วันต่อมา ไทฮองไทเฮาทรงเรียกฮ่องเต้มาตักเตือนต่อหน้า“ข้าก็ใช่ว่าไม่พอใจที่เจ้ากับฮองเฮาจะมีความรักต่อกัน เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานะด้วยเช่นกัน“ฮองเฮาควรสุขุมเรียบร้อย และควบคุมดูแลวังหลังให้ดี“ทว่านางกลับละเลยถึงเพียงนี้ เป็นสตรีจะฝึกยิงธนูอะไรกัน? ทั้งยังชักนำให้ฝ่าบาทอย่างเจ้าละเลยงานราชกิจอีกด้วย“สองวันก่อนเจ้าก็ไม่ได้เข้าว่าราชกิจด้วยซ้ำ...ดูเถอะว่าฮองเฮาทำให้เจ้าหลงใหลจนกลายเป็นสภาพใด!“ฝ่าบาท เจ้าก็มิใช่คนที่หลงใหลในรูปโฉม หลายวันนี้เป็นเช่นไรหรือ? เหตุใดจึงเลอะเลือนถึงเพียงนี้!”ไทฮองไทเฮาทรงเอ่ยตั้งมากมาย ทว่ากลับเห็นฮ่องเต้ราวกับวิญญาณล่องลอย ตัวคนอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ใจลอยไปที่ใด“ฝ่าบาท!” ไทฮองไทเฮาทรงตะคอกด้วยความโมโหแววตาของเซียวอวี้ดูเย็นชา “เสด็จย่ามีเรื่องอันใด?”แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่ไทฮองไทเฮาทรงหายใจแทบติดขัด“ข้ากำลังตักเตือนเจ้าเรื่องขอบเขตที่เหมาะสมของการเป็นกษัตริย์“ทั้งเจ้าก็ยังเป็นสามี จึงควรจะควบคุมภรรยาของตนให้ดี อย่าปล่อยให้ฮองเฮามีอิทธิพลต่อเจ้า”เซียวอวี้ยังเย้ยหยันตนเองเขาหรือจะควบคุมฮองเฮาได้?เมื่
มือของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเซียวอวี้กุมไว้แน่นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและความรักใคร่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“ฮองเฮา เราสนใจ”“เราเต็มใจจะมีลูกกับเจ้าเท่านั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก และลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง“คำพูดนี้ของท่าน สำหรับหม่อมฉันถือเป็นการล่วงละเมิด”เซียวอวี้ลุกขึ้นตาม สายตาทอดมองไปยังนาง “เจ้าไม่ใช่คนที่จงรักภักดีหรอกหรือ?“หากรัชทายาทในอนาคต หรือฮ่องเต้หนานฉีในอนาคตถือกำเนิดจากเจ้า และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากเจ้า เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ปราดเปรื่องอย่างแน่นอน”เขาพยายามโน้มน้าวหากเป็นคนธรรมดาก็อาจหลงคารมหวานซึ้งนี้ได้ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนมีสติมากพอนางรู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไรนางมีเวลาอีกครึ่งปีก็จะออกจากวังหลวงแห่งนี้ จึงไม่อยากมีพันธะอันใดกับเขาการให้กำเนิดบุตรของเขาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!เมื่อเห็นว่านางกำลังจะไป เซียวอวี้ก็กุมมือนางไว้“เจ้าไม่ต้องกลัว เราก็แค่...สมมติ”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา “ท่านอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องบังคับตนเองถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าท่านอาจได้พบกับสตรีที่ชอบพอกันทั้งสองฝ่าย ใน
