Share

บทที่ 38

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เหล่าสนมล้วนทราบเรื่องที่ฮองเฮาถูกสั่งให้คัดกฎของวังหลวง

พวกนางยังรู้รายละเอียดลึกกว่านั้น

“ของกำนัลเหล่านั้นไม่ได้มีแค่คนในครอบครัวพวกเราที่ส่งไป พวกเราเองก็ส่งไปด้วยเช่นกัน แต่ฮองเฮากลับไม่ได้พาดพิงถึงพวกเรา เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติต่อพวกเราด้วยความจริงใจ”

“คนตำหนักหย่งเหอพูดว่า ฮองเฮาเข้าอกเข้าใจความลำบากของพวกเรา เดิมทีฮองเฮาก็ตั้งใจจะนำสิ่งของเหล่านั้นมาให้พวกเราอยู่แล้ว ไม่ได้นำไปใช้แม้แต่ชิ้นเดียว”

“ฮองเฮายังยอมรับโทษคนเดียว ยังรับผิดแทนพวกเราอีกด้วย...”

เหล่าสนมยิ่งพูดก็ยิ่งซาบซึ้ง บางคนถึงกับขอบตาแดงเรื่อ

อย่างไรเสียในวังหลวงแห่งนี้ ความจริงใจหายากยิ่งนัก

หนิงเฟยเสียดสีพวกนางอย่างเย่อหยิ่ง

“มีแค่พวกเจ้านั่นแหละที่หัวอ่อนหลอกง่าย ข้ารู้แต่ว่าไม่มีผลประโยชน์ไม่ตื่นเช้า สุดท้ายฮองเฮาก็ไม่ถูกลงโทษไม่ใช่รึ? ตอนนี้พวกเจ้าซาบซึ้งในบุญคุณของนาง เช่นนี้ก็เข้าทางนางพอดี

“ก็แค่ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์กันและกัน เติมเต็มความต้องการของอีกฝ่ายก็เท่านั้น คู่ควรให้เรียกว่าจริงใจด้วยหรือ?”

เสียนเฟยมีรอยยิ้มประดับใบหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ

“ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ฝ่าบาทไม่ได้ตามเอาผิดคนในครอบครัวพวก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (11)
goodnovel comment avatar
ธันยาภัทร์ นิธิโชติชัยภัทร
คุณนักเขียนต้องย้อนกลับมาอ่านอีกรอบนะค่ะก่อนจะลงบทต่อไปมันซ้ำบ่อยมากแต่เนื้อเรื่องดีค่ะชอบนางเอกเก่งดี
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
อีหวงกุ้ยเฟยหน้าด้านมาก
goodnovel comment avatar
Jariya Kotan
จริงค่ะ คนบอกเนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อ ไม่ยืดแบบใด เจอแล้วบอกไม่เจอ เรื่องยาแก้ปวดหัวอีก เดี๋ยวหมด เดี๋ยวไม่หมด
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 39

    หลังจากหวงกุ้ยเฟยนั่งลงแล้วก็มองประเมินเฟิ่งจิ่วเหยียนเช่นกันได้ยินว่าตระกูลเฟิ่งให้กำเนิดฮองเฮาผู้ทรงคุณธรรม แต่ไม่เคยได้ยินว่าให้กำเนิดหญิงงามเฟิ่งเวยเฉียงผู้นี้กลับมีรูปโฉมงามพิลาศสูงศักดิ์ พาลทำให้คนรอบข้างกลายเป็นหญิงงามสามัญไปเสียอย่างนั้นโฉมสะคราญปานนี้ ฝ่าบาทไม่หวั่นไหวเลยสักนิดจริง ๆ หรือ?หวงกุ้ยเฟยรู้สึกพรั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้น นางยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนหวาน“ฮองเฮาเพคะ ก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทเรียกหาหม่อมฉันทุกค่ำคืน ทำให้ร่างกายหม่อมฉันเหนื่อยอ่อน กว่าจะมาเข้าเฝ้าได้ก็ล่าช้ามาจนถึงวันนี้ นับว่าเสียมารยาทแล้ว”แล้วกล่าวเสริมมาอีกโดยไม่เปิดโอกาสให้เฟิ่งจิ่วเหยียนได้พูด“โชคดีที่ฮองเฮาโน้มน้าวให้ฝ่าบาทพระราชทานความเมตตาอย่างทั่วถึงได้สำเร็จ หม่อมฉันจึงได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง” วาจานี้เปิดเผยว่านางไม่สนใจเรื่องที่ฮ่องเต้ไปเสวยมื้อเย็นกับคนอื่นแม้แต่น้อยแววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเฉยชาอย่างยิ่ง“หวงกุ้ยเฟยลำบากแล้ว ต่อไป ข้าจะช่วยให้เจ้ามีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้อีก”หวงกุ้ยเฟยได้ยินวาจาท้าทายเช่นนี้ก็รู้สึกว่าฮองเฮาช่างคุยโวโดยไม่ละอายใจเสียจริงนางยังคงยิ้มแย้มดุจเดิม“ฮองเฮาช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 40

