มือของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเซียวอวี้กุมไว้แน่นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและความรักใคร่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“ฮองเฮา เราสนใจ”“เราเต็มใจจะมีลูกกับเจ้าเท่านั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก และลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง“คำพูดนี้ของท่าน สำหรับหม่อมฉันถือเป็นการล่วงละเมิด”เซียวอวี้ลุกขึ้นตาม สายตาทอดมองไปยังนาง “เจ้าไม่ใช่คนที่จงรักภักดีหรอกหรือ?“หากรัชทายาทในอนาคต หรือฮ่องเต้หนานฉีในอนาคตถือกำเนิดจากเจ้า และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากเจ้า เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ปราดเปรื่องอย่างแน่นอน”เขาพยายามโน้มน้าวหากเป็นคนธรรมดาก็อาจหลงคารมหวานซึ้งนี้ได้ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนมีสติมากพอนางรู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไรนางมีเวลาอีกครึ่งปีก็จะออกจากวังหลวงแห่งนี้ จึงไม่อยากมีพันธะอันใดกับเขาการให้กำเนิดบุตรของเขาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!เมื่อเห็นว่านางกำลังจะไป เซียวอวี้ก็กุมมือนางไว้“เจ้าไม่ต้องกลัว เราก็แค่...สมมติ”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา “ท่านอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องบังคับตนเองถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าท่านอาจได้พบกับสตรีที่ชอบพอกันทั้งสองฝ่าย ใน
เซียวอวี้จับแขนของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้แน่น ทำราวกับว่ากลัวนางจะวิ่งหนีเขาจริงจังและต้องการคำตอบจากนางเฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงแกะนิ้วมือของเขาออก เพื่อให้แขนของตนหลุดออกมานางถอยหลังหนึ่งก้าว สีหน้าดูมั่นคงแน่วแน่“ฝ่าบาท อย่าเอ่ยคำพูดที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้เลย“หรงเฟยถึงจะเป็นนางในดวงใจของท่าน ท่านมีความรักมั่นคงต่อนางจนไม่อาจลืมเลือนมานานหลายปี และยังคงรักษาความบริสุทธิ์เพื่อนาง“ส่วนความรู้สึกที่ท่านมีต่อหม่อมฉัน เป็นเพียงความปรารถนาที่จะเอาชนะชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนแม่ทัพที่สู้รบในสงคราม ยิ่งโจมตีไม่สำเร็จ ก็ยิ่งมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะสู้รบ“ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว แม้จะสมปรารถนาแล้ว ก็จะไม่เป็นผลดีในระยะยาว พูดตามตรง ความรักอันมั่นคงยาวนานที่ท่านมีต่อหรงเฟย หม่อมฉันรู้สึกยกย่อง จงอย่าปล่อยให้สิ่งที่ท่านรักษามาตลอดหลายปี ต้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพราะหม่อมฉัน “หากเขายังคิดจะเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีก นางก็คงอยู่ร่วมห้องกับเขาไม่ได้ดังนั้น นางจึงหันกลับมาหยิบตำราบนโต๊ะ เพราะต้องการจะไปที่อื่นทว่า ขณะที่นางกำลังจะก้าวข้ามประตูออกไป กลับได้ยินฮ่องเต้ทรงเอ่ยว่า“เ
