ดึกมากแล้ว องครักษ์ที่ซุ่มอยู่ข้างนอกรออยู่นานก็ยังไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในตำหนักฮ่องเต้ไม่มีบัญชา พวกเขาก็ไม่กล้าไปจากตำแหน่งที่ตนเองเฝ้าอยู่โดยพลการเงียบไปครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสายหนึ่งเหินออกมาเป็นนักฆ่าผู้นั้น!พวกเขากำลังจะใช้งานค่ายกลแหฟ้าข่ายดิน แต่กลับได้ยินเสียงออกคำสั่งเด็ดขาดเย็นชาดังมาจากในตำหนัก“ปล่อยนางไป!”เหล่าองครักษ์ไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงมองนักฆ่าผู้นั้นจากไปหัวหน้าองครักษ์คิดจะเข้าไปขอคำชี้แนะในตำหนักแต่เขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าตำหนักก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มลึกของฮ่องเต้“ไสหัวไป!”หัวหน้าองครักษ์งุนงงยิ่งนักฝ่าบาทเป็นอะไรไป?ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนกำลังข่มกลั้นความพิโรธโกรธเกรี้ยวเอาไว้ผ่านไปไม่นาน หลิวซื่อเหลียงก็ถูกเรียกตัวมาเซียวอวี้ยืนอยู่หน้าเตียง ใบหน้าดำคล้ำดุจน้ำหมึก“เผาทิ้งเสีย”หลิวซื่อเหลียงไม่เข้าใจ ครั้นเหลือบสายตามองไปก็เห็นว่าบนเตียงยับยุ่งเหยิง ยังมี...เขาพลันอึ้งไปครั้นลองตรองดูก็พบว่าคงเป็นเพราะช่วงนี้ฝ่าบาทต้องไปเสวยมื้อเย็นที่ตำหนักเหล่าสนม ทุกวันล้วนได้รับการบำรุงอย่างดี แต่กลับไม่ยินดีแตะต้องสตรีอื่นนอกจ
หวงกุ้ยเฟยคล้องแขนฮ่องเต้ ดวงเนตรงามแฝงความรู้สึกลึกซึ้ง“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่าใต้เท้าซูส่งของกำนัลให้ฮองเฮาเพคะ”แววคมปลาบวาบผ่านดวงตาเรียวยาวของเซียวอวี้ในวังห้ามรับสินบน ฮองเฮาอยากตายงั้นรึหวงกุ้ยเฟยสังเกตสีหน้าของฮ่องเต้พลางกล่าวต่อไป“ฝ่าบาท ฮองเฮาอาจยังไม่คุ้นเคยกฎของวังหลวงก็ได้เพคะถึงได้ทำผิดเช่นนี้ หม่อมฉันกังวลว่า เรื่องที่ซูกุ้ยเหรินทำร้ายฝ่าบาทอาจพัวพันคนมากมาย ฮองเฮายังมีการติดต่อกับใต้เท้าซู เกรงว่าอาจถูกคนครหาเอาได้ กล่าวหาว่าพวกเขาร่วมกันวางแผนอย่างลับ ๆ“อย่างไรเสีย สตรีในวังล้วนอยากได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท มีเพียงฮองเฮาที่เป็นข้อยกเว้น อยากให้ฝ่าบาทไปโปรดปรานคนอื่น นี่เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ซูกุ้ยเหรินลงมือ...”เซียวอวี้แววตาเย็นเยียบยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่รับสินบน ฮองเฮาก็สมควรถูกลงโทษแล้วตำหนักหย่งเหอซุนหมัวมัวเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รู้สึกยินดีปรีดายิ่งนักหลังจากเฝ้าหวังมานาน ในที่สุดฝ่าบาทก็เสด็จมาเสียทีนางรีบเข้าไปต้อนรับ แต่กลับถูกหลิวซื่อเหลียงสะบัดแส้ปัดออกดูท่าทางเช่นนี้ ฮองเฮาคงไม่ได้ทำผิดอันใดอีกแล้วกระมัง?เซียวอวี้ตรงเข้