เซียวอวี้จับแขนของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้แน่น ทำราวกับว่ากลัวนางจะวิ่งหนีเขาจริงจังและต้องการคำตอบจากนางเฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงแกะนิ้วมือของเขาออก เพื่อให้แขนของตนหลุดออกมานางถอยหลังหนึ่งก้าว สีหน้าดูมั่นคงแน่วแน่“ฝ่าบาท อย่าเอ่ยคำพูดที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้เลย“หรงเฟยถึงจะเป็นนางในดวงใจของท่าน ท่านมีความรักมั่นคงต่อนางจนไม่อาจลืมเลือนมานานหลายปี และยังคงรักษาความบริสุทธิ์เพื่อนาง“ส่วนความรู้สึกที่ท่านมีต่อหม่อมฉัน เป็นเพียงความปรารถนาที่จะเอาชนะชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนแม่ทัพที่สู้รบในสงคราม ยิ่งโจมตีไม่สำเร็จ ก็ยิ่งมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะสู้รบ“ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว แม้จะสมปรารถนาแล้ว ก็จะไม่เป็นผลดีในระยะยาว พูดตามตรง ความรักอันมั่นคงยาวนานที่ท่านมีต่อหรงเฟย หม่อมฉันรู้สึกยกย่อง จงอย่าปล่อยให้สิ่งที่ท่านรักษามาตลอดหลายปี ต้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพราะหม่อมฉัน “หากเขายังคิดจะเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีก นางก็คงอยู่ร่วมห้องกับเขาไม่ได้ดังนั้น นางจึงหันกลับมาหยิบตำราบนโต๊ะ เพราะต้องการจะไปที่อื่นทว่า ขณะที่นางกำลังจะก้าวข้ามประตูออกไป กลับได้ยินฮ่องเต้ทรงเอ่ยว่า“เ
“ฝ่าบาท!” เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องการแก้ไขความคิดที่ผิดของเซียวอวี้ ทว่าเขากลับออกไปแล้วนางยืนอยู่ที่เดิม ทั้งตัวรู้สึกเย็นวาบเหตุผลที่นาง “กลัว” หร่วนฝูอวี้ ก็เพราะความสามารถในการรบเร้าของหร่วนฝูอวี้ผู้นั้น ไม่ว่านางจะปฏิเสธด้วยสีหน้าเมินเฉยอย่างไรก็ไล่เขาไม่ไปตอนนี้เซียวอวี้ก็กลายเป็นเช่นนั้นไปแล้วทว่านางมั่นใจว่า จักรพรรดิที่มีชีวิตสุขสบาย คงจะทำอะไรไม่สำเร็จเป็นแน่กลัวว่าแม้แต่เครื่องครัวเหล่านั้นก็อาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนหันมาสนใจกับเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผาต่อ นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญอาศัยงานเทศกาลยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เพื่อคลี่คลายผลกระทบทางลบ ที่เกิดจากการตายของเมิ่งเฉียวม่อหนึ่งชั่วยามต่อมาเซียวอวี้กลับมาแล้วด้านหลังเขามีองครักษ์หลายคนติดตามมา ในมือของแต่ละคนถือจานอาหารมาคนละหนึ่งใบ พร้อมกับวางเรียงลงบนโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงกับข้าวห้าอย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่าง มีเนื้อมีผัก หน้าตาดูดีและมีกลิ่นหอมเฟิ่งจิ่วเหยียนประหลาดใจ และมองไปทางเซียวอวี้อาหารเหล่านี้คงไม่ใช่เขาทำทั้งหมดหรอกกระมัง?บนตัวของเซียวอวี้ยังมีกลิ่นควันไฟติดอยู่ เขาสั่งให้เหล่าองครักษ์ถอยออก
“ด้านนอกประตูวังมีชาวบ้านจำนวนมาก รวมถึงทหารรวมตัวกันอยู่ พวกเขาตีกลองร้องทุกข์ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแม่ทัพน้อยเมิ่ง ทั้งยังขอร้องให้ฝ่าบาททรงถอดถอนฮองเฮา” เฉินจี๋บรรยายสถานการณ์ด้านนอกพระราชวัง ดูท่าทางสงบนิ่ง แววตาของเซียวอวี้เคร่งขรึมดุดัน และเยือกเย็นราวกับหิมะในฤดูเหมันต์อันเหน็บหนาว“คนที่แอบก่อความวุ่นวายเหล่านั้น มิใช่ถูกคุมตัวไปสอบสวนหมดแล้วหรือ” เฉินจี๋ตอบว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทว่าช่วงสองวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะยังมีคนอื่น...”เซียวอวี้ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เปิดทางย่อมดีกว่าปิดกั้น เปิดทางก็ยังจำเป็นต้องสืบหาต้นตอ คนเหล่านั้นที่อยู่นอกวังก็แค่คนโง่เขลาที่ถูกหลอกใช้ประโยชน์ ปล่อยให้พวกเขาก่อความวุ่นวายไป ยิ่งก่อความวุ่นวายรุนแรงเท่าใด ก็ยิ่งมีช่องโหว่มากขึ้นเท่านั้น”“ท่านตรัสถูกต้อง กระหม่อมจะไปเตรียมการทันที!” เซียวอวี้ยืนเอามือไพล่หลังตรงชายคาระเบียง สายตามองไปทางระยะไกลภายในราชสำนักของหนานฉี มีมือมืดที่เขาไม่รู้ซ่อนตัวอยู่มากมายเริ่มจากใส่ร้ายเมิ่งสิงโจวว่ายึดกองกำลังทหาร ไปจนถึงการขโมยแผนที่ป้องกัน คนเหล่านั้นที่แสดงตัวออกมาก็เป็นแค่พวก