“ฝ่าบาท!” เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องการแก้ไขความคิดที่ผิดของเซียวอวี้ ทว่าเขากลับออกไปแล้วนางยืนอยู่ที่เดิม ทั้งตัวรู้สึกเย็นวาบเหตุผลที่นาง “กลัว” หร่วนฝูอวี้ ก็เพราะความสามารถในการรบเร้าของหร่วนฝูอวี้ผู้นั้น ไม่ว่านางจะปฏิเสธด้วยสีหน้าเมินเฉยอย่างไรก็ไล่เขาไม่ไปตอนนี้เซียวอวี้ก็กลายเป็นเช่นนั้นไปแล้วทว่านางมั่นใจว่า จักรพรรดิที่มีชีวิตสุขสบาย คงจะทำอะไรไม่สำเร็จเป็นแน่กลัวว่าแม้แต่เครื่องครัวเหล่านั้นก็อาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนหันมาสนใจกับเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผาต่อ นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญอาศัยงานเทศกาลยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เพื่อคลี่คลายผลกระทบทางลบ ที่เกิดจากการตายของเมิ่งเฉียวม่อหนึ่งชั่วยามต่อมาเซียวอวี้กลับมาแล้วด้านหลังเขามีองครักษ์หลายคนติดตามมา ในมือของแต่ละคนถือจานอาหารมาคนละหนึ่งใบ พร้อมกับวางเรียงลงบนโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงกับข้าวห้าอย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่าง มีเนื้อมีผัก หน้าตาดูดีและมีกลิ่นหอมเฟิ่งจิ่วเหยียนประหลาดใจ และมองไปทางเซียวอวี้อาหารเหล่านี้คงไม่ใช่เขาทำทั้งหมดหรอกกระมัง?บนตัวของเซียวอวี้ยังมีกลิ่นควันไฟติดอยู่ เขาสั่งให้เหล่าองครักษ์ถอยออก
“ด้านนอกประตูวังมีชาวบ้านจำนวนมาก รวมถึงทหารรวมตัวกันอยู่ พวกเขาตีกลองร้องทุกข์ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแม่ทัพน้อยเมิ่ง ทั้งยังขอร้องให้ฝ่าบาททรงถอดถอนฮองเฮา” เฉินจี๋บรรยายสถานการณ์ด้านนอกพระราชวัง ดูท่าทางสงบนิ่ง แววตาของเซียวอวี้เคร่งขรึมดุดัน และเยือกเย็นราวกับหิมะในฤดูเหมันต์อันเหน็บหนาว“คนที่แอบก่อความวุ่นวายเหล่านั้น มิใช่ถูกคุมตัวไปสอบสวนหมดแล้วหรือ” เฉินจี๋ตอบว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทว่าช่วงสองวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะยังมีคนอื่น...”เซียวอวี้ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เปิดทางย่อมดีกว่าปิดกั้น เปิดทางก็ยังจำเป็นต้องสืบหาต้นตอ คนเหล่านั้นที่อยู่นอกวังก็แค่คนโง่เขลาที่ถูกหลอกใช้ประโยชน์ ปล่อยให้พวกเขาก่อความวุ่นวายไป ยิ่งก่อความวุ่นวายรุนแรงเท่าใด ก็ยิ่งมีช่องโหว่มากขึ้นเท่านั้น”“ท่านตรัสถูกต้อง กระหม่อมจะไปเตรียมการทันที!” เซียวอวี้ยืนเอามือไพล่หลังตรงชายคาระเบียง สายตามองไปทางระยะไกลภายในราชสำนักของหนานฉี มีมือมืดที่เขาไม่รู้ซ่อนตัวอยู่มากมายเริ่มจากใส่ร้ายเมิ่งสิงโจวว่ายึดกองกำลังทหาร ไปจนถึงการขโมยแผนที่ป้องกัน คนเหล่านั้นที่แสดงตัวออกมาก็เป็นแค่พวก