    หวงกุ้ยเฟยชะงักฝีเท้า จ้องมองผู้ที่อยู่บนตำแหน่งประธานนิ่งฝ่ายหลังยังคงมีสีหน้าเฉยเมย ไม่รู้เพราะเหตุใด นางพลันรู้สึกหนาววาบขึ้นมาเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยแช่มช้า“ฝ่าบาทพระราชทานความเมตตาอย่างทั่วถึง คนในครอบครัวเหล่าสนมไม่ส่งของกำนัลล้ำค่าไปให้ตำหนักหลิงเซียวอีก เห็นได้ชัดว่าเจ้าถือสาเรื่องนี้“แต่เจ้าปากไม่ตรงกับใจ“ต่อให้ถือสาและอยากกำจัดข้าสักแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำเป็นไม่แยแส“หวงกุ้ยเฟย เจ้าก็เหมือนกับสุนัขเฝ้าบ้านที่ถูกฝึกจนเชื่องตัวหนึ่ง ทั้งที่หวาดกลัวแท้ ๆ แต่ก็ยังต้องตะกุยขาเห่าคน”สีหน้าหวงกุ้ยเฟยเปลี่ยนเป็นเย็นชา เดินขึ้นหน้ามาสองก้าว“เจ้าว่าอะไรนะ!”เฟิ่งเวยเฉียงนางคนชั้นต่ำนี่ ถึงกับกล้าพูดว่านางเป็นสุนัขตัวหนึ่ง!สาวใช้ชุนเหอก็ตกใจเช่นกันคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะกล้าพูดจาเช่นนี้กับหวงกุ้ยเฟย!ในวังหลวงแห่งนี้ แม้แต่ไทเฮาก็ยังต้องเอาใจหวงกุ้ยเฟยเลยนะ!เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องนางตรง ๆ พลางยิ้มหยัน“ข้าพูดว่าเจ้าเหมือนสุนัขเฝ้าบ้าน มีแค่ฟันคม ๆ แต่กลับกัดคนไม่เป็น”“เจ้า...”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เปิดโอกาสให้นางพูด ตวัดสายตาคมกริบมาให้“หวงกุ้ยเฟยกล่าวหาว่าข้าไม่บริสุทธิ์

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 41

    ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน ข่าวลือเกี่ยวกับฮองเฮาได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในพระราชวัง ถึงขั้นที่ว่าแพร่กระจายไปถึงวังหน้าเดิมทีไทเฮาอยากจัดการอย่างเงียบ ๆ มองดูแล้วว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล จิตใจวิตกกังวล“ฮองเฮาคือภรรยาของฮ่องเต้ และยังเป็นหน้าตาของพระราชวัง! ไม่ว่าก่อนที่จะเข้าวังนางจะเป็นเยี่ยงไร เพียงแค่นางย่างก้าวเข้ามาในพระราชวังแล้ว ก็ไม่สามารถแปดเปื้อนมลทินได้อีก”กุ้ยหมัวมัวก้มศีรษะอย่างนอบน้อม“บ่าวจะไปกระชับแต่ละตำหนักว่า หากมีผู้ใดแพร่ข่าวลือนี้อีก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก”จุดที่น่ากลัวของลมปากของคนอยู่ตรงที่ ไม่มีทางที่หยุดยั้งไว้ได้อยู่เลยถึงแม้ว่าไทเฮาจะออกโรง เรื่องที่ว่าฮองเฮาสูญเสียพรหมจรรย์ก่อนงานอภิเษกสมรส ยังคงถูกพูดต่อกันไปอย่างเป็นตุเป็นตะนางสนมสองสามคนที่ชอบแส่ยุ่งเรื่องรวมหัวคุยกันเป็นส่วนตัว“ตำหนักหย่งเหอไม่มีการโต้กลับอันใดเลย กลัวแล้วหรือกระไร?”“ข่าวลือพวกนั้น หรือจะเป็นจริงหมด? หรือฮองเฮาไม่ได้บริสุทธิ์จริง... เช่นนั้นนางยังจะสามารถอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้ได้อย่างไรกัน!”“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ก่อนงานอภิเษกสมรสฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไป ถ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 42