ณ พระราชวังเฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับข่าวจากอู๋ไป๋ว่า ร้านขายผ้าไหมทางเมืองหลวงนี้สืบค้นจนหมดแล้ว ทั้งยังมีสมุดรายชื่อคนที่ซื้อผ้าไหมลายดอกในช่วงหกปีที่ผ่านมาด้วยสมุดรายชื่อนี้ผ่านการคัดกรองแล้วคนที่ยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่คนวางยาพิษ จะมีการทำเครื่องหมายไว้หมดแล้วพวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนในเมืองหลวงที่เกิดและโตที่นี่ พร้อมกับมีประวัติที่ดีส่วนที่เหลือ ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าเร่ที่เดินทางผ่านไปมาไม่มีที่อยู่แน่ชัด จึงจำเป็นต้องสืบสวนเพิ่มเติมเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ในวังไม่อาจทำสิ่งใดได้มากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าวันพรุ่งนี้จะออกไปนอกวังสักครั้งในขณะนั้นเอง ซุนหมัวมัวก็หอบดอกไม้เป็นกองเดินเข้ามา“ฮองเฮา ดอกไม้เหล่านี้จำเป็นต้องใช้ในเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผา ท่านลองดูสิเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าดูแล้วก็จัดการได้เลย”ซุนหมัวมัวรู้สึกแปลกใจที่ได้รับความโปรดปราน “เพคะ บ่าวจะทุ่มเทเต็มที่ จะช่วยฮองเฮาจัดเตรียมงานเทศกาลบูชาเทพธิดาบุปผาครั้งนี้ให้ออกมาดี!”ไม่นานนัก พระสนมเจียและนางสนมคนอื่น ๆ ก็มาถึง“ฮองเฮา หลายวันมานี้นอกวังมีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับท่านมากมาย ทางราชสำนักถึ
เฟิ่งหมิงเซวียนคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง”“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้ดูซีดเผือดคนโง่เขลาผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะให้ของที่ขัดตาเช่นนี้กับเขา!หลิวซื่อเหลียงที่รับใช้อยู่ด้านข้างฮ่องเต้เกิดความสงสัยอย่างมาก นั่นคือสิ่งใดกันแน่ ถึงทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วเช่นนี้?เฟิ่งหมิงเซวียนเหงื่อตกจบเห่!ดูเหมือนเขาจะทำเรื่องเสียหายอีกแล้วทว่าหากเป็นบุรุษทั่วไปก็ไม่น่าจะปฏิเสธสมุดเล่มนี้เฟิ่งหมิงเซวียนถูกอี๋เหนียงหลินเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ตั้งแต่เล็กจึงรู้จักวิธีใช้เล่ห์เหลี่ยมและประจบประแจงเพื่อหลบเลี่ยงการถูกลงโทษเขายังสังเกตเห็นว่า ฮ่องเต้ทรงดูเหมือนชอบใจที่ได้ยินเขาเรียกว่าพี่เขยดังนั้นเขาจึงโขกหัวไปด้วย และเอ่ยด้วยท่าทางน่าเวทนาไปด้วย“เสด็จพี่เขย ท่านอย่าทรงโมโหเลย กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่กล้าทำอีกแล้ว...”เซียวอวี้ได้ยินคำว่าพี่เขยบ่อย ๆ ความโมโหก็เริ่มคลายลงยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ใช่ว่าเป็นความผิดหนักหนาอะไรที่จะให้อภัยมิได้เพียงแต่ให้สิ่งที่เขาไม่สมควรให้เท่านั้น“เราควรควบคุมความประพฤติเจ้าแทนฮองเฮา ทว่า เห็นแก่เจ้าที่ทำผิดครั้งแรก เราก็จะยึดของสิ่งนี้ไว้!
สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักงัน สันหลังเหยียดตรง และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆมือข้างหนึ่งของนางถูกเซียวอวี้กุมเอาไว้เมื่อรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด นางจึงรีบแกะมือของเขาออกทันทีเซียวอวี้พลันเปลี่ยนเป็นจับคางของนาง ทำท่าเหมือนต้องการจะจูบนางนางรีบถอยหลบทันที ทว่ากลับเห็นเขาหยุดนิ่ง และส่งยิ้มมาให้นางในรอยยิ้มนั้นแฝงทั้งการหยอกล้อและการเย้าแหย่“เราคิดว่าเจ้าไร้ยางอายถึงขั้นว่าไม่หวาดกลัวสิ่งใดเลย ทำไม ก็เข้าใจเป็นอย่างดีมิใช่หรือ? แม่ทัพน้อย...ไม่ใช่ประสบการณ์โชกโชนหรอกรึ”นิ้วเรียวยาวของเขาเกี่ยวคางของนางให้ยกขึ้นเบา ๆ เผยให้เห็นส่วนโค้งของลำคอ เขาจูบลงไปเบา ๆ บนคอของนางโดยไม่ทันตั้งตัวแผ่นหลังของเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกชาขึ้นมาทันที“ปล่อย...”เซียวอวี้คว้าเอวของนางไว้ ทันใดนั้นพลันก้มศีรษะลงไปที่ซอกคอของนาง“มันทรมานมาก ขอเราพักหน่อยเถอะ” ดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้าอย่างเต็มที่ผู้นี้ พบเจอสถานที่ที่ได้พักผ่อนอย่างสงบ ทั้งตัวรู้สึกผ่อนคลายทั้งดูเหมือนสัตว์ป่าที่ก่อนหน้ายังดุร้าย ตอนนี้กลับเชื่องลง และขดตัวหมอบอยู่ข้าง ๆ ขาเจ้านาย ดูสงบนิ่งกระทั่งว่านอนสอนง่าย ผ่านไปไม่นา
เฟิ่งจิ่วดหยียนถลึงตาใส่เจียงหลินอย่างเย็นชา “พูดเหลวไหลอะไร?”เจียงหลินกลัวว่านางจะลงไม้ลงมือ จึงเดินอ้อมไปอยู่ข้าง ๆ เซียวอวี้ล่วงหน้า“มีอะไรให้ปฏิเสธ? เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชายหนึ่งหญิงสองอย่างเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กับหร่วนฝูอวี้ มีใครไม่รู้บ้าง?“หากไม่ใช่เพราะหร่วนฝูอวี้เอาเรื่องที่อยู่ของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ไปบอกเจ้าสำนักเฉวียนเจิน จนนางถูกเจ้าสำนักจับตัวกลับไป เจ้าก็คงได้สุขสำราญพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว!“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นางอายุน้อยขนาดนี้ ก็ได้เป็นรองเจ้าสำนักแล้ว!”เซียวอวี้หน้าอึมครึม มือกำหมัดแน่นชายหนึ่งหญิงสองงั้นหรือแม่ทัพน้อยของเขา ช่างเนื้อหอมจริง ๆหากนางเป็นบุรุษจริง คงเป็นของคนอื่นไปนานแล้วไม่สิ…หากนางเป็นผู้ชาย เขาก็คงไม่ใส่ใจแล้ว!เกือบจะเคลิ้มไปด้วย เซียวอวี้จึงตั้งสติเฟิ่งจิ่วเหยียนกระแอมไอแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“เจียงหลิน ชื่อเสียงของคนอื่นเสียหายเพราะเจ้าหมดแล้ว ถ้าเจ้ายังปากมากอีก ข้าจะฉีกมันทิ้งซะ”เจียงหลินรีบหุบปากทันทีแต่ในใจก็ยังไม่ยอมเขาไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อยตอนนั้นเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ คิดจะหนีออกมาจากสำนักเฉวียนเจินเพราะซูฮ่วนด้วยซ้ำ นางใ