เหล่าองครักษ์เข้ามาจะนำตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนออกไปลงโทษนางไม่ได้ขอร้อง ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งไร้ระลอก“หม่อมฉันทราบดีว่าเมื่อถูกจับได้ก็จะต้องถูกลงโทษ“แต่หม่อมฉันไม่เสียใจที่ทำเช่นนี้“หม่อมฉันขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ยังดีกว่าให้พี่สาวน้องสาวแต่ละตำหนักต้องถูกลงโทษไปด้วย“ตอนนี้หม่อมฉันอยากขอร้องเพียงเรื่องเดียว“ลงโทษก็ลงโทษไปแล้ว ฝ่าบาทโปรดนำเงินทองของล้ำค่าเหล่านี้ไปมอบให้ถึงมือสนมแต่ละตำหนักในนามตกรางวัลด้วยเถอะเพคะ“เช่นนี้ หม่อมฉันก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”เซียวอวี้สบตากับดวงตาดื้อดึงของนางแล้วก็พลันรู้สึกอยากทำลายคนตรงหน้าขึ้นมาโดยไร้สาเหตุนางเหมือนต้นสนที่ไม่ยอมหักไม่ยอมงอ ยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าเขา ช่างระคายสายตาโดยแท้ยิ่งนางเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งอยากทำให้นางยอมสยบ ทำให้นางตระหนักว่าอันใดเรียกว่าผู้สูงศักดิ์และผู้ต่ำศักดิ์ ตระหนักว่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็นเช่นไร!“ลากออกไป!”เหลียนซวงรีบร้อนคุกเข่า “ฝ่าบาท บ่าวยินดีรับโทษแทนฮองเฮาเพคะ!”เซียวอวี้ทำอะไรมักใช้อำนาจเผด็จการมาแต่ไหนแต่ไรเขาปรายตามองเหลียนซวง“ไร้มารยาทนัก นำตัวไปโบยจนตาย”เหล่าองครักษ์ไม่อาจลงไม้ลงมือกับฮ
เหล่าสนมล้วนทราบเรื่องที่ฮองเฮาถูกสั่งให้คัดกฎของวังหลวงพวกนางยังรู้รายละเอียดลึกกว่านั้น“ของกำนัลเหล่านั้นไม่ได้มีแค่คนในครอบครัวพวกเราที่ส่งไป พวกเราเองก็ส่งไปด้วยเช่นกัน แต่ฮองเฮากลับไม่ได้พาดพิงถึงพวกเรา เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติต่อพวกเราด้วยความจริงใจ”“คนตำหนักหย่งเหอพูดว่า ฮองเฮาเข้าอกเข้าใจความลำบากของพวกเรา เดิมทีฮองเฮาก็ตั้งใจจะนำสิ่งของเหล่านั้นมาให้พวกเราอยู่แล้ว ไม่ได้นำไปใช้แม้แต่ชิ้นเดียว”“ฮองเฮายังยอมรับโทษคนเดียว ยังรับผิดแทนพวกเราอีกด้วย...”เหล่าสนมยิ่งพูดก็ยิ่งซาบซึ้ง บางคนถึงกับขอบตาแดงเรื่ออย่างไรเสียในวังหลวงแห่งนี้ ความจริงใจหายากยิ่งนักหนิงเฟยเสียดสีพวกนางอย่างเย่อหยิ่ง“มีแค่พวกเจ้านั่นแหละที่หัวอ่อนหลอกง่าย ข้ารู้แต่ว่าไม่มีผลประโยชน์ไม่ตื่นเช้า สุดท้ายฮองเฮาก็ไม่ถูกลงโทษไม่ใช่รึ? ตอนนี้พวกเจ้าซาบซึ้งในบุญคุณของนาง เช่นนี้ก็เข้าทางนางพอดี “ก็แค่ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์กันและกัน เติมเต็มความต้องการของอีกฝ่ายก็เท่านั้น คู่ควรให้เรียกว่าจริงใจด้วยหรือ?”เสียนเฟยมีรอยยิ้มประดับใบหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ“ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ฝ่าบาทไม่ได้ตามเอาผิดคนในครอบครัวพวก
หลังจากหวงกุ้ยเฟยนั่งลงแล้วก็มองประเมินเฟิ่งจิ่วเหยียนเช่นกันได้ยินว่าตระกูลเฟิ่งให้กำเนิดฮองเฮาผู้ทรงคุณธรรม แต่ไม่เคยได้ยินว่าให้กำเนิดหญิงงามเฟิ่งเวยเฉียงผู้นี้กลับมีรูปโฉมงามพิลาศสูงศักดิ์ พาลทำให้คนรอบข้างกลายเป็นหญิงงามสามัญไปเสียอย่างนั้นโฉมสะคราญปานนี้ ฝ่าบาทไม่หวั่นไหวเลยสักนิดจริง ๆ หรือ?