ณ พระราชวังเฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับข่าวจากอู๋ไป๋ว่า ร้านขายผ้าไหมทางเมืองหลวงนี้สืบค้นจนหมดแล้ว ทั้งยังมีสมุดรายชื่อคนที่ซื้อผ้าไหมลายดอกในช่วงหกปีที่ผ่านมาด้วยสมุดรายชื่อนี้ผ่านการคัดกรองแล้วคนที่ยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่คนวางยาพิษ จะมีการทำเครื่องหมายไว้หมดแล้วพวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนในเมืองหลวงที่เกิดและโตที่นี่ พร้อมกับมีประวัติที่ดีส่วนที่เหลือ ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าเร่ที่เดินทางผ่านไปมาไม่มีที่อยู่แน่ชัด จึงจำเป็นต้องสืบสวนเพิ่มเติมเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ในวังไม่อาจทำสิ่งใดได้มากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าวันพรุ่งนี้จะออกไปนอกวังสักครั้งในขณะนั้นเอง ซุนหมัวมัวก็หอบดอกไม้เป็นกองเดินเข้ามา“ฮองเฮา ดอกไม้เหล่านี้จำเป็นต้องใช้ในเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผา ท่านลองดูสิเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าดูแล้วก็จัดการได้เลย”ซุนหมัวมัวรู้สึกแปลกใจที่ได้รับความโปรดปราน “เพคะ บ่าวจะทุ่มเทเต็มที่ จะช่วยฮองเฮาจัดเตรียมงานเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผาครั้งนี้ให้ออกมาดี!”ไม่นานนัก พระสนมเจียและนางสนมคนอื่น ๆ ก็มาถึง“ฮองเฮา หลายวันมานี้นอกวังมีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับท่านมากมาย ทางราชสำนักถึ
เฟิ่งหมิงเซวียนคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง”“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้ดูซีดเผือดคนโง่เขลาผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะให้ของที่ขัดตาเช่นนี้กับเขา!หลิวซื่อเหลียงที่รับใช้อยู่ด้านข้างฮ่องเต้เกิดความสงสัยอย่างมาก นั่นคือสิ่งใดกันแน่ ถึงทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วเช่นนี้?เฟิ่งหมิงเซวียนเหงื่อตกจบเห่!ดูเหมือนเขาจะทำเรื่องเสียหายอีกแล้วทว่าหากเป็นบุรุษทั่วไปก็ไม่น่าจะปฏิเสธสมุดเล่มนี้เฟิ่งหมิงเซวียนถูกอี๋เหนียงหลินเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ตั้งแต่เล็กจึงรู้จักวิธีใช้เล่ห์เหลี่ยมและประจบประแจงเพื่อหลบเลี่ยงการถูกลงโทษเขายังสังเกตเห็นว่า ฮ่องเต้ทรงดูเหมือนชอบใจที่ได้ยินเขาเรียกว่าพี่เขยดังนั้นเขาจึงโขกหัวไปด้วย และเอ่ยด้วยท่าทางน่าเวทนาไปด้วย“เสด็จพี่เขย ท่านอย่าทรงโมโหเลย กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่กล้าทำอีกแล้ว...”เซียวอวี้ได้ยินคำว่าพี่เขยบ่อย ๆ ความโมโหก็เริ่มคลายลงยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ใช่ว่าเป็นความผิดหนักหนาอะไรที่จะให้อภัยมิได้เพียงแต่ให้สิ่งที่เขาไม่สมควรให้เท่านั้น“เราควรควบคุมความประพฤติเจ้าแทนฮองเฮา ทว่า เห็นแก่เจ้าที่ทำผิดครั้งแรก เราก็จะยึดของสิ่งนี้ไว้!
สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักงัน สันหลังเหยียดตรง และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆมือข้างหนึ่งของนางถูกเซียวอวี้กุมเอาไว้เมื่อรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด นางจึงรีบแกะมือของเขาออกทันทีเซียวอวี้พลันเปลี่ยนเป็นจับคางของนาง ทำท่าเหมือนต้องการจะจูบนางนางรีบถอยหลบทันที ทว่ากลับเห็นเขาหยุดนิ่ง และส่งยิ้มมาให้นางในรอยยิ้มนั้นแฝงทั้งการหยอกล้อและการเย้าแหย่“เราคิดว่าเจ้าไร้ยางอายถึงขั้นว่าไม่หวาดกลัวสิ่งใดเลย ทำไม ก็เข้าใจเป็นอย่างดีมิใช่หรือ? แม่ทัพน้อย...ไม่ใช่ประสบการณ์โชกโชนหรอกรึ”นิ้วเรียวยาวของเขาเกี่ยวคางของนางให้ยกขึ้นเบา ๆ เผยให้เห็นส่วนโค้งของลำคอ เขาจูบลงไปเบา ๆ บนคอของนางโดยไม่ทันตั้งตัวแผ่นหลังของเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกชาขึ้นมาทันที“ปล่อย...”เซียวอวี้คว้าเอวของนางไว้ ทันใดนั้นพลันก้มศีรษะลงไปที่ซอกคอของนาง“มันทรมานมาก ขอเราพักหน่อยเถอะ” ดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้าอย่างเต็มที่ผู้นี้ พบเจอสถานที่ที่ได้พักผ่อนอย่างสงบ ทั้งตัวรู้สึกผ่อนคลายทั้งดูเหมือนสัตว์ป่าที่ก่อนหน้ายังดุร้าย ตอนนี้กลับเชื่องลง และขดตัวหมอบอยู่ข้าง ๆ ขาเจ้านาย ดูสงบนิ่งกระทั่งว่านอนสอนง่าย ผ่านไปไม่นา
ณ ตำหนักซินฮุ่ยจิ้งเฟยสีหน้าดูคร่ำเคร่ง ไม่อ่อนโยนและสุขุมเหมือนที่ผ่านมานางขยี้ดอกไม้ตูมในมือจนป่นปี้“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่”ชิวหงก้มหน้าก้มตา รับรู้ถึงความโกรธของพระสนม พร้อมเอ่ยอย่างระวังตัว“แม้ชาวบ้านจะตีกลองร้องทุกข์ เพื่อให้ถอดถอนฮองเฮา ทว่าฝ่าบาท...”นางแอบเงยหน้าขึ้น เหลือบมองดูสีหน้าของจิ้งเฟย “ฝ่าบาททรงคัดค้านความเห็นของฝูงชน ไม่ทำตามใจราษฎร”จู่ ๆ จิ้งเฟยก็ยิ้มขึ้นมาทันทีรอยยิ้มของนางดูอ่อนโยนเป็นที่สุด“ฝ่าบาททรงต้องการจะปกป้องฮองเฮาจริง ๆ”“พระนาง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”จิ้งเฟยมองออกไปด้านนอก พระอาทิตย์ตกแล้ว ราตรีกำลังมาเยือน“ฝ่าบาททรงคิดจะปกป้องฮองเฮา ก็ต้องดูว่าชาวบ้านกับเหล่าทหารจำนวนมหาศาลจะเห็นด้วยหรือไม่”นางรอได้ การตายของแม่ทัพน้อยเมิ่ง ยังไม่กระจายเป็นวงกว้างอย่างเต็มที่อย่างน้อย ชายแดนเหนือและค่ายทหารเป่ยต้าทางนั้นก็ยังไม่ได้รับรู้ข่าวนั่นคือทหารทั้งหมดของเมิ่งเฉียวม่อทันทีที่พวกเขาก่อความวุ่นวาย ชายแดนเหนือจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมฮ่องเต้ทรงไม่มีทางนิ่งเฉยโดยไม่แยแส......ณ ตำหนักหย่งเหอประมาณยามจื่อ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้กล
หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้
ขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋กำลังถือพู่หยกอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็บีบคอของนาง จนโซ่ที่ล่ามไว้ส่งเสียง“อึก!” นางพลันเบิกตากว้างไหนเสด็จพี่สี่บอกว่า ฮ่องเต้ฉีสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?เดิมทีเซียวอวี้คิดจะให้ความร่วมมือนาง เพื่อให้นางช่วยตัวเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทว่า เขาประเมินความอดทนของตัวเองไว้สูงเกินไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!นางกล้าเอาพู่หยกนั้นไป!หลังจากเซียวอวี้บีบคอนาง นางก็พยายามชูพู่หยกไปด้านหลัง ไม่ยอมคืนให้เขาแต่ด้วยแรงมือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางใกล้หมดลม แขนจึงหลุบลงเช่นนี้ เซียวอวี้จึงแย่งพู่หยกกลับมาได้ จากนั้นก็สะบัดนางออก ราวกับเพิ่งจับสิ่งของสกปรกมา ทั้งยังพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ไสหัวไป!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยถูกดูแคลนขนาดนี้นางไม่ยอม จึงจ้องเซียวอวี้ตาเขม็ง“ท่านจะต้องเสียใจ! นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้!”เซียวอวี้ไม่สนใจนางอีกหากเพื่อหนีออกไป แล้วต้องร่วมเออออห่อหมกไปกับผู้หญิงคนนี้ เขากลัวสกปรกองค์หญิงเซี่ยนอี๋ถูกทำลายศักดิ์ศรี ลุกขึ้น แล้วยิ้มเยาะ“ท่านลำพองใจอะไรนัก? เป็