ขณะที่หนึ่งก้านธูปกำลังจะดับ ลูกศิษย์สำนักเฉวียนเจินคนหนึ่งชักกระบี่ที่เสียบอยู่ข้างเอวออก แล้วขึ้นไปบนเวทีนี่อยู่ในความคาดหมายของทุกคนเจียงหลินพอจะรู้จัก จึงพูดแนะนำว่า“นั่นคือหนึ่งในศิษย์ทั้งหกของสำนักเฉวียนเจิน ผู้มีวิชา ‘กระบี่ล่าชีวิต’——ฟางหมิ่น วิชากระบี่ของนางไร้เงาไร้รูปร่าง รวดเร็วดั่งสายลม”เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็เคยได้ยิน ‘วิชากระบี่ล่าชีวิต” นี้มาเหมือนกันจุดเด่นคือการโจมตีอย่างว่องไว รูปร่างและพรสวรรค์ของนักกระบี่ล้วนเป็นตัวกำหนดในการฝึกฝนวิชานี้เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยกับฟางหมิ่น พูดเสียงเย็นชา“ไม่สามารถนำอาวุธขึ้นประลองได้อยู่ดี ต่อให้กระบี่เร็วแค่ไหนแล้วจะมีประโยชน์อะไร”เจียงหลินหมดหนทางจะช่วย“คงได้แต่หวังว่า เกาหยวนจะเป็นคนทะนุถนอมผู้หญิงล่ะนะ”ฟางหมิ่นก้าวเดินอย่างมั่นคงไม่เร่งรีบ ยามที่เข้ามาในกรง ศิษย์คนอื่นในสำนักเฉวียนเจินก็ข่มขวัญคู่ต่อสู้แทนนาง“ศิษย์พี่ ฆ่าไอ้โจรระยำนั่นซะ!”“ศิษย์น้อง ตั้งรับเป็นหลัก โจมตีเป็นรอง!”ฟางหมิ่นใส่ผ้าคลุมหน้า แม้นไม่มีกระบี่คู่ใจอยู่ในมือ ดวงตาทั้งสองข้างก็ยังทอแววเด็ดเดี่ยวมีพลังภายในกรงเหล็ก เกาหยวนมองประเมินนางด้
เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นกับตา ในกรงนั้น คนตัวผอมกัดหน้าของคู่ต่อสู้จนเนื้อหลุด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นอย่างไร เขาก็ขี่อยู่บนตัวของอีกฝ่ายไม่รามือกัดหน้าไม่พอ ยังกัดหู จมูก รวมถึงควักลูกตาของอีกฝ่ายเป็น ๆ อย่างต่อเนื่อง…ภาพเหตุการณ์นองเลือด ดำเนินในเวลาสั้น ๆ เพียงสองถ้วยชาทว่า เสียงโห่ร้องข้างสนามกลับดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เหมือนคลื่นทะเล กลบพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนจนมิดนางพลันหูชาในชั่ววินาทีนั้น ไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างได้ยินเพียงเสียงปรบมือและโห่แซวอย่างบ้าคลั่งเซียวอวี้เคยเห็นความโหดร้ายนองเลือดของสนามรบ และเคยเห็นภัยอดยากขายลูกกิน ทั้งยังเคยเห็นเหล่าคนร้ายในเจดีย์เก้าชั้นกินศพซึ่งคนเหล่านั้นทำเพื่อความอยู่รอด สามารถพูดได้ว่า ถูกบีบจนไร้ทางเลือกแต่ในตอนนี้ คนตัวผอมกัดคู่ต่อสู้สด ๆ เพียงเพื่ออยากชนะสิ่งที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก คือผู้ชมเหล่านั้นพวกเขาหล่อหลอมให้คนชอบฆ่าแกงเป็นชีวิตจิตใจเซียวอวี้จับมือเฟิ่งจิ่วเหยียนแน่นกว่าเดิมไม่ว่าอย่างไร ก็ทนมองนางเข้าไปเสี่ยงในสถานการณ์อันตรายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ติงหยวนเอ๋อร์ พวกเขาจะไม่ช่วยแล้ว!หยางเหลียนซั่ว อยากไปไหนก็ไปเถิด!เซียวอวี้อ