หวงกุ้ยเฟยรู้สึกพรั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้น นางยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนหวาน“ฮองเฮาเพคะ ก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทเรียกหาหม่อมฉันทุกค่ำคืน ทำให้ร่างกายหม่อมฉันเหนื่อยอ่อน กว่าจะมาเข้าเฝ้าได้ก็ล่าช้ามาจนถึงวันนี้ นับว่าเสียมารยาทแล้ว”แล้วกล่าวเสริมมาอีกโดยไม่เปิดโอกาสให้เฟิ่งจิ่วเหยียนได้พูด“โชคดีที่ฮองเฮาโน้มน้าวให้ฝ่าบาทพระราชทานความเมตตาอย่างทั่วถึงได้สำเร็จ หม่อมฉันจึงได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง” วาจานี้เปิดเผยว่านางไม่สนใจเรื่องที่ฮ่องเต้ไปเสวยมื้อเย็นกับคนอื่นแม้แต่น้อยแววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเฉยชาอย่างยิ่ง“หวงกุ้ยเฟยลำบากแล้ว ต่อไป ข้าจะช่วยให้เจ้ามีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้อีก”หวงกุ้ยเฟยได้ยินวาจาท้าทายเช่นนี้ก็รู้สึกว่าฮองเฮาช่างคุยโวโดยไม่ละอายใจเสียจริงนางยังคงยิ้มแย้มดุจเดิม“ฮองเฮาช
หวงกุ้ยเฟยชะงักฝีเท้า จ้องมองผู้ที่อยู่บนตำแหน่งประธานนิ่งฝ่ายหลังยังคงมีสีหน้าเฉยเมย ไม่รู้เพราะเหตุใด นางพลันรู้สึกหนาววาบขึ้นมาเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยแช่มช้า“ฝ่าบาทพระราชทานความเมตตาอย่างทั่วถึง คนในครอบครัวเหล่าสนมไม่ส่งของกำนัลล้ำค่าไปให้ตำหนักหลิงเซียวอีก เห็นได้ชัดว่าเจ้าถือสาเรื่องนี้“แต่เจ้าปากไม่ตรงกับใจ“ต่อให้ถือสาและอยากกำจัดข้าสักแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำเป็นไม่แยแส“หวงกุ้ยเฟย เจ้าก็เหมือนกับสุนัขเฝ้าบ้านที่ถูกฝึกจนเชื่องตัวหนึ่ง ทั้งที่หวาดกลัวแท้ ๆ แต่ก็ยังต้องตะกุยขาเห่าคน”สีหน้าหวงกุ้ยเฟยเปลี่ยนเป็นเย็นชา เดินขึ้นหน้ามาสองก้าว“เจ้าว่าอะไรนะ!”เฟิ่งเวยเฉียงนางคนชั้นต่ำนี่ ถึงกับกล้าพูดว่านางเป็นสุนัขตัวหนึ่ง!สาวใช้ชุนเหอก็ตกใจเช่นกันคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะกล้าพูดจาเช่นนี้กับหวงกุ้ยเฟย!ในวังหลวงแห่งนี้ แม้แต่ไทเฮาก็ยังต้องเอาใจหวงกุ้ยเฟยเลยนะ!เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องนางตรง ๆ พลางยิ้มหยัน“ข้าพูดว่าเจ้าเหมือนสุนัขเฝ้าบ้าน มีแค่ฟันคม ๆ แต่กลับกัดคนไม่เป็น”“เจ้า...”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เปิดโอกาสให้นางพูด ตวัดสายตาคมกริบมาให้“หวงกุ้ยเฟยกล่าวหาว่าข้าไม่บริสุทธิ์
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน ข่าวลือเกี่ยวกับฮองเฮาได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในพระราชวัง ถึงขั้นที่ว่าแพร่กระจายไปถึงวังหน้าเดิมทีไทเฮาอยากจัดการอย่างเงียบ ๆ มองดูแล้วว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล จิตใจวิตกกังวล“ฮองเฮาคือภรรยาของฮ่องเต้ และยังเป็นหน้าตาของพระราชวัง! ไม่ว่าก่อนที่จะเข้าวังนางจะเป็นเยี่ยงไร เพียงแค่นางย่างก้าวเข้ามาในพระราชวังแล้ว ก็ไม่สามารถแปดเปื้อนมลทินได้อีก”กุ้ยหมัวมัวก้มศีรษะอย่างนอบน้อม“บ่าวจะไปกระชับแต่ละตำหนักว่า หากมีผู้ใดแพร่ข่าวลือนี้อีก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก”จุดที่น่ากลัวของลมปากของคนอยู่ตรงที่ ไม่มีทางที่หยุดยั้งไว้ได้อยู่เลยถึงแม้ว่าไทเฮาจะออกโรง เรื่องที่ว่าฮองเฮาสูญเสียพรหมจรรย์ก่อนงานอภิเษกสมรส ยังคงถูกพูดต่อกันไปอย่างเป็นตุเป็นตะนางสนมสองสามคนที่ชอบแส่ยุ่งเรื่องรวมหัวคุยกันเป็นส่วนตัว“ตำหนักหย่งเหอไม่มีการโต้กลับอันใดเลย กลัวแล้วหรือกระไร?”“ข่าวลือพวกนั้น หรือจะเป็นจริงหมด? หรือฮองเฮาไม่ได้บริสุทธิ์จริง... เช่นนั้นนางยังจะสามารถอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้ได้อย่างไรกัน!”“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ก่อนงานอภิเษกสมรสฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไป ถ
เมื่อได้ยินว่าผนังด้านในของฮองเฮาได้รับความเสียหาย นิ้วมือทั้งห้าใต้แขนเสื้อยาวของเซียวอวี้แปรเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่นฮองเฮาสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงจริง ๆ !ในคืนอภิเษกสมรสนั้น เขาไม่น่าใจอ่อนเลย !เขาสติกระเจิงจวนจะระเบิด ก็มีหมัวมัวนางหนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้น“บ่าวริซักถาม เวลาปกติฮองเฮามักจะเต้นรำหรือไม่ก็ขี่ม้าหรือไม่?”เหลียนซวงตอบอย่างลนลาน : “ใช่เจ้าค่ะ! ใช่เจ้าค่ะ!”หมัวมัวผู้นั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงกราบทูลกับเซียวอวี้ต่อ“ฝ่าบาท สถานการณ์เช่นนี้มีไม่มากนัก สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปของเหล่านางสนมในพระราชวัง ทุกคนล้วนเป็นหญิงสาวที่มักจะถูกเลี้ยงให้สงบเสงี่ยมอยู่ในเรือน ดังนั้นผนังด้านในจึงไม่ได้รับความเสียหาย”“ทว่าสถานการณ์ที่เหมือนกับฮองเฮาเช่นนี้ ก็เคยเจอมาบ้าง การเต้นรำและการขี่ม้า ถ้าหากรุนแรงเกินไป จะทำให้ผนังภายในของสตรีได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อย”“ดังนั้นบ่าวจึงถามออกมาเช่นนี้”เซียวอวี้ถามด้วยเสียงเยือกเย็น“บอกเรามาก็พอว่าฮองเฮาบริสุทธิ์หรือไม่”หมัวมัวทั้งสองพยักหน้าทั้งคู่“กราบทูลฝ่าบาท ถึงแม้ผนังด้านในได้รับความเสียหาย ทว่าฮองเฮายังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่า
หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั
บนบัลลังก์มังกร หลิวอิ๋งมองเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังได้เปรียบแล้วฝืนยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ถึงอย่างไรความจริงก็เป็นเรื่องภายในของแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นหนานฉี...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะหลิวอิ๋งที่กำลังพูดด้วยแววตาเย็นชา“ข้าจะพบประมุขแคว้น”หลิวอิ๋งซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ในรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ประมุขแคว้นทรงสวรรคตแล้ว ยามนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะกลัวว่าในแคว้นจะเกิดความวุ่นวาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมสิ ประมุขแคว้น...ทรงอยู่ในโลงแล้ว”“อะไรนะ!” ปฏิกิริยาของมั่วซินหมัวมัวรุนแรงมากหลิวอิ๋งแสร้งแสดงท่าทีเสียใจ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้า ไหล่สั่นสะท้าน ราวกับกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้านางก้มศีรษะลงครึ่งนึง แล้วกล่าวเสริมว่า“เหล่าขุนนางรักเอ๋ย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการปิดบังพวกท่าน ทว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน ภายในก็วุ่นวาย ภายนอกศัตรูรุกราน ข้าไม่กล้าพูดออกมา“วันนี้ กบฏมั่วซินกลับเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตนเอง ในที่สุดวิญญาณของท่านพี่ที่อยู่บนสวรรค์ ก็ได้ตายตาหลับเสียที“ท่านพี่...”นางร้องไห้เสียใจ ทำให้เหล่าขุนนางร้องตามไปด้วย“ท่านประมุข!”มั่วซินห
เหล่าขุนนางของแคว้นซีหนี่ว์ล้วนรู้ดี มั่วซินหมัวมัวเป็นคนเก่าแก่ข้างกายประมุข ได้รับความไว้วางใจจากประมุขเป็นอย่างมากคำพูดของนาง น่าจะไม่ผิดทว่า ใต้เท้าซู่ยวนคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของประมุข...ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครมั่วซินกล่าวหาว่าสถานะซู่ยวนเป็นตัวปลอม ซู่ยวนก็กล่าวหาว่ามั่วซินกบฏ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองจนเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาพูด“เหตุใดไม่ให้ประมุขทรงตรัสด้วยตนเอง?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาหลิวอิ๋งฉายแววความโหดร้าย“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าทำร้ายพี่สาว! พวกเจ้าเป็นโจรกบฏ อย่าคิดที่จะได้พบประมุข! ทหาร จัดการพวกนาง!”“ข้าจะดูว่าใครกล้าลงมือ!” แม่ทัพใหญ่หูย่วนเอ๋อร์ออกมายืนด้านหน้า ปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนกับมั่วซินหมัวมัวหลิวอิ๋งตำหนิหูย่วนเอ๋อร์“แม่ทัพหู เจ้าก็คิดจะกบฏหรือ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ถูกคนหลอกลวง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบมายืนฝั่งข้า! จับกุมตัวโจรกบฏ!”หูย่วนเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ต่อให้จะลงโทษใคร ก็ควรให้ประมุขตัดสิน! ใต้เท้าซู่ยวน ประมุขอยู่ที่ใด!”หลิวอิ๋งเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ฟังคำพูดตนเอง บีบ
ในพระราชวัง แคว้นซีหนี่ว์หลิวอิ๋งพาประมุขกลับวังอย่างเปิดเผย เหล่าข้าหลวงล้วนเคารพนาง ไม่สงสัยในตัวนางเพื่อไม่ให้ประมุขเปิดปากขอความช่วยเหลือ หลิวอิ๋งให้นางทานยาสลบ ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติเทียบกับความใจเย็นของหลิวอิ๋ง เจิ้งจีรู้สึกตื่นเต้น ไม่กล้ามองผู้ใดจนกระทั่งพาประมุขส่งมาถึงตำหนักบรรทม หลังจากสั่งให้ข้าหลวงทั้งหมดออกไปแล้ว เจิ้งจีค่อยถามด้วยเสียงเบา“ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ จะไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือ?”หลิวอิ๋งมองประมุขบนเตียง ด้วยแววตาโหดเหี้ยม“นางใกล้จะตายแล้ว ตำแหน่งประมุข ไม่ช้าก็จะเป็นของข้า ขอเพียงข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับข้า!”