องค์ชายสี่อ่านความคิดขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ออก จึงมีสีหน้าเคร่งขรึม“คนที่ขังอยู่ในนั้นคือใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้เสด็จพ่อจะตามใจเจ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางมอบเขาให้เจ้าแน่ เซี่ยนอี๋ เจ้าเลิกคิดเถิด”“หากท่านไม่บอก พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋กอดอก พูดข่มขู่องค์ชายสี่กลัวเหลือเกินว่านางจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายยัยเด็กนี่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมหยุดครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสี่ก็ตัดสินใจบอกนาง“นั่นคือฮ่องเต้ฉี คนที่เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวมา”ให้นางรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น นางจะได้หวาดกลัวองค์หญิงเซี่ยนอี๋เบิกตาอ้าปากค้างในทันที จากนั้นใบหน้าก็ก่อเกิดริ้วแดง“เขาคือ…”นางไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของฮ่องเต้หนุ่มจากหนานฉี นางเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วครั้งนี้ได้มาเจอ ช่างหล่อเหลาโดดเด่นอย่างที่ร่ำลือกันไม่มีผิดดูดีกว่าบรรดาราชบุตรเขยที่เสด็จพ่อให้นางเลือกเสียอีกและยังเป็นคนน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…องค์หญิงเซี่ยนอี๋จับชายเสื้อขององค์ชายสี่อย่างตื่นเต้น “เสด็จพี่ เสด็จพี่คนดีของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเรื่องสำคัญของท่านกับเสด็จพ่อเ
วังหลังเหล่าสนมต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักส่วนหน้ามาบ้าง“ฮองเฮาจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นขึ้นครองราชย์จริงหรือ? ช่างเละเทะเสียจริง!”“เห็นได้ชัดว่าหวังเพื่อควบคุมโอรสสวรรค์!”“นี่ก็เป็นส่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่หรือ ในเมื่อเหล่าขุนนางต่างพากันกดดันอย่างหนัก และยังมีทายาทในราชวงศ์ที่ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย…”“ใช่สิ หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนี้ พวกเราก็จะเดือดร้อนด้วย หากมีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งแรกที่จะทำต้องเป็นการจัดวังหลังใหม่เป็นแน่”พวกนางกังวลเกี่ยวกับผลสรุปของราชสำนักส่วนหน้าหลังจากรอคอยอยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีขันทีมารายงาน——องค์ชายน้อยได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกรสำเร็จแล้ว แต่ยังมีคนยึดติดเรื่องฝาแฝดไม่ยอมปล่อยวาง บังคับให้ฮองเฮาต้องสังหารองค์ชายอีกองค์ทิ้งเมื่อเหล่านางสนมได้ยิน ก็เริ่มเป็นห่วงฮองเฮาขึ้นมาในฐานะเป็นแม่ จะทำใจทิ้งลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?ขุนนางใหญ่เหล่านั้นทำมากเกินไปแล้ว!ทว่า ฝาแฝดก็เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะรับมืออย่างไรไม่นาน ก็มีขันทีมารายงานอีก“พระนางทุกท่าน เหล่าขุนนางได้สลายตัวแล้ว!”นางสนมทั้งหลายแปลกใจอย่างมากทำไมสลายต
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร