศบนสนามประลองยุทธ์อย่างเฉยชา“คนต่อไป”ผู้ประกาศมองดูนาง และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งเขาประกาศว่า: “ผู้รั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 681

    หลังจากที่เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ถูกคนรับตัวไว้ นางก็รีบหันกลับมาในทันทีภายใต้สถานการณ์ที่มิรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร นางจึงเตรียมการป้องกันอย่างระแวดระวัง โดยจะใช้มือแทนมีดทว่า วินาทีที่หันกลับมา และเห็นผู้ที่มา มือของนางก็คลายลงทันที...ซูฮ่วน! เป็นเขาได้อย่างไร!เฟิ่งจิ่วเหยียนประคองหลังของนาง และช่วยให้นางลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงขอบตาของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำนางนึกไม่ถึงว่า ซูฮ่วนจะทะยานลงมาจากฟ้าอย่าว่าแต่นางเลย เซียวอวี้กับเจียงหลินก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่า เดิมทีคนที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา จะหายไปในชั่วพริบตา!เซียวอวี้รีบกระโดดตามลงมา และเดินมาอยู่ด้านข้างของเฟิ่งจิ่วเหยียนธูปบนเวทีเพิ่งจะถูกเผาไหม้ไปเพียงครึ่งเดียวทว่าบรรดาคนที่ท้าประลองเหล่านั้นราวกับมวลน้ำมหาศาล ราวกับตั๊กแตนก็มิปานพวกเขามิอาจถอยหนีได้คนของสำนักเฉวียนเจินเหล่านี้ก็มิอาจขวางทางพวกเขาได้ และคนส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บแล้วจักต้องยับยั้งทั้งหมดนี้!เฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ และทะยานขึ้นไปบนเวทีโดยมิสนใจการขัดขวางของเซียวอวี้ดวงตาคู่งามของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์เบิกกว้าง มิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 680

    เฟิ่งจิ่วดหยียนถลึงตาใส่เจียงหลินอย่างเย็นชา “พูดเหลวไหลอะไร?”เจียงหลินกลัวว่านางจะลงไม้ลงมือ จึงเดินอ้อมไปอยู่ข้าง ๆ เซียวอวี้ล่วงหน้า“มีอะไรให้ปฏิเสธ? เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชายหนึ่งหญิงสองอย่างเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กับหร่วนฝูอวี้ มีใครไม่รู้บ้าง?“หากไม่ใช่เพราะหร่วนฝูอวี้เอาเรื่องที่อยู่ของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ไปบอกเจ้าสำนักเฉวียนเจิน จนนางถูกเจ้าสำนักจับตัวกลับไป เจ้าก็คงได้สุขสำราญพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว!“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นางอายุน้อยขนาดนี้ ก็ได้เป็นรองเจ้าสำนักแล้ว!”เซียวอวี้หน้าอึมครึม มือกำหมัดแน่นชายหนึ่งหญิงสองงั้นหรือแม่ทัพน้อยของเขา ช่างเนื้อหอมจริง ๆหากนางเป็นบุรุษจริง คงเป็นของคนอื่นไปนานแล้วไม่สิ…หากนางเป็นผู้ชาย เขาก็คงไม่ใส่ใจแล้ว!เกือบจะเคลิ้มไปด้วย เซียวอวี้จึงตั้งสติเฟิ่งจิ่วเหยียนกระแอมไอแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“เจียงหลิน ชื่อเสียงของคนอื่นเสียหายเพราะเจ้าหมดแล้ว ถ้าเจ้ายังปากมากอีก ข้าจะฉีกมันทิ้งซะ”เจียงหลินรีบหุบปากทันทีแต่ในใจก็ยังไม่ยอมเขาไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อยตอนนั้นเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ คิดจะหนีออกมาจากสำนักเฉวียนเจินเพราะซูฮ่วนด้วยซ้ำ นางใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status