เจิ้งจียังคงรู้สึกหวาดกลัวหวนคิดถึงเมื่อไม่นาน นักฆ่าพวกนั้นบุกเข้ามาในจวนชานเมือง สังหารองครักษ์ข้างกายประมุข แล้วก็ปลอมเป็นองครักษ์ ร่วมมือกับพวกนาง พาประมุขกลับวังตอนนี้ นักฆ่าพวกนั้นก็อยู่ในวัง กระทั่ง คอยจับตามองอยู่ข้างกายพวกเขาต่อให้ท่านแม่เป็นประมุข ก็จะสามารถสบายใจไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงหรือ?“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้ากลัว”น้ำเสียงเจิ้งจีสั่นเทาหลิวอิ๋งลูบใบหน้านาง พูดเตือนนาง
ในพระราชโองการที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงนางยินยอม ก็สามารถเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถือพระราชโองการไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาที่ผ่านมา นางคิดเพียงว่าตนเองคือคนของแคว้นหนานฉี เพื่อปกป้องแผ่นดิน ตายอยู่บนสนามรบ ก็ไม่ตำหนิเสียใจทว่าตอนนี้...ประมุขแคว้นซีหนี่ว์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี รู้ว่านางไม่มีทางรับอำนาจปกครองแคว้นซีหนี่ว์“เด็กดี พระราชโองการฉบับนี้ เป็นสิ่งรับประกันที่ป้าให้กับเจ้า ให้อนาคตเจ้ามีทางถอย”บนโลกนี้ การมีชีวิตอยู่ของสตรีนั้นยากลำบากมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ เป็นผืนแผ่นดินของสตรีในความรู้สึกส่วนตัว นางยังคงคาดหวังให้จิ่วเหยียน สามารถกลับมาสู่ตระกูลทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความหวังจิ่วเหยียนกับฮ่องเต้ฉีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แยกจากกันไม่ได้นายหญิงเฟิ่งคาดเดาได้ว่าในพระราชโองการมีอะไร สีหน้าแสดงออกถึงตกตะลึง“พี่สาว ท่านคิดอยากที่จะ...”ประมุขพูดขัดนาง“ซู่ยวน ให้เด็กตัดสินใจเองเถอะ”จากนั้นก็หันไปสั่งมั่วซิน“เราเหนื่อยแล้ว
อารมณ์ประมุขแคว้นซีหนี่ว์แปรปรวนอย่างมาก บวกกับความปรารถนาที่เฝ้ารอคอยมานานเป็นจริง...การได้หาเจอน้องสาวที่แท้จริง เหมือนเชือกที่รัดแน่น ขาดกะทันหัน ร่างกายทนรับไม่ไหวในที่สุดหมอหลวงผู้ติดตามเฝ้าอยู่ด้านข้างเตียง ให้การรักษาอย่างเร่งด่วนด้านนอกห้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่เป็นเพื่อนนายหญิงเฟิ่งนายหญิงเฟิ่งยังคงถามย้ำอยู่หลายรอบ“จิ่วเหยียน ข้าคือซู่ยวนจริง ๆ หรือ? คราวนี้ไม่ได้ตรวจสอบผิดจริง ๆ หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอดทน เล่าความจริงกับนางฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อให้นายหญิงเฟิ่งเตรียมใจตั้งแต่แรก ก็ยังคงไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้จากที่นางเป็นคนแคว้นหนานฉี กลายเป็นคนแคว้นซีหนี่ว์ กระทั่งยังกลายเป็นน้องสาวของประมุขทว่าลูกชายลูกสาวของนาง ล้วนอยู่ที่แคว้นหนานฉีต่อไปนางจะทำอย่างไร?และพี่สาวที่นางเพิ่งรู้ความจริง เวลานี้ยังคงเสี่ยงอยู่ตรงประตูนรก...นายหญิงเฟิ่งรู้สึกใจหาย จิตใจกระสับกระส่ายเฟิ่งจิ่วเหยียนจับมือของนางไว้แน่น ปลอบโยนอย่างไร้เสียงนายหญิงเฟิ่งเอียงศีรษะมองนาง แล้วค่อยผ่อนคลายเล็กน้อย“จิ่วเหยียน ประมุขจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สามารถใ