    เมื่อได้ยินว่าผนังด้านในของฮองเฮาได้รับความเสียหาย นิ้วมือทั้งห้าใต้แขนเสื้อยาวของเซียวอวี้แปรเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่นฮองเฮาสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงจริง ๆ !ในคืนอภิเษกสมรสนั้น เขาไม่น่าใจอ่อนเลย !เขาสติกระเจิงจวนจะระเบิด ก็มีหมัวมัวนางหนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้น“บ่าวริซักถาม เวลาปกติฮองเฮามักจะเต้นรำหรือไม่ก็ขี่ม้าหรือไม่?”เหลียนซวงตอบอย่างลนลาน : “ใช่เจ้าค่ะ! ใช่เจ้าค่ะ!”หมัวมัวผู้นั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงกราบทูลกับเซียวอวี้ต่อ“ฝ่าบาท สถานการณ์เช่นนี้มีไม่มากนัก สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปของเหล่านางสนมในพระราชวัง ทุกคนล้วนเป็นหญิงสาวที่มักจะถูกเลี้ยงให้สงบเสงี่ยมอยู่ในเรือน ดังนั้นผนังด้านในจึงไม่ได้รับความเสียหาย”“ทว่าสถานการณ์ที่เหมือนกับฮองเฮาเช่นนี้ ก็เคยเจอมาบ้าง การเต้นรำและการขี่ม้า ถ้าหากรุนแรงเกินไป จะทำให้ผนังภายในของสตรีได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อย”“ดังนั้นบ่าวจึงถามออกมาเช่นนี้”เซียวอวี้ถามด้วยเสียงเยือกเย็น“บอกเรามาก็พอว่าฮองเฮาบริสุทธิ์หรือไม่”หมัวมัวทั้งสองพยักหน้าทั้งคู่“กราบทูลฝ่าบาท ถึงแม้ผนังด้านในได้รับความเสียหาย ทว่าฮองเฮายังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 43

    เซียวอวี้เสด็จมาถึงตำหนักหย่งเหอ เห็นคนคุกเข่าอยู่ในสวนจำนวนมากพวกเขาแต่ละคนก้มหน้าก้มตา หัวหดด้วยความหวาดกลัว“ฝ่าบาท” เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ข้างประตูต้อนรับเขา สวมชุดธรรมดาสีน้ำเงินทั้งตัว ใบหน้าไร้ซึ่งการแต่งแต้ม ทว่าเปล่งประกายดึงดูดสายตาผู้คนเซียวอวี้เพียงชายตามองนางเล็กน้อย สีหน้าเยือกเย็นเดินเข้าไปในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินตามไปอย่างนอบน้อม เมื่อถึงด้านใน จึงกราบทูลเขาอย่างตรงไปตรงมา“หม่อมฉันไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง หาคนที่ปล่อยข่าวลือได้แล้วเพคะ!”เซียวอวี้มองไปด้านนอกตำหนัก“คนเหล่านั้น ล้วนเป็นคนริเริ่มงั้นหรือ”“คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่หม่อมฉัน ‘เชิญ’ มาไต่ถาม ผ่านการซักถามในแต่ละขั้นตอน ท้ายที่สุดยืนยันได้ว่าข่าวลือนั้น สาวใช้ตำหนักหลิงเซียวเป็นคนป่าวประกาศเพคะ”เมื่อได้ยินว่าตำหนักหลิงเซียว เซียวอวี้สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลง“ฮองเฮา จัดการเรื่องราวถูกผิดต้องดูตามข้อเท็จจริง ในช่วงเวลาสั้น ๆ สามวัน เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าคำให้การของคนเหล่านี้ไม่มีข้อผิดพลาด”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แก้ตัว แต่กลับขออนุญาตเพิ่มเติมอีก“หากฝ่าบาทสามารถปฏิบัติกับตำหนักหลิงเซียวอย่างเท่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 44

    เซียวอวี้หัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น“ได้ เพื่อส่วนรวมและส่วนตน”“ในเมื่อฮองเฮาพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมมั่นใจแล้วว่าเราจะอนุญาตให้เจ้าไปสืบสอบเพื่อความสงบสุขของสังคม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับอย่างนอบน้อม : “หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทเป็นจักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถ ห่วงใยราษฎรทั่วหล้า จะมิเพิกเฉยกับภยันตรายใด ๆ ที่จะคืบคลานเข้ามาทำลายแคว้นหนานฉีเป็นแน่”น้ำเสียงเซียวอวี้เย็นชา“ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลอหรอก”“หากเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เหตุใดเราต้องส่งไม้ต่อให้เจ้าไปสืบสอบ? หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเราไม่มีใครที่มีน้ำยาหรือกระไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปฎิเสธ“ใช่เพคะ ความสามารถของหม่อมฉันมีขีดจำกัด ทว่าหม่อมฉันเป็นผู้ได้รับความเสียหายในเรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดร้อนใจที่อยากจะสืบสอบความจริงไปมากกว่าหม่อมฉัน และไม่มีผู้ใดระมัดระวังตัวกว่าหม่อมฉันแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เรื่องลุกลามใหญ่โต ทำให้ทุกคนรู้ว่าราชสำนักกำลังไล่ล่าโจรภูเขา“ฝ่าบาทจะให้คนอื่นไปสืบสอบก็ย่อมได้ ทว่าทางที่ดีก็หวังคนเหล่านั้นแต่ละคนจะปิดปากเงียบสนิท”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากต้องการคนรู้เรื่องนี้มากนักจริง ๆ “

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 45

    “ยืนงงอะไรอยู่เล่า? พระนางล่ะ!”ซุนหมัวมัวเห็นเหลียนซวงยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม จึงผลักนางเบา ๆ เหลียนซวงได้สติกลับมา เหงื่อเย็นท่วมศีรษะทันที“ข้า...ข้าจะไปหาพระนางเดี๋ยวนี้”แย่แล้วนางจะไปหาพระนางจากที่ไหนกันเล่า!ซุนหมัวมัวรุดหน้าไปต้อนรับการเสด็จมาเยือนของฮ่องเต้ก่อนจักรพรรดินั่งอยู่ม้านั่งไม้สีทองขลับด้วยสีแดงด้านนอกตำหนัก เสื้อผ้าสีดำแก่ไม่มีแม้แต่รอยยับ เหมือนกับนิสัยของเขาไม่มีผิด  มีความรับผิดชอบและละเอียดรอบคอบ  เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง“ฮองเฮาล่ะ”ซุนหมัวมัวประเคนชาให้ : “กราบทูลฝ่าบาท พระนางคงจะกำลังเสด็จมา คงจะสรงน้ำอยู่เพคะ”เซียวอวี้เลิกคิ้วขึ้นก่อนหน้านี้ที่เขาออกจากตำหนักหลิงเซียวมา เดิมวางแผนจะกลับไปที่ตำหนักจื้อเฉินทันทีระหว่างทางผ่านตำหนักหย่งเหอ จึงเปลี่ยนใจชั่วคราว มาถามความคืบหน้าในการสืบสวนของฮองเฮาเสียหน่อยนางกลับมาสรงน้ำในยามนี้เสียอย่างนั้นผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ยังไม่เห็นฮองเฮาออกมาเซียวอวี้จวนจะหมดความอดทนซุนหมัวมัวเองก็สังเกตได้ถึงความผิดปกตินางรีบร้อนเข้าไปในตำหนัก กลับเห็นเหลียนซวงยืนแข็งทื่อราวกับตอไม้อยู่ในด้านในฉากกั้นเมื่อเห็นเช่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 46

    เซียวอวี้เดินตรงมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน แววตาดูพินิจพิเคราะห์เฟิ่งจิ่วเหยียนวางตัวสงบนิ่ง มือข้างหนึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้าง “หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องปลดทุกข์รึ” เซียวอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ“เพคะ ฝ่าบาท”เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “มีกลิ่นคาวเลือด”จังหวะการหายใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนแปรปรวนเล็กน้อยเพราะเปื้อนเลือดจำนวนมากของโจรภูเขา อีกทั้งยังไม่ได้ชำระกาย ดังนั้นย่อมต้องได้กลิ่นคาวเลือดในยามนี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มองดูเหมือนบอบบางจนไม่อาจต้านทานแรงลม ไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ”เซียวอวี้พลันหรี่ตาลงและเพ่งมองนางนี่เป็นครั้งที่สองที่นักฆ่าปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งเหอจะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนละสายตาลง ท่าทีนอบน้อม แต่ทันใดนั้น ฝ่ายบุรุษกลับคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางขึ้นมาดูเหมือนจะทำให้นางตกใจ ดวงตาพลันเบิกกว้าง“ฝ่าบาท...”นิ้วมือของเขากดที่ข้อมือของนางนี่กำลังทดสอบพลังภายในของนาง!ร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อนโชคดีมือที่คว้าไปเป็นข้างซ้าย ไม่