บนเวทีประลอง ชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยตะโกนเสียงดัง“ทุกท่าน ก่อนที่การประลองในค่ำคืนนี้จะเริ่มขึ้น มีข้อกำหนดอยู่ไม่กี่ข้อ ข้อแรก เมื่อใดที่ขึ้นมาบนเวทีประลอง ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เรารู้จักแค่แพ้กับชนะ กฎที่นี่ ไม่มีถอนตัวกลางคัน!“ข้อสอง การประลองเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ห้ามพกพาอาวุธลงสนาม อาศัยความสามารถจริง ๆ เท่านั้น“ส่วนข้อสาม…”เสียงพูดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณไปทางข้างบนต่อมา ก็มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมาจากชั้นเจ็ดทว่าครู่ต่อมา บุรุษชุดดำก็ถูกผลักลงมาจากที่สูง หล่นลงบนพื้นเวทีประลองอย่างรุนแรง จนเลือดกระเด็น!ชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยไม่สะทกสะท้าน พูดกับทุกคนต่อว่า“ส่วนข้อสาม คนของทางการ ห้ามเข้ามาภายในเด็ดขาด หากถูกจับได้ ตายสถานเดียว! ผู้ใดแจ้งเบาะแส จะได้รับรางวัลตอบแทน!“พวกเจ้า มาลากเจ้าหน้าที่ทางการผู้นี้ออกไปให้หมาจรจัดกิน!”เขาชี้ไปยัง บุรุษชุดดำที่ถูกโยนตกลงมาเมื่อครู่ผู้ชมต่างโห่ร้อง“ดี!”“ดี!”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันอึมครึม ทอดมองไปยังศพของเจ้าหน้าที่ทางการผู้นั้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการยังกล้าฆ่า! เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น เมืองไท่ชางที่ขึ้นชื่อเรื่องความ
เจ็ดวันต่อมาณ เมืองไท่ชางกลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าพักในโรงพักแรมทันทีที่เข้ามาในโรงพักแรม นางก็เห็นคนคุ้นตาคนผู้นั้นอยู่ในชุดไหมสีแดง กำลังพูดคุยกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างสนุกสนาน ขณะที่อีกฝ่ายบังเอิญเงยหน้าขึ้นมา ก็จำหน้ากากเงินของนางได้ เจียงหลินสวมใส่ชุดแดง ดูสะดุดตาท่ามกลางผู้คนอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวถอยหลังโดยพลันทำไมถึงมาเจอเจ้านี้อีกแล้ว นี่มันบุพเพอาละวาดชัด ๆ ให้ตายสิ…ชั่วขณะนั้น เหมือนเจียงหลินจะเห็นคนไร้หัวใจที่ทอดทิ้งตัวเอง พลันลุกขึ้นมา ตะโกนท่ามกลางผู้คนว่า “ซูฮ่วน! ข้าเห็นเจ้าแล้ว! เจ้าไม่ต้องหลบ!”เฟิ่งจิ่วเหยียน: นางไม่ได้หลบเสียหน่อยเจียงหลินเดินพรดพราดเข้ามา จับแขนของนางเอาไว้ “เจ้ากับซ่งหลีนี่แน่จริง ๆ ไปไหนก็ไม่คิดจะบอกกล่าว รู้ไหมว่าข้าตามหาพวกเจ้านานแค่ไหน!”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มุ่งมั่นตามหาพวกเขาเหมือนกันเขามีฐานะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเจียง จึงมีเรื่องให้จัดการมากมายในชีวิตประจำวัน ที่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา ก็แค่อยากให้ซูฮ่วนรู้สึกผิด และช่วยเบิกทางค้าขายให้เขาขณะที่กำลังพูด เขาพลันรู้สึกได้ถึงไ
เฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้ามา ใบหน้านิ่งเฉยมองไปทางเซียวอวี้จู่ ๆ เขาก็บอกว่าตนเองจะกลับวังหลวง ไม่อธิบายล่วงหน้า กลับมาพูดเอาวันที่จะต้องจากไป ไม่ใช่เพราะตั้งใจ อยากเห็นนางลนลานหรอกหรือ“ไม่มีอะไรจะพูด” แววตาของนางสงบดั่งน้ำนิ่งสีหน้าของเซียวอวี้ตอนนี้ไม่น่าดูนักนางไร้น้ำใจเพียงนี้เชียวหรือ?เขาเริ่มสงสัยจริง ๆ แล้วว่านางเพียงต้องการร่างกายของเขาเท่านั้น!ระหว่างที่เซียวอวี้กำลังโศกเศร้านี้เอง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ถามกลับว่า“ไม่ใช่ว่าพวกเราไปทางเดียวกันหรือ?”เขากลับเมืองหลวง นางไปเมืองโบ๋วโจว ล้วนต้องลงใต้ทั้งคู่แบบนี้แล้วหากจะบอกลากันตอนนี้ ออกจะเร็วไปเสียหน่อยเซียวอวี้จึงได้สติกลับมา “เจ้าจะออกเดินทางไปกับเราหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าตอบ“แน่นอน การเดินทางไปเมืองโบ๋วโจวเป็นเรื่องด่วน”......เมื่อรู้ว่าจิ่วเหยียนจะไปแล้ว แม้ฮูหยินเมิ่งจะไม่อาจทำใจได้ ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรแต่ไหนแต่ไรมาเด็กคนนี้ก็ไปมาดุจลม อยู่ได้เพียงไม่นานคำพูดพร่ำบ่น นางก็ไม่คิดจะพูดแล้ว จึงส่งเค้กเกาลัดถุงหนึ่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียนนำไปกินระหว่างทางเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง เฟิ่งจิ่วเหย
สิ่งที่อยู่ในกล่องไม้หาใช่ถุงยางที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคุ้นเคยไม่ แต่เป็นยาขวดหนึ่งยานี้...เป็นสิ่งที่อาจารย์หญิงทำเองเช่นกันนางชัดเจนในเรื่องนี้ดีนี่คือยาคุมกำเนิดสำหรับบุรุษ ที่หายากอย่างยิ่งเท่าที่นางรู้ อาจารย์หญิงทำขึ้นมาเพียงหนึ่งขวดเท่านั้นเมื่อบุรุษกินยานี้เข้าไปหนึ่งเม็ด ภายในหนึ่งวันไม่ว่าจะทำอย่างไร สตรีจะไม่มีทางตั้งครรภ์เด็ดขาด...ปฏิกิริยาตอบโต้แรกของเฟิ่งจิ่วเหยียนคือ...รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง!ทว่าในชั่วพริบตาที่นางกำลังจะเคลื่อนตัวหนี เซียวอวี้ก็คาดการณ์ได้ถึงความเคลื่อนไหวของนาง แขนเสื้อยาวโบกสะบัด พลังภายในกลายเป็นแรงผลักโครม!โครม!ประตูและหน้าต่างถูกปิดลงทั้งหมดแล้ว!ขณะเดียวกัน แขนของเขาก็ยื่นออกไปโอบเอวของนางเอาไว้“คิดจะหนีรึ?”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนดูหงุดหงิดอยู่มากจากนั้นเซียวอวี้ก็ยกนางขึ้นไปพาดบนบ่า แล้วเดินอย่างมั่นคงไปยังเตียงตั่ง“ปล่อยข้านะ!”เซียวอวี้ตอบ “เจ้าพูดเอง การทหารไม่หน่ายกลอุบาย”เดิมทีเขาอยากให้เมิ่งฉวีออกหน้า ให้ฮูหยินเมิ่งทำถุงยางออกมาเพิ่มอีกหน่อยทว่าเมิ่งฉวีทำไม่สำเร็จฮูหยินเมิ่งกล่าวว่าคนหนุ่มสาวต้องรู้จักควบคุ