ก่อนที่ชายลึกลับจะปล่อยเจิ้งจี ได้ป้อนยาเม็ดหนึ่งใส่ปากของนางเจิ้งจีอยากคายออกมา กลับถูกเขาบีบคางไว้ ยังเม็ดนั้นจึงไหลลงคอไปหลิวอิ๋งมองเห็นกับตา ร้อนรุ่มอยู่ในใจ“เจ้าเอาอะไรให้นางกิน!”ฝ่ายชายพูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “แน่นอนว่าเป็นยาพิษ ชีวิตลูกสาวของเจ้าอยู่ในมือพวกเรา”สายตาเจิ้งจีเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนางกลัวตายนางอยากมีชีวิตอยู่“ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย!”ท่าทีหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความโกรธ“ข้าได้ตอบตกลงทำงานให้พวกเจ้าแล้ว ไยยังต้องทำร้ายลูกสาวข้า! ยาถอนพิษล่ะ! ยาถอนพิษอยู่ที่ใด?”ฝ่ายชายหัวเราะเสียงดัง“ยาถอนพิษ? จะให้เจ้าตอนนี้ได้อย่างไร? หลังจากทำงานสำเร็จแล้ว พวกเจ้าสองแม่ลูกก็จะปลอดภัยเอง ทว่าตอนนี้ พวกเจ้าว่าง่ายเชื่อฟังจะดีที่สุด!”แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้อย่างไม่กะพริบตาหลิวอิ๋งเกลียดแค้นจัดทว่า ถูกคนอื่นควบคุม ทำได้เพียงก้มหัว……แคว้นซีหนี่ว์ช่วงเวลานี้ อาการป่วยของประมุข ไม่มีร่องรอยว่าจะดีขึ้นเลยสุขภาพของนานย่ำแย่อย่างมาก แม้แต่ยาก็ไม่สามารถย่อยได้ส่วนงานราชกิจ นางมอบหมายให้กับขุนนางหลายคนที่ไว้ใจนางใช้ข้ออ้างไปรักษาตัว
เมื่อเทียบกับบุตรสาวที่มีความมั่นใจ หลิวอิ๋งกลับมีแต่ความกังวลใจนางรู้สึกอยู่ตลอดว่า เรื่องทั้งหมดแฝงกลิ่นอายความไม่ชอบมาพากลโดยเฉพาะกับราชทูตเหล่านั้นที่หายตัวไปอย่างกะทันหัน...เพล้ง!ขณะที่สาวใช้ยกน้ำชาออกมา เจิ้งจีสะบัดแขนเสื้อแรงเกินไป จึงมิทันระวังทำถ้วยชาหก จนลวกมือตนเองก่อนหน้านี้เจิ้งจีอยู่ที่พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เป็นนายที่ผู้คนมากมายต้องให้ความเคารพ หากมีสิ่งใดมิราบรื่นเพียงเล็กน้อย จะมิยอมทนเด็ดขาด ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณ นางจึงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างทันควัน“เพียะ!” สาวใช้ปรากฏรอยแดงบนใบหน้าขึ้นมาทันที พลันรีบก้มศีรษะและขออภัยเจิ้งจีตอบโต้ฉับไว: “พวกรนหาที่ตาย ยกชาไม่เป็นหรืออย่างไร? มือข้าถูกลวกจนเป็นแผลแล้ว รีบไปนำยามาเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งรู้สึกหงุดหงิดใจ จึงตำหนิบุตรสาว“พอแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ถึงอย่างไรก็เป็นจวนขององค์หญิงใหญ่เจิ้งจีรู้สึกคับแค้นใจ จึงยื่นมือไปตรงหน้ามารดา“ท่านแม่ เป็นเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ! ท่านดูมือของข้าสิ! ประเดี๋ยวก็ต้องเข้าวังไปพบฝ่าบาทแล้ว มือของข้ากลายเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาททรงมิพอพระทัยจะทำอย่างไร!”มือนับเป็นใบหน้าที่
หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