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1122

    จากรายชื่อที่บันทึกในวงศ์ตระกูลมู่หรง คนที่ไม่ถูกบันทึกรายชื่อ แต่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ในรุ่นก่อนหน้าล้วนลาลับไปหมดแล้วคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คือลูกคนที่เจ็ดของท่านผู้เฒ่า——มู่หรงสวี้ยึดตามลำดับญาติ  มู่หรงสวี้ผู้นี้คือน้าเจ็ดของมู่หรงหลันคนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างลับ ๆ ยามปกติไม่ค่อยมารวมตัวกับตระกูลมู่หรงเท่าไรแม้แต่พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษในแต่ละปี  เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้งคนในตระกูลมู่หรงแทบจะลืมเลือนการมีอยู่ของคนผู้นี้ไปช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของบุตรคนโตได้รับการดูแลจากคนผู้นี้ และมักจะได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากคนผู้นี้เมื่อพูดถึงนายท่านคนที่เจ็ดของตระกูลมู่หรง หลาย ๆ คนในครอบครัวต่างนิ่งงัน“มีคนนี้อยู่ด้วยหรือ?” “อ้อ ข้านึกออกแล้ว เหมือนจะมีน้าเจ็ดอยู่คนหนึ่ง…”“น่าจะเป็นน้าเจ็ดที่ทำค้าขายอยู่ข้างนอกกระมัง?”“คงเป็นน้าเจ็ดที่บาดเจ็บเพราะถูกไฟไหม้หรือไม่?”ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับนายท่านเจ็ดไม่ค่อยมีมากเท่าไรอันซื่อผู้เป็นสะใภ้ครอบครัวของบุตรคนโตพูดอย่างตรงไปตรงมา“หลังจากสามีของข้าตาย น้องเจ็ดเคยช่วยเหลือพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1121

    ไทฮองไทเฮาไม่ทันสังเกต ว่าทหารบุกเข้ามาในหอบรรพบุรุษตระกูลมู่หรงคนในตระกูลมู่หรงที่ยืนอยู่ในเรือนต่างถูกคุมตัวไว้หมด ไม่ปล่อยให้พวกเขาเคลื่อนไหวใด ๆทุกคนต่างหวาดหวั่น มองหน้ากันไปมา“อะไรกัน? ทหารมาที่หอบรรพบุรุษทำไม?”หมอเทวดาเหยียนและหมอหลวงที่รับผิดชอบคดีมนุษย์โอสถ ถูกพาตัวมาข้างหลังเรือน เพื่อสังเกตุหญ้าพิษในสถานที่จริงผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าหญ้าพิษในที่แห่งนี้ กอปรกับหญ้าบัวแดง สามารถนำมาผสมเป็นพิษมนุษย์โอสถได้จริง ๆคราวนี้ จับได้ทั้งคนและของกลางคนตระกูลมู่หรงถูกจับกุม โดยเฉพาะเหล่าบุรุษที่มีสิทธิ์มากราบไหว้บรรพบุรุษไทฮองไทเฮาเห็นเช่นนี้ พลันเข้าใจในทันทีที่แท้ ฝ่าบาทให้นางมาที่หอบรรพบุรุษ ก็เพื่อหาหลักฐานความผิดเขาช่างไม่คิดถึงความรู้สึกของเสด็จย่าอย่างนางเลย!ไทฮองไทเฮาจ้องเหล่าทหารอย่างโมโห“หยุดนะ! พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!“ไม่อย่างนั้นพวกเจ้ามาจับข้าไปด้วยให้รู้แล้วรู้รอดสิ!”สิ้นเสียงคำพูดของนาง ทหารทางการก็เข้ามา “ไทฮองไทเฮา ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มาเชิญตัวท่านไปที่ศาลต้าหลี่ เพื่อให้ความร่วมมือในการสอบสวนคดีมนุษย์โอสถ!”ไทฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1120