เฟิ่งเหยียนเฉินตกตะลึงอยู่นาน เขาไม่อาจทำใจเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยแม่เฟิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง“เป็นจิ่วเหยียน หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามท่านพ่อของเจ้า“เมิ่งสิงโจวตัวจริงตายจากไปนานแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเป็นจิ่วเหยียนที่เสี่ยงชีวิตปลอมตัวเป็นเขา ทว่าผู้ที่สร้างความชอบทางการทหารตลอดมาล้วนเป็นจิ่วเหยียน น้องสาวของเจ้า”เมื่อเห็นท่านแม่สงบนิ่งเพียงนี้ มั่นใจถึงเพียงนี้ ลมหายใจของเฟิ่งเหยียนเฉินก็ช้าลง“ท่านแม่ จิ่วเหยียนมีความสามารถเพียงนี้จริงหรือ?”ปกป้องรักษาชายแดนเหนือเป็นเวลาเพียงสามปี นางก็กลายเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่งที่ทำให้ศัตรูหวาดกลัวจนตัวสั่นผลงานการรบอันเลื่องลือที่นางสร้าง แม้แต่บุรุษยังยากที่จะทัดเทียมได้เขายังคิดว่าจากนี้จะต้องปกป้องน้องสาวทั้งสองคนให้ดีทว่าตอนนี้ดูไปแล้ว...เป็นน้องสาวที่ปกป้องเขา ปกป้องราษฎรของหนานฉีต่างหาก!ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีน้องสาวที่เก่งกาจดุจเทพเช่นนี้!ชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิน่าเล่าคราแรกที่เห็นฮองเฮาในวัง ถึงได้รู้สึกว่านางแผ่บรรยากาศที่แข็งแกร่งออกมา ไม่เหมือนเวยเฉียงที่เขาคุ้นเคยยามนั้นเขายังนึกว่าเป็นลักษณะอันน่าเกรง
“ท่านแม่! ท่านว่าอะไรนะ ข้ายังมีน้องสาวอีกคนรึ?!”เฟิ่งเหยียนเฉินไม่อยากจะเชื่อน้องสาวอีกคนนึงของเขา เพิ่งเกิดได้ไม่นานก็ถูกส่งตัวออกไปแล้วที่ฮูหยินเฟิ่งบอกเขาก็เพราะหวังว่าบุตรชายจะได้รู้ว่าเขายังมีน้องสาวที่ต้องปกป้องอีกคนหนึ่งเฟิ่งเหยียนเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง“ท่านแม่ เดี๋ยวนะ เหตุใดคนที่แต่งกับฮ่องเต้แต่แรกถึงเป็นจิ่วเหยียน ไม่ใช่เวยเฉียงเล่า?“เช่นนั้นเวยเฉียงล่ะ? เวยเฉียงไปไหนแล้ว?”แววตาของฮูหยินเฟิ่งแฝงไปด้วยความโกรธแค้น“เป็นท่านพ่อของเจ้า สามีชั่วนั่น! เขาคิดว่าหลังจากเวยเฉียงถูกลักพาตัวไปก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่อาจเข้าวังไปเป็นฮองเฮาได้ จึงส่งเวยเฉียงออกไปเสีย ทั้งยังโกหกว่านางตายแล้ว! เขาหลอกพวกเราทุกคน!”“หากไม่ใช่เพราะจิ่วเหยียน ยามนี้เวยเฉียงจะเป็นหรือตายอยู่ข้างนอกก็ไม่รู้!”เฟิ่งเหยียนเฉินที่น่าสงสารถูกปกปิดจนไม่รู้อะไรเลย แม้แต่เรื่องที่เวยเฉียงถูกลักพาตัวไป สูญเสียความบริสุทธิ์ เขาก็เพิ่งได้รู้ความจริงเอาตอนนี้เขารู้สึกว่าในหัวมีแต่เสียงดังหึ่งหึ่งสวรรค์!ในช่วงที่เขาตกอยู่ในความกลัดกลุ้มนั่น ที่แท้ตระกูลเฟิ่งกลับเกิดเรื่องมากมายเพียงนี้เขาที่เป็นพี่ชาย ช่