    คืนนี้ เซียวอวี้นอนหลับสนิทกว่าคืนไหน ๆเมื่อลืมตาตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็มองคนในอ้อมกอด พลันรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นหลายเท่า“เราจะไปว่าการเช้าแล้ว” เขากระซิบข้างหูนางเสียงเบา“อืม” เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อเซียวอวี้เดินออกมานอกห้อง ก็เห็นอู๋ไป๋เข้ามาในเรือนพอดี“ถวายบังคมฝ่าบาท!” อู๋ไป๋ดูเร่งรีบเซียวอวี้หยุดยืนนิ่ง ๆ แล้วถามเขา“ไปไหนมา”เมื่อคืนเขาไม่เห็นอู๋ไป๋ในฐานะเป็นองครักษ์ข้างกายของฮองเฮา ก็ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของฮองเฮาเป็นอันดับหนึ่ง แล้วเหตุใดถึงได้นึกอยากจะไปไหนก็ไปเช่นนี้?อู๋ไป๋บอกตามความจริง“พระนางให้กระหม่อมไปสืบเรื่องตระกูลมู่หรง ตอนนี้เริ่มจับทางได้แล้ว ฝ่าบาท ตระกูลมู่หรงน่าสงสัยมากพ่ะย่ะค่ะ!”ตั้งแต่ที่จับบุคคลน่าสงสัยในตระกูลมู่หรงได้ เขาก็ทำตามที่ฮองเฮาสั่ง ไม่ได้เร่งสอบสวนในทันที แต่นำไปขังไว้ก่อนสักระยะตระกูลมู่หรงเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างที่คาดการณ์ไว้ เริ่มส่งคนออกตามหาแล้วและเขาก็หามู่หรงฉานที่อาศัยอยู่ในชนบทเจอคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เบาะแสสำคัญเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง“ฝ่าบาท มู่หรงฉานผู้นั้นกล่าวว่า นางไม่ได้ป่วย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1119

    “ฝ่าบาท หากท่านเหนื่อย พักก่อนก็ได้นะ” เสียงอ่อนหวานของหญิงสาว ทำให้ห้องทรงพระอักษรอบอุ่นขึ้นมาเซียวอวี้ล้ามากเกินไป แต่ก็ยังพยายามฝืนเปิดเปลือกตาเมื่อเพ่งมอง คนตรงหน้าอยู่ในเครื่องแบบนางกำนัล ทว่าหน้าตาคล้ายจิ่วเหยียนเป็นฮ่องเต้ จึงเคยพบเจอเสน่ห์ยั่วยวนมาหลายรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการแย่งชิงความโปรดปรานในวังหลังเขารู้ในทันทีว่ามันคือแผนการอะไร ชั่ววินาทีนั้นความง่วงงุนพลันมลายหายไป เขาตะโกนด้วยเสียงดุดัน“หลิวซื่อเหลียง ไสหัวเจ้าเข้ามา!”กลับเห็นขันทีน้อยที่หลับอยู่ข้างเสาสะดุ้งตื่น คลานมาข้างโต๊ะทรงงาน พร้อมโขกหัวติดต่อกัน“ทูลฝ่าบาท ท่านพ่อบุญธรรมป่วย คืนนี้เป็นบ่าวมารับใช้ฝ่าบาทแทน บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต!”เขาหลับไปได้อย่างไร?ทำเช่นนี้เท่ากับหาเรื่องให้หัวขาดชัด ๆ!ต่อมา นางกำนัลผู้นั้นก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาททรงอย่าพิโรธ…”แววตาของเซียวอวี้เยือกเย็น ไม่แม้แต่จะชายตามองนางกำนัลคนนั้น“ลากตัวออกไป สอบสวนมาให้ชัดเจน ว่ามาจากไหน”นางกำนัลมีท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่อง ร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมา“ฝ่าบาท…”“ลากตัวออกไปเดี๋ยวนี้!” เซียวอวี้อารมณ์เสีย เริ่มทนรำคาญ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1118

    อู๋ไป๋ทำอะไรว่องไวอย่างมาก เขาเฝ้าอยู่หลายวัน ในที่สุดก็จับตัวบุคคลน่าสงสัยที่ปรากฏตัวในตระกูลมู่หรงคนนั้นได้“ฮองเฮา ต้องจัดการอย่างไร? สอบสวนตอนนี้เลยหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ตัดสินใจ“ดูเขาไว้ให้ดี ๆ เก็บเขาไว้ก่อน”“รับทราบ!”หลังจากที่อู๋ไป๋ออกไป ผ่านไปไม่นาน เฉินจี๋ก็เข้ามาเฉินจี๋นำผลไม้สด ๆ รวมถึงดอกไม้ที่เด็ดมาจากอุทยาน มาจัดวางไว้นอกห้องดอกไม้เหล่านี้ หากฮองเฮาเปิดหน้าต่างออกก็จะสามารถเห็นได้ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของฝ่าบาท “ฮองเฮา ฝ่าบาททรงยุ่งกับราชกิจ คืนนี้คงไม่เสด็จมา ท่านพักผ่อนก่อนได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า จากนั้นนางก็ถามเฉินจี๋“คดีของตระกูลเซวีย สืบถึงไหนแล้ว?”เฉินจี๋ไม่กล้าพูด “ปัจจุบันรุ่ยอ๋องกำลังสืบอยู่พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“แต่ว่าวันนี้จับได้หลายคน ล้วนป่วยเป็นโรคกระดูกอ่อนรุนแรง ฝ่าบาทกำลังให้คนสอบสวนอยู่”โรคกระดูกอ่อนนั้น เป็นโรคที่เกิดจากการอยู่แต่ในความมืดเป็นเวลานาน ไม่ได้รับแสงแดด หากโชคดี ในบรรดาคนกลุ่มนี้ อาจจะมีสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถเท่านี้ก็นับว่ามีความคืบหน้าแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1117

    นายท่านเซวียเดินออกไปจากตระกูลเซวีย หันหน้าเดินไปทางพระราชวังจิตใจของเขาเลื่อนลอย ไม่ได้สังเกตว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ด้านหลัง รถม้าคันหนึ่งสูญเสียการควบคุม“รีบหลบเร็ว!”ตุบ!เมื่อนายท่านเซวียหันไป สิ่งที่สะท้อนในม่านตา คือภาพม้าตัวหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างไว…ชั่ววินาทีนั้น สองข้างทางพลันมีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมา“ให้ตาย! ชนคนแล้ว!”“รีบแจ้งทางการเร็วเข้า!”นายท่านเซวียลอยออกไปไกลหลายจั้ง แล้วหล่นลงบนพื้นไม่รอถึงเขาลุกขึ้นมา เกลือกม้าและล้อเกวียนก็ตามมาเหยียบย่ำบนตัวเขาอย่างหนักหน่วงภาพนี้สร้างความตื่นตกใจให้แก่ชาวบ้านที่อยู่รอบด้าน……จื้อจ้ายจวี“ฝ่าบาท! ตระกูลเซวียเกิดเรื่องแล้ว! ใต้เท้าเซวียประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตบนถนนในเมือง!”พ่อลูกตระกูลเซวียเสียชีวิตติดต่อกันเช่นนี้ ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายท่านเซวียเซียวอวี้รีบส่งคนไปสืบคดีนี้ทันทีไม่นาน ก็ตามหาตัวเจ้าของรถม้าที่สูญเสียการควบคุมได้คนผู้นั้นอ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร รถม้าจอดอยู่ข้างทางดี ๆ จู่ ๆ ก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาชั่วขณะนั้นตระกูลเซวียก็ตื่นกลัวฮูหยินเฒ่าเซวียวิ่งมาที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1116

    เรื่องที่เสียนเฟยวางยาพิษมู่หรงหลัน เซียวอวี้บอกเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วหลังจากเขาไตร่ตรองอย่างดีแล้วก็ตัดสินใจ“จะเก็บเสียนเฟยไว้ไม่ได้“แม้นางจะมีความลำบากใจ ทว่าในใจของนางมีความโกรธแค้น เรากลัวว่าถ้าปล่อยนางอยู่ในวังต่อไป นางอาจจะทำร้ายเจ้ากับลูกได้”เมื่อใดที่ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้าย มันก็จะเติบโตไม่หยุดเขาไม่อาจนำความปลอดภัยของภรรยาและลูกไปเดิมพันกับคุณธรรมของเสียนเฟยได้เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังจบ ก็รู้สึกว่าที่เขาพูดมามีเหตุผลจากนั้นนางก็พูดต่อ“ยังต้องสืบสวนเรื่องครอบครัวของเสียนเฟย เรื่องหญ้าบัวแดง ทำให้ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ยังมีส่วนที่ถูกปกปิดอยู่”เซียวอวี้พยักหน้า“เจ้าพูดถูก”จากนั้นเขาก็กอดนาง “จิ่วเหยียน ให้เรากอดเจ้าซักพัก เราก็อยากอู้เสียหน่อย”ตั้งแต่กลับถึงเมืองหลวง เขาแทบไม่ได้หยุดพักเลยนอกจากเรื่องคดีมนุษย์โอสถแล้ว ยังมีเรื่องทางชายแดน หลังจากเรียกค่าชดเชยจากแคว้นต่าง ๆ ก็กลายเป็นกำแพงป้องกันพื้นที่ของแคว้นหนานฉี เรื่องน่ารำคาญมากมายโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายแต่ละแคว้นต่างขับไล่ผู้อพยพและโจรไปที่เมืองเหล่านั้น เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของราษฎรเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1115

    แววตาของเสียนเฟยปกคลุมไปด้วยความหมดอาลัยตายอยาก“ฝ่าบาท ขอเพียงท่านเต็มใจที่จะทำความเข้าใจหม่อมฉัน ท่านก็จะรู้ว่าหม่อมฉันแตกฉานในเรื่องยา“พิษที่วางยาหรงเฟย เป็นหม่อมฉันปรุงขึ้นมาเอง“น่าเสียดายที่หมอไม่อาจรักษาตนเองได้ หม่อมฉันพยายามอย่างสุดความสามารถก็ยังทำได้เพียงควบคุมอาการจากพิษเอาไว้ ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้”สิ่งที่ควรพูด เสียนเฟยได้พูดออกมาหมดแล้วเซียวอวี้ส่งสัญญาณให้เฉินจี๋ปล่อยนางหลังจากถูกปล่อยแขน เสียนเฟยเขยับมาด้านหน้าก้มหมอบลงไปที่พื้นนางโขกศีรษะพลางอ้อนวอน“ขอฝ่าบาทได้โปรดปล่อยครอบครัวของหม่อมฉันไปด้วยเพคะ!”เฉินจี๋ยืนดูเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ ในใจพลันเกิดความรู้สึกเห็นใจแน่นอนว่าเสียนเฟยมีความผิด ทว่าก็เป็นมู่หรงหลันที่ทำร้ายนางก่อนแววตาที่เย็นชาของเซียวอวี้ ยังคงดูไร้เยื่อใยเช่นเดิม“เสียนเฟยหลอกลวงเบื้องสูง ปิดบังเบื้องล่าง คุมตัวเข้าคุกเทียนเหลา รอการลงโทษ”เสียนเฟยไม่แปลกใจกับผลลัพธ์เช่นนี้นางเองก็ยินดีที่ไม่ได้สร้างปัญหาไปถึงครอบครัวหลังจากถูกองครักษ์พาตัวออกไปจากตำหนักเสียนซิ่ง เสียนเฟยก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วพูดกับตนเองเสียงเบา“ที่แท้ ท้องฟ้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1114

    ดวงตาของเสียนเฟยว่างเปล่า นางพูดเสียงเบา“หรงเฟยกับฝ่าบาททรงเป็นสหายกันตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นที่หรงเฟยได้รับความโปรดปราน ท่านพ่อเห็นว่าข้ามีส่วนคล้ายกับหรงเฟยอยู่หลายส่วน จึงรีบส่งข้าเข้าวัง“คนในวังล้วนพูดกันว่าหรงเฟยอ่อนโยนเมตตา ตอนที่หม่อมฉันเพิ่งจะเข้าวังมาก็คิดเช่นเดียวกัน“ทว่าไม่นานหม่อมฉันก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง“ภายนอก นางแสร้งว่าเป็นพี่น้องที่ดีกับหม่อมฉัน นางส่งเครื่องประดับมาให้หม่อมฉันเป็นประจำ ถึงขนาดพาหม่อมฉันไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยกัน...”เซียวอวี้จำเรื่องนี้ไม่ได้เลยตอนนั้นที่เขายกมู่หรงหลันเป็นหรงเฟย ไม่ได้มีความรู้สึกฉันท์คนรักเลยเขาเพียงถือว่านางเป็นสหายที่ดีตอนที่เพิ่งขึ้นครองราชย์มีราชกิจมากมาย เขามีเวลาไปพบสนมในวังหลังเสียที่ไหนกันทว่ามู่หรงหลันกลับเข้าออกห้องทรงพระอักษรเป็นประจำ...ทว่าในภาพความทรงจำ เขาจำไม่ได้เลยว่าเสียนเฟยก็อยู่ด้วยเสียนเฟยเห็นท่าทางของเขา ก็รู้ว่าเขาจำไม่ได้“ฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรมาท่านไม่เคยมองหม่อมฉันอย่างจริงจังมาก่อน“ทว่าหรงเฟยไม่ได้คิดเช่นนั้น ตอนงานคัดเลือก ท่านทรงชมว่าหม่อมฉันมีพรสวรรค์ด้านบทกวี ทำให้หรงเฟยรู้สึกพะว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status